|
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 16
แนะนำ สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
ตอนที่ 16.
เสียงน้ำที่เพิ่งหยุดไหลในครัวเป็นสัญญาณว่าพี่สาวของเขาล้างจานเสร็จแล้ว ภัทรจึงหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็หันไปจับมือเล็กๆ ของมายูมิที่รีบเดินมาหาเมื่อเห็นน้าชายเตรียมจะออกจากบ้าน
งั้นเดี๋ยวภัทรไปทำงานแล้วนะพี่แพน
ภัทรร้องบอกพลางเดินไปเปิดประตูบ้าน แพนซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากในครัวจึงถามขึ้น
อื้ม แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ขับรถไปส่ง?
อย่าดีกว่า แค่เดินออกไปหน่อยก็ถึงรถไฟฟ้าแล้ว พี่แพนจะได้ไม่ต้องออกไปเจอรถติดด้วย
คุณน้ายังหนุ่มเอ่ยก่อนจะย่อตัวลงแล้วเขย่ามือมายูมิเบาๆ เดี๋ยวน้าภัทรไปทำงานก่อน แล้ววันหลังเราค่อยไปเที่ยวกันใหม่นะคะ
มายูมิดูไม่ค่อยอยากปล่อยมือนัก ริมฝีปากเล็กยื่นขึ้นนิดๆ ส่วนนัยน์ตาก็มีน้ำตาคลอ แล้ววันเสาร์น้าภัทรจะมานอนกับมิมิอีกไหมคะ? แม่บอกว่าอาทิตย์นี้พ่อก็ยังไม่กลับ
ภัทรมองหน้าหลานแล้วก็สงสาร เพราะจากที่ตอนแรกเขากะว่าจะมาค้างด้วยแค่ช่วงสุดสัปดาห์เดียว ไปๆ มาๆ แพนก็ชวนมาค้างที่บ้านด้วยเกือบครบเดือนแล้ว เพราะครั้งนี้สามีต้องไปญี่ปุ่นนาน ทั้งบ้านจึงมีกันเพียงสองคนแม่ลูก ช่วงนี้หลานสาวจึงติดเขาแจ
ไว้ถ้ามาได้น้าภัทรจะบอกนะ ไหนมาให้น้าภัทรหอมก่อนไปทำงานหน่อยเร็ว
แม่หนูน้อยค่อยหน้าตาแจ่มใสขึ้น ร่างเล็กโผเข้ากอดคอน้าชายแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ภัทรเลยหอมแก้มยุ้ยๆ คืนก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ
งั้นเราค่อยคุยกันใหม่นะ บ๊ายบายจ้ามิมิ
บ๊ายบายค่าน้าภัทร
เด็กหญิงร้องเสียงสดใสพลางยกมือโบกให้เขาสุดแขน ฝ่ายแพนเองก็โบกมือให้ยิ้มๆ ภัทรมองภาพคนที่ยืนส่งอยู่หลังรั้วแล้วก็เดินจากมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในใจ
น่าอิจฉาพี่เขยของเขาจริงๆ ที่มีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้...
ภัทรแวะซื้อของกินง่ายๆที่ตลาดหน้าหมู่บ้านก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ถึงแม้การมาค้างแรมที่บ้านพี่สาวจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวไปบ้างเพราะต้องช่วยเลี้ยงหลาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งคู่ช่วยให้เขาคลายเหงาจากความคิดถึงคุณเชษฐ์ไปได้มากทีเดียว
ช่วงเช้าภัทรช่วยรุ่นพี่เตรียมงานเอกสารที่จำเป็นเพราะใกล้ช่วงจัดงานของบริษัทเข้ามาทุกที เขาสั่งพิมพ์รายงานแล้วนำไปส่งให้นินนาทที่ห้องประจำตำแหน่ง เมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ภัทรก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ามีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ เสียบคั่นอยู่ในสมุดจดของเขา พอหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากป๋วย
'เที่ยงนี้พี่ขอแยกไปกินข้าวกับคุณนินนะจ๊ะ'
ภัทรอ่านข้อความในกระดาษโน้ตแล้วก็ยิ้ม เพราะปกติทั้งคู่มักไปทานมื้อกลางวันด้วยกันพร้อมกับเพื่อนๆ ในทีม แต่เนื่องจากตอนนี้นินนาทไม่ใช่ชายที่มีพันธะอีกต่อไปเพราะหย่าขาดจากภรรยาแล้ว ดังนั้นเจ้านายกับรุ่นพี่ของเขาจึงสามารถสานความสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกครหาอีก
ถึงแม้จะอายุเท่าไหร่หรือมีตำแหน่งสูงแค่ไหน แต่ถ้าคนเรามีความรัก...มันก็ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นแหละนะ...
