Group Blog
 
All blogs
 
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 24

แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ตอนที่ 24.


เนื่องจากเมื่อคืนภัทรนอนไปเพียงชั่วโมงเดียว เมื่อรวมกับความอ่อนเพลียที่สะสมมาตั้งแต่เฝ้าดูแลคนเจ็บที่โรงพยาบาล เขาจึงหลับสนิทโดยไม่รู้สึกตัวตื่นเลยตลอดเวลาที่เชษฐ์ขับรถ แม้กระทั่งตอนที่รับรู้ว่ารถเลี้ยวเข้าจอดที่ใดสักแห่งและได้ยินเสียงทุ้มลอยมาเข้าหูแว่วๆ ว่า “เต็มถัง” เขาก็ยังสะลึมสะลือจนลืมตาไม่ขึ้น และผล็อยหลับต่อในไม่ช้าเมื่อรถเคลื่อนตัวในไม่กี่นาทีให้หลัง

ภัทรรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็เมื่อรับรู้ว่ารถจอดนิ่งกับที่โดยไม่ติดเครื่อง นัยน์ตาเรียวปรือขึ้นอย่างเชื่องช้าเพื่อปรับม่านตาเข้ากับแสงสว่างยามเช้า อากาศภายในรถไม่ได้เย็นจัดเพราะเครื่องปรับอากาศอีกต่อไป แต่เป็นความเย็นจากลมธรรมชาติที่พัดโชยเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งช่วยให้ไม่รู้สึกร้อนหรืออึดอัด

“...เอ๊ะ?”

ภัทรเหลียวไปมองที่นั่งข้างตัวขณะค่อยๆ เลิกผ้าห่มออกด้วยความรู้สึกผิดปกติ พลันความง่วงงุนก็ปลิวหายเมื่อพบว่าตนอยู่ในรถเพียงลำพัง

ซ่า.......

เสียงแผ่วๆ ที่ลอยมาเข้าหูนั้นจะว่าคุ้นเคยก็ไม่ใช่ จะว่าแปลกหูก็ไม่เชิงเสียทีเดียว เมื่อลองหันกลับไปมองนอกหน้าต่างฝั่งตัวเอง ภัทรก็ต้องยกมือขึ้นป้องแสงสะท้อนของเปลวแดดที่วิบไหวอยู่บนผืนทะเลซึ่งกำลังซัดเข้าหาหาดทรายตรงหน้า

“คุณเชษฐ์?”

ภัทรกะพริบตาอย่างงุนงง กลิ่นทะเลเจือจางที่ลอยมาตามลมทำให้รู้ว่าเขาอยู่ริมหาดที่ใดสักแห่ง ความแปลกใจกับสถานที่ทำให้ไม่สามารถรวบรวมความคิดอันสับสนได้ในทันที แต่เมื่อกวาดสายตาไปเห็นร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังยืนรับลมอยู่หน้าหาดอันปราศจากผู้คน เขาก็รีบลงจากรถแล้วเดินผ่านแนวต้นสนสูงที่เรียงรายเลียบถนนลงไปหา

แสงอาทิตย์สีทองอาบไล้ร่างที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้า ชายเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวที่ไม่ได้ยัดเข้าในกางเกงยีนส์ปลิวตามลมน้อยๆ ยามที่เชษฐ์หันมาเพราะได้ยินเสียงฝีเท้า

“ตื่นแล้วเหรอ? พอดีฉันเห็นเธอกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก นอนอิ่มหรือยัง?”

เชษฐ์ยิ้มเมื่อภัทรเดินเข้าไปใกล้ ร่างเพรียวจึงพยักหน้าพลางปรายตามองไปยังทิวทัศน์ที่ทอดตัวอยู่ไม่ห่าง ลมที่โชยมาทำให้ผมของเขาลงมาปรกตาจนต้องยกมือเสยขึ้นแล้วจับไว้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองนอนจนเกินอิ่มไปมากแล้วด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นจะโดนพาออกมานอกเมืองไกลขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวสักนิดได้อย่างไร

ถึงแม้จะใส่รองเท้าผ้าใบมิดชิด แต่ภัทรก็รับรู้ได้ว่าผืนทรายสีส้มอิฐใต้ฝ่าเท้านั้นนุ่มละเอียด คลื่นน้ำทะเลที่ม้วนตัวสู่ฝั่งก่อนจะกลืนหายไปกับผืนทรายอ่อนเบาเหมือนกับลมที่โชยพัด พระอาทิตย์ลอยสูงเหนือผิวน้ำซึ่งใสจนเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง แดดที่ส่องเป็นมุมทะแยงลงมาโดยมีเมฆช่วยกรองความจัดจ้าทำให้ภัทรรู้ว่าคงยังเป็นเวลาสาย ความงุนงงกับสิ่งแวดล้อมตรงหน้าทำให้อดจะออกปากถามเพื่อขอคำยืนยันไม่ได้

“คุณเชษฐ์ครับ ที่นี่...”

“บ้านเธอที่เมืองจันทน์ไง ตั้งแต่ตอนไประยองก็กะจะพามาหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีเวลาสักที ไหนๆ วันนี้ว่างก็เลยขับรถพามากินลมเล่นซะเลย”

เชษฐ์หันมองตามสายตาของภัทรพลางอธิบาย ภัทรจึงเบนสายตากลับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนพูด ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกอันหลากหลายจนยากจะบรรยายขึ้นมา

หรือเพราะคุณรู้ว่าพวกเราอาจมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไม่นาน ถึงได้ตั้งใจพาผมมาถึงที่นี่...

ภัทรถามโดยไม่เปล่งเสียง เขาเพียงแต่ขยับเข้าไปใกล้และยกมือหนึ่งขึ้นกำแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ เชษฐ์จึงเบนสายตากลับมา จากนั้นคิ้วดกหนาก็มุ่นขึ้นเมื่อเห็นแววตาที่กำลังมองตัวเอง

"ไม่ชอบที่พามานี่เหรอ?"

