ทริปครอบครัว UK Trip : London - Cotswolds (10-24/4/17)





เราตั้งใจเขียน blog นี้ขึ้น เพื่อแชร์ทริปอังกฤษ (2 วีค) สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เผื่อเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวประเทศนี้นะคะ โดยทริปนี้เราเน้นที่ London และเมืองใกล้ๆลอนดอนเป็นหลักนะคะ ที่เราเบสลอนดอนเลย เนื่องจากว่า เมืองนี้มี museum เยอะ(และเด็กเข้าฟรี 555) เราอยากให้เด็กๆโดยเฉพาะลูกสาวคนโต อายุ 7 ขวบไปเที่ยวมิวเซียมค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะโตพอแล้ว

โดยทริปนี้เราขอผ่านเมืองจำพวก Oxford, Cambridge และเมืองฟุตบอลทั้งหลายนะคะ เพราะบอกแล้วเน้นที่เด็กเล็ก เมืองมหาลัย เธอยังไม่อินค่ะ 555 (เอาไว้บิวท์ตอนมัธยมนะ) ส่วนฟุตบอล พ่อแม่ไม่อิน ก็ขอผ่านค่ะ ... แต่ที่รู้สึกว่าพลาดเลย คือ Harry Potter อ่ะค่ะ เพราะเราจองตั๋วช้าไป ตั๋วเต็ม ก็เลยอดไปค่ะ เสียดาย T_T

ทริปนี้เราเดินทางในช่วงคาบเกี่ยวสงกรานต์(2017)เลยค่ะ ไปทั้งหมด 2 อาทิตย์ เน้นเที่ยวลอนดอนและเมืองรอบๆลอนดอนแบบ one day trip และ ไป Cotswolds 3 วัน 2 คืน ไปกันทั้งหมด 7 คน ผู้ใหญ่ 5 เด็ก 2 (ณ วันไป ลูกสาวคนโตอายุ 7.4 ขวบ คนเล็ก 3.4 ขวบ) โดยเช่าบ้านพัก airbnb ที่ลอนดอน (นอกเมืองนิดนึง) 2 อาทิตย์เลย (ช่วงที่ไม่อยู่ ก็ขอส่วนลดเจ้าของบ้านนิดนึงว่าไม่อยู่ 2 คืน) และเช่ารถไว้ 2 อาทิตย์เช่นกัน แต่ว่าไม่ได้ใช้รถทุกวันนะคะ (แต่เพื่อความคล่องตัวและปรับเปลี่ยนแผนได้ตลอด เลยเช่าไว้เลยค่ะ) วันไหนเข้าเมืองก็ใช้ tube + taxi ส่วนถ้าไปเมืองใกล้ๆ ก็จะขับรถเอา ... ซึ่งการวางแผนเที่ยวในที่ต่างๆ เราก็จะสลับวันเอาค่ะ วันนึงเมือง อีกวันก็นอกเมืองแบบนี้ เพื่อไม่ให้คนขับเหนื่อย และเด็กๆเบื่อกับการเดินทางมากเกินไป

สำหรับการหาข้อมูลที่เที่ยวต่างๆของอังกฤษ ซึ่งส่วนมากเราจะไป museum เนี่ย แนะนำให้เข้าเว็บไซต์เค้าเลยนะคะ และที่ดีมากๆคือ ในเว็บจะมีส่วนที่เรียกว่า family visit (หรืออะไรประมาณนี้) ให้เข้าไปเลย จะมีคำแนะนำวิธีพาเด็กมาเที่ยวค่ะ บางที่จะมีพวก activity pack หรือ map ให้เรา print ให้เด็กๆ เตรียมตัวอ่านก่อนไปได้ค่ะ เราก็ใช้ตรงนี้เล่าให้เด็กๆฟังก่อนได้ว่าเค้าจะไปเจอกับอะไร หรือวางแผนโซนที่เค้าสนใจไว้ก่อนได้ค่ะ


รายละเอียดทริปนะคะ

Day 1 -2 (10 Apr) - ออกเดินทางจากกทม. มาถึงฮีทโทรว์ 7 โมงเช้าวันที่ 10 ค่ะ ทริปนี้บิน TG เช่นเคยค่ะ เด็กๆหลับตลอดทางค่ะ จากนั้นก็รับรถเช่า แล้วขับเข้าบ้านพัก airbnb .. วันนี้พักผ่อนอีกแล้วค่ะ 555 ตกเย็นก็ไปเดินห้างแถวบ้านแล้วหาอะไรกินค่ะ

Day 3 (11 Apr) - London : Borough market - Tower Bridge - Piccadilly Circus - Soho

