ฟ ฟัน สะอาดจัง
Group Blog
 
All Blogs
 

ฟันน้ำนม




















ฟันน้ำนม เป็นฟันชุดแรก มีทั้งหมด 20 ซี่
ซี่แรกจะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน และจะขึ้นครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณ 2 ปีครึ่ง


ฟันน้ำนม จะมีลักษณะต่างจากฟันแท้คือ ฟันจะซี่เล็กกว่า และมีสีขาวกว่าฟันแท้ ในเด็กที่มีแต่ฟันน้ำนม จะเห็นได้ว่า ฟันจะมีลักษณะห่างกัน ไม่ชิดกันในแต่ละซี่ อันนี้เป็นลักษณะปกติในฟันน้ำนม เพราะฟันแท้ที่ขึ้นมาแทนจะมีซี่ใหญ่กว่าและ จะทำให้ช่องว่าง พวกนั้นหมดไปเอง แต่ถ้าเด็กคนใดมีฟันน้ำนมเรียงชิดกันสวยงาม อาจจะเป็นได้ว่า ฟันแท้มักจะเก ซ้อนกัน หรือไม่มีที่ขึ้น ซึ่งจะต้องรับการจัดฟันในอนาคต


หลายๆคนคิดว่าฟันน้ำนมไม่มีรากฟัน แท้ที่จริงแล้วฟันน้ำนมมีรากฟันเช่นเดียวกับฟันแท้ แต่ว่าเมื่อฟันแท้กำลังขึ้นมาแทนที่ รากของฟันน้ำนมจะค่อยๆละลายหายไป จนเมื่อรากฟันละลายหายไปจนหมด ฟันก็หลุดออกมาเอง คนทั่วไปจึงเห็นว่าฟันน้ำนมที่หลุดออกมาไม่มีรากและก็เลยคิดไปว่ามันไม่มีรากฟัน



ประโยชน์ของฟันน้ำนม
               1. เพื่อให้เด็กใช้เคี้ยวอาหาร เด็กที่ฟันผุส่วนใหญ่จะเคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ มักจะดูดนมเสียมากกว่า เด็กพวกนี้ถึงแม้ว่าจะอ้วนสมบูรณ์ แต่จริงๆแล้วร่างกายมักไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากเด็กได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
               2. ช่วยให้ใบหน้าสวยงาม และสร้างความสมดุลในระบบการบดเคี้ยว
               3. ช่วยในการออกเสียงให้ถูกต้อง
              4. เป็นแนวทางในการขึ้นของฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนที่ตามเวลา หากถอนฟันน้ำนมออกไปก่อนกำหนด ฟันแท้ก็ยังจะไม่ขึ้น ฟันน้ำนมที่เหลืออยู่ก็จะเคลื่อนที่เข้ามาในช่องว่าง เป็นสาเหตุให้ฟันแท้ขึ้นมาซ้อนเกได้













Free TextEditor




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2554 9:44:48 น.
Counter : 890 Pageviews.  

หมอ รังสิตรับตรง ปี 54

หมอรังสิต รับตรง 54

มาเตรียมตัว เรียนหมอ ม.รังสิต กันก่อน
1 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ คัดเลือกโดยวิธีการสอบข้อเขียน (กำหนดการสอบดังตารางที่ 7.1)

2 คณะทัศนศาสตร์ จะรับเข้าศึกษา สำหรับผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา) พิจารณาจากการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน

3 คณะเทคนิคการแพทย์ จะรับเข้าศึกษาสำหรับผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา) พิจารณาจากการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน ส่วนผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ต่ำกว่า 3.00 จะต้องผ่านการพิจารณาจากการสัมภาษณ์ และพิจารณาจากรายวิชาวิทยาศาสตร์ ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ ความตั้งใจและความสนใจในสาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน

4 คณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (สองภาษา) จะรับเข้าศึกษาสำหรับผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 2.75 ขึ้นไป และมีผลการเรียนหมวดวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา)หรือมีผลการสอบ O-Net ไม่ต่ำกว่า 5,000 คะแนน พิจารณาจากการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน ส่วนผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ต่ำกว่า 2.75 จะต้องผ่านการพิจารณาจากการสัมภาษณ์ และพิจารณาจากรายวิชาวิทยาศาสตร์ ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ ความตั้งใจและความสนใจในวิชาชีพพยาบาลศาสตร์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน

5 คณะกายภาพบำบัด จะรับเข้าศึกษา สำหรับผู้สมัครที่มีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 1.50 เมตรและคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา) พิจารณาจากการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน ส่วนผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ต่ำกว่า 2.50 จะต้องผ่านการพิจารณาจากการสัมภาษณ์ และพิจารณาจากรายวิชาวิทยาศาสตร์ ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ ความตั้งใจและความสนใจในสาขาวิชากายภาพบำบัด โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน

6 หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน จะรับเข้าศึกษา สำหรับผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา) และมีการสอบคัดเลือกซึ่งจัดสอบโดยคณะ

7 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ จะรับเข้าศึกษา สำหรับผู้สมัครที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป (ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา) พิจารณาจากการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องสอบข้อเขียน