"เปล่าครับ ไม่ใช่"

ภัทรส่ายหน้าและพยายามยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร ในเมื่อตอนเช้ามืดก็บอกไปแล้วว่าขอแค่ได้ใช้เวลากับอีกฝ่ายก็เพียงพอ ดังนั้นต่อให้ถูกพาไปไหนเขาก็ไม่ขัดทั้งนั้น

เชษฐ์ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเพียงแต่มองสบตาคนตัวเล็กกว่านิ่งๆ ขณะยกมือขึ้นลูบผมให้ สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าภัทรกำลังมีบางสิ่งรบกวนจิตใจ และรู้ดีด้วยว่าเจ้าตัวจะไม่พูดออกมาหากกำลังพยายามปกปิดอยู่เช่นนี้

"ไปเดินเล่นกันมั้ย?"

เชษฐ์ถามขณะลดมือลงกุมมือของภัทรเอาไว้ ภัทรจึงยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และแบมือยื่นออกไป

"ขอกุญแจรถก่อนครับ"

เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่ก็ล้วงกระเป๋าส่งพวงกุญแจให้แต่โดยดี ภัทรรีบเดินกลับไปที่รถแล้วปิดกระจกหน้าต่างทุกบานให้เรียบร้อย จากนั้นก็เปิดช่องเก็บของหน้ารถเพื่อหาของที่ต้องการ เมื่อได้แล้วจึงล็อคประตูแล้วเดินกลับไปหาคนที่กำลังยืนรอ

"หมวกครับคุณเชษฐ์ ตอนนี้แดดยังอ่อนอยู่ก็จริง แต่ถ้าสายกว่านี้เดี๋ยวจะร้อน"

ภัทรส่งหมวกที่เชษฐ์สวมตอนออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันก่อนให้ ร่างสูงใหญ่จึงรับไปสวมพลางหัวเราะในคอ เขารับกุญแจรถกลับมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าและม้วนขากางเกงขึ้น ภัทรจึงทำตามบ้าง

"วันนี้อากาศดีนะ"

ภัทรพยักหน้าขณะส่งมือไปกุมมือใหญ่ที่ยื่นออกมารอ จากนั้นทั้งสองก็เดินช้าๆ เลียบหาดทรายด้วยกัน สัมผัสเย็นฉ่ำจากน้ำทะเลและผืนทรายที่ยวบตัวยามเท้าเปลือยเปล่าย่ำลงไปช่วยให้เขารู้สึกว่าสมองแจ่มใสมากขึ้น

หาดทรายที่ทอดตัวยาวเป็นเส้นโค้งในช่วงเช้าไร้นักท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นวันธรรมดา และจุดที่เชษฐ์จอดรถก็ไม่ใช่บริเวณที่มีร้านอาหารหรือรีสอร์ทตั้งอยู่ อีกด้านของถนนที่เลยขึ้นไปจากชายหาดเป็นเชิงเขาเตี้ยๆ และนอกจากเรือประมงที่จอดเรียงรายเป็นจุดอยู่ในระยะไกล ภัทรก็ไม่เห็นใครในบริเวณใกล้เคียงอีก

ความปลอดโปร่งจากทิวทัศน์และอากาศบริสุทธิ์ทำให้ภัทรรู้สึกผ่อนคลายจากความวิตกกังวลที่กัดกร่อนจิตใจมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เขาหยีตามองผิวน้ำที่สะท้อนแสงยามเช้าระยิบระยับจนเหมือนมีผงทองโรยอยู่บนเกลียวคลื่น แล้วก็ให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เขากับเชษฐ์ไปเดินเล่นดูดาวริมทะเลที่ระยองด้วยกัน ตอนนั้นเขาก็เคยคิดอยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ใช้ร่วมกันสองคนยืนยาวตลอดไปเหมือนในยามนี้เช่นกัน

ทั้งที่นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน แต่เพราะนับจากนั้นก็มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน ความทรงจำอันสวยงามจากการไปเที่ยวด้วยกันเพียงครั้งเดียวจึงติดตรึงราวกับเป็นภาพอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน และทำให้ภัทรรู้สึกราวกับชั่วชีวิตนี้ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครมาก่อนเลยนอกจากคนที่กำลังกุมมือเขาในเวลานี้

เสียงหัวเราะเบาๆ ของคนที่กำลังเดินเคียงข้างเรียกให้ภัทรเงยหน้าขึ้นพลางเลิกคิ้วอย่างมีคำถาม เชษฐ์เหลือบตาลงสบตากับเขาแล้วก็บุ้ยคางไปทางผืนทะเลที่กำลังบ่มแสงแดดจนเป็นสีเงินวาว

"นึกถึงเมื่อตอนที่เราว่ายน้ำแข่งกัน จำได้มั้ยว่าตอนนั้นเธอลงน้ำไปได้ยังไง?"

ภัทรหน้าร้อนซู่เมื่อโดนเตือนความจำ เขาจะลืมเรื่องน่าอายแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคุณเชษฐ์เองที่เป็นคนบังคับอุ้มเขาลงน้ำแล้วยังมาใช้เงื่อนไขให้ต้องว่ายน้ำแข่งกันอีก แถมหลังการแข่งยังเกิดเรื่องที่น่าอายกว่าแค่ไหน

แต่ถ้ามานึกทบทวนให้ดีแล้ว...นับตั้งแต่กลับจากไปเที่ยวทะเลด้วยกันคราวนั้น คุณเชษฐ์ก็ไม่เคยทวงถามถึงรางวัลที่ควรจะได้สักครั้งเลยนี่นา...

"คุณเชษฐ์ครับ?"

"หืม?"

เชษฐ์ส่งเสียงถามในคอทั้งที่ยังยิ้ม นัยน์ตาคมเป็นประกายคู่นั้นดึงดูดให้ภัทรจ้องมองอย่างเผลอไผล เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนแรกที่เริ่มคบกัน ตนจึงมัวแต่อิดออดนักหนากว่าจะเปิดใจรับอีกฝ่ายเข้ามาในหัวใจ

ทั้งที่คุณมอบความรักและเข้าใจให้ผมมากมายมาตลอดถึงขนาดนี้

"คุณเชษฐ์ จำได้ใช่มั้ยครับว่าคนที่แข่งชนะตอนนั้นมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากคนที่แพ้หนึ่งข้อ?"

