|
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 20
แนะนำ สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
ตอนที่ 20.
เสียงซุบซิบเหมือนมีคนคุยกัน แต่ก็เบาจนจับใจความไม่ได้ทำให้ภัทรขมวดคิ้ว ทว่าหนึ่งในเสียงนั้นกลับมีเสียงเล็กๆ ที่คุ้นหูอยู่ด้วย พอเขาขยับพลิกตัวเพื่อจะจับความว่านั่นเป็นเสียงของใคร เสียงเล็กๆ นั้นก็พลันดังขึ้นใกล้หู
"อ๋า...น้าภัทรตื่นแล้วล่ะค่ะ!"
มายูมิส่งเสียงอย่างดีใจ เมื่อภัทรลืมตาขึ้นก็พบกับรอยยิ้มสดใสของหลานสาวที่กำลังยืนเกาะขอบเตียงและจ้องเขาอยู่ ชายหนุ่มตกใจจนเผลอดีดตัวขึ้นนั่ง ทำให้พบว่านอกจากคุณเชษฐ์ที่กำลังเอนหลังพิงหมอนอยู่ข้างๆ ภายในห้องยังมีคนอีกสี่คนนั่งอยู่ตรงชุดโซฟารับแขกด้วย
หนึ่งในสี่คนนั้นคือแพน พี่สาวของภัทรเอง อีกหนึ่งคือคุณปรีชาซึ่งเป็นท่านประธานบริษัท ส่วนคู่ชายหญิงวัยกลางคนที่นั่งถัดไป เขาเคยเห็นแค่ในรูปถ่าย แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอกันครั้งแรกในที่แบบนี้
พ่อกับแม่ของคุณเชษฐ์...
อ๊ะ ขอโทษครับ
ความงัวเงียหายวับเป็นปลิดทิ้ง ภัทรรีบตลบผ้าห่มออกและตวัดขาเพื่อลงจากเตียง ดูเหมือนเมื่อครู่เขาจะหลับสนิทจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีแขกเข้ามาในห้อง เมื่อคิดว่าทั้งสี่ได้มาเห็นเขานอนกินที่คนเจ็บนานแค่ไหนแล้ว ภัทรก็นึกอยากให้บนพื้นห้องมีหลุมเพื่อจะได้มุดหนีไปตรงนั้น
จะรีบลุกไปไหนล่ะ เพิ่งนอนพักได้ไม่นานเองนะ
แขนแข็งแรงข้างหนึ่งเอื้อมมารั้งเอวไว้ ความผอมบางที่ได้สัมผัสทำให้เชษฐ์ขมวดคิ้ว แต่ภัทรไม่สนใจและรีบดึงมือใหญ่ออกจากตัว
แค่นั้นก็พอแล้วครับ เอ่อ...สวัสดีครับทุกคน ผมขออนุญาตแป๊บนึงนะครับ
ภัทรหันไปไหว้ผู้อาวุโสแล้วก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่านอกจากขอบตาที่ค่อนข้างบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตอนนี้ผิวหน้าก็คงจะแดงด้วยเนื่องจากโดนเห็นตอนอยู่ใกล้ชิดคุณเชษฐ์เสียขนาดนั้น
โชคดีว่าประตูห้องน้ำอยู่หลบเข้าไปหลังฉากกั้นตรงมุมห้อง เมื่อพ้นจากสายตาทุกคนแล้วภัทรจึงค่อยหายใจโล่งขึ้น เสียงฝีเท้าเล็กๆ ที่เดินตามมาและใช้มือดึงชายเสื้อเรียกให้คุณน้ายังหนุ่มก้มลงไปมอง
มิมิ หนูมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?
ชายหนุ่มย่อตัวลงกระซิบถามหลานสาวตัวน้อย มายูมิจึงดึงข้อมือข้างที่คาดนาฬิกาของน้าชายไปเอียงคอมอง จากนั้นก็ใช้นิ้วเล็กๆ จิ้มบนหน้าปัด
ตอนมิมิกับแม่มาถึง เข็มสั้นอยู่เลขสอง ตอนพวกคุณลุงคุณป้ามาถึง เข็มสั้นอยู่เลขสามค่ะ
เวลาตอนนี้สามโมงครึ่ง เท่ากับว่านอกจากพี่แพนแล้ว อีกสามคนที่เหลือได้มาเห็นเขานอนเบียดข้างคุณเชษฐ์อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง นี่ถ้าหากด้านหลังห้องน้ำมีประตูอีกบาน ภัทรคงใช้ประตูนั้นหนีอายออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ว่า...ไม่ได้สิ...อายก็ส่วนอาย แต่สิ่งที่สมควรต้องทำในตอนนี้คือไปขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเชษฐ์ที่ทำให้ต้องบาดเจ็บเพราะเขาต่างหาก
น้าภัทร?