วันแรกของการเที่ยว ปรับตัวกับลอนดอนกันซักนิดด้วยการเที่ยวในตัวเมืองกันก่อนค่ะ อากาศดี ไปถ่ายรูปกับ Tower Bridge กันก่อน ห้ามสับสนกับ London Bridge นะคะ คนละอันกัน (หนังสือเตือนแล้ว แต่เราก็ผิดอยู่ดี เพราะพอหาใน map มันจะมุ่งไปลอนดอนบริดจ์ก่อนเลย ^^') แต่ข้อดีของการไป London Bridge คือ ใกล้ๆกันจะมี  Borough market ซึ่งเป็นเหมือนตลาดสดใหญ่ๆ มีอาหารปรุงสดๆให้ทาน ที่เด่นเลย ก็คือ หอยนางรมค่ะ ยืนทานกันสดๆที่ร้านเลย และก็มีหอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ อบกระเทียมค่ะ ห้ามพลาดเลยนะคะ แนะนำว่าควรไปค่ะ ช่วงที่เราไป (เมษา) มีสตรอเบอร์รี่ด้วย ได้กินสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ หวานมากกก ในราคาถูกมากกก ฟินสุดๆๆค่ะ

Tower Bridge เป็นอะไรที่น่าพาเด็กๆมาค่ะ นอกจากถ่ายรูปแล้ว เค้ายังมีเหมือนมิวเซียมที่แสดงประวัติความเป็นมาด้วย พาเด็กๆเข้าไปดูก็น่าสนใจดีค่ะ และอีก 1 กิจกรรมที่เด็กๆน่าจะชอบคือ การขึ้นไปเดินบนชั้น 2 ของสะพาน (ส่วนที่เป็นสีฟ้าๆนะคะ ไม่ใช่ถนนที่มีรถวิ่ง) จะมีแผ่นกระจกที่สามารถมองทะลุลงมาด้านล่าง หวาดเสียวดีค่ะ แต่เด็กๆจะชอบ ... ลูกสาวเราเป็นคน request ขอขึ้นมาเองเลยค่ะ (ตอนแรกเราไม่ขึ้น เพราะต้องเสียตังค์ค่ะ ^^') แต่การขึ้นมา จะต้องเดินขึ้นบันไดซึ่งสูงพอควรนะคะ เด็กเล็กมาก คงต้องอุ้มค่ะ เพราะไม่มีลิฟท์ค่ะ

ส่วน Piccadilly กับ Soho ก็เป็นย่านเดินเล่น ช้อปปิ้ง กินข้าวค่ะ ที่ Soho มี 2 ร้านใหญ่ๆที่คนไทยชอบทาน คือ Four Seasons กับ Burger & Lobster ค่ะ แนะนำให้มาถึงประมาณ 5 โมง ว่างทั้ง 2 ร้านค่ะ ถ้า 6 โมงไปนี่จะต้องต่อคิวแล้วค่ะ คนเยอะเลย เพราะที่ Soho คนเยอะมากจริงๆค่ะ ทานเสร็จ แถวๆนั้นจะมีร้าน M&M world กับ Lego Land ด้วย ร้านใหญ่มากๆ เด็กๆเห็นอยากแวะแน่นอนค่ะ 555 ถ้ามีเวลาก็แวะได้ แต่ถ้าไม่มีเวลา รีบเดินผ่านไป ดีที่สุดค่ะ :P

วันนี้เราเลือกกิน Burger & Lobster จากนั้นก็แวะ M&M World ค่ะ กว่าจะถึงบ้าน 3-4 ทุ่มนี่แหละ เรียกว่าเที่ยวคุ้มมากวันแรก


Day 4-5-6 - Cotswolds (3 day 2 nights) คืนแรกพัก Swan hotel, คืนที่ 2 พัก Three Ways House

ทริป Cotswolds นี่มาแบบเอาใจเราเองค่ะ 555 อยากมาอังกฤษก็เพราะสิ่งนี้แหละ (เพราะลอนดอนเราเคยมาแล้ว ทริปนี้คือ พาเด็กๆมาเที่ยวเป็นหลัก แต่ Cotswolds เรายังไม่เคย เลยต้องขอจัดซะหน่อย) ซึ่งบอกเลยเด็กๆเบื่อค่ะ 555 พวกขับรถชมเมือง เดินเที่ยวชมเมือง เด็กๆไม่อินค่ะ แต่เราก็พยายามจะหาเมืองที่มีที่เที่ยวเล่นสำหรับเด็กๆได้บ้าง ก็ได้มาประมาณนี้ค่ะ

Trout Farm ที่ ฺBibury ค่ะ อันนี้เด็กๆชอบค่ะ ได้ให้อาหารปลา และปลาที่นี่กินดุมากๆๆๆ (เรานึกว่าเค้าต้องเลี้ยงดี จนปลาไม่กินอาหารที่เราให้ ที่ไหนได้ 555) ก็บรรยากาศชิวๆสบายๆค่ะ ส่วนถ่ายรูป Arlington row อะไรแบบนี้ คนเยอะค่ะ ไม่เหมาะกับเด็ก และเด็กก็ไม่อินด้วย