ภัทรคิดระหว่างนั่งรอให้เพื่อนๆ ในออฟฟิศลงไปพักเที่ยงกันก่อน พอเห็นว่าคนเริ่มซาแล้วจึงค่อยลงไปชั้นล่างบ้าง เพราะเขาไม่อยากไปแย่งโต๊ะทานข้าวหรือต่อคิวยาวๆ ในศูนย์อาหารสักเท่าไหร่
เที่ยงครึ่ง...ป่านนี้คนอื่นก็คงกินข้าวกันเกือบเสร็จแล้วล่ะมั้ง...
ภัทรคิดในใจขณะเดินออกจากลิฟต์ แต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใครคนนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงล็อบบี้ชั้นล่าง เขาก็ชะงักและทำท่าจะหมุนตัวกลับไปที่ลิฟต์ทันที
โชคร้ายที่ยังช้ากว่าคนคนนั้นที่สาวเท้ายาวๆ มายืนขวางตรงหน้า
เดี๋ยวสิภัทร จะออกไปกินข้าวไม่ใช่หรือไง? ธรมานั่งรอตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนะ
เสียงนั้นดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะของภัทรที่ก้มอยู่ ชายหนุ่มจึงได้แต่พยายามข่มใจให้เยือกเย็นแล้วถึงค่อยเงยหน้าขึ้น
มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?
ภัทรพยายามปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบ เหตุการณ์ในห้องประชุมเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อนวาบขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง ทั้งที่นึกว่าอีกฝ่ายคงล้มเลิกความคิดที่จะมาตอแยเแล้วหลังจากถูกเขาใช้คำพูดเย็นชาใส่ แต่กลับกลายเป็นว่าธราธรยังมาหาเขาเองถึงที่
ร่างสูงใหญ่เพียงแต่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วยกมุมปากขึ้น ทว่ารอยยิ้มที่เห็นทำให้ภัทรกระวนกระวาย เพราะถึงแม้จะเลิกติดต่อกันมาสองปี แต่ความทรงจำของวันคืนเก่าๆ ก็ไม่ได้เลือนหาย ดังนั้นเขาจึงจำได้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ภัทรจะได้เห็นเวลาธราธรมั่นใจว่าถึงอย่างไรก็ง้อเขาได้ ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือที่จะบีบหรือคลายก็ได้ตามใจชอบ
ตอนนั้นเขาหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน...
ภัทรเปลี่ยนไปนะ
คนพูดเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกำลังชวนเพื่อนเก่าคุย แต่ภัทรกลับยิ่งขมวดคิ้วมุ่นอย่างระแวง เพราะแววตาที่จับจ้องมาฉายประกายระยับ ซึ่งเป็นแววตาเดียวกับที่ภัทรจำได้ว่ามักได้เห็นยามธราธรเจอสิ่งที่ทำให้รู้สึกถูกใจหรือท้าทาย แต่เขาไม่ต้องการเป็นเป้าหมายของความท้าทายนั้น จากวันที่ธราธรยุติความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เวลาก็ผ่านมานานเกินกว่าที่เขาจะอยากกลับไปเล่นเกมนั้นอีก
ขอบคุณ ถ้าหากคุณไม่มีธุระอะไรอีก ผมจะกลับขึ้นไปที่ออฟฟิศ
ไม่เอาน่าภัทร ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าไม่ได้รึไง?
ภัทรส่ายหน้าและทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี ไม่จำเป็น...นี่!!
ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจด้วยไม่คาดว่าจะถูกดึงข้อมือไปทางประตู และเสียงเมื่อครู่ก็เริ่มจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่บริเวณล็อบบี้ ธราธรดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาออกจึงหันกลับมาหา
จะไปด้วยกันดีๆ ได้หรือยัง? หรือว่าต้องให้จูงไป?