แม่หนูน้อยเรียกเมื่อจู่ๆ น้าชายก็ทำหน้าขรึมขึ้น ภัทรยิ้มแล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ จากนั้นจึงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เมื่อออกมาอีกครั้ง มายูมิก็ดึงชายเสื้อเขาขณะเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง
มิมิ หนูมานั่งนี่ดีกว่าลูก
แพนเรียกเมื่อเห็นลูกสาวเอาแต่เดินตามน้าชายต้อยๆ แม่หนูจึงยอมเดินไปนั่งข้างแม่แต่โดยดี ท่าทางที่ไม่ตื่นคนแปลกหน้าแสดงว่าคงได้ทำความคุ้นเคยกับผู้ใหญ่ทั้งสามพอสมควรแล้ว
ภัทร นี่คุณชาญ แล้วก็คุณมาศ พ่อกับแม่ของเชษฐ์เขา
คุณปรีชาที่นั่งอยู่ข้างผู้สูงวัยอีกสองคนหันมาแนะนำ ภัทรจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งคู่ยกมือขึ้นรับไหว้พร้อมกับมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่ได้มีแววรังเกียจเดียดฉันท์...แต่ก็ทำให้ภัทรประหม่าไม่น้อย บางทีคุณเชษฐ์คงแนะนำเขาคร่าวๆ ไปแล้วระหว่างที่ยังมัวแต่หลับกระมัง
ถ้าเป็นไปได้...ก็ไม่อยากต้องทำความรู้จักกับท่านทั้งสองในสถานการณ์เช่นนี้เลย
สวัสดีครับ เอ่อ...เรื่องของคุณเชษฐ์ ...ผมต้องขอโทษ
อุ๊ย! ลุกขึ้นมาเถอะลูก อย่าทำอย่างนั้น
คุณเพียงมาศรีบรั้งไหล่ภัทรเมื่อเขาก้มลงไปกราบแทบเท้า แม้แต่เชษฐ์ที่อยู่บนเตียงก็ยังทำสีหน้าตกใจ ทว่าภัทรไม่ยอมลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่หญิงสูงวัยพยายามจะดึงให้เขาขึ้นไปนั่งข้างๆ
ผม...เป็นเพราะผมคุณเชษฐ์ถึงบาดเจ็บ ช่วงที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมเอง ผมขอโทษครับ
เมื่อเอ่ยถึงช่วงเวลาก่อนที่คนเจ็บจะฟื้น ภัทรก็หวนระลึกได้ว่าเขาทรมานใจมากแค่ไหนในช่วงไม่กี่วันนั้น ถ้าหากว่าผู้สูงวัยทั้งสองได้มาเยี่ยมตั้งแต่ก่อนที่คุณเชษฐ์จะรู้สึกตัว เขาอาจจะรู้สึกผิดบาปมากยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
ชายหนุ่มนั่งบนพื้นและก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิด จึงไม่ได้เห็นว่าผู้สูงวัยทั้งสามรวมทั้งพี่สาวของเขามองหน้ากันด้วยแววตาแบบไหน ฝ่ายคนเจ็บที่อยู่บนเตียงจึงร้อนใจจนพยายามดันตัวขึ้นเพื่อลงจากเตียงเสียเอง
รู้ตัวว่ายังไม่หายดีก็อยู่เฉยๆ แม่เขาเกือบจะเป็นลมไปรอบนึงแล้วตอนที่รู้ข่าว พ่อไม่อยากต้องอุ้มแม่แกไปนอนบนเตียงอีกคน
คำสั่งห้ามจากผู้เป็นบิดาทำให้เชษฐ์ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็จำต้องทำตามเมื่อมารดาส่งยิ้มอย่างเข้าใจมาให้ คุณเพียงมาศก้มลงมองภัทรอีกครั้งก่อนจะยกมือลูบผมเบาๆ
ยอมรับว่าตอนพ่อกับแม่ได้ยินเรื่องนี้จากคุณปรีชาก็ตกใจ แต่พวกเราคุยกันแล้วว่าคนผิดไม่ใช่ภัทรหรอกจ้ะ อีกอย่างตอนนี้เชษฐ์เขาก็ฟื้นแล้ว ภัทรก็อย่าโทษตัวเองอีกเลยลูก
ลูก...ช่างเป็นคำที่ฟังแล้วอบอุ่นเหลือเกินจากคนที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ทว่ายิ่งได้รับความอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ภัทรก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองต้องเป็นกังวลกันเรื่องของคุณเชษฐ์ถึงเพียงนั้น
เมื่อเห็นว่าภัทรยังนั่งนิ่งโดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้น ทว่าขอบตากับปลายจมูกแดงเรื่อ คุณปรีชาก็มองหน้าผู้มีศักดิ์เป็นอาซึ่งอายุมากกว่าตัวเองเพียงไม่กี่ปีเขม็ง คุณชาญมองตอบก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ทำให้ทั้งภัทรและแพนตกใจด้วยการย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าภัทรและจับไหล่เขาเอาไว้