Bourton-on-the-Water เมืองนี้จะมี Model Village ที่ทำเป็นเมืองจำลองเล็กๆ ให้เด็กๆได้เดินเล่นพอกรุบกริบ (แต่เล็กมากค่ะ) แล้วก็นั่งเล่นริมน้ำ ให้อาหารเป็ด กิจกรรมนี้เด็กๆก็ชอบค่ะ :) เผื่อเวลามานั่งเล่นสบายๆหน่อยนะคะ บรรยากาศดีมากๆค่ะ

Broadway แถวหอคอย จะเลี้ยงกวาง ให้เด็กๆได้ดูสัตว์แก้เบื่อ แต่ก่็เห็นไกลๆค่ะ (อ่านมา เค้าว่าจะมีกวางเดินกินหญ้าแถวหอคอยเลย แต่ตอนไป มันอยู่ในกรงอีกด้านค่ะ ไม่ได้มาปะปนกับคน ไม่แน่ใจว่า เค้าจะปล่อยเวลาไหนรึปาวนะคะ)


Day 7 (15 Apr) - London : Hop-on Hop-off Bus, Buckingham Palace - Royal Mews - Soho

วันนี้วางแผนพาเด็กๆขึ้นรถบัส 2 ชั้น ชมเมืองลอนดอนค่ะ ใครอยากพาเด็กๆแวะที่ไหนก็เลือกแวะได้ค่ะ ตั๋วซื้อได้ตามจุดท่องเที่ยว ซื้อเลย ขึ้นได้เลยค่ะ มีหลายเจ้า บางเจ้าถูก บางเจ้าแพง (แต่เจ้าถูกคนจะเยอะ ทำให้คนเต็มรถตลอด เราอาจจะไม่ได้ที่นั่งค่ะ) ดูเจ้าราคากลางๆก็ได้ค่ะ ถ้าไม่เน้นแวะลงนู่นนี่ ซึ่งเอาจริงๆ วันนึงแวะได้ไม่เยอะค่ะ เพราะเรามีเด็กเล็ก ก็ไม่ต้องเลือกที่มีจุดลงเยอะก็ได้ เน้นนั่งไปเรื่อยๆ 555 ...มีกิจกรรมอันนึงน่าสนใจคือ ชมทหารเปลี่ยนเวรที่ Buckingham palace แต่ครอบครัวเราผ่านค่ะ เพราะคิดว่าคนจะเยอะ แล้วเด็กก็คงมองไม่เห็น (ไม่งั้นต้องมาจองที่ก่อนเวลา ซึ่งก็ทำไม่ได้ เพราะขึ้น hop-on hop-off เอาด้วย ทำให้กะเวลาไม่ได้แน่นอนค่ะ)

เราเลือกไปแวะ The Royal Mews, Buckinngham Palace แทน เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์รถม้าค่ะ เด็กๆก็ชอบดี เพราะมีรถม้าสีทองอร่าม แล้วยิ่งถ้าได้ฟังนิทานพวกซินเดอเรลล่ามานี่ จะอินเป็นพิเศษ .. ที่นี่มีห้อง kids room ด้วยค่ะ มีกิจกรรมให้ระบายสี ประดิษฐ์มงกุฎกระดาษ ฯลฯ ลูกเราชอบเลย นั่งอยู่เป็นนานสองนาน เสมือนเป็นครอบครัวชาวอังกฤษ (ที่ไม่ได้จะขึ้นรถ hop-on hop-off ต่อ T_T) และนี่เป็นสาเหตุที่การนั่งรถบัส 2 ชั้นของเราไม่คุ้มเลย 555 คือ ไม่ต้องนั่งดีมั้ย ถ้าจะปักหมุดอยู่ที่เดียวนานขนาดนี้ ^^" ... แต่ไหนเราเสียค่ารถแบบ 1 วันแล้ว พอเสร็จจากที่นี่ เราก็เลยนั่งรถไปลง Soho จัดการ dinner ทีนี่ให้เรียบร้อยเลย 

วันนี้เราทาน Four Seasons และเข้าร้าน Lego ค่ะ กว่าจะขึ้น tube กลับบ้าน 3 ทุ่มได้ คือ แบบ วันไหนที่เข้าลอนดอน ก็จะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ เพราะที่นี่มีร้านเยอะมาก ทั้งของแม่ ของลูก แล้วร้านก็ปิดดึก เราก็จะเดินจนร้านเกือบปิดทุกครั้ง แล้วค่อยนั่ง tube กลับบ้าน เรียกว่า สลบกันเลยทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่