คุณสมบัติเฉพาะ

คุณสมบัติเฉพาะของผู้เข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และ ปราศจาคโรค อาการของโรคดังต่อไปนี้
มีความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและปฏิบัติงาน
มีปัญหาทางจิตเวช ได้แก่ โรคจิต โรคประสาทรวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและประกอบอาชีพ
โรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และประกอบวิชาชีพ เช่น
โรคลมชักที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
โรคหัวใจระดับรุนแรง
โรคความดันเลือดสูงรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดพยาธิสภาพต่ออวัยวะอย่างถาวร
ภาวะไตวายเรื้อรัง
โรคติดสารเสพติดให้โทษ
ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง
ความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้สายตาไม่ปกติ เมื่อรักษาโดยใช้แว่นแล้วยังมีสายตาต่ำกว่า 6/24 ทั้งสองข้าง
สายตาข้างดีต่ำกว่า 6/12เมื่อได้รับการแก้ไขอย่างดีที่สุดแล้ว
ไม่สามารถมองเห็นภาพเป็นสามมิติ
หูหนวกหรือหูตึง (Threshold ของการได้ยินสูงกว่า 40 dB) จากความผิดปกติทางประสาทและการได้ยิน ถ้าได้รับการรักษาแล้วไม่ดีขึ้น
โรคหรือความพิการอื่นๆ ซึ่งมิได้ระบุไว้ที่คณะแพทย์ผู้ตรวจร่างกายเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ทั้งนี้คณบดีอาจแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคตรวจบางรายเพิ่มเติมได้

คุณสมบัติเฉพาะของผู้เข้าศึกษาหลักสูตรทันตแพทยศาสตร์
1) สำเร็จการศึกษา Grade 12 หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) โดยมีคะแนนเฉลี่ยสะสม ไม่ต่ำกว่า 2.75 และมีผลการเรียนวิชาชีววิทยา และวิชาเคมี ไม่ต่ำกว่า B ผลการเรียนวิชาฟิสิกส์ และวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า C+ หรือ
2) มีผลการสอบ IGCSE/GCSE 5 วิชา ซึ่งต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย 3 วิชาหลักคือ วิชาชีววิทยา และวิชาเคมี มีผลการสอบอยู่ในสองเกรดแรก วิชาฟิสิกส์ หรือวิชาคณิตศาสตร์ มีผลการเรียนอยู่ในสามเกรดแรก นอกจากนั้นต้องมีผลการสอบของวิชาชีววิทยา หรือวิชาเคมี ในระดับ AS Level โดยมีผลการสอบอยู่ในสองเกรดแรก หรือ
3) มีผลการสอบ International Baccalaureate (IB) Standard Level ประกอบด้วยวิชาใน Group 4 Experimental Science คือ วิชาชีววิทยา และวิชาเคมี มีผลการสอบอยู่ในสองเกรดแรก วิชาฟิสิกส์ หรือวิชาใน Group 5 วิชาคณิตศาสตร์ มีผลการสอบอยู่ในสามเกรดแรก หรือ
4) มีผลสอบ SAT ไม่ต่ำกว่า 1,000 จาก 1,600 หรือ 1,500 จาก 2,400 และมีผลการสอบ SAT Subjects ดังต่อไปนี้คือ ชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ หรือ คณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า 525 หรือ
5) กำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษาหลักสูตรนานาชาติสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์อย่างน้อย 1 ปีการศึกษา โดยมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 และมีผลการเรียนวิชาชีววิทยา วิชาเคมี ไม่ต่ำกว่า B และวิชาฟิสิกส์ หรือวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า C+ หรือ
6) ได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตในหลักสูตรนานาชาติสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 และมีผลการเรียนวิชาชีววิทยา วิชาเคมี ไม่ต่ำกว่า B และวิชาฟิสิกส์ หรือวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า C+
7) ผู้สมัครทุกคนต้องมีความสามารถในการสื่อสารและใช้ภาษาไทยในการพูด อ่านและเขียนอยู่ในระดับดีเพียงพอที่จะเรียนในระดับอุดมศึกษา


กำหนดการและขั้นตอนในการสมัคร
6.1 กำหนดการรับสมัคร
มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ดังนี้










ช่วงการรับสมัคร
รอบที่ 1 1 กันยายน 2553 –5 พฤศจิกายน 2553
(เว้นวันที่ 16-25 ตุลาคม 2553)
รอบที่ 2 6 พฤศจิกายน 2553 –7 พฤษภาคม 2554

6.2 วิธีการสมัครผู้สมัครสามารถซื้อใบสมัครได้ที่มหาวิทยาลัยรังสิต หรือที่ร้าน 7-ELEVEN ในราคา 300 บาท และยื่นใบสมัครโดยตรงที่ห้อง 1-103 อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต หรือ
ผู้สมัครสามารถสมัครทางเว็บไซต์ //www.rsu.ac.th
เอกสารประกอบการสมัครเข้าศึกษา
ใบสมัครที่กรอกข้อมูลครบถ้วนบริบูรณ์
รูปถ่ายขนาด 1 นิ้วหน้าตรงไม่สวมหมวกหรือแว่นตาดำ ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนจำนวน 3 รูป
สำเนาหนังสือรับรองผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า สำหรับผู้สมัครที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้ใช้หนังสือรับรองที่ผู้บริหารสถานศึกษาออกให้ เพื่อรับรองข้อมูลคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษา และรับรองว่ากำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
(ผู้ที่สมัครทางเว็บไซต์ เมื่อสมัครเรียบร้อยแล้วให้พิมพ์ใบสมัครพร้อมแนบหลักฐานการสมัคร ส่งด้วยตนเองที่สำนักงานรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต)