"ฟังนะภัทร พ่อกับแม่ไม่ได้คิดโทษภัทร ถึงจะไม่พอใจที่ตาเชษฐ์ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่พ่อกับแม่แยกแยะได้ว่าคนที่ทำผิดจริงๆ คือใคร เราน่ะเลิกคิดมากเถอะนะ"
เมื่อเอ่ยจบผู้สูงวัยก็รั้งไหล่เขาให้ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาข้างๆ ภรรยา จากนั้นตนก็นั่งลงประกบอีกด้าน มือที่เริ่มเหี่ยวย่นเล็กน้อยตามวัยยกขึ้นลูบผมของเขาอย่างอ่อนโยน ซึ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลอีกครั้ง
"ขอบคุณมากครับ"
ภัทรยกมือขึ้นไหว้บนไหล่ของผู้สูงวัยที่นั่งอยู่ทางซ้ายและขวาของตนเอง จากนั้นก็เหลือบตามองไปทางคนเจ็บที่กำลังมองเขาอยู่และยิ้มน้อยๆ ให้ เมื่อได้พบกับบุพการีของอีกฝ่าย เขาก็ไม่สงสัยอีกแล้วว่าทำไมคุณเชษฐ์ถึงเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง และพร้อมจะมอบความรักให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ถึงขนาดนี้
เป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้รับความรักอันเปี่ยมล้นและกำลังใจอันมากมายจากคู่ชายหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาในเวลานี้นี่เอง...
คุณปรีชาระบายลมหายใจยาวเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าอึดอัดเริ่มผ่อนคลายลง ท่านประธานเหลือบมองคนเจ็บบนเตียงก่อนจะหันกลับมาสบตากับคุณชาญที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ ภัทรอีกครั้ง
"เอาล่ะ ไหนๆ ก็มีโอกาสได้คุยกันพร้อมหน้าทุกคนแล้ว ตกลงพี่ชาญตั้งใจว่ายังไงกับคนที่ทำให้เชษฐ์เข้าโรงพยาบาลครับ?"
สีหน้าของคนถูกถามขรึมลงทันที ทว่าประกายในแววตาดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว ตาเชษฐ์เจ็บตัวถึงขนาดนี้ ยังไงไอ้คนที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ"
"ผมเห็นด้วยกับพี่ชาญ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่รอพี่กับคุณมาศมาถึงเมืองไทยก่อนจะได้มั่นใจว่าเห็นตรงกัน ภัทร...รบกวนช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นอีกทีได้ไหม? เพราะฉันก็ได้ฟังมาจากนินนาทอีกทอดหนึ่ง ยังไงก็คงไม่ละเอียดเท่ากับถามเธอที่อยู่ในเหตุการณ์เอง"
ภัทรหน้าตื่นเมื่อคุณปรีชาหันมาถาม เขาชำเลืองมองคุณเชษฐ์ก็พบว่ากำลังทำสีหน้าที่อ่านไม่ออก แต่เมื่อเหลือบไปมองแพนก็เห็นพี่สาวพยักหน้าให้ คุณเพียงมาศเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเขาจึงดึงมือไปบีบเบาๆ
"เล่าให้พวกแม่ฟังหน่อยเถอะนะภัทร เราจะได้ไปปรึกษาทนายต่อได้ถูกต้องนะจ๊ะ"
น้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนของหญิงสูงวัยมีน้ำหนักจนใครก็ไม่อาจปฏิเสธ ดังนั้นต่อให้ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้นมากเพียงใด ภัทรก็จำต้องรวบรวมสติและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังไปตามตรง
++------++
เมื่อพระจันทร์ทอแสงนวลบนกึ่งกลางม่านฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ความสงบเงียบก็กลับมาเยือนห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง หลังจากทุกคนกลับไปได้พักใหญ่เพราะหมดเวลาเข้าเยี่ยม ในห้องพักวีไอพีเวลานี้จึงเหลือเพียงคนเจ็บที่กำลังเอนหลังดูข่าวโทรทัศน์อยู่บนเตียง กับคนเฝ้าที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำเท่านั้น
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงวอร์มขายาว ภัทรก็ใช้ผ้าขนหนูซับผมที่เพิ่งสระและยังหมาดอยู่หน้ากระจก หลังจากวันอันแสนยาวนานจบลง ตอนนี้เขาก็ไม่นึกอยากทำอะไรนอกจากพักผ่อนเช่นกัน
"ภัทร..."