ร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงกระซิบโดยไม่ผ่อนแรงบีบบนข้อมือแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาดูนุ่มนวล แต่น้ำเสียงและแววตาที่ไม่ต่างจากคำว่า 'ข่มขู่' ก็ทำให้ภัทรเย็นเยือกไปถึงสันหลัง
อย่างน้อยสมัยที่ยังคบกัน ต่อให้เขาทำตัวไม่ถูกใจบ้างก็ไม่เคยถูกใช้กำลังด้วยแบบนี้
ไปก็ได้ แต่ช่วยปล่อยมือผมก่อน แล้วก็ให้ผมเลือกร้านเองด้วย
ภัทรพยายามบังคับเสียงให้หนักแน่นขณะจ้องตากลับ เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอก็จริง แต่ก็รู้ตัวดีว่าสู้แรงธราธรไม่ไหว ท่าทางที่ได้เห็นตอนนี้ทำให้เขานึกหวั่นว่าถ้าถูกทำให้ไม่พอใจมากๆ เข้า อีกฝ่ายอาจจะทำอะไรที่แย่ยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
ธราธรหรี่ตาลง แววตายังแสดงออกว่าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อเห็นว่าภัทรไม่ได้แสดงท่าทางจะหนีอีก จึงค่อยผ่อนแรงที่มือลงและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ว่าง่ายๆ ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง
ทันทีที่มือเป็นอิสระ ภัทรก็รีบเบี่ยงตัวออกห่างทันที เขาเม้มปากแน่นขณะเดินนำไปที่หน้าอาคารและผลักประตูออก แต่กลับเลี้ยวไปยังทิศทางตรงข้ามกับศูนย์อาหารที่ตั้งใจจะไปตอนแรก
ชายหนุ่มตั้งใจเดินเร็วๆ เพื่อสร้างระยะห่าง แต่ช่วงขาที่ต่างกันทำให้คนที่เดินตามหลังไม่มีปัญหากับการเดินตามให้ทัน ภัทรเห็นท่าทางสบายๆ ของคนข้างตัวจากหางตา แล้วก็ได้แต่พยายามควบคุมตัวเองให้สงบสติอารมณ์เอาไว้
ธรตั้งใจจะทำอะไรกันนะ...
ภัทรได้แต่คิดอย่างว้าวุ่น ท่าทีของธราธรเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย ทำไมคนที่ลาจากกันอย่างไม่ทิ้งเยื่อใยในคราวนั้นจะต้องกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีก แล้วยัง....คนที่อีกฝ่ายควรจะใส่ใจที่สุดในเวลานี้อีกล่ะ...
ภรรยาคุณสบายดีเหรอ?
ภัทรเอ่ยคำถามนั้นออกไป และทันใดก็เห็นไหล่ของธราธรเกร็งขึ้นทันที ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่จนภัทรแทบหยุดหายใจเมื่อถูกปรายตาเยียบเย็นมามอง
ไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก
++------++
ภัทรกลับมาทำงานช่วงบ่ายอย่างไม่สดชื่นนัก ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะมื้อกลางวันอันแสนจะชวนให้อึดอัดนั่นเอง
เป็นเพราะท่าทางมุทะลุของอีกฝ่ายเมื่อตอนที่บังคับให้ไปทานข้าวด้วย ภัทรจึงตั้งใจพาไปร้านอาหารที่อยู่ค่อนข้างไกลบริษัท เนื่องจากไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานมาเห็นหรือได้ยินหากธราธรพูดถึงเรื่องในอดีตของทั้งคู่อีก แต่แล้วเขาก็ถูกทำให้แปลกใจซ้ำ เพราะนอกจากธราธรจะเพียงแค่นั่งทานอาหารไปเงียบๆ โดยไม่ชวนคุยสักคำแล้ว บางครั้งเจ้าตัวก็จะมองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด แต่บ่อยครั้งกว่าก็จะมองไปไกลๆ อย่างยากจะคาดเดาว่ากำลังมองอะไรกันแน่
ภัทรเกือบจะวางใจได้แล้วว่าธราธรคงแค่มาทำธุระแถวนี้จริงๆ และที่มารอเขาทานข้าวด้วยเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากจบมื้ออาหารลง เขาก็ถูกทำให้หนักใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า 'แล้วเจอกันใหม่'
ภัทรพยายามไม่คิดว่าธราธรตั้งใจจะมาชวนเขาไปทานข้าวอีก เพราะเป็นไปได้ว่าที่พูดอย่างนั้นเนื่องจากบริษัทของลุงต้องทำงานร่วมกับบริษัทของเขา ทว่าสีหน้าท่าทางใจลอยของเจ้าตัวระหว่างทานข้าวด้วยกันก็ทำให้ภัทรไม่สบายใจ อาจเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นึกกลัวใจคนเคยรู้จักกันมากขนาดนี้
ชายหนุ่มพยายามปัดความคิดอันรกสมองทิ้ง เขาตัดสินใจว่าตอนเย็นจะโทรหาเชษฐ์แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ถึงแม้จะรู้ว่านั่นคงไม่ช่วยเร่งให้คุณผู้จัดการกลับจากเวียดนามเร็วขึ้น แต่ถ้าหากได้เล่าเรื่องอันคับข้องใจนี้ให้รู้ บางทีเขาอาจสบายใจขึ้นว่าตนไม่ได้ปิดบังเรื่องอะไรจากอีกฝ่ายก็เป็นได้
เวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย ภัทรลุกขึ้นจากโต๊ะโดยหยิบถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วเพื่อไปชงเพิ่ม แต่พอกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ครัว ร่างสูงเพรียวก็ชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินบทสนทนาจากด้านใน
"อะไรนะ! แกแน่ใจเหรอ? ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"
ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวชาไปทั้งร่าง ขณะเดียวกันมือที่จับถ้วยกาแฟอยู่ก็อ่อนเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ จนเกือบจะปล่อยหูจับให้หล่นลงกับพื้น แต่ยังดีที่เขาควบคุมสติไว้ได้ทัน กระนั้นสิ่งที่เพิ่งได้ยินก็ทำให้ภัทรขาแข็งจนก้าวจากตรงนั้นไปไหนไม่ได้
"ชู่ว!! เบาๆ หน่อยไอ้เปิ้ล!! ฉันแค่ได้ยินคุณปรีชาปรึกษากับคุณนินเฉยๆ เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์มากกว่าคุณอั๋น พวกท่านๆ ก็เลยกะเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"
"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ นี่ก็มีคอนแทรคต์ตั้งหลายตัวที่รอคุณเชษฐ์กลับมาเซ็นนะ ถ้าแกไปประจำที่เวียดนามแล้วทางนี้จะโปรโมทใครขึ้นแทน?"