6.3 ขั้นตอนการเข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
6.3.1 รอบมหาวิทยาลัยรังสิตจัดสอบ รอบที่ 1 และ 2
ขั้นตอนที่ 1 ผ่านการสอบข้อเขียนของมหาวิทยาลัยรังสิต ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 2 ยื่นคะแนนการวัดผลGPA / GPAX , O-NET และ GAT / PAT
ขั้นตอนที่ 3 ผ่านเกณฑ์การสอบวิชาเฉพาะทางการแพทย์ และแบบทดสอบทางจิตวิทยา ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 4 ผ่านการตรวจสอบสุขภาพ ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 5 ผ่านการสอบสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
6.3.2 รอบมหาวิทยาลัยรังสิต รอบที่ 1 นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติ
ขั้นตอนที่ 1 ยื่นผลการศึกษาตลอดหลักสูตร ใบ Recommendation ใบ Certificate จากสถาบันทดสอบความรู้ความสามารถ (ถ้ามี)
ขั้นตอนที่ 2 ผ่านเกณฑ์การสอบวิชาเฉพาะทางการแพทย์ และแบทดสอบทางจิตวิทยา
ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 3 ผ่านการตรวจสุขภาพ ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 4 ผ่านการสอบสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
6.3.3 รอบระบบกลาง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ระบบ Central Admissions)
ขั้นตอนที่ 1 ผ่านการคัดเลือกตามระบบกลาง (Central Admissions) โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)
ขั้นตอนที่ 2 ผ่านเกณฑ์การสอบวิชาเฉพาะทางการแพทย์ และแบบทดสอบทางจิตวิทยา ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 3 ผ่านการตรวจสอบสุขภาพ ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 4 ผ่านการสอบสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์


6.3.4 รอบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (ระบบ Direct Admissions)
ขั้นตอนที่ 1 ผ่านการคัดเลือกตามระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
ขั้นตอนที่ 2 ผ่านเกณฑ์การสอบตามแบบทดสอบทางจิตวิทยา ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 3 ผ่านการตรวจสอบสุขภาพ ตามที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กำหนด
ขั้นตอนที่ 4 ผ่านการสอบสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์



7. การสอบคัดเลือกและสอบสัมภาษณ์
ผู้สมัครที่ต้องการเข้าศึกษาคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ สถาบันการบิน และวิทยาลัยดนตรี จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกตามกำหนดดังนี้

8. การรายงานตัวและลงทะเบียนเป็นนักศึกษา
ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และได้รับการตอบรับเพื่อเข้าศึกษาจะต้องรายงานตัวเพื่อลงทะเบียนเป็นนักศึกษา ณ สำนักงานทะเบียน มหาวิทยาลัยรังสิต
โดยผู้สมัครต้องนำหลักฐานประกอบการรายงานตัวดังต่อไปนี้
บัตรประจำตัวผู้สมัคร
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 2 ชุด
สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ชุด
สำเนาใบสุทธิ ใบระเบียน ใบเทียบความรู้ หรือประกาศนียบัตร จำนวน 2 ชุด ในกรณีที่กำลังศึกษาชั้นปีสุดท้าย ให้ใช้ใบรับรองว่ากำลังศึกษา และเมื่อจบการศึกษาให้ส่งเอกสารดังกล่าวข้างต้นทันที
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง หรือผู้อุปการะพร้อมลายเซ็นเจ้าของบัตร จำนวน 2 ชุด
รูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้วจำนวน 4 รูป




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 10:04:34 น.
Counter : 1384 Pageviews.  

ไทยยิงตอบโต้กัมพูชา บริเวณภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล


ปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ยังไม่จบ! และยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ขณะที่วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ชายบริเวณทางด้านทิศตะวันตกของภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีเสียงปืนดังติดต่อกันประมาณ 10 นัด ขณะที่เวลาประมาณ 15.45 น. ก็มีเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอีกครั้งเป็นระยะ ๆ จำนวนอีกหลายสิบนัดในจุดเดิม โดยคาดว่าน่าจะเป็นเสียงปืนใหญ่

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวว่า เกิดการยิงปะทะกันจริง ซึ่งบริเวณจุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับที่ตั้งของทหารไทย ที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กระสุนปืนไร้แรงสะท้อนตกลงมาฝั่งไทยประมาณ 10 นัด โดยมีทหารไทยบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน หลังจากนั้นมีเสียงปืนกลและปืนยาว ทางทหารไทยจึงจำเป็นที่จะต้องยิงโต้ตอบกลับไปเพื่อเป็นการเตือน โดยยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นยิงก่อน ทั้งนี้ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กำลังติดต่อประสานกับผู้บังคับหน่วยทหารกัมพูชาในพื้นที่ และในส่วนกลาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็กำลังติดต่อประสานทางกัมพูชาเช่นกัน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้เกิดเหตุเข้าใจผิดในวงกว้าง เพราะคาดว่าอาจจะเกิดจากการซ้อมรบ หรือเกิดเหตุผิดพลาดมากกว่า

ส่วนที่มีสื่อกัมพูชา รายงานว่า กัมพูชาได้จับทหารไทย 5 คน พร้อมยิงใส่รถถังไทย เหตุเข้าไปรุกล้ำเขตแดนกัมพูชาหลายจุดนั้น ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เรียกว่าทหารกัมพูชาจับกุมทหารไทย แต่คงเป็นการควบคุมทหารไทยไว้มากกว่า จาการตรวจสอบแล้ว ทหารที่ถูกควบคุมตัวไปยังปลอดภัยดี และจุดที่ทหารไทยโดนจับไปอยู่ในพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท ทั้งนี้ ยืนยันว่าไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาแน่นอน ถ้าเหตุบานปลายกว่านี้ กองทัพไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทย แต่ตนเชื่อว่า ปัญหาไทย-กัมพูชาจะจบลงที่โต๊ะเจรจา