"อ๊ะ ครับ"
ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้องน้ำไปตามเสียงเรียก ถึงแม้เชษฐ์จะรู้สึกตัวแล้วและไม่ปรากฏอาการข้างเคียงที่น่าเป็นห่วงหลังจากส่งตรวจร่างกายอีกครั้งเมื่อตอนบ่าย แต่แพทย์ก็ยังขอให้นอนที่โรงพยาบาลต่ออีกสองคืนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนจริงๆ
"ขอโทษที อาบน้ำเสร็จรึยัง?"
"เสร็จแล้วครับ พอดียังเช็ดผมไม่แห้งก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย"
ภัทรเอ่ยพลางยกเหล็กกั้นขอบเตียงลงเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งข้างๆ คนเจ็บ เวลานี้นอกจากผ้าพันแผลบนศีรษะกับชุดคนไข้ของโรงพยาบาล คนที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ก็ไม่มีอาการใดที่น่าวิตกกังวลอีก และภัทรก็โล่งอกเหลือเกินที่เป็นเช่นนั้น
"อืม...ยังไม่แห้งจริงๆ ด้วย"
เชษฐ์ยกมือขึ้นลูบเรือนผมที่ยังชื้นเล็กน้อยของภัทรเบาๆ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วต่อไปยังผิวแก้มที่เนียนลื่นหลังจากเพิ่งอาบน้ำ ภัทรหลับตาลงเมื่อปลายนิ้วนั้นค่อยเลื่อนขึ้นสัมผัสส่วนอื่นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเปลือกตา จมูก หรือว่าหน้าผาก นัยน์ตาเรียวเปิดขึ้นช้าๆ เมื่อสุดท้ายปลายนิ้วนั้นหยุดนิ่งอยู่บนริมฝีปากของเขา และได้พบว่านัยน์ตาคมเข้มจับจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว
"...เมื่อตอนบ่ายขอโทษด้วยนะ ที่พ่อกับแม่ฉันถามถึงเรื่องนั้น"
ภัทรรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน จึงส่ายหน้าพลางจับมือข้างที่อ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปากให้แนบแก้มตัวเองไว้
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไม่ถูกซักต่างหากถึงจะแปลก อีกอย่างตอนนี้ผมพูดถึงเรื่องนั้นได้โดยไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณเชษฐ์ปลอดภัยแล้วนี่นา"
เขายิ้มน้อยๆ พลางหวนนึกไปถึงเมื่อตอนบ่ายที่คุณชาญกับคุณเพียงมาศขอให้เล่าเรื่องในคืนที่คุณเชษฐ์ถูกทำร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้จะยังลมหายใจติดขัดเมื่อต้องคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ภัทรก็พบว่าเมื่อได้เริ่มเล่าแล้ว เขาก็ไม่อึดอัดมากเท่าที่หวั่นกลัวในตอนแรก
เชษฐ์มองรอยยิ้มบนมุมปากของภัทรโดยไม่ได้ยกมือออก ทว่านัยน์ตาคมเข้มขรึมลงเล็กน้อย "แล้วถ้าฉันถามแค่ความเห็นเธอล่ะ อยากให้เอาเรื่องกับหมอนั่นหรือเปล่า?" "เอ๊ะ?"
ภัทรเลิกคิ้ว แต่เมื่อเห็นคนถามยังจ้องเขานิ่ง ชายหนุ่มก็หลุบตาลงนิดหนึ่ง
"...ถึงผมจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม...เขา...ถึงทำแบบนั้นในคืนนั้น แต่ใครทำอะไรไว้ก็สมควรได้รับผลที่ตามมาครับ"
ถึงแม้จะรู้ดีว่าคืนนั้นธราธรก็โดนเล่นงานปางตายเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณเชษฐ์โดนกระทำแล้ว ภัทรก็ไม่อาจทำตัวเป็นกลางแล้วนำทั้งสองเรื่องมาหักล้างกันได้ เพราะเขาย่อมจะลำเอียงเข้าข้างคนที่เขารักมากกว่าอยู่แล้ว
นี่ยังดีว่าคุณเชษฐ์ฟื้นและไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ...
แค่นึกถึงฝันร้ายเมื่อเช้าภัทรก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว เชษฐ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นไหล่ผอมสั่น แต่ยังไม่ทันถามว่าเป็นอะไร ภัทรก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมาก่อน
"คุณเชษฐ์...คืนนี้ผมขอนอนข้างๆ เหมือนเมื่อกลางวันได้ไหมครับ?"
ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วแต่ไม่ได้ตอบในทันที และนั่นทำให้ภัทรรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมากับคำขอเหมือนเด็กๆ ของตัวเอง "คือ...ถ้าคุณเชษฐ์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่โซฟาข้างๆ นี่ก็ได้"
"เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่สะดวก จะรีบไปไหน?"