"จะยากอะไรเล่า ระหว่างนั้นก็ให้คุณนินหรือคุณอั๋นช่วยดูโปรเจ็คต์ของคุณเชษฐ์ไปก่อนสิ แต่แกอย่าเพิ่งไปปูดให้คนอื่นฟังล่ะ รอให้เขาประกาศเป็นทางการก่อน"
ภัทรยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าซีดเผือดลงทุกที มือที่พยายามจับหูถ้วยกาแฟไว้แน่นอ่อนแรงจนเผลอปล่อยให้หล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงในที่สุด
"ว้าย!!"
สองสาวในห้องครัวและคนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นส่งเสียงอย่างตกใจพลางรีบก้าวออกมาดู ทำให้ได้เห็นภัทรกำลังนั่งคุกเข่าและพยายามใช้มือเปล่าๆ เก็บกวาดเศษกระเบื้องอย่างลนลาน ถ้วยกระเบื้องเนื้อหนาเมื่อแตกออกก็มีทั้งส่วนที่เป็นเศษชิ้นใหญ่และเล็กกระจัดกระจาย ป๋วยซึ่งเพิ่งออกจากห้องน้ำก็รีบเดินมาดูเหมือนกัน เมื่อเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของรุ่นน้องมีเลือดไหลเพราะโดนเศษกระเบื้องบาด แต่เจ้าตัวก็ยังจะทู่ซี้เก็บกวาดเศษเสี้ยวที่แตกมากองรวมกันเหมือนไม่รู้สึกตัว เธอก็ทำตาโตและรีบเข้าไปยื้อมือภัทรไว้ทันที
"ภัทร! หยุดเก็บได้แล้ว! ไม่เห็นรึไงว่านิ้วเหวอะไปหมดแล้วน่ะ!!"
น้ำเสียงของป๋วยกระตุ้นภัทรที่กำลังใจลอยให้รู้สึกตัว ชายหนุ่มค่อยๆ หงายมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วมองรอยเลือดสีแดงบนมืออย่างงุนงง ความจริงแล้วคำว่าเหวอะนั้นค่อนข้างจะเกินความจริงไปหน่อย แต่ร่องรอยที่โดนกระเบื้องขูดจนเลือดซึมเลอะไปทั่วก็ยังชวนให้คนที่เห็นขนลุก
"แม่บ้าน! ใครตามแม่บ้านมากวาดเศษแก้วตรงนี้เร็ว!"
หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่มุงอยู่รีบร้องเรียกแม่บ้านเมื่อตั้งตัวได้ ส่วนป๋วยรีบรั้งแขนภัทรขึ้นยืนแล้วหันไปบอกคนอื่นๆ
"ใครช่วยไปหยิบกระเป๋าของพี่กับของภัทรให้ที พี่จะพาภัทรไปโรงพยาบาล"
"พี่ป๋วย...ไม่ต้อง...."