เขาจำรายละเอียดไม่ได้ชัดเจนว่าคนที่ชนะมีสิทธิ์ออกคำสั่ง หรือว่าคนแพ้ต้องยอมทำอะไรก็ได้ตามที่ถูกขอกันแน่ แต่ในเมื่อสุดท้ายแล้วรางวัลก็คือสิ่งเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะพูดจากมุมมองของใครก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ

เชษฐ์มองสบตาคนถามนิ่ง นัยน์ตาหวานโศกที่มองกลับมาไม่มีร่องรอยของความอิดโรยเหมือนเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว ทว่าความสงบนิ่งในแววตาที่ราวกับได้ทำใจยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างกลับสะกิดใจเขามากขึ้นกว่าเดิม

"จำได้สิ ฉันเป็นคนออกเงื่อนไขเองนี่"

ร่างสูงใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองเมื่อภัทรปล่อยมือของทั้งสองที่เกาะกุมกันไว้ก่อนจะก้าวเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเพื่อให้เชษฐ์มองเห็นเขาชัดๆ

"ตอนนี้ คุณเชษฐ์ควรทวงของรางวัลได้แล้วนะครับ"

ภัทรทิ้งรองเท้าที่ถือมาลงบนผืนทรายพลางเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนตรงหน้า เขาตัดสินใจแล้วว่าขอเพียงทั้งสองได้ใช้เวลาที่มีร่วมกันในตอนนี้อย่างมีความสุขก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายจะเลือกไปทำงานที่ต่างประเทศจนทำให้ต้องอยู่ห่างกันหรือไม่...เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่าย และจะไม่ทัดทานเด็ดขาดหากนั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวต้องการ

เพราะเช่นเดียวกับคุณชาญที่ต้องการเห็นบุตรชายไปได้ดีในหน้าที่การงานที่มีความถนัด ภัทรเองก็ไม่อยากเป็นอุปสรรคที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาให้อีกฝ่ายต้องคอยพะวงหลัง

นัยน์ตาสีนิลวาวหลังเลนส์แว่นหรี่ลงจับจ้องคนตรงหน้า ร่างเพรียวในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวที่โดนลมทะเลไล้จนปลายผมปลิวและเสื้อแนบลู่กับตัวนั้นดูเหมือนเครื่องบรรณาการที่พร้อมจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้แก่ผู้ที่ประกาศความเป็นเจ้าของ และเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพที่เห็นส่งอิทธิพลให้อยากกระชากร่างของภัทรเข้ามากอดรัดในอ้อมแขน ใช้ริมฝีปากบดขยี้กลีบปากนุ่มที่ระยะนี้ชอบเอ่ยถ้อยคำหวานแสดงความเอาใจ และใช้กำลังเรียกร้องให้อีกฝ่ายหอบครวญครางแต่ชื่อของเขาราวกับคนไม่รู้จักพอสักเพียงไหน

แต่เขารู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ภัทรต้องการอย่างแท้จริงในยามนี้ และไม่ใช่สิ่งที่เขาเองก็ต้องการเช่นกัน ถ้าหากยังไม่สามารถกำจัดม่านหมอกอันพร่าเลือนที่คลี่บังอยู่รอบจิตใจของอีกฝ่ายได้ ต่อให้ได้รางวัลที่ทวงขอ เขาก็จะไม่ได้รับความอิ่มเอมใจอย่างที่ปรารถนาได้เต็มที่เลย

ภัทรมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตาเรียวค่อยๆ เหลือบขึ้นตามความสูงเมื่อร่างทั้งสองประชิดกันในระยะห่างเพียงมีสายลมพัดผ่าน เขาหลับตาลงเมื่อมืออุ่นจัดข้างหนึ่งวางทาบลงบนแก้ม ทว่าแทนที่จะได้รับสัมผัสบนริมฝีปาก เขากลับรู้สึกได้ถึงริมฝีปากหยุ่นที่แตะแต้มลงบนหน้าผากเพียงแผ่วเบา

ร่างสูงเพรียวปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อสัมผัสอันอบอุ่นนั้นผละไป แต่ฝ่ามือที่แนบแก้มยังคงวางอยู่ที่เดิม

"คุณเชษฐ์?"

ภัทรเอ่ยเรียกอย่างไม่เข้าใจ เพราะนัยน์ตาที่ทอดมองเขาตอนนี้เร่าร้อนดั่งเพลิงสุมไม่ต่างจากเมื่อคืนที่ทั้งคู่อยู่ในห้องน้ำก่อนจะถูกขัดจังหวะ ทว่าหลังความเร่าร้อนนั้นมีประกายของความครุ่นคิดอย่างที่ภัทรยากจะตีความหมายแทรกแซมอยู่ด้วย

"ฉันจะขอทวงของรางวัล แต่มันอาจไม่ใช่ในรูปแบบที่เธอคิด ภัทร...ฉันหวังว่าต่อไปคงจะไม่ต้องพูดคำนี้อีก แต่ถ้าหากมีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่ก็พูดออกมาเถอะ ทุกเรื่องทั้งตอนนี้และหลังจากนี้ไป ฉันไม่ชอบเห็นเธอคิดอะไรแล้วก็เก็บไว้ทรมานใจคนเดียว"

ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงจากผิวแก้มมาหยุดบนริมฝีปากนุ่ม แต่เชษฐ์ไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาคมกริบที่ราวกับมองทะลุได้ถึงทุกความรู้สึกจ้องตรงแน่วนิ่งเข้าไปในดวงตาที่กำลังมีหยาดน้ำเอ่อคลอของภัทร

คุณเชษฐ์ดูออกด้วยหรือ...ทั้งที่เขาพยายามปกปิดความหวั่นไหวในใจเอาไว้ถึงขนาดนี้

"ผม..."

ภัทรรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งติดอยู่ในลำคอจนทำให้เสียงที่หลุดออกมาสั่นสะท้าน เขากลืนน้ำลายและพยายามบังคับน้ำตาที่ขังคลอให้ไหลกลับลงไป ไม่เช่นนั้นถ้าเขาฟูมฟายก็จะไม่ต่างอะไรกับการเป็นเด็กหนุ่มที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่ต่างจากตัวตนอันอ่อนแอในอดีตที่เคยตั้งใจว่าจะละทิ้งและกลบฝังไว้เบื้องหลัง

ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เร่งเร้า เพียงแต่ช่วยใช้นิ้วโป้งกดซับหยดน้ำส่วนที่ทำท่าจะปริ่มออกจากขอบตาให้ กิริยาอันนุ่มนวลและเปี่ยมด้วยความเข้าใจโดยไม่กดดันทำให้ภัทรยอมแพ้ และสลายม่านหมอกที่ปกคลุมหัวใจตัวเองออกในที่สุด

"ผมได้ยินที่คุณเชษฐ์คุยกับคุณพ่อเมื่อคืนนี้เรื่องเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ ผมรู้ว่าไม่ควรไปแอบฟัง...แต่มันอดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษครับ...คุณเชษฐ์"

น้ำเสียงท้ายประโยคสั่นเครือเมื่อเขาเอ่ยคำว่าขอโทษ ภัทรอับอายเหลือเกินกับนิสัยชอบคิดมากของตัวเอง เขาเคยคิดว่าได้เติบโตขึ้นจากอดีตมากพอที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนของอนาคตได้แล้ว ทว่าเมื่อมันเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับคนเพียงคนเดียวที่เขาอุทิศหัวใจให้ เรื่องที่อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปในบัดดล เพราะเขาไม่รู้ว่าอนาคตที่เชษฐ์เลือกจะมีที่ว่างพอสำหรับตัวเขาหรือเปล่า

เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังขึ้นเหนือศีรษะเมื่อร่างสูงใหญ่รั้งเขาเข้าไปกอด ภัทรเองก็ไม่ได้ขืนตัวและโน้มร่างเข้าหาตามแรงโอบแต่โดยดี ชายหนุ่มเอียงหน้าลงฟังเสียงจากแผ่นอกอันแข็งแกร่ง ในเวลาที่หัวใจเขาเองอ่อนล้าเหลือเกินกับความไม่แน่นอนที่จับต้องไม่ได้ เสียงหัวใจที่เต้นอย่างแข็งแรงสม่ำเสมอซึ่งส่งผ่านออกมาช่วยเหนี่ยวรั้งภัทรให้อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น

ทั้งคู่ต่างไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอยู่เนิ่นนาน มีเพียงเสียงคลื่นเซาะหาดทรายและความเย็นจากน้ำที่ไล้มากระทบฝ่าเท้าซึ่งเป็นสัญญาณของเวลาที่ล่วงผ่าน

"...เมื่อคืนได้ฟังจนถึงตอนไหน?"

น้ำเสียงของเชษฐ์ไม่ได้คาดคั้น ร่างสูงใหญ่เพียงกระซิบถามข้างหูโดยที่ไม่ได้ปล่อยภัทรออกจากอ้อมแขน ฝ่ามือที่ลูบหลังขึ้นลงอย่างปลอบโยนส่งผ่านความอบอุ่นเข้ามาในใจ และทำให้ภัทรรู้สึกว่าเขาสามารถเล่าทุกเรื่องได้โดยไม่ต้องกลัวจะถูกตำหนิ

"ถึงตอนที่คุณเชษฐ์บอกว่าจะเก็บไปคิดดูครับ พอคุณแม่ของคุณเชษฐ์เดินออกมาตาม ผมก็เลยกลับขึ้นไปบนห้อง"

"อ้อ"

เชษฐ์ตอบรับในคอโดยไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ครู่ใหญ่กว่าร่างสูงจะดันคนในอ้อมแขนออกแล้วมองตาภัทรตรงๆ อีกครั้ง

"เธออยากให้ฉันไปหรือเปล่า?"

น้ำตาที่แห้งไปแล้วทำท่าจะรื้นขึ้นมาใหม่ แต่ภัทรก็เพียงหลุบตาลงเพื่อเลี่ยงการสบตาคนถาม

"มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของคุณเชษฐ์ครับ แม้แต่คุณปรีชายังเคยบอกคุณเชษฐ์ว่าอย่าทิ้งโอกาสที่มีคนยื่นให้ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่นในบริษัทจะมีโอกาสบ่อยๆ เหมือนกัน แม้แต่ผมเอง..."

ภัทรพูดต่อไม่ออกว่า "....ก็ไม่อยากให้คุณเชษฐ์เสียโอกาสแบบนี้ไป" ทั้งที่มันเป็นประโยคที่ควรพูด แต่เมื่อมันหมายถึงการที่ทั้งสองจะต้องอยู่ห่างกัน เขาก็เค้นคำพูดนั้นออกจากคอไม่ได้

เสียงหัวเราะเบาๆ จากเหนือศีรษะทำให้ภัทรมุ่นคิ้วแล้วเหลือบตาขึ้น แววตาอ่อนโยนบนใบหน้าที่กำลังมองเขานั้นสะท้อนความรักใคร่ที่มีให้อย่างเต็มเปี่ยม และยิ่งทำให้ภัทรลำคอตีบตันมากขึ้นไปอีก

"ไม่อยากให้ฉันไปใช่ไหม?"

เชษฐ์ถามยิ้มๆ เหมือนอ่านใจภัทรได้ทะลุปรุโปร่ง ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะพยายามปกปิดความในใจด้วยคำพูดสวยหรูเพียงใดก็หลอกลวงอีกฝ่ายไม่ได้เลย ภัทรจึงได้แต่สูดน้ำมูกแล้วเบนสายตาหนีอีกครั้ง

"ผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอกครับ"

"ทำไมล่ะ? ทั้งที่ฉันอยากได้ยินจากปากเธอน่ะเหรอ?"

ภัทรเม้มปาก นัยน์ตาเรียวยังคงไม่ยอมช้อนขึ้นสบตาคนที่จับต้นแขนทั้งสองข้างของตนไว้แน่น เขาไม่อยากโดนคุณเชษฐ์ล้อเล่นในเรื่องสำคัญแบบนี้ ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่านี่คือโอกาสสร้างความก้าวหน้าซึ่งคนอื่นคงไม่ลังเลที่จะคว้าไว้

"ภัทร ฟังนะ"

น้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานขึ้นเรียกให้ภัทรต้องยอมเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ และพบว่าแม้นัยน์ตาที่มองมาจะยังทอประกายแย้มยิ้ม แต่ลึกลงในนั้นก็มีความจริงจังแฝงอยู่

"จริงอยู่ที่โอกาสที่จะได้ไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ไม่ได้มีกันบ่อยๆ แต่ว่านะ ฉันไม่เคยคิดจะไปตั้งแต่แรกแล้ว”

"เอ๊ะ? แต่ว่า..." ภัทรหยุดพูดเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงว่ายังพูดไม่จบ

"ฉันคงไม่เคยเล่าให้ฟังว่าก่อนที่บริษัทของเราจะเข้าร่วมกับบริษัทที่ต่างประเทศแล้วเปลี่ยนชื่อ มันเคยเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ที่พ่อของฉันกับคุณปรีชาช่วยกันบุกเบิกขึ้นมา แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่ามันจะเป็นที่ยอมรับอย่างทุกวันนี้ นั่นเป็นเรื่องที่ฉันรับรู้และเห็นมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก”

ภัทรมุ่นคิ้วด้วยไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ตั้งใจฟังโดยไม่เอ่ยขัด

"ตั้งแต่มาทำงานกับคุณปรีชา ฉันก็รู้ว่าบริษัทของเรายังโตได้อีกมาก ตอนไปเทรนนิ่งที่สำนักงานใหญ่ทำให้ฉันยิ่งรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่นั่นก็พิสูจน์ความสามารถได้ แค่พัฒนาโครงการที่คิดไว้ให้สำเร็จจนสำนักงานใหญ่ต้องขอโมเดลไปทำตามก็พอแล้ว นี่คือข้อตกลงที่ฉันบอกคุณปรีชาตอนที่ปฏิเสธเรื่องไปคุมออฟฟิศที่เวียดนาม เพียงแต่ฉันไม่ได้บอกพ่อเรื่องนี้”

ภัทรกะพริบตาปริบ สิ่งที่เพิ่งได้รับฟังช่างมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายจนเขาไม่สามารถย่อยข้อมูลทุกอย่างได้ในชั่ววินาที กระนั้นคลื่นความอบอุ่นที่มองไม่เห็นก็ค่อยๆ หลอมละลายความหนาวเย็นที่ห่อหุ้มจิตใจนับตั้งแต่ได้ยินคำว่า 'ฉันไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่นั่น'

"คุณเชษฐ์หมายความว่า...จะไม่ไปอยู่ที่สำนักงานใหญ่?"

แม้จะตีความได้เช่นนั้นแล้ว แต่ภัทรก็ยังอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อความมั่นใจ เขาอยากรู้ว่าการที่อีกฝ่ายเลือกจะไม่ไปนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตในหน้าที่การงานจริงๆ

"ไม่ไปหรอก จริงอยู่ที่คุณปรีชาเคยสอนฉันว่าเราไม่ควรทิ้งโอกาสที่มีคนหยิบยื่นให้ แต่แทนที่จะเอาแต่รอโอกาสจากคนอื่น เราก็ชิงสร้างโอกาสให้ตัวเองก่อนก็ได้นี่ จริงไหม?”

เชษฐ์ยิ้มขณะมองสีหน้าของภัทรที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากหมองเศร้าเป็นเปล่งปลั่งเพราะความดีใจ จริงอยู่ว่าเมื่อคืนนี้เขาตะลึงนิดหน่อยที่ได้รู้ว่าทางสำนักงานใหญ่สนใจในตัวเขา แต่เรื่องโครงการที่เขาอยากทำเพื่อพัฒนาออฟฟิศที่เมืองไทยเป็นสิ่งที่ถูกคิดเพื่อเตรียมนำเสนอคุณปรีชามานานแล้ว และเชษฐ์ไม่ต้องการเห็นแผนงานที่ตนริเริ่มไว้ถูกละทิ้งหรือเปลี่ยนมือให้คนอื่นมารับผิดชอบกลางคัน

คำพูดที่ว่าเราควรสร้างโอกาสให้ตนเองแทนที่จะรอคนอื่น ความจริงแล้วเป็นคำพูดที่พ่อของเขาเคยกล่าวให้ฟังตอนที่แยกไปทำธุรกิจของตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่อาจเพราะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานจึงทำให้เจ้าตัวหลงลืมคำพูดนั้นไป รวมทั้งความดื้อรั้นของลูกชายหัวแข็งคนนี้ด้วยก็เป็นได้

"แล้วทำไมเมื่อคืนคุณเชษฐ์ถึงบอกคุณพ่อว่าจะคิดดูล่ะครับ?"

ภัทรถามคำถามสุดท้าย เพราะถ้าหากเมื่อคืนได้ยินอีกฝ่ายตอบเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่เก็บเอาเรื่องที่ได้ยินมาคิดมากจนทำให้ตัวเองต้องปวดใจถึงขนาดนี้

คำถามของเขาเรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง เชษฐ์ก้มลงแนบริมฝีปากบนผิวแก้มของภัทรก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบตามด้วยความเอ็นดู สัมผัสอันอ่อนโยนทำให้ภัทรรู้สึกว่าผิวแก้มที่โดนแตะต้องอุ่นวาบ

"ตอนนั้นฉันไม่อยากให้พ่อเสียน้ำใจที่อุตส่าห์บินมาเยี่ยมจากต่างประเทศ แล้วพอจะบอกข่าวดีกับลูกชายก็โดนปฏิเสธเสียอีก ทางที่ดีที่สุดก็คือให้คำตอบไปแบบนั้น ฉันตั้งใจว่าพอเวลาผ่านไปสักพักจนโครงการใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วถึงค่อยบอกพ่อว่าตัดสินใจแบบนี้ ถึงตอนนั้นต่อให้อยากสนับสนุนฉันไปสำนักงานใหญ่แค่ไหนก็คงต้องยอมรับว่าฉันอยู่ที่นี่ดีกว่า แล้วอีกอย่างนะ...ภัทร"

ภัทรมองใบหน้าที่ก้มลงมาหา ระยะที่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจบนปลายจมูกของกันและกันทำให้เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในแววตาหลังเลนส์ใส ใบหน้าคมคายยิ้มอบอุ่นก่อนจะก้มลงแนบริมฝีปากบนกลีบปากสีชมพูอ่อน

"ต่อให้เลือกจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่มีวันทิ้งเธอไว้คนเดียวหรอก เลิกคิดมากเรื่องนั้นได้เลย"

จุมพิตที่แนบลงบนริมฝีปากนั้นนุ่มนวลแต่ก็หนักแน่น เช่นเดียวกับอ้อมแขนที่รั้งตัวภัทรเข้าไปกอดไว้แนบอก เขารู้สึกราวกับความหนักอึ้งดุจหินที่กดทับจิตใจตั้งแต่คืนก่อนค่อยๆ กร่อนสลาย เวลานี้ความเต็มแน่นในอกหาได้มาจากความอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออกอีกต่อไป แต่เป็นความพองฟูจากความยินดีจนทำให้ในหัวว่างเปล่าจากเรื่องไม่สบายใจทั้งหมด

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่นาทีก่อน ภัทรยังรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนปากเหวแห่งความทดท้อที่พร้อมจะดึงดูดให้ร่วงหล่นลงไปทุกเสี้ยววินาที แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก

"ทำไมยังร้องไห้อีกล่ะ? ไม่ดีใจเหรอที่ฉันไม่ไป?"

เชษฐ์ถามยิ้มๆ หลังถอนริมฝีปากออก ภัทรจึงได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าคนถามย่อมเข้าใจว่าน้ำตาครั้งนี้ถูกกลั่นมาจากความรู้สึกแบบไหนแท้ๆ

"ผมรักคุณเชษฐ์ที่สุดเลยครับ"

ภัทรยิ้มให้กับเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบตัวเองไว้ ตอนนี้เขายินดีมอบพันธนาการทั้งตัวและหัวใจให้แก่คนตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความคลางแคลงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจากนี้หรือตลอดไป ภัทรก็มั่นใจว่าคนคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เขาก็จะไม่มีวันปล่อยหัวใจให้อ่อนแอจากการระแวงสงสัยในความมั่นคงของอีกฝ่ายอีกเช่นกัน

เชษฐ์ยิ้มพลางใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำจากหางตาของภัทรอย่างทะนุถนอม ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาช่างพร่าพรายจับตาจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แม้ไม่อาจให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้คนที่ความนึกคิดละเอียดอ่อนเหลือเกินคนนี้ต้องเสียน้ำตาอีกในอนาคต แต่เชษฐ์ก็ให้คำมั่นกับตัวเองได้ว่าอย่างน้อยที่สุด เขาจะทำให้น้ำตาเหล่านั้นเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาจากความยินดีเฉกเช่นในครานี้เท่านั้น

สายตาสองคู่สบประสานโดยไม่ปล่อยมือที่โอบกอดกันและกัน ในแววตามีเพียงภาพสะท้อนของคนตรงหน้าโดยไม่นำพากับสายลมแผ่วพลิ้วที่โอบล้อม แสงอรุณที่ทอลงมาบนร่างผ่านปุยเมฆสีขาวดุจใยสำลี หรือเกลียวคลื่นที่ส่งละอองความเย็นมาให้ทุกครั้งที่ซัดสาดขึ้นบนผืนทราย สิ่งเดียวที่ต่างก็รับรู้ได้ในยามนี้คือความอ่อนหวานอันแสนลึกซึ้งที่ต่างพร้อมจะมอบให้คนในอ้อมแขนเพียงคนเดียว

ไม่จำเป็นต้องขอคำมั่น หรือเอ่ยคำสาบานใดๆ เพื่อยืนยันความในใจอีกแล้ว

เพียงแค่มองเข้าไปในแววตา ก็รับรู้ได้แล้วว่าความสุขชั่วชีวิตที่เคยค้นหา ยืนอยู่ตรงหน้านี้เอง...



++---End---++



A/N: นับเป็นการเดินทางอันยาวนานมากจริงๆ สำหรับคุณเชษฐ์กับน้องภัทรกว่าจะมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงโล่งใจไปด้วยที่ในที่สุดน้องภัทรก็ก้าวข้ามความไม่มั่นใจต่างๆ นานาไปได้เสียที และหลังจากนี้คงมีแต่เรื่องหวานๆ รออยู่ คิดว่าหลายคนคงแอบหวังให้มีอะไรอิ๊อ๊ะกว่านี้สักหน่อย (ตามประสา Bellbomb ... เอ๊ะยังไง) แต่สำหรับตอนนี้ เราว่านี่เป็นบทสรุปที่เหมาะสมของคู่นี้แล้วค่ะ ส่วนอะไรที่อยากอ่านกันซึ่งมากกว่านี้...ก็เอาไว้หลังจากนี้ไปก็แล้วกันเนาะ

ความจริงมีอะไรหลายอย่างอยากพูดเกี่ยวกับตอนจบ แต่ก็พร่ำรำพันไปเยอะพอสมควรแล้วในเฟสบุ๊คจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก เอาเป็นว่าจะพยายามเขียนทอล์คยาวๆ หลังจากตอนส่งท้ายที่จะมาแปะให้อ่านก็แล้วกันค่ะ เพียงแต่อาจไม่ได้ตามมาอย่างรวดเร็วนัก ยังไงก็รอติดตามคุณเชษฐ์กับน้องภัทรต่อกันอีกหน่อยนะคะ รักคนอ่าน + ตาหวานใส่ทุกคนที่คอมเม้นต์ให้ทั้งในบล็อกและที่เฟสบุ๊คค่า


Create Date : 25 มีนาคม 2556
Last Update : 26 มีนาคม 2556 8:47:11 น. 13 comments
Counter : 1311 Pageviews.

 
โอ้ยยยยย หวานไม่ถึงครึ่งของความเศร้าที่ผ่านมา แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย อิอิ จบแบบนี้ ไร้ซึ่งฉากเข้าพระเข้านาง เค้ารนับไม่ได้นะตัวเอง ยังคงรออยู่เสมอหวังว่าจะมีโผล่มาให้ชมในตอนพิเศษ เพิ่มไข่เพิ่มเนื้อเพิ่มเส้นนะจ๊ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่ผ่านการหมักดองให้มีรสชาติกล่อมกล่อมเข้าขั้นจ้า


โดย: sunisa131 IP: 58.137.231.151 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:9:53:03 น.  

 
จบแบบบรรยากาศดีมา กลิ่นทะเลมาเลย ดีจังที่คุณเชษฐ์เป็นผุ้ใหญ่มาก แบบนี้ถึงจะคู่กับคนคิดมากอย่างภัทรได้ ขอบคุณค่ะน้องรินที่จบไปอีกเรื่องนึงแล้ว รักคนเขียน


โดย: ๋Josephine IP: 66.176.119.220 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:9:55:27 น.  

 
โฮ่ววววววววววววววว

ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง(?) แล้ว ไม่ได้อ่านคู่นี้เป็นคู่แรก แต่เป็นคู่ที่ลุ้นมากที่สุดเลย...

ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งพล็อต ทั้งช่วงอายุของตัวละคร ทำให้อินไปด้วย อาจเป็นเพราะวัยทำงานเหมือนกันก็เป็นได้ ^^

ขอบคุณคุณรินที่แต่งเรื่องน่ารักๆ อย่างนี้นะคะ ต่อไปก็ขอตั้งหน้าตั้งตารอรวมเล่มแล้วคะ ^^


โดย: pornvrin IP: 101.108.164.6 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:9:57:59 น.  

 
เดินเรื่องเรื่อยๆ แต่ก็แอบมีคำคมเล็กๆ

ชอบประโยคนี้มาก
"เราไม่ควรทิ้งโอกาสที่มีคนหยิบยื่นให้ แต่แทนที่จะเอาแต่รอโอกาสจากคนอื่น เราก็ชิงสร้างโอกาสให้ตัวเองก่อนก็ได้นี่"

มันทำให้คนฟัง(คนอ่าน)รู้สึกมั่นคงได้เยอะเลย

แล้วยังมาย้ำหัวตะปูแห่งความมั่นคงอีก
"ต่อให้เลือกจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่มีวันทิ้งเธอไว้คนเดียวหรอก เลิกคิดมากเรื่องนั้นได้เลย"

วู้ววววววววววววว ดีใจด้วยนะภัทร

(อ่านตอนนี้รู้สึกมันสั้นๆ หรือเปล่า??)


โดย: joomjaa IP: 58.11.36.7 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:10:34:47 น.  

 

คุณเชษฐ์ ขา ยังจำสัญญานี้ได้อยู่เปล่าค่ะ แบบว่า ภัทร รออยู่น่ะค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

"ฉันสัญญาว่าคราวหน้ามันจะไม่จบแค่ตรงนี้ เตรียมใจเอาไว้ด้วยนะ"

น้องริน พี่ภัทรมาทวงสัญญาค่ะ



โดย: ภัทร IP: 115.87.123.4 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:11:22:25 น.  

 
จะมีฉากทวงสัญญาไหมคะ พี่ริน ๕๕๕๕๕ //แหมะ~

สมกับเป็นคุณเชษฐ์จริงๆ ที่หาทางออกได้สวยงามแบบนี้

ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง เนอะเรื่องนี้ ยาวนานจริงๆ


โดย: NannY IP: 61.19.197.158 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:14:57:50 น.  

 
อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ
รอคอยการมาต่อแต่ละตอนตลอด
คงเหงา ที่เรื่องราวจบลง
แต่ก็เป็นกำลังใจให้น้องภัทรค่ะ
ดีใจที่คุณเชษฐ์เป็นผู้ใหญ่อยู่ด้วยแล้วน้องภัทรต้องมีความสุขมากๆ
(แอบรอเล่มมาเก็บที่บ้านนะคะ ^^)
ขอบคุณคนแต่งที่สร้างสรรค์เรื่องราวน่าประทับใจให้ได้อ่านค่ะ


โดย: ANNKO IP: 110.168.60.216 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:15:30:12 น.  

 
แอบมาทวงฉากทวงสัญญาด้วยคน รออยู่น่ะค่ะคุณริน อิอิ


โดย: jaaeyja IP: 119.46.183.181 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:15:33:44 น.  

 
คำเดียวที่นึกได้ในตอนนี้คือ ...อิ่ม...ค่ะคุณริน อิ่มใจกับเรื่องราวของตัวละคร ที่เป็นมากกว่าตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่ง เราอาจไม่ได้ร่วมเดินทางมากับคุณเชษฐ์และน้องภัทรมาตั้งแต่เมื่อ4ปีก่อน แต่ความรู้สึกรักและผูกพันก็มีมากพอดู ฉากริมทะเลนี่บรรยายได้เห็นภาพมากๆ อ่านแล้วคิดตามไปด้วย สวยงามจริงๆค่ะ คอมเม้นท์ข้างบนพูดถึงหลายประโยคโดนใจ เห็นด้วยเลยค่ะ ในระหว่างบรรทัดของตัวหนังสือของคุณ มันมีอะไรที่มากกว่าแค่นิยายชายรักชายเรื่องหนึ่ง ขอบคุณนะคะที่พาผู้ชายแสนดีคนหนึ่งกับชายหนุ่มผู้อ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอ และเรื่องราวดีๆของทั้งสองคนมาให้คนอ่านได้เพลิดเพลิน(ตลอด4ปี^_^) รอรวมเล่มและ.....ตอนพิเศษ^_^^_^นะคะ รักคนแต่งค่ะ


โดย: shopgirl IP: 110.49.249.72 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:22:46:28 น.  

 
ม่าย ม่ายช่ายอย่างนี้ ตอนจบมีเหวงๆไงไม่รู้ พระ นายมีความสุขยิ่งภัทรน้ำตาแห่งความสุขไหลตลอดแต่คนอ่านทำมั้ยทำไมเหมือนมันไม่เต็มนะ ไม่ใช่แบบฉบับของBellbomb's เลย จริงนะ






โดย: JI IP: 110.169.163.24 วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:0:53:29 น.  

 
คุณริน. ตามมาหลายปีไม่คิดว่านี่เพิ่งเร่ิมมั่งเหรอ. จริงๆความอบอุ่นผูกพันของทั้ง2 ยังถูกส่งต่อให้คนอ่าน แบบหวานได้อีกนะคะ. คู่อื่นไปไหนต่อไหนแล้ว. คู่นี้เพิ่งเร่ิมเองนะ


โดย: JI. IP: 110.49.249.209 วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:7:50:51 น.  

 

จบแล้ววววว โฮๆๆๆๆๆๆๆๆ มีความสุขแทนน้องภัทร แต่แอบสงสารหนุ่มแว่นนะ จนบัดนี้ยังไม่ได้แอ้ม ฮ่าๆๆๆๆ

ขอบคุณ สำหรับนิยายที่สนุกทุกๆ เรื่อง และรินที่น่ารักกับคนอ่านเสมอค่ะ
นิยายของรินพี่อ่านแล้วยิ้มตามได้ตลอด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดราม่าหรือไม่ก็ตาม เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้พี่มีความสุขเลยนะคะ


โดย: P'Maew IP: 210.86.182.238 วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:8:49:36 น.  

 
มาตอบคอมเม้นต์แล้วค่า อุ่นหนาฝาคั่งเช่นเคย ดีใจจัง ^^

****************

คุณเล็ก การหมักบ่มในระยะเวลาที่เหมาะสมทำให้รสชาติ "ซึมลึก" ค่ะ อิอิ ส่วนตอนหวานๆ เดี๋ยวรอในตอนหน้าๆๆๆ นะคะ (ในเล่ม แต่คิดว่าในตอนส่งท้ายก็น่าจะหวานพอนะ)

****************

พี่ Josephine รักคนอ่านเช่นกันค่ะ และดีใจที่คุณเชษฐ์กับน้องภัทรทำให้เราได้รู้จักกันนะคะ ^^

****************

คุณเอ๋ ดีใจค่ะที่อ่านแล้วชอบ เรื่องรักวัยทำงาน(แนวนี้)หาได้น้อยเหลือใจ ตอนเขียนครั้งแรกยังนึกว่าคงไม่ค่อยมีคนอ่านด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ภูมิใจมากที่เขียนเรื่องนี้ออกมาค่ะ :)

****************

พี่จุ๋ม คุณเชษฐ์แกเจ้าคารมอยู่แล้วค่ะ (น้องภัทรเลยเคลิ้ม) ว่าแต่ตอนนี้จริงๆ ก็ยาวกว่ามาตรฐานนิยายทั่วไปแล้วน้า (10 หน้าเอสี่แน่ะ) สงสัยที่ผ่านมาติดเขียนตอนนึง 10+ หน้า เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ดูสั้นไปเลย ><


****************

พี่ภัทร สัญญานี่เดี๋ยวไว้ตอนหน้าหรือตอนหลังน้า คริคริคริ

****************

น้องแนน ยาวนานมากจริงๆ จ้ะ เริ่มตั้งแต่คนเขียนยังสะพรั่ง จนตอนนี้...เลยทีเดียว หุหุ ขอบคุณที่ติดตามกันมา และรอติดตามตอนส่งท้ายด้วยนะจ๊ะ

****************

คุณ ANNKO ยินดีมากๆ ค่ะที่ได้อ่านคอมเม้นต์น่ารักๆ แบบนี้ หวังว่าจะได้นำรวมเล่มมาบรรณาการให้ในเร็ววันเช่นกันค่า ^.^

****************

คุณเอ๋ รอต่ออีกหน่อยก่อนนะค้า หุหุหุ

****************

คุณ shopgirl คอมเม้นต์กันแบบนี้เรามีแต่ลอยชนเพดานค่ะ ถึงเราจะไม่ได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้ แต่เพราะคุณเชษฐ์กับน้องภัทรทำให้เราได้มาเจอกัน ก็เป็นเรื่องน่ายินดีมาก จะพยายามเขียนตอนส่งท้ายให้ประทับใจยิ่งกว่านี้นะคะ (เอาให้อิ่มลุกไม่ขึ้นไปเล้ย) รักคนอ่านเหมือนกันค่า ^^V

****************

คุณ JI แต่ละคู่ที่เราเขียนจะมีแนวทางของตัวเองอยู่ค่ะ นิสัยตัวละครแต่ละตัวเรื่องความแตกต่างที่จะทำให้เอาไปเปรียบเทียบกันจึงเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอรับคอมเม้นต์ไว้นำไปปรับปรุงนะคะ

****************

พี่แมว โอววววว ดีใจที่ทำให้พี่แมวมีความสุขได้ค่ะ และขอบคุณกำลังใจดีๆ จากพี่สาวคนนี้ที่คอยช่วยเหลือหลายเรื่องมาตลอดด้วย ส่วนพี่แว่นไม่ต้องสงสารหรอกค่ะ แกไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ๆ 5555

****************


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:22:27:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.