มือแข็งแรงรั้งศอกของคนที่กำลังจะลงจากเตียงได้ทัน เมื่อภัทรหันกลับไปเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนตัวใหญ่กว่าก็ให้เก้อเขินยิ่งขึ้นจนต้องหลบตา
"ถ้างั้น...ขอผมไปเช็ดผมให้เสร็จแล้วปิดไฟก่อน คุณเชษฐ์ดูข่าวไปก่อนก็ได้ครับ"
ร่างสูงใหญ่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือ ฝ่ายภัทรได้แต่รีบลุกหนีเข้าห้องน้ำแล้วจัดการธุระส่วนตัวต่อให้เสร็จ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลังจากที่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว และความวิตกกังวลถูกขจัดจากหัวใจ ตอนนี้เขายิ่งขัดเขินยามถูกหยอกเย้าจากคุณเชษฐ์มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
แต่ขณะเดียวกัน...มันก็เป็นความรู้สึกที่ทำให้ในอกอบอุ่นไม่น้อยเลย...
หลังจากเช็ดผมจนค่อนข้างแห้ง ภัทรก็ออกจากห้องน้ำมาปิดไฟในห้อง ทิ้งไว้เพียงแสงไฟสีส้มอ่อนเหนือประตูทางเข้า ฝ่ายเชษฐ์ก็ปิดโทรทัศน์แล้วขยับที่ให้ภัทรได้ขึ้นนอนข้างๆ เหมือนเมื่อกลางวัน หลังจากดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวทั้งคู่และต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ ภัทรก็เงยหน้าขึ้นถามเชษฐ์อีกครั้ง
"ผมมาเบียดแบบนี้คุณเชษฐ์ไม่นอนลำบากจริงๆ นะครับ?"
ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนขอ กระนั้นเขาก็ยังเกรงใจ เพราะถึงอย่างไรความสบายตัวของคนเจ็บก็ควรจะมาก่อนความต้องการอันไร้เหตุผลของเขา ทว่าเชษฐ์เพียงยิ้มแล้วส่ายหน้า
"ไม่หรอก อีกอย่างถ้าไม่ทำแบบนี้เธอจะนอนไม่หลับสินะ"
ภัทรเลิกคิ้วด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ จริงอยู่ว่าคุณหมอยืนยันแล้วว่าคนเจ็บไม่มีอาการแทรกซ้อนที่น่าเป็นห่วง ทว่าภัทรก็มั่นใจว่าถ้าหากไม่ได้คอยอยู่ข้างๆ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นและเสียงลมหายใจ เขาคงกระวนกระวายจนนอนไม่หลับต่อให้โซฟานุ่มสบายเพียงไรแน่ๆ
"ครับ..."
ภัทรตอบเสียงเบาพลางซุกเข้าหาไหล่หนามากขึ้น แต่ยังไม่ทันจะปิดเปลือกตาลงก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้เงยขึ้น
"จะว่าไป เมื่อเช้านี้ฉันได้ยินอะไรบางอย่างตอนที่ฉันเพิ่งตื่นนะ"
ภัทรกะพริบตาปริบอย่างไม่เข้าใจ เพราะจำได้ว่าตัวเองเอาแต่ร้องไห้ตอนที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้น พอเห็นแววตาแสดงความงุนงง ผู้สูงวัยกว่าจึงขยับหน้าเข้าใกล้มากขึ้นจนภัทรรู้สึกถึงลมหายใจที่ระบนปลายจมูก
"ฉันได้ยินใครบางคนพูดว่า 'ถ้าอยากได้ยินคำว่ารัก ผมจะพูดให้ฟังทุกวัน' ช่วยบอกหน่อยสิว่านั่นฉันฝันไปหรือว่ามีใครพูดแบบนั้นจริงๆ"
"นั่นมัน..."
ภัทรไม่อยากเชื่อว่าคุณเชษฐ์จะจำได้ทั้งที่ตอนนั้นเจ้าตัวยังไม่ฟื้นคืนสติเต็มร้อย เพราะเมื่อเช้าเขาเอาแต่ฟูมฟายจนพร่ำความในใจทุกอย่างออกมาโดยไม่ทันคิด จึงแทบลืมไปหมดแล้วว่าหลุดคำพูดอะไรไปบ้างด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมองเข้าไปในแววตาคมเข้มที่กำลังสบประสาน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญผวามาด้วยกัน เขาคงนึกว่าคุณเชษฐ์แกล้งบาดเจ็บเพื่อลองใจไปแล้วแน่ๆ
"...คุณเชษฐ์อยากให้ผมพูดตอนนี้เหรอครับ?"
เขาถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากประวิงเวลาอีกสักหน่อย เผื่อว่าความรู้สึกร้อนวูบวาบบนผิวหน้าจะลดน้อยลงกว่านี้บ้าง นัยน์ตาของคนเจ็บจึงเป็นประกายขณะดึงปลายนิ้วของภัทรขึ้นไปแตะริมฝีปากตัวเอง
"อยากให้พูดทุกวันเลยล่ะ"
เรียวลิ้นอุ่นที่แลบออกมาเลียปลายนิ้วซึ่งตัดเล็บสั้นหมดจดเบาๆ ทำเอาภัทรสะดุ้งจนเกือบชักมือหนี แต่ก็รู้ว่าตัวเองจนแต้มแล้ว อีกอย่างเขาก็เป็นคนลั่นวาจาออกไปเอง หากกลับคำตอนนี้คงทำให้กลายเป็นคนโลเลไม่หนักแน่นแน่ๆ
แต่ว่า...มันอาจพูดง่ายกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณเชษฐ์จ้องเสียใกล้ด้วยแววตาวิบวับขนาดนี้กระมัง...
"เอ่อ...ผม..."
"หืมม์?"
ภัทรเม้มปากด้วยรู้ว่ากำลังโดนแกล้ง แต่จะไม่ให้เขินได้ยังไง ก็ตอนที่พูดเวลาคุณเชษฐ์ยังไม่รู้สึกตัวดีกับตอนที่ตั้งใจรอฟังซะขนาดนี้มันไม่เหมือนกันนี่นา
"อย่าแกล้งผมสิครับ"
ภัทรหน้าร้อนซู่เมื่อปลายนิ้วก้อยโดนคนที่จับมือไว้ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ แถมเจ้าตัวยังทำท่าจะทำแบบเดียวกันกับนิ้วอื่นอีก เชษฐ์จึงยิ้มก่อนจะปล่อยนิ้วนั้นให้เป็นอิสระจากริมฝีปาก
"ไม่ได้แกล้ง แต่เธอไม่พูดสักที ฉันก็ต้องฆ่าเวลาระหว่างรอสิ"
นี่เป็นคำพูดของคนเจ็บที่กำลังพักฟื้นจริงๆ เหรอเนี่ย!
ภัทรแทบอยากไปถามคุณหมอให้รู้แล้วรู้รอดว่าคนไข้ไม่ได้สมองกระทบกระเทือนจริงๆ หรือ เพราะนิสัยชอบแกล้งชอบแหย่ของอีกฝ่ายดูเหมือนจะหนักข้อยิ่งกว่าก่อนเข้าโรงพยาบาลเสียอีก แต่ตอนนี้จะลุกไปถามหมอก็คงไม่ได้ จึงทำได้เพียงข่มความอายก่อนที่จะโดนแกล้งหนักไปกว่านี้
"ผมรักคุณเชษฐ์ครับ"
ชายหนุ่มพูดรัวจนลิ้นพันกันเพราะคนฟังเล่นไม่ขบนิ้วอย่างเดียวแต่ดูดเบาๆ ด้วย สัมผัสอุ่นชื้นจากช่องปากที่ห่อหุ้มปลายนิ้วเอาไว้ปลุกเร้าปลายประสาทจนสมองแทบจะหยุดทำงานเสียดื้อๆ
"ไม่เอา พูดให้ชัดถ้อยชัดคำกว่านี้สิ"
น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้ภัทรรู้สึกเหมือนผิวหน้ากำลังโดนไฟอังจนร้อนไม่หยุด พอพยายามจะดึงมือกลับก็ยิ่งโดนยึดไว้แน่นกว่าเดิม ชายหนุ่มเม้มปากขณะเหลือบตาขึ้น ทว่าเมื่อได้เห็นความคาดหวังที่ซ่อนอยู่หลังประกายตาซุกซน ความเข้าใจก็วาบขึ้นในอกทันที
ถ้าหากเขายังมัวแต่เขินอาย ไม่พูดตอนที่คุณเชษฐ์ยังอยู่ตรงหน้า ยังหายใจและมีเลือดเนื้อให้สัมผัสจับต้องได้เช่นนี้ จะมีเวลาไหนที่เหมาะสมให้เขาได้บอกความในใจอีกหรือ...