Day 8 (16 Apr) - Brighton : Seven Sister Country Park - Brighton Pier

วันนี้เราจะไป One day trip กันที่เมือง Brighton ค่ะ (ตามแผนคือ จะสลับวันเข้าเมืองกับออกนอกเมืองค่ะ) จุดหมายหลักอยู่ที่ หน้าผา Seven Sister ... ถือเป็นธรรมชาติที่สวยและแปลกตาดีค่ะ ทางเดินไปยังหน้าผาจะค่อนข้างไกลนะคะประมาณ 40 นาทีค่ะ (ไป-กลับเกือบ 2 ชม.นะคะ) ลูกสาวคนโตเรา เดินได้ค่ะ สนุกสนาน เดินไปก็ชมนกชมไม้ คอยดูฝรั่งที่เค้าจูงหมามาเที่ยว 555 ส่วนคนเล็ก เดินและสลับกับนั่งรถเข็นค่ะ (รถเข็นเตรียมแบบล้อทนๆหน่อยนะคะ ทางเดินเหมือนดิน+หินค่ะ ไม่ใช่ถนน) แต่ตลอดทางที่ไป จนถึงหน้าผา ไม่มีร้านอะไรเลยนะคะ เป็นธรรมชาติล้วนๆ ร้านอาหาร+ห้องน้ำ จะอยู่บริเวณที่จอดรถค่ะ ทางที่ดีเข้าให้เรียบร้อยก่อนค่อยเดินไปนะคะ เพราะไม่มีอะไรให้แวะได้ระหว่างทางค่ะ (มีร้านนึงตรงปลายสุด แต่ก็เดินไกลค่ะ)





เสร็จจาก Seven Sister เรามุ่งหน้าไปยัง Brighton Pier ค่ะ ที่นี่มีสวนสนุกให้เด็กๆเล่น ขนาดสวนสนุกไม่ใหญ่มากค่ะ(แต่พอเพียงสำหรับเด็กๆ) แต่มีเครื่องเล่นทั้งเด็กเล็กและเด็กโตค่ะ ลูกเราสนุกมาก เล่นจนมืดค่ำค่ะ กว่าจะออกมา ร้านค้าแถวๆนั้นปิดหมดแล้ว เราเลยไม่ได้เดินเล่นแถวๆนั้นเลย แต่ก็ถือว่าให้เด็กๆเล่นสนุกแลกกันไปค่ะ

Day 9 (17 Apr) - London : London Eye - Big Ben - Westminster Abbey

วันนี้สลับเข้าลอนดอนเช่นเคยค่ะ ไปนั่ง London Eye อ่านมาเค้าว่าคิวจะเยอะ เราเลยตั้งใจจะมาตั้งแต่ 10 โมง (เปิด) แต่ไปๆมาๆกว่าจะมาถึง 11 โมงเหมือนเดิมค่ะ ซึ่งณ ตอนนั้นเนี่ย คิวขึ้นลอนดอนอาย คนไม่เยอะเลยค่ะ ที่เยอะกว่าคือ คิวซื้อตั๋วค่ะ !! เพราะฉะนั้น ซื้อออนไลน์มาก่อนก็ได้นะคะ (คิวออนไลน์ จะสั้นกว่า แต่ออนไลน์จะต้อง fix วันเลย ส่วนครอบครัวเรา ไม่รู้จะมาวันไหน แบบว่าปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เลยไม่ได้ซื้อออนไลน์ค่ะ แต่ใช้วิธีมาเช้าแทน ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่เช้า 555 ) แต่มันจะมีตั๋วพิเศษที่เรียกว่า Fast Track ค่ะ ซึ่งราคาแพงกว่าประมาณ 10 ปอนด์(ต่อใบ) ก็จะได้ลัดคิว แต่ก็ต้องต่ออยู่ดีนะคะ แต่สั้นมาก ตั๋วนี้จะมีบูธขายตั๋วพิเศษด้านหน้าเลยค่ะ คิวโล่งมากก  ... ตอนนั้นก็ชั่งใจอยู่ว่าจะ เอา Fast Track ดีมั้ย ซึ่งจริงๆ คิว Fast Track กับคิวธรรมดาเนี่ยพอๆกันค่ะ (อย่างที่เราบอกคือ คิวจริงๆไม่ยาว) แต่คิวซื้อตั๋วเนี่ย Fast Track ไม่มีเลย ในขณะที่คิวซื้อตั๋วธรรมดายาวมาก เหมือนว่าเราต้องจ่ายเงินซื้อ Fast Track เพื่อเอาคิวซื้อตั๋ว (ไม่ได้เอาคิวขึ้นกระเช้า) แต่คิดไปคิดมา เราก็ไม่ได้รีบ ก็เลยไปต่อธรรมดาละกัน ประหยัดกว่าตั้ง 40 ปอนด์ (ไปกัน 4 คน)... สรุป เราต่อคิวซื้อตั๋ว 30 นาทีค่ะ และก็มาต่อคิวขึ้นกระเช้าอีก 10 นาที (เร็วมาก พอๆกับ Fast Track) ก็ได้ขึ้นค่ะ ... และอาจจะเพราะวันที่ไปคนน้อย หรือเช้าอยู่ (เกือบเที่ยง) กระเช้านึง คนก็ไม่เยอะมาก มีที่ให้ถ่ายรูป ให้นั่ง เดินชมวิวมุมต่างๆได้สบายๆค่ะ