ขณะที่ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเขาธงชัย จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เกิดเสียงปืนดังขึ้นบริเวณภูมะเขือ ใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ชายแดนไทย - กัมพูชา ใกล้ผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ จากการตรวจสอบพบว่า จุดที่เสียงปืนดังขึ้นนั้น อยู่ช่วงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยรักษาพยาบาล ได้เตรียมกำลังพร้อมประจำจุดที่โรงเรียนบ้านซำเม็ง ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ย่านดังกล่าว ต่างพากันวิ่งหลบหนีเข้าหลุมหลบภัยที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้พบว่า กระสุนตกลงยังในพื้นที่ ตำบลเขาธงชัย ซึ่งยังไม่สามารถตรวจสอบความเสียหายได้ ขณะที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ออกประกาศให้ชาวบ้าน เตรียมหลบในหลุมหลบภัย และคอยเฝ้าฟังการประกาศจากเจ้าหน้าที่

ด้านทางผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูซรอล ได้กล่าวว่า ถ้าหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ตนมั่นใจว่าจะสามารถพานักเรียนทั้งหมด เข้าจุดกำบังที่มีทั้ง 5 จุดได้ภาย 2 นาที ขณะที่ จ.ส.ต.นิธิรันดร์ พิมาทัย ตำรวจประจำสภ.บึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา ตนนับลูกปืนใหญ่ได้ประมาณ 20 ลูกแล้ว โดยเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นทีไร โรงพักสะเทือนตลอดเวลา ขณะที่บริเวณรอบเขาพระวิหารเกิดเหตุไฟไหม้ โดยมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1 ทางด้านกันทรลักษณ์ สั่งอพยพ 4 หมู่บ้านด่วน

ส่วนบรรยากาศที่ชายแดน ด่านถาวร ช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ปืนตกใส่ประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นไปด้วยความเงียบเหงา แม่ค้าต่างทยอยปิดร้านพร้อมจับเข่าวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ยุติลงแล้ว โดยมีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านภูมิซรอล ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยดับไฟหลังลูกปืนใหญ่ตกใส่บ้าน และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อ นายเจริญ ผาหอม อายุ 50 ปี ส่วนทางด้านกัมพูชา มีรายงานว่า มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 2 ราย ขณะที่ โฆษก ทบ. ออกมาระบุกรณีข่าว 5 หทารไทยถูกเขมรจับว่า ทหารไทยยังอยู่ที่วัดแก้วฯ และยังปลอดภัยดี

เกาะติด เหตุปะทะไทย-เขมร ชายแดนพระวิหาร


18.07 น. โฆษกกองทัพบก ยันจุดจับทหารไทย เป็นจุดตรวจร่วมกับทหารเขมร พร้อมระบุ แม่ทัพเจรจาควบคุมการปะทะ หากรุนแรงพร้อมปกป้องอธิปไตยทันที

18.06 น. สถานีโทรทัศน์ CPN รายงานว่า ทหารไทย ถูกจับกุม 5 นาย และทหารอีกส่วนหนึ่ง ได้ยอมเข้ามอบตัวกับทหารกัมพูชา พร้อมทั้งเผย นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เดินทางเข้าเยี่ยม 2 ผู้ต้องหา ชาวไทยที่เรือนจำเพรย์ซอว์

17.45 น. ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดหนัก ผู้บังคับการหน่วยในพื้นที่ สั่งกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ทุกนายเตรียมพร้อมรบ 100%

17.36 น. สื่อเขมร อ้างทหารไทย รุกล้ำเข้าเขตแดนกัมพูชา ทำให้กองทัพ จำเป็นต้องตอบโต้ ก่อนที่จะอ้างว่าสามารถทำลายรถถังของกองทัพไทยได้ 2 คัน พร้อมจับทหารได้ 5 นาย

17.17 น. นายก อบต.เขาธงชัย จ.ศรีษะเกษ เผยกระสุนปืนยิงปะทะ ทะลักเข้าหมู่บ้านแล้ว ชาวบ้านหลบหนีกันจ้าละหวั่น พร้อมรอเสียงปืนสงบ ก่อนอพยพจากพื้นที่ ด้านสื่อัมพูชา อ้างทหารไทยเปิดฉากยิงก่อน

17.20 น. รมว.มหาดไทย ทราบข่าว ทหารไทย - กัมพูชา ปะทะกันแล้ว มั่นใจไม่ขยายวงกว้าง ขณะห่วงข่าวลือในพื้นที่ อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง

16.59 น. เหตุปะทะไทย - กัมพูชา ฉุดตลาดหุ้นร่วง หลังจากบวกกว่า 13 จุด ในช่วงเช้า เหลือบวกแค่ 4.18 จุด แตะ 984.78 จุด

16.53 น. กลุ่มพันธมิตรฯ วิจารณ์การปะทะกันระหว่าง ทหารไทย - ทหารกัมพูชา ผุ้ชุมนุมส่งกำลังใจให้ทหาร พร้อมเฝ้าจับตาการกดดันรัฐบาล

16.47 น. รมว.ต่างประเทศ ประชุมคณะกรรมาธิการความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย - กัมพูชา แล้ว ในขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น

16.50 น. ความเคลื่อนไหวที่สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ยังคงเป็นไปตามปกติ ขณะที่ นางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชา ได้เดินทางกลับประเทศไปก่อนหน้านี้แล้ว

16.43 น. ผู้ประกอบการ จ.สระแก้ว ต่างรีบปิดร้านเผ่น หลังทหารเขมร ปะทะทหารไทย บริเวณภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ โดยขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ยังปกติอยู่

16.35น. ปะทะเดือดเขาพระวิหาร ทหารไทย-กัมพูชา เปิดฉากปะทะรอบเขาพระวิหาร ชาวบ้าน เด็กนักเรียน วิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างอลหม่าน

16.26 น. สื่อต่างชาติ เผยมีเหตุปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตก ของเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และความเสียหาย




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 20:11:57 น.
Counter : 836 Pageviews.  