ภัทรเลื่อนมือข้างที่ไม่ได้ถูกจับไว้ขึ้นประคองใบหน้าของคนที่กำลังทอดกายเคียงข้าง นัยน์ตาที่กำลังมองเขาอยู่ฉายประกายลึกล้ำมากขึ้นจนภัทรถอนสายตาไม่ได้ และเขาก็พบว่าตนยินดีจะถูกแววตาเช่นนี้ดึงดูดไม่ว่าจะอีกนานเพียงใดก็ตาม
"ผม...รักคุณเชษฐ์ครับ รักมากที่สุด"
เสียงที่หลุดจากริมฝีปากแผ่วเบาทว่าหนักแน่น และคนฟังก็ไม่ได้เรียกร้องขอฟังซ้ำเมื่อภัทรเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของเจ้าตัวก่อน มือใหญ่ที่เมื่อครู่ยึดมือของเขาไว้ได้เลื่อนลงไปโอบรอบเอวของภัทรแทน ร่างทั้งสองบดเบียดจนภัทรรับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจผ่านแผ่นอกที่แนบชิด และเขาก็มั่นใจว่าหัวใจของตนก็กำลังเต้นแรงจนถ่ายทอดไปถึงร่างสูงใหญ่เช่นเดียวกัน
ริมฝีปากและปลายลิ้นฉ่ำที่เกี่ยวกระหวัดก่อให้เกิดเสียงแผ่วเบาชวนวาบหวามภายในห้องที่เงียบสงัด ท่ามกลางความมึนเมาจากไออุ่นและกลิ่นกายที่กำลังโอบล้อม ภัทรรู้สึกราวตัวเองกำลังตกลงไปในหล่มลึกที่ไม่มีวันจะปีนกลับขึ้นมาได้ แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวเพราะรู้ดีว่าใครคนหนึ่งพร้อมจะจับจูงมือไปตลอดทางที่ทอดยาวไปจากหล่มนั้น
คุณเชษฐ์...คือคนที่มอบความมั่นใจนั้นให้แก่เขานั่นเอง...
++------++
เช้าวันต่อมา ภัทรรีบตื่นแต่เช้าตรู่ก่อนที่นางพยาบาลจะมาตรวจวัดไข้ให้คนเจ็บ เขาลงไปตักบาตรที่ด้านข้างโรงพยาบาล จากนั้นก็ซื้อขนมและผลไม้ที่คุณเชษฐ์น่าจะทานได้กลับมาที่ห้อง แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะว่าบนเตียงว่างเปล่า ไม่ต่างจากที่เขาฝันร้ายเมื่อวานเลยสักนิด
"คุณเชษฐ์!"
"อยู่นี่"
เสียงตอบที่ดังมาจากทางห้องน้ำทำให้ภัทรระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก เขารีบวางถุงข้าวของที่ซื้อมาแล้วเดินตามไปในห้องน้ำ และพบว่าคนเจ็บกำลังยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก
"ถ้าจะลุก ทำไมไม่รอให้ผมกลับมาก่อนล่ะครับ"
รู้ว่าไม่ควรแสดงอารมณ์ แต่สีหน้าของภัทรคงบ่งบอกอะไรบางอย่างออกไป เชษฐ์จึงหันมามองแล้วหัวเราะน้อยๆ หลังจากล้างหน้าและซับน้ำด้วยผ้าขนหนูแล้ว
"ขอโทษที เอาแต่นั่งๆ นอนๆ บนเตียงมาหลายวันก็เลยอยากลุกเดินบ้าง ฉันไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาตอนไหนก็เลยไม่ได้รอ แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยัง?"
เชษฐ์ไม่ได้บอกเขาว่า 'อย่างอน' แต่ใช้วิธีง้อด้วยการขอโทษและถามถึงเรื่องอื่นแทน ภัทรจึงพยายามระงับอารมณ์เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้ตนอ่อนไหวเกินไปแล้ว เขารับมือข้างที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือของเชษฐ์มากุมขณะเดินเคียงข้างช้าๆ กลับไปที่เตียง
"ยังครับ ผมซื้อมาจะได้นั่งกินเป็นเพื่อนคุณเชษฐ์บนห้องได้ เมื่อกี้เห็นแม่บ้านกำลังเข็นรถเข็นอาหารอยู่ อีกสักพักคงมาถึงห้องเรา"
"อืม"
ภัทรช่วยคลี่ผ้าห่มคลุมท่อนล่างให้หลังจากร่างสูงใหญ่ขึ้นนั่งบนเตียง เขาช่วยปรับหัวเตียงให้เอนขึ้นและเอาหมอนซ้อนเพื่อให้คนเจ็บได้นั่งพิงสบายๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างกังวล
"เอ่อ...ผมทำให้คุณเชษฐ์รำคาญหรือเปล่าครับ?"
"หือ? ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ?"
