bloggang.com mainmenu search

สวัสดีค่ะหลังจากลงเนื้อหาสาระมาหลายวัน วันนี้หญิงก็ขอเล่าประสบการณ์การวิ่งให้ฟังบ้างนะคะจริงๆ เรื่องของการดื่มน้ำยังไม่จบหรอกค่ะ ยังมีต่ออีกตอนสองตอน (หรืออาจมากกว่านั้นต้องดูเวลาก่อน ^^)


คราวก่อน หญิงก็ไปวิ่งมาค่ะ ทำทุกอย่างเหมือนเดิมๆอย่างที่เคยทำมา คือวอร์มอัพตัวเอง เพื่ออบอุ่นร่างกาย ก่อนจะออกเดินแล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับๆ แล้วก็ออกวิ่งในท้ายที่สุด

ข้อควรรู้อย่างหนึ่งสำหรับการวิ่งก็คือในระยะที่เริ่มออกวิ่ง ควรจะวิ่งช้าๆ ไปเรื่อยๆ เสียก่อนเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว เหมือนรถที่ต้องค่อยๆ เปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปเป็นลำดับจะกระโดดจากเกียร์ 1ไปเกียร์ 5 เลยก็ไม่ได้ ต้องให้รอบเครื่องได้จังหวะที่เหมาะสมของมันก่อนเช่นเดียวกัน ก็ต้องวิ่งเพื่อให้ร่างกายมันปรับตัวได้เสียก่อน พอจังหวะและความพร้อมในทุกๆกล้ามเนื้อเริ่มเข้าที่ ก็จึงค่อยเปลี่ยนเกียร์ให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมซึ่งจะต้องพอดีๆ และเหมาะสม

ในแต่ละก้าวของหญิงที่วิ่งไป ไม่ยาว ไม่สั้นจนเกินไป คือเหยียดขาออกไปไม่สุด เพียงแต่เอาส้นเท้าลงก่อน แขนทั้งสองข้างทั้งงอเป็นมุมฉากแกว่งไกวไปเบาๆ หายใจหนักๆ ออกทางจมูกเป็นหลักเสียก่อน ซึ่งหญิงเองก็ไม่รีบร้อนไปไหนจุดประสงค์และเป้าหมายก็คือ วิ่งไปเรื่อยๆ วิ่งๆๆ แต่ไม่ได้แข่งกับใครหรือต้องการจะแซงคนข้างหน้าเลย วิ่งอยู่ในเลนของตัวเองในขณะที่บางคนก็วิ่งแซงผ่านไป และบางขณะเราเองก็วิ่งแซงคนอื่นเขาเหมือนกันแต่มักจะเป็นคุณลุง คุณป้า ที่นิยมออกมาเดินออกกำลังกาย มากกว่าจะวิ่งพวกเขามักจะเดินก้าวยาวๆ เร็วๆ ไปพลาง ยกแขนยืดขึ้นไปมาไปพลางแต่บางคนก็เลือกที่จะวิ่งซอยเท้าๆ ถี่ๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนกัน

หญิงเคยเอาหูฟังเสียบหูแล้วฟังเพลง ทำเหมือนกับพวกชาวต่างชาติหรือตามภาพยนตร์ มันก็ใช้ได้เหมือนกันนะคะ เพลินดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ฟังดีกว่า เอาหูทั้งสองไว้ฟังเสียงรอบข้างดีกว่าเผื่อมีคนเรียก หรือมีเหตุการณ์กะทันหันอะไรขึ้น จะได้หลบทันแต่ถ้าคนไหนที่คิดจะเสียบหูฟังแล้วฟังเพลงแต่ต้องวิ่งออกกำลังกายในที่ที่ไม่ปลอดภัย เช่นริมถนน หรือวิ่งคนเดียวไม่มีใครอื่นในสถานที่นั้น หญิงก็แนะนำว่าอย่าดีกว่าค่ะอย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเราเอง ^^

ความจริง การวิ่งครั้งนี้ ก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้เหมือนเดิมว่าจะต้องได้ 1 ชั่วโมง แต่ว่าครั้งนี้จะไม่ตั้งใจนับจำนวนรอบ จะวิ่งไปเรื่อยๆพยายามเอาความคิด ไปอยู่กับสิ่งภายนอก มองดูผู้คนที่วิ่งใกล้กับเราบ้างดูคนคู่ข้างหน้า ที่วิ่งเคียงข้างกันไปบ้าง หรือไปดูธรรมชาติรอบข้างไม่กำหนดว่าจะต้องครบกี่รอบ กี่นาที พอเริ่มเหนื่อย หายใจหนักทางปากก็เริ่มผ่อนฝีเท้าลง จากเกียร์ 5 ก็ลดลงมายังเกียร์4, 3 และ 2 อย่างรวดเร็ว เพียงแต่คงไว้ซึ่งสภาพการวิ่งเหมือนเดิมพอร่างกายเริ่มได้ที่ ก็ใส่เกียร์ขึ้นไปเหมือนเดิม ค่อยๆเพิ่มไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนสักพักใหญ่หญิงก็เริ่มอ่อนล้าค่ะวิ่งต่อไปไม่ไหว ต้องผ่อนร่างกายและจังหวะลง จากวิ่งเร็ว กลายเป็นวิ่งช้า จากวิ่งช้ากลายเป็นเดินเร็วแล้วก็เดินในแบบปกติในที่สุด แต่แล้วสิ่งที่ทำให้หญิงดีใจมากขึ้นกว่าเดิมก็คือครั้งนี้วิ่งได้ 54นาที จากครั้งก่อน48 นาที ครั้งหญิงวิ่งได้นานกว่าเดิมค่ะ ^^

เดินในจังหวะปกติไปได้สักพัก ก็ออกมาอุ่นเครื่องกันอีกรอบพอหายเหนื่อยและรอบด้านมืดหมดแล้ว ก็เดินทางกลับ ครั้งนี้ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลียแต่มันก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นอย่างช้าๆ ซึ่งหญิงพอใจมากเลยค่ะจึงอยากจะแนะนำวิธีนี้ดู อย่าไปใจจดใจจ่อว่าครบหรือยัง วิ่งได้เท่าไหร่แล้วเหลืออีกเท่าไหร่ เพราะมันกัดกร่อนกำลังใจ ทำให้ไม่ค่อยมีแรงวิ่ง อย่าไปตั้งเป้าแต่ให้วิ่งไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปเรื่อยๆ ไปพลางๆแล้วขากับแขนมันก็กวัดแกว่งไปของมันเอง จนพอถึงจุดนึงที่ไปต่อไม่ได้เราก็จะรู้ได้เองว่า วิ่งได้แค่นี้แหละ วันหน้าค่อยเริ่มใหม่ จำไว้นะคะนักวิ่งที่วิ่งได้นานๆ ไกลๆ พวกเขาไม่ได้เริ่มหัดวิ่งวันสองวันหรือซักหนึ่งอาทิตย์หรอกนะคะแต่เขาวิ่งกันมานานเป็นเดือนๆ เลยแหละ จึงวิ่งได้ไกลขนาดนั้นแต่สำหรับคนที่มีบุคลิกอ้วนหรือน้ำหนักเยอะ ก็ระวังเรื่องปวดขาปวดหัวเข่ากันหน่อยนะคะ สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ^^

Create Date :23 เมษายน 2556 Last Update :23 เมษายน 2556 18:09:09 น. Counter : 1683 Pageviews. Comments :1