จะถอนฟันอย่างไรดีเมื่อ “แพ้ยาชา”

จะถอนฟันอย่างไรดีเมื่อ “แพ้ยาชา”

ถ้าถามหลายท่านที่แพ้ยาชา อาจจะตอบว่าไม่ต้องถอนฟันเสียก็สิ้นเรื่อง หรือดมยาสลบเสียเลย ซึ่งฟังดูเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนอย่างไรชอบกล บางท่านกลัวแพ้มาก เลยยอมทนเจ็บโดยไม่ขอใช้ยาชา ซึ่งฟังดูแล้วยังเจ็บแทน
นี่เป็นเพียงแค่ถอนฟัน แต่ยังมีอีกหลายสถานการณ์ที่ยาชาเฉพาะที่ถูกใช้ในการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเย็บแผลหรือการผ่าตัดเล็ก (ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดไฝ หรือเสริมความงามต่างๆ )

ก่อนที่จะทำให้ท่านผู้อ่านตกตะลึงไปกว่านี้ ขอเรียกว่า การแพ้ยาชาเฉพาะที่จริงๆ นั้นมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะฉะนั้นถ้ามีใครมาบอกว่าแพ้ยาชา ก็จะต้องถามกันให้ดีๆ ว่าแท้จริงเกิดจากอะไรกันแน่ เช่น อาจแพ้ถุงมือยางที่ทำจากลาเท็กซ์หรือไม่ (ในระยะหลังพบได้บ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่แพทย์ที่ใช้บ่อยๆ หรือผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดบ่อยๆ ซึ่งอาการหลักคือ คัน ปากบวม หอบ หรือลมพิษขึ้น) หรือที่พบได้บ่อยคือ พอฉีดยาชาแล้วใจสั่น เหงื่อตก เหมือนจะเป็นลม หรือหน้าซีดไปเลย

กรณีนี้อาจจะเกิดจากการตกใจกลัว บางทีทันตแพทย์อาจแก้ไขโดยการพ่นยาชา อาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ ปากบวม ลิ้นบวม หายใจไม่ออก ใจคอสั่นไปหมด หรือพานจะเป็นลมเอา บ้างก็มีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งอาการที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น สามารถสร้างความสับสนกับอาการแพ้ได้มาก

ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า การแพ้ยาชาเฉพาะที่นั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็มีบ้างที่ต้องมาพบแพทย์ภูมิแพ้ ซึ่งมักจะมีวิธีแก้ไขเป็นขั้นตอนดังจะกล่าวต่อไป บางรายอาจเคยทดสอบทางผิวหนังว่าแพ้ยาชา พอจะถอนฟันทีจึงดมยาสลบเสียเลย จะได้ไม่ต้องเสี่ยง

ที่เด็ดสุดที่เคยพบมาคงจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่งของเรานี่เอง ที่หมดภูมิแพ้กี่คนก็จนแต้มมาแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็นมาก แต่คงต้องใช้คำว่ากังวลมาเสียมากกว่า เพราะความที่ได้เรียนและได้เห็นมามาก อ่านบทความจากรอบโลกมาแล้ว และเชื่อมั่นว่า เอาละ เราแพ้ยาชาแน่นอน เพราะเมื่ออ่านมากก็จะยิ่งเชื่อมากและกังวลมาก เมื่อลองให้ใช้ยาชาชนิดอื่นที่ไม่เคยแพ้ ก็จะรายงานอาการได้อย่างคลาสสิกสำหรับการแพ้อย่างแรงเลย ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะคงจะกังวลมากกว่าว่าจะเป็นอะไรไป คราวนี้แพทย์ที่ให้ก็จอดทั้งนั้น เพราะขืนฝืนให้ยาแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ มีหวังแย่แน่

อันที่จริงคุณคนนี้แกเป็นด็อกเตอร์ที่ทำงานให้กับคุณหมอภูมิแพ้อีกท่านหนึ่งที่เมืองฝรั่ง ลองคิดดูแล้วกันว่า ขนาดคุณหมูที่ทำงานด้วยกันยังหมดมุข และเคยไปถอนฟันโดยไม่ใช้ยาชามาแล้ว พอมาทดลองให้ดู ปรากฎว่าใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว โดยความดันยังคงปกติ และไม่มีอาการอื่นที่บ่งบอกว่าแพ้ยา

กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของภาวะตกใจกลัวธรรมดา (nervousness) ซึ่งควรจะสามารถใช้ยาชาชนิดนั้นๆ ได้ เมื่ออธิบายให้ฟังดีๆ และให้กำลังใจว่าไม่ควรจะมีปัญหาอะไรจากการใช้ยา น่าสงสารแกที่อุตส่าห์ไปทนเจ็บตัวขนาดนั้น

คราวนี้เรามาพูดถึงวิธีการแก้ไขสำหรับปุถุชนคนธรรมดาบ้าง โดยปกติแล้วยาชาเฉพาะที่จะมีอยู่ 2 กลุ่ม ซึ่งถ้าแพ้กลุ่มหนึ่ง ก็จะสามารถข้ามไปใช้อีกกลุ่มหนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหา ยาชากลุ่มแรก ถ้าแพ้ชนิดหนึ่งแล้วอาจแพ้อีกชนิดหนึ่งในกลุ่มเดียวกันได้ ส่วนยาชาในกลุ่มหลังซึ่งเป็นยาชาที่ใช้กันบ่อยๆ เช่น ไซโลเคน ถ้าแพ้ชนิดหนึ่งในกลุ่มนี้ มักจะใช้อีกชนิดหนึ่งในกลุ่มเดียวกันได้

ดังนั้นถ้าประวัติแพ้ไม่ชัดเจนหรืออาการเป็นเพียงอ่อนๆ แพทย์ก็อาจแนะนำให้ใช้ยาที่ไม่น่าจะแพ้ได้ ส่วนเมื่ออาการเป็นรุนแรงก็อาจจะถึงคราวที่แพทย์ภูมิแพ้จะเข้ามาเกี่ยวข้อง

ยาชาจะมีลักษณะพิเศษตรงที่ค่อนข้างระคายเคืองมาก เพราะฉะนั้นการเอามาเทสต์ที่ผิวหนังเฉยๆ แล้วทำให้เกิดตุ่มแดงขึ้น จึงไม่ได้แปลว่าแพ้เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีการเจือจางก่อน

วิธีที่ใช้จริงๆ คือ การให้ในปริมาณน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเพื่อดูว่าจะทนการใช้ยาได้หรือไม่ หรือที่เรียกวันว่า challenge เมื่อพบว่าใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งได้ ก็เรียกได้ว่าเป็นยาชาคู่ใจ ใช้ไปได้ตลอดโดยไม่ต้องไปทดลองใช้ยาชาทุกชนิด
ทราบดังนี้แล้ว หวังว่าคงไม่ต้องไปถอนฟันโดยไม่ใช้ยาชานะคะ

............................................................................................................................

ขอขอบคุณที่มา : นิตยสาร แพรว




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 20:47:48 น.
Counter : 3000 Pageviews.  

'หลวงตามหาบัว' ละสังขารแล้วเวลา03.53น.


"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.สิริมายุรวม 98 ปี ทีมแพทย์แถลงอีกครั้งเช้า"


เมื่อวันที่ 29 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับแรมในตัวเมืองอุดรธานี มาถึงวัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นการส่วนพระองค์  โดยมีนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำข้าราชการเฝ้ารับเสด็จฯ ที่เรือนประทับรับรอง ภายในวัดป่าบ้านตาด ก่อนเสด็จเฝ้าเยี่ยมอาการหลวงตามหาบัว ที่ห้องปลอดเชื้อกุฏิหลวงตามหาบัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่อาพาธยังพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ โดยการรักษาอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวครั้งนี้ มีแนวคิดแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก ซึ่งหมายถึง “หมอจีน” แม้ว่าจะมีคำแถลงของคณะสงฆ์ออกมาทุกครั้งว่า การรักษาอาการอาพาธหลวงตามหาบัว จะเลือกใช้ทั้ง 2 ทาง แต่วันนี้กลุ่มเครือญาติหลวงตามหาบัว ได้ทำจดหมายเวียนลงชื่อ 89 คน ถึงคณะสงฆ์และคณะแพทย์ ไม่ยินยอมให้คณะแพทย์ใช้ยาปฏิชีวนะกับหลวงตามหาบัว หลังจากร่วมประชุมกันและได้ข้อสรุปตั้งแต่คืนวันที่ 28 ม.ค.

โดยใจความในหนังสือโดยย่อ ระบุว่า “ ด้วยลูกหลาน ญาติพี่น้อง ในองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ประชุมกันแล้ว มีความเห็นตรงกันเป็นหนึ่งเดียวว่า ขอปฏิเสธขอให้การรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะทุกประเภท และปฏิเสธการใช้สารโปรตีนแอลบูลมีนทุกประการ เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่า ก่อนใช้ยาปฏิชีวนะและสารโปรตีนแอลบูลมีนแล้ว อาการของหลวงตานั้นแจ่มใส แข็งแรง พอสมควร แต่ภายหลังการใช้ยาดังกล่าวอาการองค์หลวงตาขาดการตอบรับ ทั้งนี้การรักษาพยาบาลและดำเนินการใดๆ ต่อองค์หลวงตา ให้เป็นไปตามวิธีการของท่านอาจารย์วันชัย วิจิตโต โดยความเห็นชอบของหลวงปู่ลี กุสลธโร ตามที่คณะสงฆ์ได้ลงความเห็นร่วมกัน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ม.ค. ณ กุฏิองค์หลวงตา”

ด้านนายสมผล ตระกูลรุ่ง ตัวแทนของกลุ่มญาติของหลวงตามหาบัวฯ และนางสมจันทร์ ศิริสุวรรณ ลูกของนางศรีเพ็ญ โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามหาบัวฯ ร่วมกันเปิดเผยว่า ญาติๆองค์หลวงตามหาบัวฯ เห็นการรักษาที่ผ่านๆมานั้น อาการยังไม่ดี โดยญาติๆ ยังมีความมั่นใจว่าการรักษาโดยวิธีการทางธรรมชาติ ซึ่งเคยรักษามาก่อนแล้วน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธาตุขันธ์ต่อองค์หลวงตามหาบัวฯ เพราะในภาวะอย่างนี้ธาตุขันธ์ขององค์หลวงตารับไม่ได้กับยาปฏิชีวนะ ที่ผ่านมาหลวงตาเคยเทศน์เอาไว้ว่าถูกกับยาจีน  ท่านเคยหายจากโรคมะเร็งลำไส้เพราะยาจีน  
นางสมจันทร์ฯ กล่าวว่า ญาติๆของหลวงตามีความเห็นว่า อยากให้ทำการรักษาด้วยยาของอาจารย์วันชัยฯ  และการที่ญาติๆหลวงตามหาบัวฯออกมาแสดงตัวเช่นนี้ ก็ไม่ได้เจตนาที่หลบหลู่การรักษาของคณะแพทย์ แต่ญาติๆของหลวงตาฯ ต่างเห็นพ้องกัน

ต่อมากลุ่มญาติหลวงตามหาบัว ยังแจกจ่ายเอกสารอีก 1 ฉบับ เป็นข้อตกลงแนวทางการรักษาหลวงตามหาบัว วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นบทสนทนาของ นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี  กับคณะศิษย์ฯ ยอมรับว่า ได้หยุดใช้ยาปฏิชีวนะและโปรตีนแอลบูลมีนแล้ว ให้แต่น้ำเกลือกับสารอาหาร และเครื่องช่วยหายใจแต่ไม่มาก หลังจากให้การรักษา ความดันก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนบรรยากาศที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้มีพุทธศานิกชนหลายพันคน  เดินทางมาทำบุญตักบาตรที่หน้าวัด และเข้ามาในวัดเฝ้าติดตามดูอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว   หลังจากเมื่อวันที่ 28 ม.ค. มีกระแสข่าวลือสะพัดว่า “หลวงตาจะละสังขาร” จนคณะสงฆ์ และคณะแพทย์ ต้องออกมาแถลงอาการในช่วงบ่าย ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนภายในวัดป่าบ้านตาด มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน หรือพระวัดป่า ทั้งใกล้และไกล เดินทางมาเฝ้าอาการหลวงตามหาบัวฯเช่นกัน มีหลายองค์จำวัดอยู่ภายในวัดป่าบ้านตาด บางองค์เดินทางกลับหลังจากทราบอาการ ขณะพุทธศาสนิกชนหลังจากใส่บาตร ได้เข้ามาร่วมทำบุญสงเคราะห์โลก ถวายผ้าป่าทองคำ ดอลลาร์เข้าคลังหลวง ผ้าป่าช่วยชาติ และผ้าป่าสร้างอาคารสงฆ์อาพาธ 98 หลวงตามหาบัว รพ.ศูนย์อุดรธานี จำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย บางส่วนคอยฟังคำแถลงอาการอาพาธของหลวงตา และคอยเวลาเข้าไปกราบหลวงตาที่กุฏิ ซึ่งคณะสงฆ์อนุญาตในบางช่วงเวลา

ด้านพระอาจารย์อินถวาย สันตุสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี อ่านแถลงว่า คณะแพทย์ได้กราบรายงานต่อคณะสงฆ์ว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงร่วมประชุมกับคณะศิษย์ หลวงตายังมีอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย สัญญาณชีพปกติ ฟังเสียงปอดด้านขวาผิดปกติ เอ็กซเรย์ปอดพบชายปอดด้านขวาทึบ แพทย์วินิจฉัยว่า มีอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิต หลวงตาอนุญาตให้ใช้ยาปฏิชีวนะนัดระงับอาการติดเชื้อ แพทย์ได้ถวายการรักษาเพื่อประคับประคองธาตุขันธ์ จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

“อาการหลวงตามหาบัว ทรงๆทรุดๆ ผู้ที่อยู่ทางไกลก็ตั้งจิตอธิษฐาน ขอประกอบคุณงามความดี สิ่งใดที่ไม่ดีก็ไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำ เท่านั้นก็บูชาองค์หลวงตาบัวแล้ว” พระอาจารย์อินถวาย กล่าว

ต่อมาเวลา 15.00 น. พระอาจารย์นภดล บันทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ ร่วมกับ นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.อุดรธานี แถลงอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวว่า วันนี้หลวงตามหาบัวยังมีอาการอ่อนเพลีย หอบเหนื่อย และมีเสมหะ ยังคงใส่เครื่องช่วยหายใจและพบยังมีไข้อยู่เล็กน้อย ความดันโลหิตเริ่มลดต่ำลง ส่วนผลเอกซเรย์ปอดพบว่า มีการอักเสบในกลีบปอดข้างขวาล่างเพิ่มมากขึ้น โดยสรุปปัญหาขณะนี้ คือ ปอดอักเสบติดเชื้อ ความดันโลหิตลดต่ำลง หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นบางครั้ง สำหรับการรักษานั้น เป็นแบบประคับประคอง โดยให้อาหารทางเส้นเลือด


เวลา 18.10 น. พระอาจารย์นภดล ได้ประกาศแถลงข่าวอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวอีกครั้ง ซึ่งคณะแพทย์มีความเห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ทางคณะสงฆ์มีความเห็นจะแถลงอาการทุก 1 ชั่วโมง โดยเมื่อเวลา 18.00 น.หลวงตามหาบัวมีความดันลดลง อยู่ที่ 74/32 การหายใจที่หน้าอกลดลงกว่าเดิมและแรงกว่าเดิมเป็นบางครั้ง แต่ยังคงสม่ำเสมอ ต่างจากเมื่อ 15.00 น.ที่ได้แถลงข่าวอาการของหลวงมหาบัวว่ายังไม่น่าวิตกมากนัก กระทั่งเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง อาการหลวงตามหาบัวเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ เนื่องจากยาพิเศษที่ใช้รักษาหมดลงไป คณะแพทย์ต้องสั่งให้นำยาขึ้นเครื่องบินมาส่ง และได้นำมารักษาหลวงตาฯ ซึ่งในขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น โดยความดันขึ้นมาอยู่ที่ 80/35 จนเวลา 18.50 น.ความดันอยู่ที่ 82 ซึ่งคณะแพทย์ได้เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด


ล่าสุด เมื่อเวลา 03.35 น. วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงตาบัว ได้ละสังขาร แล้ว สิริอายุรวม 98 ปี คณะแพทย์เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งเช้านี้



สำหรับ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นั้น นาม บัว โลหิตดี ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี  เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน๙ ปีฉลู ณ บ้านตาด อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี บิดา นายทองดี โลหิตดี    มารดา นางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน  สถานภาพ 


หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน   สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ  วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวงคู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี      


พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้"   เคารพพระวินัย ด้วยเดิมมีนิสัยจริงจัง จึงบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ และตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ่อย่างเคร่งครัด ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้  เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน


หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง เดี๋ยวองค์นั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในป่า เดี๋ยวองค์นี้สำเร็จในเขา ในเงื้อมผาในที่สงบสงัด ท่านก็เกิดความเชื่อเลื่อมใสขึ้นมา อยากจะเป็นพระอรหันต์ พ้นจากทุกข์ทั้งปวงในชาตินี้อย่างพระสาวกท่านบ้าง สงสัย ช่วงเรียนปริยัติอยู่นี้ มีความลังเลสงสัยในใจว่า หากท่านดำเนินและปฏิบัติตามพระสาวกเหล่านั้นจะบรรลุถึงจุดที่พระสาวกท่านบรรลุหรือไม่ และบัดนี้จะยังมีมรรคผลนิพพานอยู่ เหมือนในครั้งพุทธกาลหรือไม่  ตั้งสัจจะ ด้วยความมุ่งมั่นอยากเป็นพระอรหันต์บ้าง ท่านจึงตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ ๓ ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด  เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ ๗ พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต


ต่อมา ได้กลายเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ออกปฏิบัติ เมื่อเรียนจบมหาเปรียญแล้ว แม้จะมีพระมหาเถระในกรุงเทพฯ สนับสนุนให้ท่านเรียนต่อในชั้นสูง ๆ ขึ้นไปก็ตาม แต่ด้วยท่านเป็นคนรักคำสัตย์ยิ่งกว่าชีวิต ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ท่านจึงเข้ากราบลาพระผู้ใหญ่ และออกปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง โดยมุ่งหน้าไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่ อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ ๘ ของการบวช พากเพียร ท่านเร่งความเพียรตลอดทั้งพรรษา ไม่ทำการงานอื่นใดทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิภาวนา-เดินจงกรมอย่างเดียวทั้งวันทั้งคืน จนจิตได้รับความสงบจากสมาธิธรรม  มุ่งมั่น แม้พระเถระผู้ใหญ่ท่านอุตส่าห์เมตตาตามมาสั่งให้กลับเข้าเรียนบาลีต่อที่กรุงเทพฯอีก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ที่จะพ้นทุกข์ให้ได้ภายในชาตินี้ ท่านจึงหาโอกาสปลีกตัวออกปฏิบัติได้อีกวาระหนึ่ง   จิตเสื่อม


จากนั้นท่านกลับไปบ้านเกิดของท่าน เพื่อทำกลดไว้ใช้ในการออกวิเวกตามป่าเขาจิตที่เคยสงบร่มเย็น จึงกลับเริ่มเสื่อมลง ๆ เพราะเหตุที่ทำกลดคันนี้นี่เอง  เสาะหา..อาจารย์ เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๕ เดินทางไปขออยู่ศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เหตุการณ์บังเอิญกุฏิที่พักเพิ่งจะว่างลงพอดี ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเมตตารับไว้ และเทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ


ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ  ปริยัติ..ไม่เพียงพอ จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญมากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้ได้ แต่กลับจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะอดจะเป็นกังวล และนำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียงไม่ได้ในขณะที่ทำใจให้สงบ และยังจะกลายเป็นสัญญาอารมณ์ คาดคะเนไปที่อื่น จนกลายเป็นคนไม่มีหลักได้ ดังนั้น เพื่อให้สะดวกในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามา ประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท       


การศึกษาและปฏิบัติ ท่านได้ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จนกระทั่งหลวงปู่มั่นมรณภาพเป็นระยะเวลา ๘ ปี และถึงที่สุดแห่งธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร


ประวัติศาสตร์ช่วยชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวันเปิดโครงการช่วยชาติ โดยมีเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เสด็จไปเป็นประธานเปิดที่สวนแสงธรรม  หลวงตาพูดว่า "(เวลานี้) น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ในเมืองไทยของเรา ที่ว่าพระเป็นผู้นำนี่ไม่เคยมีนะ เริ่มมีหลวงตาบัวคนเดียวนี้แหละออกประกาศตนทีเดียว โดยไม่มีใครชักชวน ไม่มีโครบอกเล่า ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาชักชวนเอง ดูสภาพของเมืองไทยแล้วพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างคนต่างมีความทุกข์ร้อนทุกหย่อมหญ้ากันไปโดยลำดับลำดาไม่ว่าสถานที่ใด ก็ทนใจอยู่ไม่ได้ จึงต้องออกความคิด ความเห็นในแง่ต่าง ๆ ที่จะนำชาติไทยของเราให้เป็นไปด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย หาทางใดก็ไม่เจอ ตามความสามารถความคิดอ่านของตัวเอง หาแล้วหาเล่า หาไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องเอาหลวงตาบัวเป็นตัวประกัน นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อจะบริจาคทรัพย์ที่มีอยู่ของตนเข้าช่วยชาติของเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ นี้แหละเริ่มต้นเหตุเป็นอย่างนี้จึงได้ออกประกาศตน"






Free TextEditor




 

Create Date : 30 มกราคม 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2554 9:22:33 น.
Counter : 674 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

nat85min
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีตอนรับทุกคนที่เข้ามานะครับ

ชื่อนัทครับ ไม่ใช่หมอฟัน

แต่มีแฟนเป็นหมอ(ฟัน)

จึงอยากให้ blog นี้เป็น

แหล่งรวบรวมเรื่องราว

เกี่ยวกับฟัน ฟัน ฟัน
<data:blog.title/> <data:blog.pageName/> กระบี่อยู่ที่ใจ ไร้ใจ ไร้กระบี่

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง
Friends' blogs
[Add nat85min's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.