Day 10 (18 Apr) - London : British Museum - Oxford Street

วันนี้พาเด็กๆไปมิวเซียมทั้งวันค่ะ British Museum เป็นมิวเซียมที่ใหญ่มากๆค่ะ เรียกว่าถ้าอยากเรียนรู้แบบเต็มๆ วันเดียวไม่พอแน่นอนค่ะ แนะนำให้เข้าไปในเว็บก่อนค่ะ จะมี maps และส่วนของ Family visit ลองเลือกดูก่อนได้ว่าสนใจโซนไหน ก็มุ่งตรงไปโซนนั้นๆค่ะ เค้าจะมีเหมือน 10 สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเด็กอะไรประมาณนี้ด้วยค่ะ ถ้าเป็นเด็กโตหน่อย แนะนำให้ print อ่านก่อนไปนะคะ เพราะจะได้รู้ว่า ชิ้นไหนมีความสำคัญยังไง (จะเป็นการ build ไปในตัวด้วย ถ้าไปถึงแล้วดูๆอ่านๆเอาเลย เด็กจะไม่อินเท่าไร่ค่ะ) แต่ครอบครัวเรามุ่งไปทางโซนอิยิปต์โบราณค่ะ มีมัมมี่กับโครงกระดูก (เด็กๆคนไหนกลัวอย่าพาไปนะคะ มันน่ากลัวมาก  ^^') เด็กๆตื่นเต้นดีค่ะ อ่อ ด้านในมีร้านอาหารเพียงร้านเดียว และไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกทานนะคะ (แต่ถ้าไปทั้งวัน แบบเราก็คงไม่มีทางเลือกค่ะ) 

ใกล้กับ British Museum สามารถเดินต่อกันไปได้เลย คือ ถนน Oxford Street ค่ะ เป็นถนนช้อปปิ้งขนาดใหญ่ สองข้างทางมีร้านสำคัญๆของอังกฤษเต็มไปหมด พอเสร็จจากคุณลูก คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเดินต่อมาช้อปและทานข้าวเย็นที่นี่ได้เลยค่ะ แต่เผื่อเวลาดีๆ เพราะร้านเยอะมาก 555 (จริงๆคือ ต้องมาทั้งวัน :>) วันนี้เรากลับจาก Oxford street ตอนเกือบ 4 ทุ่มค่ะ จำได้ว่าร้านสุดท้ายที่เดินคือ Boots ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่มากก 555


Day 11 (19 Apr) - Stonehenge

วันนี้เราขับรถไปเที่ยว Stonehenge กันค่ะ จริงๆมีเมืองระหว่างทางอย่าง Salisbury ให้แวะได้ แต่เราไม่ได้แวะค่ะ มุ่งตรงไปสโตนเฮจน์เลย ... ที่นี่จะมี Information Center ที่จำหน่ายตั๋วและมีนิทรรศการเล็กๆ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมอยู่ตรงนี้เลย และเราต้องรอรถ shuttle bus เพื่อนั่งไปบริเวณ Stonehenge ค่ะ ... จริงๆมีรถหลายคันที่ขับมาจอดตรงถนนใหญ่ ใกล้ๆกับสโตนเฮจน์เลย เพื่อจอดถ่ายรูป แล้วก็ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะจริงๆ(ถ้าไม่อะไรมาก) มันก็แค่แท่นหินเป็นก้อนๆ ถ่ายรูปนิดเดียวก็จบ ตอนแรกเราก็คิดแบบนี้ค่ะ แต่พอลองเข้าไป ให้เด็กๆได้ดูนิทรรศการ ดูรถขนหินจำลอง ดูความเป็นมาคร่าวๆ เราว่ามันกระตุ้นความคิดต่อยอดของเด็กๆได้หลายๆอย่างค่ะ เช่น คนโบราณเค้าขนหินใหญ่ขนาดนี้มาได้ยังไง เค้าวางหินแบบนี้เพื่ออะไร หรือจะให้เด็กๆได้ create ท่าโพสต์กับแท่นหินก็สร้างสรรค์ดีนะคะ 555 ... เพราะฉะนั้น ถ้าพาเด็กๆมา อย่าแค่พามาถ่ายรูปแล้วจากไปนะคะ :)