ภัทรพยายามแย้งเพราะไม่อยากให้ทุกคนทำราวกับการที่เขาโดนเศษกระเบื้องบาดมือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่พอเห็นรุ่นพี่สาวหันมาถลึงตาดุใส่ก็ได้แต่เงียบ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยถือกระเป๋าของทั้งคู่ตามลงไปส่งถึงที่รถของป๋วยซึ่งจอดอยู่ชั้นใต้ดิน พอภัทรขึ้นรถเรียบร้อย หญิงสาวก็รีบขับรถพาไปโรงพยาบาลทันที
แผนกฉุกเฉินในช่วงบ่ายของโรงพยาบาลมีคนไข้ไม่มากนัก พอภัทรไปถึงแล้วนางพยาบาลจึงรีบพาเขาเข้าไปทำแผล และทั้งๆ ที่ตอนโดนบาดนั้นภัทรไม่ค่อยรู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่ พอโดนทำความสะอาดและใส่ยาให้ เขาถึงเพิ่งรู้สึกว่าเจ็บจนน้ำตาแทบไหล
"ขอโทษทีนะครับ ยามันจะแสบหน่อยนึง"
คุณหมอเอ่ยเมื่อเห็นภัทรน้ำตาซึมขณะที่ใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้ แต่ชายหนุ่มกลับหลับตาแน่นแล้วส่ายหน้า เขาไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ตนกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับให้ไหลกลับลงไปนั้นมาจากความเจ็บแผลหรือว่าความปวดร้าวในอกเพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อตอนบ่ายกันแน่
"...ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"
"....เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์กัน ทางผู้ใหญ่ก็เลยอยากเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"
"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ"
ใช่...แล้วทางนี้จะทำยังไงล่ะ เขาไม่ต้องถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว แล้วนานๆ ครั้งถึงค่อยเจอคุณเชษฐ์สักทีหรอกเหรอ?
"คนไข้หน้าซีดจังค่ะ ดมแอมโมเนียหน่อยไหมคะ?"
นางพยาบาลสาวข้างๆ คุณหมอถามอย่างใส่ใจ เธอคงคิดว่าภัทรเป็นพวกกลัวเลือดก็เลยตกใจกับแผลบนมือตัวเอง แต่เขาส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ในอกรู้สึกเบาโหวงเช่นนี้
"ไม่เป็นไรครับ ขอผมนั่งพักสักแป๊บ เดี๋ยวก็คงไม่เป็นไรแล้วครับ"
เขาพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลสบายใจ ทั้งคู่จึงผละจากเขาไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อ ภัทรพยายามนั่งสูดหายใจเข้าออกยาวๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น จึงค่อยแจ้งนางพยาบาลเพื่อเดินออกมาหาป๋วยที่นั่งรอและไปรับยา
"ห้าโมงกว่าแล้วสิ เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอกลับคอนโดเลยดีกว่า"
ป๋วยหันมาบอกขณะที่ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถ ภัทรจึงเงยหน้าเซียวๆ ขึ้นมองคนข้างตัว และเห็นว่านัยน์ตาของรุ่นพี่สาวจับจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยความเป็นกังวล
"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ นะพี่ป๋วย ผมกลับไปทำงานต่อได้"
"นี่! เธออยากให้พี่โมโหรึไง! กว่าจะกลับไปถึงออฟฟิศก็เลิกงานพอดี อีกอย่างมือแบบนี้ขืนรีบกลับไปใช้งานทันทีเดี๋ยวก็ได้ต้องเย็บหรอก พี่บอกให้กลับก็กลับเถอะน่ะ!"
น้ำเสียงเฉียบขาดกับแววตาเอาเรื่องเพราะความเป็นห่วงทำให้ภัทรไม่กล้าแย้งอีก เขาเพียงแต่ยอมขึ้นรถให้พากลับคอนโดแต่โดยดี โดยป๋วยแวะซื้อข้าวกล่องจากร้านในซอยและช่วยเขาถือขึ้นไปส่งที่ห้องด้วย
"เดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็กินยานอนซะนะ แล้วถ้าพรุ่งนี้ยังใช้มือไม่ไหวก็ลาหยุดก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกคุณนินให้เอง"
"ครับ ขอบคุณนะครับพี่ป๋วย"
ภัทรเอ่ยขณะเดินไปส่งรุ่นพี่สาวที่หน้าประตูห้อง เพราะอีกฝ่ายดึงดันจะขอเข้ามาด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะดูแลตัวเองได้เรียบร้อยดี ป๋วยจึงกระชับสายสะพายกระเป๋าแล้วก็ยิ้มอ่อนๆ
"จริงๆ เลยน้า เวลาทำงานเธอก็ดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะทำอะไรผิดพลาดได้หรอก แต่บทจะป้ำเป๋อขึ้นมาก็ทำเอาคนอื่นอกสั่นขวัญหายหมด พี่ละนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเมื่อกี้คุณเชษฐ์อยู่ด้วยจะตกใจแค่ไหน"
ภัทรเม้มปาก เพราะว่าสาเหตุที่ทำให้เขาสะเทือนใจจนปล่อยถ้วยกาแฟหล่นและทำกระเบื้องบาดมือตั้งแต่แรกก็เพราะคุณเชษฐ์ เป็นเพราะเขาไปได้ยินข่าวลือที่คุณเชษฐ์จะถูกส่งให้ไปประจำที่เวียดนาม แล้วก็เพราะคุณเชษฐ์ไม่อยู่ด้วย เขาถึงได้รู้สึกอ่อนแอและไม่ปลอดภัยเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับธราธรตามลำพังเช่นในวันนี้
ถ้าเพียงแต่...คุณเชษฐ์จะไม่ต้องไปทำงานที่ไหนไกลๆ แบบนี้อีก....