สีหน้าของคนถามแสดงออกว่าแปลกใจกับคำถามของเขาจริงๆ ภัทรจึงหลุบตาลง
"คือ...ผมก็ไม่เคยเฝ้าคนเจ็บในโรงพยาบาลมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแค่ไหนถึงจะไม่มากเกินไป อย่างเมื่อกี้ผมก็ตกใจที่คุณเชษฐ์ไม่อยู่ที่เตียง ก็เลย...ลืมไปว่าคุณเชษฐ์อาจไม่ชอบที่ทำด้วยเหมือนเป็นคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ก็ได้"
ที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องก็เพราะฝันร้ายเมื่อวานยังติดตา ภัทรเลยกลายเป็นคนตื่นตกใจง่ายไปโดยปริยาย ท่าทางหงอยๆ ของเขาทำให้เชษฐ์ต้องดึงมือข้างหนึ่งไปกุมแล้วก็บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันดีใจเสียอีกที่เธอเป็นห่วง แค่ต้องเป็นคนที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล แล้วยังต้องมาเห็นฉันหลับไม่ตื่นอีกสามวันเต็มๆ ถ้าหากสลับที่กันแล้วฉันเป็นคนที่ต้องมาเฝ้าเธอ ตอนนี้ฉันอาจจะคลั่งไปแล้วก็ได้"
ภัทรเหลือบมองรอยยิ้มของคนพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ตอบ กระนั้นสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าเหตุการณ์นั้นไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะถ้าหากเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นในคืนนั้นอีกสักกี่ครั้ง คุณเชษฐ์ก็คงจะเอาตัวเข้ามาป้องกันเขาไว้เพื่อไม่ให้เป็นอะไรอยู่ดี
ความเชื่อมั่นที่ถูกมอบให้กับคนตรงหน้าจนหมดใจ ทำให้ภัทรไม่สงสัยกับสมมติฐานนั้นเลยสักนิดเดียว
ไม่นานนักแม่บ้านก็นำอาหารเช้ามาส่งที่ห้อง ภัทรเลื่อนโต๊ะสำหรับทานอาหารมาให้คนเจ็บแล้วก็ช่วยจัดเรียงอาหารในถาดให้ ระหว่างที่ทั้งสองนั่งทานมื้อเช้ากันไปและดูข่าวในโทรทัศน์ไปพลางก็มีเสียงเคาะประตูสองครั้งก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก
ภัทรวางแก้วน้ำเต้าหู้ที่ยังดื่มไม่หมดลงและยืนขึ้นเพราะนึกว่าคงเป็นพ่อกับแม่ของคุณเชษฐ์ แต่ผิดคาดที่ผู้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นหญิงสาวไม่คุ้นหน้าคนหนึ่ง แต่เมื่อตั้งใจมองดีๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
คุณ...?
ถึงแม้จะเคยพบอย่างผิวเผินเพียงสองหรือสามครั้ง ภัทรก็มั่นใจว่าตนไม่มีทางจำผิด ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่แปลกใจเช่นกันที่เขาแสดงออกว่าคุ้นหน้าเธอทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนสักคำ
สวัสดีค่ะ คุณภัทร คุณเชษฐ์ เขมมีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ
++---tbc---++
A/N: เข็นตอนใหม่ออกมาได้ทันวันคริสต์มาสพอดี ขอถือโอกาสนี้อวยพรวันหยุดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงให้ทุกคนไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ ขอให้ประสบพบเจอแต่เรื่องดีๆ สมหวังทุกเรื่องที่ตั้งใจไว้ค่ะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะค้า
Create Date : 24 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 24 ธันวาคม 2555 22:04:22 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1349 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Annko IP: 49.0.76.208 วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:22:40:23 น. |
|
|
|
โดย: Ning kulanit IP: 27.55.170.14 วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:23:42:35 น. |
|
|
|
โดย: พร IP: 182.52.55.88 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:10:22:43 น. |
|
|
|
โดย: sunisa131 IP: 58.137.231.250 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:10:24:48 น. |
|
|
|
โดย: ภัทร IP: 124.122.181.113 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:12:41:39 น. |
|
|
|
โดย: alley_tama IP: 58.8.3.63 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:12:51:13 น. |
|
|
|
โดย: น้ำชา สีเบจ IP: 101.109.21.4 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:13:10:37 น. |
|
|
|
โดย: zequs IP: 202.28.182.5 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:13:37:48 น. |
|
|
|
โดย: oato IP: 110.168.60.83 วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:18:11:47 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:20:40:45 น. |
|
|
|
โดย: JI IP: 124.122.28.212 วันที่: 30 ธันวาคม 2555 เวลา:12:28:53 น. |
|
|
|
โดย: NannY IP: 118.172.37.32 วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:19:30:08 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 มกราคม 2556 เวลา:22:21:24 น. |
|
|
|
| |
|
|
ประทับใจคุณเชษฐ์กับน้องภัทร
รอรวมเล่มค่ะ
ตอนนี้ก็ลุ้นเป็นช่วงๆ แต่ก็ผ่านไป
อย่างมีความสุข
แต่ทิ้งท้ายให้ลุ้นต่ออีก...
Merry Christmas
&
Happy New year 2013
ขอให้มีความสุขมากๆเช่นกันค่ะ
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต
นะคะ