++ลูกเราทำท่าว่าเธอกำลังแบก stonehedge ค่ะ 555++



Day 12 (20 Apr) - London : Natural History Museum - Harrods

วันนี้เราจะไป Natural History Museum กันค่ะ เป็นมิวเซียมที่มีสัตว์ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เหมาะกับเด็กๆมากค่ะ เด็กเล็กๆก็เหมาะค่ะ เพราะมีสัตว์หลายชนิด มีโครงกระดูกปลาวาฬ ไดโนเสาร์ ฯลฯ ตัวตึกของมิวเซียมนี้ก็สวยมากๆค่ะ ไปถ่ายรูปก็สวย 555 ใช้เวลาทั้งวันได้ค่ะ แต่มีข้อเตือนใจนิดนึง คือ ช่วงที่เราไป (เดือนเมษา) เค้าจะมีงาน Sensational Butterflies คือ เป็นเหมือนสวนผีเสื้อที่ด้านนอกมิวเซียมนะคะ (คิดว่าน่าจะมีทุกปี) ซึ่งต้องเสียค่าเข้าด้วยค่ะ (มิวเซียมหลักไม่เสีย) เราก็กะว่าจะพาเด็กๆไปดูผีเสื้อกับดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ ที่ไหนได้ พอเข้าไปในกระโจม (เป็นเหมือนเต้นท์ปิดขนาดใหญ่นะคะ ไม่ใช่เป็นสวน) ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมอากาศร้อนๆ เด็กๆถึงกับบ่นว่า เหมือนเมืองไทยเลยอ่ะ 555 (ในขณะที่อากาศข้างนอกไม่น่าเกิน 15 องศา) ยิ่งกว่าอากาศคือ ต้นไม้ด้านใน ที่เราคิดว่าจะเป็นดอกไม้เมืองหนาวๆสวยๆ กลับกลายเป็นต้นกล้วย ต้นอุตพิศ แล้วก็มีผลไม้จำพวกส้ม แอปเปิ้ลวางล่อผีเสื้อเต็มเลย บรรยากาศเหมือนเมืองไทยมาก ... สรุป พอเราไปอ่านคำบรรยายถึงรู้ว่า เขตที่มีผีเสื้ออาศัยอยู่ คือ เขตร้อนชื้นเหมือนเมืองไทยนี่แหละ เค้าเลยจำลองเอาบรรยากาศแบบนี้มาให้คนในเมืองหนาวได้ศึกษากัน เวรกรรม !! แล้วเราจะเสียตังค์เข้ามาทำไมเนี่ย 555 ดูได้ไม่นาน ก็ต้องรีบออก เพราะร้อนมากก พอออกมานอกเต้นท์ปุ๊บ อากาศเย็นสบายเลยเชียว :)

จาก Natural History Museum ย่านช้อปปิ้งใกล้ๆแถวนั้นคือ Harrods ซึ่งจริงๆสามารถเดินถึงได้ พอเหนื่อย แต่เราไม่อยากเหนื่อยแล้ว 555 เลยเรียก Taxi มาเลย แบบ 5 นาทีถึง ค่าแท็กซี่ก็ไม่แพงมาก น่าจะไม่เกิน 10 ปอนด์ ถ้าใครอยากลองนั่งแท๊กซี่ลอนดอนดู แนะนำตรงจุดนี้ค่ะ เพราะเรียกแท๊กซี่ง่าย และระยะทางสั้นๆไม่แพงมาก (สำหรับลองนั่งเป็นประสบการณ์ดู) ...Taxi ลอนดอน จะเป็นแท๊กซี่ที่แบบ เข็นเอารถเข็นเด็กทั้งคันขึ้นไปได้เลยอ่ะค่ะ ไม่ต้องพับรถเข็น (ไม่ชาร์จเพิ่มด้วย) สะดวกดีมาก 

ห้าง Harrods มีร้านอาหารน่านั่งหลายร้านมากๆค่ะ มีร้าน Burger & Lobster ด้วย เราก็กินร้านนี้กันซ้ำอีกครั้งที่สาขานี้ค่ะ (คือ สาขา Knightbridge ค่ะ)


Day 13 (21 Apr) - Bicester outlet

เอาท์เล็ตนี้ ตั้งออกมาห่างจากลอนดอนประมาณ 1 ชม.ครึ่งค่ะ อยู่ทางเหนือๆหน่อย ซึ่งถ้าไม่มีเวลามาก จะแวะตอนขากลับจาก Cotswolds ก็ได้ (เราก็แวะ survey มาแล้ว 1 รอบ) หรือ จะจัดไปวันเดียวกับ Harry Potter Studio ก็ได้ค่ะ แต่เราแบบอยากใช้เวลาเต็มๆ เลยเผื่อเวลามา 1 วันเลย ใน outlet มี playground ให้เด็กๆได้เล่นด้วยค่ะ มีร้านอาหาร (แต่ไม่เยอะ และไม่ค่อยถูกปากเท่าไร่ แต่ก็ต้องฝากท้องที่นี่อยู่ดี ถ้ามาทั้งวัน) มี tax refund ครบค่ะ ... สามารถเช็คร้านค้าใน outlet นี้ในเว็บไซด์ได้เลยนะคะ 


