ผจญภัยในญี่ปุ่นแบบหมาป่าโดดเดี่ยว วันที่15.4 -ยอมอายเพื่อชาติ!-
จากเอนทรีก่อนผมเล่าข้ามไปตอนนึงครับ
หลังจากที่คุ้ยกองแผ่นเกมเพลย์สเตชั่นทั้ง1และ2อย่าเมามันผมก็เจอเข้ากับสิ่งที่อาจจะดึงเงินออกจากกระเป๋าของผมได้
สิ่งนั้นก็คือเกม Biohazard4 ของเพลย์2นั่นเอง
เกมนี้ออกมานานแล้วคือปี2548 แม้จะออกมาถึง5ปีแล้วแต่ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดีที่เกมดังขนาดนี้โดนเอามาวางขายแบกะดิน
ทว่า...ผมก็ยังลังเลที่จะซื้ออยู่ดีเพราะเกมแผ่นนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น
(ผมเล่นแต่ Resident evil ที่เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษของเกมนี้น่ะครับ)
แต่เมื่อได้รู้ว่าเค้าขายที่ราคา300(หรือไม่ก็500)เยนนี่ความลังเลของผมก็หายไปโดยสิ้นเชิง
ถึงซื้อไปแล้วไม่เล่นแต่ราคานี้ก็เอาสามารถไปปล่อยต่อได้ไม่ยาก อิอิ
งั้นก็เช็คสภาพแผ่นแล้วก็จ่ายตังค์โลด
. . .
ความเงียบงันบังเกิดขึ้นกับผมไป3วิเมื่อเปิดกล่องใส่แผ่นเกมขึ้นมาแล้วกลายเป็นเกมอะไรก็ไม่รู้
พอบอกคนขายว่าเกมมันสับกันหวังจะให้คนขายช่วยหาให้หน่อยพี่แกก็ดันทำเฉยๆอีก
...ถ้าพี่มีเซอร์วิสมายด์ซักนิดพี่ช่วยไปหาแผ่นจากร้านอื่นมาขายผมก่อนได้มั้ยยยยยย
...ก็เป็นอันว่าที่ผมไม่ได้ของติดมือจากตลาดนี้มาเลยนี่ไม่ใช่ว่าผมงกนะครับ แค่ไม่มีดวงจะเสียเงินเท่านั้นเอง อิอิ
ตัดฉับมา ณ เวลา13.10กันต่อ...
ผมจดเวลาขึ้นรถไฟมาสองเวลาคือ 13.35และ13.55 กันไว้ก่อนถ้ามีเหตุให้ไปขึ้นเที่ยวแรกไม่ทัน
แล้วมันก็เกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ...
ก็ร้านข้าวหน้าเนื้อ(อีกแล้ว)แบรนด์ Sukiya น่ะสิครับเป็นเหตุ
โอโคโนมิยากิ400เยนในตลาดนั่นเป็นแค่เชื้อเพลิงในการเดินตลาดครับหาใช่มื้อเที่ยงไม่
ทำให้การเดินจากสนามม้าไปสถานีรถไฟเที่ยวนี้ผมต้องสอดส่ายสายตาหาร้านกินข้าวเที่ยงไปด้วย
และสายตาในยามหิวก็สอดส่ายได้ดีทีเดียวครับที่มองเห็นโปสเตอร์เมนูทั้งๆที่เดินผ่านหน้าร้านไปหลายเมตรแล้ว อิอิ
(แบบนี้เรียกดวงจะเสียตังค์ครับ ตรงกันข้ามกับตอนจะซื้อแผ่นเกมเลย)
ร้านสุกิยะนี้ไม่มีตู้สั่งอาหารแบบหยอดเหรียญแต่ให้ไปสั่งกับพนักงานเอา
ผมเลือกนั่งหน้าเคาเตอร์แล้วหยิบเมนูขึ้นมาจิ้มให้พนักงานด้านในเคาเตอร์ดู
โดยส่วนตัวผมว่าแบบนี้ง่ายกว่าการสั่งกับตู้หยอดเหรียญเยอะครับ
ชุดนี้380เยนครับ ไม่รวมน้ำชาเพราะน้ำชาฟรี
หน้าตาแบบพร้อมกิน (ถ้าหน้าตาตอนกินแล้วพริกจะเยอะกว่านี้)
จากการที่กินกิวด้งมาแล้วทั้งสุกิยะ โยชิโนยะและมะสึยะ
ผมลำดับความอร่อยได้ ดังนี้
ที่1 โยชิโนยะ ที่2 สุกิยะ ที่3 มะสึยะ
...ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
นอกจากสายตาจะสอดส่ายหาร้านนั่งกินมื้อเที่ยงแล้ว
สายตาของผมยังสอดส่ายหาน้ำอัดลมแฟนต้ารสอะไรไม่รู้ที่มีลายข้างขวดเป็นรูปวัว! ซึ่งผมเจอแต่หมางเมินมันไปในเที่ยวขาไปสนามม้าตอนแรก
เสียดายว่าผมหาตู้ขายน้ำที่มีแฟนต้ารสนี้ไม่เจอเสียแล้ว
ดังนั้นถ้าคุณได้ไปญี่ปุ่นแล้วเจอน้ำแปลกๆแล้วนึกอยากลองกิน จงซื้อมันตั้งแต่ที่เจอครับ
มิเช่นนั้นคุณอาจจะหามันไม่เจอเมื่อคุณต้องการอยากจะกินมันจริงๆ
ในที่สุดผมก็มาถึงสถานีรถไฟก่อนเวลารถออกแบบชิลๆ
เมื่อซื้อตั๋วและไปรอรถที่ชานชลาแล้วผมเลยมีเวลาสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง
หน้าและผมอยู่ในสภาพดีไม่มีปัญหาแต่ว่าเสื้อยืดสีดำที่ใส่อยู่น่ะสิครับโดนการทัวร์ตลาดกว่า2ชั่วโมงทำเอาขี้เกลือขึ้นขาวเป็นหย่อมๆ
เพื่อไม่ให้คนญี่ปุ่นตราหน้ามาถึงคนไทยทั้งชาติได้ว่าใส่เสื้อมีขี้เกลือออกนอกบ้าน
ผมต้องรีบเปลี่ยนเสื้อให้เร็วที่สุด!
...เพราะรถกำลังจะมาในอีก2-3นาทีนี้แล้ว
ดังนั้นเพื่อประเทศชาติผมจำเป็นต้องเสียสละตัวเอง เอ่อ...ถอดเสื้อเปลี่ยนมันที่ชานชลานั่นแหละครับ
ขึ้นรถไฟตามเวลาที่วางไว้มาจนถึงสถานีนิปโปริ(Nippori)เท่ากับว่าการต่อรถเหลืออีกเพียงสายเดียวคือNarita Express
เมื่อรถขึ้นง่ายและเวลายังพอเหลือผมเลยไปเดินหาซื้อขนมปังไว้ตุนเป็นมื้อเย็นตอนอยู่สนามบิน
ก็ได้ขนมปังของยามาซากิ(อีกแล้ว)มา2ก้อน
ด้วยหน้าตาที่น่ากินผมก็ซัดมันไปทันที1ก้อนทั้งๆที่ไม่หิว แหะๆ
ขนมปังกลิ่นเมล่อนผสมช็อคชิพเคลือบน้ำตาล หน้าตาสวย-รสชาติดีครับ
เมื่อมาจนถึงเคาเตอร์ของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ที่สนามบินนาริตะมุกยื่นเอกสารทั้งหมดไปให้ จนท. จัดการก็ใช้ไม่ได้ผล
เพราะที่นี่ไฮเทค ให้ผู้โดยสารออกตั๋วเองทางหน้าจอระบบสัมผัส
ในหน้าจอมีภาษาไทยให้เลือกด้วยแต่เมื่อผมกดไปได้ไม่เกิน3ขั้นตอนผมก็ต้องยอมแพ้ให้กับภาษาไทยที่แปลออกมาแบบทื่อๆแล้วเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งก็พอกล้อมแกล้มออกตั๋วเองได้จนสำเร็จ ฟู่
เมื่อผ่านเข้ามาในส่วนผู้โดยสารขาออกแล้วผมก็เดินหาซื้อของฝากซื้อกลับบ้านตามออเดอร์
จากนั้นผมก็ไปนั่งรอเวลาเครื่องออกที่หน้าประตูที่37
ซึ่งกว่าจะเครื่องออกนั้นมันอีกตั้งเกือบ2ชั่วโมง
มันว่างซะจนผมต้องไปนั่งฆ่าเวลาในห้องส้วมแน่ะ
38579/584
Create Date : 19 มิถุนายน 2554 |
|
23 comments |
Last Update : 19 มิถุนายน 2554 22:57:12 น. |
Counter : 9895 Pageviews. |
|
|
ไปเข้าห้องส้วมฆ่าเวลา? จริงง่ะ ไม่เชื่อ 555