"...คุณเชษฐ์ติดงานนี่พี่ป๋วย เขาไม่รู้ว่าผมซุ่มซ่ามจนทำตัวเองเจ็บตัวก็ดีแล้วล่ะ ยังไงขอบคุณพี่ป๋วยมากครับที่มาส่ง"
ภัทรพยายามฝืนยิ้มให้รุ่นพี่สาวก่อนจะปิดประตูลง จากนั้นก็เข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานเป็นชุดอยู่บ้าน ก่อนจะค่อยออกมานั่งทานข้าวกล่องที่ป๋วยซื้อมาให้อีกที เขาไม่ได้ถ่ายอาหารใส่จานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเก็บล้างเนื่องจากมือยังโดนน้ำไม่ได้
ความจริงแล้วข้าวราดแกงในกล่องนั้นมาจากร้านอร่อยที่เขาก็เป็นลูกค้าประจำ แต่วันนี้ข้าวแต่ละคำที่ตักเข้าปากช่างฝืดคอจนภัทรไม่รับรู้รสชาติ หลังจากกินไปได้เพียงไม่กี่คำ เขาจึงปิดฝากล่องแล้วก็ทิ้งใส่ถุงขยะก่อนจะกินยาและดื่มน้ำตาม จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง
ภัทรรู้สึกราวกับเพดานห้องหมุนติ้วจนต้องกะพริบตาครู่ใหญ่ เมื่ออยู่คนเดียว ความหวาดหวั่นก็กลุ้มรุมเข้ามาจู่โจมหัวใจอีกครั้ง เขาไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นความเหงาและคิดถึงคุณเชษฐ์จนแทบจะทนไม่ไหว ความหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายต้องไปประจำที่เวียดนามจะเป็นความจริง และความอึดอัดไม่สบายใจจากการที่ธราธรดูจะพยายามพาตัวเองเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง ภัทรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข่าวร้ายๆ จึงพร้อมใจกันประดังประเดเข้ามาหาเขาในตอนนี้
ความเหน็ดเหนื่อยรวมกับฤทธิ์ยาแก้ปวดส่งผลให้สมองของภัทรเริ่มมึนชา และเขาก็รู้สึกราวกับเรื่องราวอันเครียดเคร่งค่อยๆ ลอยห่างออกไปทุกที ไม่นานชายหนุ่มก็พลิกตัวตะแคงโดยโอบกอดตัวเองไว้แล้วปล่อยให้นิทรารมณ์เข้าครอบคลุม กระนั้นบนใบหน้าหวานโศกก็ยังคงมีร่องรอยของความกังวลใจฝังอยู่บนหว่างคิ้วตลอดเวลา
ภัทรหลับไปหลายชั่วโมงก่อนจะถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะ ชายหนุ่มกะพริบตาปริบๆ อย่างงัวเงีย ความเวียนหัว¬ทำให้ต้องค่อยๆ พยายามยันตัวขึ้นนั่งตรง พลันความเจ็บที่แล่นขึ้นมาทันทีที่เอามือยันเบาะก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตนมีแผล ชายหนุ่มยกฝ่ามือทั้งสองข้างที่พันผ้าก๊อซไว้ขึ้นมามองด้วยแววตาว่างเปล่าครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พยายามประคองโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา
คุณเชษฐ์...
ความดีใจพุ่งโลดขึ้นในอกวาบหนึ่ง ก่อนที่ความหนึบหน่วงซึ่งบรรยายไม่ได้จะค่อยๆ คืบคลานตามมาและส่งฤทธิ์ราวกับยาชาสู่ความดีใจนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะพยายามจะกดรับสาย แต่เพราะความเจ็บมือทำให้แค่จะหยิบมือถือมาวางในมือข้างหนึ่งให้ถนัดยังลำบาก และแล้วกว่าจะกดปุ่มรับสายได้ คนที่โทรมาก็วางสายไปก่อนเสียแล้ว
"อ๊ะ"
ภัทรส่งเสียงอย่างตกใจ เขาพยายามขยับนิ้วเพื่อจะกดโทรกลับ แล้วก็ได้แต่นึกบ่นตัวเองที่ไม่เปลี่ยนมือถือมาใช้แบบหน้าจอสัมผัสแทนแบบปุ่มที่มีอยู่ จะได้กดรับได้ง่ายกว่าเวลานิ้วเจ็บเช่นนี้
คุณเชษฐ์ อย่าเพิ่งวางสาย ผมอยากได้ยินเสียงคุณเชษฐ์...
จู่ๆ ภัทรก็รู้สึกว่าขอบตากับโพรงจมูกร้อนผ่าวขึ้นมา ความรำคาญอาการบาดเจ็บบวกกับบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานที่ได้ยินเมื่อบ่ายทำให้นึกรำคาญความปวกเปียกของตัวเองเหลือกำลัง เขายกมือหนึ่งขึ้นปาดขอบตาเมื่อรู้สึกถึงไอชื้นที่ผุดซึม พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ภัทรพยายามข่มความเจ็บรีบกดรับทันที
"ครับคุณเชษฐ์"
"...ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ?"
ภัทรกะพริบตาเมื่อได้ยินคำถาม เขารีบคว้าทิชชู่จากกล่องกระดาษบนโต๊ะมาเช็ดน้ำมูก เพราะรู้ตัวว่าเมื่อครู่คงเสียงขึ้นจมูกตอนที่รับสายแน่ๆ
"ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเผลอหลับไปแล้วเพิ่งตื่นน่ะครับ"
คราวนี้เสียงคู่สนทนาเข้มขึ้นด้วยความเป็นห่วง "นี่เพิ่งสองทุ่มเองนี่ ไม่สบายหรือเปล่า?"
น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใยทำให้ภัทรรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยายามยิ้มและตอบด้วยเสียงที่ปกติที่สุด
"ช่วงนี้ใกล้จะถึงช่วงจัดงานแล้วเลยต้องทำหลายอย่างน่ะครับ ยังดีที่วันนี้ได้กลับเร็ว ผมก็เลยผล็อยหลับไป"
ภัทรหวังว่าคำตอบของตนคงไม่มีพิรุธให้คนฟังไม่สบายใจ สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากเป็นก็คือสร้างภาระทางจิตใจให้คุณเชษฐ์ต้องเป็นกังวลจนเสียสมาธิกับงาน
"ถ้างั้นก็แล้วไป ฉันรู้ว่ายิ่งใกล้งานเธอคงยิ่งต้องกลับดึกกว่านี้ ถ้าช่วงนี้พักผ่อนได้ก็ควรฉวยโอกาสไว้น่ะดีแล้ว"
คราวนี้รอยยิ้มของภัทรทอประกายจากในแววตาอย่างแท้จริง ถึงแม้คำแนะนำของอีกฝ่ายจะเป็นคำพูดทั่วๆ ไปที่ใครก็แนะนำได้ แต่เขารู้ได้จากน้ำเสียงว่าคนพูดอยากให้เขาทำตามนั้นจริงๆ
"ครับ ว่าแต่งานของคุณเชษฐ์เป็นยังไงบ้างครับ นี่ก็ไปได้เกือบเดือนแล้วนี่นา?"
ภัทรพยายามถามถึงความคืบหน้าของอีกฝ่ายบ้าง เพราะเขาเองก็ร้อนใจอยากให้คุณเชษฐ์ได้กลับมาเร็วๆ ช่วงเวลาที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาหนึ่งเดือนช่างยาวนานราวกับเป็นปีก็ไม่ปาน
"ก็ได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เกินเป้าที่คุณปรีชาเคยขอไว้เหมือนกัน แต่เห็นว่าทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยเพื่อขอปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ฉันก็ยังไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่"
ทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยงั้นหรือ...จะใช่เรื่องเดียวกับที่เขาได้ยินมาหรือเปล่า...
ภัทรรู้สึกเหมือนจู่ๆ สองมือก็อ่อนแรงจนแทบประคองโทรศัพท์ไม่อยู่ ขณะที่ในหัวตื้อจนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรต่อ ปลายสายก็ส่งเสียงในคออย่างแปลกใจ
"อื๋อ? ภัทร คุณปรีชาโทรมาน่ะ ถือสายรอก่อนนะ"
"อะ...ครับ"
ภัทรตอบไปตามสัญชาตญาณ ทว่าในหัวสับสนว้าวุ่นเข้าไปอีกว่าทำไมท่านประธานถึงได้โทรหาคุณเชษฐ์ตอนค่ำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่ามีเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องรีบบอกให้รู้ ก็เลยรอถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวหรือเปล่า...
ชายหนุ่มได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวาย อยากจะกำมือแน่นๆ เพื่อช่วยระบายความกังวลก็ทำไม่ได้เพราะติดผ้าพันแผลทั้งสองข้าง ครู่หนึ่งเขาจึงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังมาตามสายอีกครั้ง
"ขอโทษนะภัทร ท่าทางฉันคงต้องคุยกับคุณปรีชายาว เดี๋ยวดึกๆ ฉันค่อยโทรหาใหม่ได้มั้ย?"
ภัทรเม้มปาก เขารู้ดีว่าไม่ควรน้อยใจกับเรื่องนี้ จึงได้แต่พยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
"ไม่เป็นไรครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวผมจะนอนแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"
เขาตัดสินใจไม่เล่าทั้งเรื่องธราธรหรือเรื่องแผลที่มือ ความรู้สึกอยากปลดเปลื้องความหนักหน่วงในอกมลายไปสิ้นนับตั้งแต่ที่ได้ยินมาว่าคนที่รักอาจต้องไปทำงานต่างเมืองเป็นเวลานานๆ แล้ว
คู่สนทนาเงียบไปราวกำลังลังเล ฝ่ายภัทรได้แต่กลืนน้ำลายและพยายามไม่ให้เสียงสูดน้ำมูกหลุดเข้าไปในสาย ครู่หนึ่งน้ำเสียงทุ้มหนักแน่นจึงเอ่ยอย่างปลอบโยน
"ถ้างั้นค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ พักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะ จำที่ฉันบอกก่อนมาว่าห้ามไม่สบายได้ใช่มั้ย?"
"จำได้ครับ"
ภัทรพยายามฝืนทำเสียงสดใส แต่แทบจะทันทีที่สายถูกตัด ชายหนุ่มก็ปล่อยให้โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนโซฟา จากนั้นก็ชันเข่าขึ้นกอดและซบหน้าลง ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ หลุดออกมาภายในห้องอันเงียบสงัด มีเพียงน้ำตาที่ไหลหยดบนกางเกงผ้าจนชุ่มเป็นวง ควบกับความเศร้าหมองซึ่งบรรยายไม่ได้ที่แผ่ซ่านจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก
ทำไมกัน...หรือว่าเขาเป็นคนที่เกิดมาอาภัพด้านความรักหรือไง...
++---tbc---++
A/N: ในที่สุดก็ได้พาคุณเชษฐ์กลับมา (ด้วยเสียงก่อน ตัวยังไม่มา) ตอนที่กลับมาเริ่มเขียนเรื่องนี้ต่อ แอบรู้สึก amazing ตัวเองเล็กน้อย เพราะตอนแรกนึกว่าจะต้องทิ้งช่วงไปนานกว่านี้เสียแล้ว เพราะปีนี้เรายุ่งทั้งปีเลย แต่โชคดีว่าเข้ากลางพฤศจิกามาแล้วเริ่มหายใจหายคอได้บ้าง พอเอาเรื่องนี้มาอ่านทวน + ดำเนินเรื่องต่อจากจุดที่ค้าง เลยพิมพ์ได้เร็วกว่าที่คิด แต่เพราะรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะมากซึ่งเราอยากให้มันถูกต้องที่สุด ดังนั้นตอนต่อๆ ไปก็อาจจะใช้เวลานิดนึงแต่ไม่นานเป็นเดือนๆ แล้วล่ะค่ะเพราะเขียนสต็อกไว้บ้างแล้ว ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สนับสนุน คอยทวงถามถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ก็ขอให้ช่วยกันติดตามต่อไปจนกว่าจะจบด้วยนะคะ และเช่นเคย ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นต์จากทุกคนเสมอค่ะ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 23:18:31 น. |
|
15 comments
|
Counter : 2337 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กรู้ IP: 203.113.0.206 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:12:32 น. |
|
|
|
โดย: P'Maew IP: 58.11.141.37 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:14:38 น. |
|
|
|
โดย: แม่ยกคุณเชษฐ์ (drugcafe ) วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:06:54 น. |
|
|
|
โดย: tonnum IP: 223.206.20.134 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:21:24 น. |
|
|
|
โดย: Moddy IP: 110.168.145.135 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:32:42 น. |
|
|
|
โดย: ภัทร IP: 124.120.192.226 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:14:10 น. |
|
|
|
โดย: zequs IP: 110.49.10.48 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:37:17 น. |
|
|
|
โดย: NannY IP: 118.172.4.5 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:14:27 น. |
|
|
|
โดย: Sugary F. IP: 124.120.23.243 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:28:34 น. |
|
|
|
โดย: Niii IP: 110.77.136.84 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:40:32 น. |
|
|
|
โดย: น้ำชา สีเบจ IP: 101.109.57.165 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:19:28:35 น. |
|
|
|
โดย: Joy Supanut Cha (Pigarea) IP: 110.168.32.189 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:26:01 น. |
|
|
|
โดย: Regina_1 IP: 101.109.172.173 วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:1:29:16 น. |
|
|
|
โดย: JI IP: 125.24.13.18 วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:15:26:09 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:18:40:08 น. |
|
|
|
| |
|
|
คุณเชษฐ์ จารู้ไหมน๊า ว่า ภัทร ต้องการคุณเชษฐ์แค่ไหน....
หน่วงใจมากค่ะ คุณริน สงสาร ภัทร จังเลยยยยย
คุณเชษฐ์กลับมาหาภัทรเร็วๆน๊า