Day 14 (22 Apr) - London shopping

วันนี้เราเผื่อเป็นวันช้อปปิ้งอีกวันเต็มค่ะ 555 แต่จะเป็นช้อปแบบร้านทั่วๆไปของอังกฤษ ที่ไม่ใช่ outlet เราเลยขับรถไป Westfield กันค่ะ (มีที่จอดรถนะคะ) อันนี้คือ ห้างใหญ่เลย มีร้านครบแบบที่ต้องการ เช่น ฺBody shop, Mother Care, Mark & Spencer และร้านแบรนด์ยุโรปอีกหลายแบรนด์ค่ะ ก็ช้อปกันไปเลยทั้งวัน อิอิ


Day 15 (23 Apr) - Greenwich market - Greenwich foot tunnel - กลับกทม.

วันนี้เป็นวันที่ต้องคืนบ้านแล้ว พอดีเจ้าของบ้านขอไว้ให้เช็คเอาท์ตอน 10 โมงค่ะ ก็เลยต้องรีบกันหน่อย แต่ว่าไฟลท์เราเนี่ยตั้ง 3 ทุ่มครึ่ง (ตั้งใจว่าจะไปถึง 6 โมงเย็น เพราะต้องคืนรถก่อนด้วยค่ะ) ก็เลยมีเวลาว่างๆ เกือบ 1 วัน ก็เลยไป Greenwich กันค่ะ ที่นี่มีที่น่าสนใจหลายจุดนะคะ แต่พอดีเราเป็นวันสุดท้าย มันก็จะแบบกังวลๆนิดหน่อย (เพราะต้องคืนรถ) เลยไม่ได้เก็บทุกจุดของเมืองนี้ เราไปเดิน Greenwich market กับ Greenwich Foot tunnel ค่ะ เป็นอุโมงค์ข้ามแม่น้ำเทมส์ เสียดายไม่ได้มีเวลาไปดู Royal Observatory Greenwich ที่มีเส้นแบ่งเวลา GMT  ด้วย (ถ้าเด็กโตหน่อยน่าจะเข้าใจค่ะ แต่ลูกๆเรายังไม่เข้าใจ เลยไม่ได้วางแผนไปแต่แรก)

จากนั้นเราก็ขับรถไปสนามบินเพื่อคืนรถ (จะลงรายละเอียดเรื่องการคืนรถเช่าที่สนามบินอีกทีนะคะ) และเช็คอิน ทำ Tax refund ซึ่งบอกเลยว่า Tax refund ที่อังกฤษนานมากๆๆๆๆๆค่ะ เราได้ยินคำเตือนมาแล้วว่าให้เผื่อเวลาไว้ไม่ต่ำว่า 1 ชม.ค่ะ (ถ้าไม่มีเวลา ก็ข้ามไปเลยค่ะ ไม่ต้องทำ 555) ของเรานี่ 1 ชม. 20 นาทีได้ กว่าจะเสร็จ 2 ทุ่มนิดๆ ของบางอย่างได้เป็นเงินสดเลย บางอย่างจะเข้าบัตรเครดิต แล้วแต่บริษัท Tax ที่ร้านค้า/แบรนด์นั้นๆดีลไว้ค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่เค้าจะเป็นคนแยกให้เอง เราก็ยื่นใบเสร็จไปให้เค้าทั้งหมด (กรอกชื่อที่อยู่ให้หมดนะคะ) ซึ่ง Tax refund บางประเทศ เค้าจะแบบมีเป็นตู้ๆ ให้เราหยอดซองลงตู้เลย แล้วคืนเงินในบัตรเครดิต แบบนี้ก็จะไม่เสียเวลาดีค่ะ แต่อังกฤษนี่คือ ต้องมาต่อแถวให้เจ้าหน้าที่จัดการให้ มันก็เลยเสียเวลามากๆ(แม้ว่าจะคืนเป็นบัตรเครดิตทั้งหมดก็ต้องต่อ - ข้อมูล เมษา 60 นะคะ)


จากนั้นเราก็ไปโหลดกระเป๋า (คือ เราต้องโหลดหลังทำ Tax เพราะมีคนขู่ว่า บางทีเค้าจะให้เอาของออกมาโชว์ด้วย แต่ถ้าใครที่แยกของออกมาแล้ว จะโหลดกระเป๋าแล้วค่อยไปทำ tax ก็ได้ค่ะ แต่ของเราเยอะมากก เราเลยไม่ได้แยกออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตรวจของอะไร) โหลดเสร็จ รีบวิ่งไปสแตมป์ตม. แล้วก็ขึ้นเครื่องเลย แบบว่าไม่มีเวลาช้อป duty free ที่สนามบินจนได้ ขนาดมาก่อน 3.30 ชม.แล้วนะเนี่ย (ซึ่งนอกจากtax refund จะนานแล้ว ยังมีขั้นตอนคืนรถด้วยค่ะ) ... ก็เป็นอันจบทริปอังกฤษ 15 วันค่ะ ซึ่งยังไม่ครบเลย ติดเอาไว้ คงได้มาอีกแน่นอนค่ะ 555 กะว่าคราวหน้าจะขับขึ้นไป Scotland และแวะเที่ยวเมืองระหว่างทางค่ะ


ข้อควรระวังในการคืนรถเช่าที่สนามบิน


ใครที่คิดจะเช่ารถขับเที่ยว ในส่วนของขั้นตอนการรับรถนั้นจะไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ พอเรามาถึง รับกระเป๋าเสร็จ เดินออกมาโซนด้านนอก ก็มองหาป้าย Car Rental ได้เลย ซึ่งถ้ามีปัญหา ก็จะอยู่ตอนหาป้าย Car Rental ให้เจอนี่ล่ะค่ะ 555 เพราะบางสนามบิน (โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ๆในตปท.) จะมีตึกของ Car rental ต่างหากเลย ไม่เหมือนเมืองไทยที่พอออกมาก็เจอเลย อยู่ในตึกเดียวกัน แต่บางที่นี่คือ คนละตึก คนละชั้น วุ่นวายเล็กน้อยค่ะ ถ้าแบบของเยอะ เด็กเล็ก อากาศหนาวนี่ก็วุ่นวายมากหน่อย 555 แต่พอเจอแล้ว ก้ค่อนข้างง่าย คิวก็ไม่ค่อยเยอะค่ะ

แต่ปัญหาจริงๆจะอยู่ช่วง คืนรถนี่ล่ะค่ะ เพราะส่วนมาก สนามบินใหญ่ๆ จะมีส่วนรับรถที่แบบ คนละที่กันเลย บางที่ใกล้หน่อย  ก็นั่ง Shuttle bus แป็บเดียว แต่บางทีไกลออกไปแบบนั่ง Shuttle Bus 15 นาทีเลยก็มี เช่นที่ สนามบิน LAX ค่ะ ไกลไม่พอ รถติดอีก T_T (ต้องเผื่อเวลาคืนรถแบบเป็นชม.เลยค่ะ) ของที่ Heathrow เองก็อยู่คนละตึกกันนะคะ ต้องนั่ง Shuttle Bus กลับมาเหมือนกันค่ะ (ซึ่งการนั่ง shuttle ต้องเผื่อเวลารอรถ เผื่อเวลาขนกระเป๋าขึ้น เผื่อเวลาจอดที่จุดอื่นๆแบบนี้ด้วยนะคะ และบางที่มีรถติดอีกเพราะอยู่คนละที่เลย ไม่ใช่ว่าห่าง 10 นาที ก็เผื่อ 10 นาทีเป๊ะ) ซึ่งถ้าเป็นไปได้ควรศึกษาก่อนค่ะ แต่มันก็จะยากนิดนึง เพราะไม่ค่อยมีข้อมูลพวกนี้ค่ะ เราก็ใช้เผื่อเวลาเอา แล้วไปตายเอาดาบหน้า 555 ... 

การคืนรถ ถ้าไปกันแบบหนุ่มๆสาวๆ ของไม่เยอะมากแบบกระเป๋าคนละใบ ก็แนะนำให้ขับรถไปที่ตึกคืนรถเลย แล้วขนกระเป๋านั่ง shuttle มาที่สนามบินค่ะ แต่กรณีของเยอะมากๆ (เช่น ทริปครอบครัวของเราทริปนี้) ก็ให้แวะสนามบิน เอากระเป๋าลงก่อน แล้วคุณพ่อก็ค่อยขับรถไปคืนคนเดียว และนั่ง shuttle กลับมาจะสะดวกกว่าค่ะ แต่อาจจะทุลักทุเลนิดๆ อย่างของเรา คือ รถเข็น 2 คัน แต่เราเข็นได้คนเดียว เพราะลูกสาวยังเข็นรถเข็นสนามบินไม่ได้ (ไม่มีแรงบีบคันจับ 555) ส่วนพ่อ เอารถไปคืน ก็ต้องแบบหาจุดนั่งคอย (แต่ ... มีแต่อีก ... เราต้องไปต่อคิว Tax refund เผื่อจะได้ไม่เสียเวลา ทำไงล่ะคะ ... ก็ต้องค่อยๆกระดืบๆไป แบบทีละเมตร แล้วให้ลูกเฝ้าอีกคันไว้ 555) ลองเลือกดูนะคะว่าแบบไหนจะเหมาะกับครอบครัวคุณมากกว่า ^^"

หวังว่า blog นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่จะพาเด็กๆไปเที่ยวลอนดอนกันไม่มากก็น้อยนะคะ ... พบกันใหม่บล็อคหน้าค่ะ :)



Create Date : 18 มกราคม 2561
Last Update : 27 มกราคม 2561 17:35:27 น.
Counter : 2103 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments