bloggang.com mainmenu search


ท่ามกลางข่าวกระแสสงครามระหว่างอินเดีย และปากีสถานที่มาเป็นระยะๆ นั้น 
ก็ทำให้เรานึกถึงประเทศอินเดียขึ้นมาในทันที❗️
เดิมทีจะทำ Content เที่ยวอินเดีย 3 เมือง 3 สี 4 คืน ภายในงบ 2 หมื่นบาท ก็ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้แล้วค่ะ
เพราะตอนนี้ ไทยสมายล์ และแอร์เอเชีย ไม่มีบินตรงลงชัยปุระแล้ว ทั้งที่ทำเส้นทางมาอย่างดี ขณะที่ตอนเราบินตั๋วไปกลับ อยู่ที่ 8000 บาท
แต่ตอนนี้พุ่งทะยานไปถึง 17,000+ 😳 ซึ่งเป็นราคาที่โหดมากกับเส้นทางนี้ เนื่องจากมีการปรับผังบริหารงานภายในเส้นทางบิน ><

ทริปนี้เราเดินทางไปเมื่อเดือนมีนาคม 2018 ตั้งใจไป 3 เมืองคือ Jaipur เมืองสีชมพู / Jodhpur เมืองสีฟ้า / Jaisalmer เมืองสีทอง ที่ได้ทำรีวิวไปแล้วด้วยความประทับใจกับการนอนทะเลทราย ครั้งแรกในชีวิต จากนั้นมาก็ค้าง 🤪 เอ้ย เว้นช่วงไปนานเหลือเกินกับสองเมืองที่เหลือ
จนเวลาจวบมาครบปีล่ะ และมีทริปแห่งปีแทรกเข้ามาเรื่อยๆ  ก็เลยขอหยิบยก ทริปอินเดียครั้งที่ 3 เรื่องเล่าของเมือง Jodhpur เมืองสีฟ้า
มาเล่าให้ฟังกันหน่อยน้า

Jodhpur นครสีฟ้า เมืองที่เราไม่ปลื้ม


เพี้ยนออกทริป


จ่อหัวชื่อว่าเมืองนี้เราไม่ปลื้ม เพราะอะไร !!
ความรุ้สึกที่ได้ไปเที่ยวเมือง Jodhpur 2 คืน คือเป็นเมืองที่สกปกรกมาก ยิ่งย่านชุมชน Old Town แห่ง Jodhpur
ที่เดินผ่านไปมาจะเจอกองขยะตามพื้น ตามคลองตามหน้าบ้าน ทั้งม้า วัวลา เลี้ยงกันร่วมกับคนก็ถ่ายเต็มหมดที่พื้น
ไม่มีใครเลยที่เดินไปตรงไหนจะไม่เหยียบสิ่งพวกนี้เลยค่ะ

แต่เอาเหอะ มาดูเรื่องราวการเดินทางของเราดีกว่า เมืองนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจแนวประวัติศาตร์
เพื่อนบล็อกที่ชอบซากอิฐแนวนี้น่าจะชอบ ก็เห็นไม่ยอมมาซักทีสิน่าาา

กระเตงกระเป๋าลากเข้าโรงแรมที่จองไว้กันก่อนเลยค่า ดูพื้นที่ลาก ล้อกระเป๋าไม่พังก็บุญเท่าไหร่แล้ว 555




โรงแรมที่เราจอดพักในเมือง Jodhpur คืนละ 1700 บาทค่ะ อยู่ใกล้ที่เที่ยวเชิงประวัติศาตร์ อย่าง Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์)
และโรงแรมที่เราจองไปพักนั้นก็เป็นลูกหลานของเจ้าเมืองนี้ด้วย ดูจากภาพการตกแต่งในโรงแรมก็จะมีเรื่องราวย้อนอดีตเก่าๆ
ของเมืองนี้ให้ชมกันตามฝาผนังของโรงแรมเพียบเลย 




ที่น่าทึ่งคือเตียงนอนที่พวกเรานอนนั้นแหละ มันสูงมาก ต้องก้าวขึ้นเหยียบขาตั่งขึ้นไปบนเตียงอีกที
นั่นเป็นเตียงแบบเจ้าเมืองสมัยก่อนที่ใช้นอนกันค่ะ ถามว่าขอบไหม ต้องนอนระวังมาก กลางคืนตื่นมาเข้าห้องน้ำเผลอๆ
ทิ้งตัวลงข้างเตียงไม่ได้นะนั่น ขาจะแพลงเอาได้ มันสูงเกินปกติจริงๆ >< 
ดูจากภาพเอาเหอะ เทียบเท่าเอวคนในความสูงระดับปกติแล้ว 555

แต่โรงแรมนี้ทำเลดี วิวดีค่ะ ชั้นดาดฟ้า หรือ Rooftop จะมองเห็น Mehrangarh fort ด้วย
ยิ่งแสงเย็นป้อมเปิดไฟสว่างจะอลังการมาก และตอนเช้าเราก็มาทานข้าวเช้ากันที่นี่
ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวที่ป้อมนั่นแหละ

 



กับสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่านก และมองลงไปเห็นสีฟ้าเป็นหย่อมๆ ของเมืองสีฟ้า มันก็ไม่ได้ฟ้ามากนะ เรียกว่าเป็นหย่อมๆ จะถูกต้องกว่านะเราว่า
#Jodhpur เมืองสีฟ้า ทีเมืองเกือบทั้งเมืองถูกฉาบด้วยสีฟ้า เพราะมีความเชื่อว่าสีฟ้าจะช่วยให้ แสง UV ผ่านเข้าน้อย
ให้อากาศเย็นลง เพราะเมืองนี้ ถือเป็นเมืองที่ร้อนมาก
 




เห็นมั้ยคะ ว่าบ้านเมืองเป็นสีฟ้าหย่อมๆ จริงๆ ด้วยแต่ก็พอเด่นสะดุดตาด้วยเช่นกัน
ถึงได้เรียกกันรวมๆ ว่าเมืองสีฟ้า นั่นแหละ
หลังจากที่เราทานข้าวเช้า อาหารเช้าที่โรงแรมนี้รสชาติพอทานได้ ไม่มีแป้งนาน มีแต่โรตีผสมกล้วย และช็อคโกแลต
นี่อาหารเช้าจริงๆ 555

จากนั้นเราก็เหมารถตุ๊กๆ ไปเที่ยวกันต่อเลยค่า
เมืองนี้เราจะเที่ยวกันอยู่  4 แห่งคือ

• Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์)
• Toorji Ka Jhalra Step Well บ่อน้ำโบราณ แห่งเมือง Jodhpur
• ชุมชน Old Town แห่ง Jodhpur
• Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา) อนุสรณ์สถานความรักของลูกที่มีต่อพ่อ






เก็บดภาพระหว่างทาง เขาทำไรกันไม่่รู้ ที่เป็นผ้าสีแดงๆ ชมพูกองตากไว้ลานกว้างๆ
แล้วก็มาพับผ้ากัน เห็นแปลกตา สวยดี ท่ามกลางแดดแบบนี้ก็เก็บภาพมาฝากกันหน่อย

พิกัดแรกที่เรามากัน ก็คือ 
Toorji Ka Jhalra Step Well บ่อน้ำโบราณ แห่งเมือง Jodhpur





Toorji Ka Jhalra Step Well บ่อน้ำโบราณ แห่งเมือง Jodhpur
เป็นอีกหนึ่งสถานที่แวะชมบ่อน้ำโบราณ ถ่ายรูปแนวๆ เก๋ๆ ได้อีก  แต่กะใส่ชุดสีเหลืองมาเพื่อถ่ายรูปตัดกับเมืองสีฟ้า
แต่มาเที่ยวที่บ่อน้ำโบราณก่อนสีอิฐเหมือนกัน เลยดูกลืนกันไปหมดเลยค่า 555








ความเก๋ ความเท่ ของบ่อน้ำโบราณ Toorji Ka Jhalra Step Well คือบันไดที่ลงไปค่ะ
มีความเป็นอาร์ตๆ สลับกันตามช่องสีเหลี่ยมของบ่อน้ำอย่างมาก

หลังจากถ่ายรูปเก๋ๆ ที่บ่อน้ำโบราณจนหนำใจกันแล้ว ก็นั่งตุ๊กๆ ให้ไปส่งที่ Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์)
แล้วไม่ต้องรอพวกเรากลับนะคะ ขากลับเราจะเดินลงจากป้อม ผ่าน ย่านชุมชน Old Town  และเดินกลับโรงแรมกันเอง






เรามาถึงแล้ว ป้อม Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์) ป้อมนี้เป็น 1 ใน 4 พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย
ทางเข้าต้องซื้อบัตร 600 รูปี และจ่ายค่ากล้องเข้าไปถ่ายภาพอีก 100 รูปีค่ะ
ทางเข้าก็ต้องสแกนทั้งกระเป๋าและตัวเราก่อนเข้าไปด้วยเช่นกัน





ความยิ่งใหญ่ตระการตาของวังนี้ คือยิ่งใหญ่มากกก
ลวดลายตามเสา และประตูลายฉลุ สวยมากด้วย ยังคงเหลือเค้าโครงเดิมให้นึกถึงไปยังสมัยรุ่งเรืองของวังนี้
จริงๆ ตอนซื้อบัตรนะ จะได้รับ Audio Guide ไว้เดินฟังบรรยายด้วยด้วยนะคะ
แต่เราไม่เอาค่ะ เพระาฟังไม่ออก บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ 555

 



ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตที่เราหามาให้อ่านกันคือ
ป้อมเมห์รานการห์ (Mehrangarh Fort) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองของจ๊อดปูร์ ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1459
เป็นป้อมปราการที่อยู่บนเนินเขาที่มีความสูง 122 เมตร และมีความยาวข้ามเขาถึง 125 ลูก ซึ่งถูกสร้างขึ้นในยุคของมหาราชาจ๊อดธะ
เพราะมีฤาษีท่านหนึ่งบอกกับพระองค์ว่าควรสร้างเมืองขึ้นที่นี่

เมืองจ๊อดปูร์ จึงกลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่มาแต่ครั้งอดีต
และถูกต่อเติมเสริมสร้างเรื่อยมาจนใหญ่โตมโหฬารและงดงามอลังการเป็นอย่างยิ่ง



ภาพมุมบางส่วนของป้อม ที่เทียบกับขนาดคน 
ตัวเล็กลงไปเลยทีเดียว






ภายในจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และจะเห็นภาพที่ไกด์บรรยายให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย
ส่่วนเรา ก็มาค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตไปสิ

ภายในค่อนข้างสลับซับซ้อน มีห้องหับหลายชั้นหน่อยค่ะของพระมหากษัตริย์
ที่เก็บของใช้ส่วนพระองค์เอาไว้แสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกันอยู่

 


เราชอบความอาร์ตๆ ของบ้านประตูในป้อมนี่แหละที่ดูแล้วไม่เบื่อเลย แต่ช่วงทีเ่ราไปคือ
เดือนมีนาคมไม่ค่อนร้อนนะคะ เราว่าอากาศพอๆ กับบ้านเรา เออ ก็บ้านเรามันร้อนนี่หว่า 555

แต่หากเข้าไปภายในห้องโถงกว้างๆ จะเย็นสบายมาก คล้ายกับติดแอร์ แต่ไม่มีแอร์ !!




จะมีเพียงแค่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของกษัตริย์วังนี้ให้ชมกันแบบใกล้ชิดมาก
พร้อมผู้คุมที่เดินสอดสายไปมา ผู้คุมวังจะใส่ชุดขาวมีหนวด โพกผ้าใส่หัวเป็นสีๆ เห็นหลายคนเราเลยจำได้ล่ะ ว่าอ๋อ คนคุมป้อมนะเอง

แล้วเราก็เดินขึ้นบันได ไปยังบนสุดของป้อม ที่จะมองเห็นมือง Jodhpur เมืองสีฟ้า ได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
มีทางให้เลือกว่า จะขึ้นลิฟท์ 50 รูปี หรือจะเดินขึ้นบันไดเอา เราเลือกเดินขึ้นบันไดกันค่ะ




ภาพมุมสูงของเมือง Jodhpur เมืองสีฟ้า ที่เราได้มาเห็นบนป้อม
ในสภาพที่ท้องฟ้าเวลานั้นตอนกลางวันแสกๆ จะขมุกขมัวมาก ก็จะเห็นประมาณนี้แหละค่า



ก่อนลงมาจากป้อม Mehrangarh fort เห็นมีร้านอาหารอยู่ ไปๆ ชิมหน่อย ร้านหรูในป้อมนันแหละ
เปิดดูเมนู เห็นมีอาหารไทยด้วย กระดี้กระด้ามาก กระหายอาหารไทยสุดๆ เราสั่ง ข้าวแกงเขียวหวานไก่ค่ะ
พอได้มา ผิหวังอย่างสุดซึ่ง อาหารไทย แต่คนทำอินเดียนะ รสชาติขากถุยมาก ให้ตายเหอะโรบิ้น ขายแพงอีก
มันทำให้เรารู้ว่า อย่าสั่งอาหารบ้านเรากับพ่อครัวคนในพื้นที่อีกเล้ยยยยย

เดินผิดหวังกับแกงเขียวหวานไก่ ออกจากป้อมสิคะ โถ่ววววว


เพี้ยนดีออก

มาเลยๆ มาเดินกันต่อเข้าเมือง Jodhpur เมืองสีฟ้า ชมสีฟ้าของแท้ล่ะ



สภาพบ้านเมืองเขาเป็นสภาพที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่มีการสาดสี เทสีใส่ไปแล้วค่ะ ดูอาร์ตๆ ดีใช่มั้ย
ตามพื้น ตามตรอก ซอกซอย มีแค่รถมอไซด์ และตุ๊กๆ ผ่านได้เท่านั้น
รถยนต์หมดสิทธิ์เข้า
ตอนแรกเราจอกที่พักได้ในนี้เลยค่ะ เป็นโฮมสเตย์ แต่พอมาเห็นทางเข้าโฮมสเตย์ขี้ๆๆๆๆ เต็มพื้นเลย พวกเราโล่งอก
คิดว่าโชคดีมากแล้วที่ไม่เอาที่นี่ 555






หิวก็แวะเซเว่นอินเดียก่อนนะ ขนมเลย์ กินได้ โค้กแช่เย็นซื้อมาได้เลย กับไอติมเราก็สั่งได้
โอเคกว่าไปซื้อน้ำผลไม้คั้นสดตามถนนที่เราเดิน กินแล้วอ่านเจอรีวิว เขาว่าจะจู้ดๆ จริงๆ แหละ
แต่พอมาดูรูปที่ตัวเองถ่ายมาก็ว่าเอ๊ะ ทำไมไม่ถ่ายมุมที่เป็นซากกองที่เราไม่ชอบมาให้เห็นบ้างล่ะ
ได้แต่อธิบายแบบนี้ เพื่อนๆ จะมองเห็นภาพออกกันมั้ย
คิดดู ขนาดเรายังไม่ยอมถ่ายภาพมุมเหล่านั้นมาให้ดูเลย เพราะเราคิดว่า คนอ่านคงนึกภาพความเละเทะออกกันบ้าง
เผื่อใครกินข้าวอยู่แล้วมาอ่านเจอตรงนี้จะมาอ๊วกแตกใส่จอได้ ฮี่ๆ






แต่ ผู้คนที่นี่น่ารักนะคะ ชอบถ่ายรูป ชอบยิ้ม และดูเป็นมิตรมาก
เราขอถ่ายรูป ก็ยินดีให้ถ่ายได้อย่างใจดี เราจะเห็นมนุษย์ป้า พากันนั่งล้อมวงเม้าท์มอยกันตามหน้าบ้าน
ไม่ค่อยเห็นคนวัยรุ่นนะ หรือว่าคนบ้านเราจะหน้าพิมพ์เดียวกันหมด เลยดูไม่ค่อยออกว่าวัยรุ่นกับวัยป้าหน้าอย่างไร 






แต่สังเกตสสีหน้า ท่าทางเราเอาเหอะ เดินไปด้วยความหวาดระแวงอย่างสุดริดเหลือเกิน
อะไรจะขนาดนี้ กุมกล้องอย่างแน่น สายตาหวาดสุดๆ ระหว่างเดินเที่ยวย่าน Old Town แห่ง Jodhpur ​​​​​​​
ในเส้นทางกลับเข้ามาโรงแรม น่าจะสองโลกว่าๆ ค่ะ


​​​​​​​



ภาพพวกนี้เราจะเห็นกันตามสองข้างทางเดิน ระหว่างที่เราเดินมายังโรงแรม
จะผ่านถนนหนทางร้านขายของต่างๆ และผู้คนในท้องที่นั่น ต่างก็กวักมือ เรียกเราเข้าไปช่วยซื้อของตลอด

ช่วยอุดหนุนหน่อยนะนายจ๋า

กลางคืนพากันไปเดินตลาดใกล้ๆ โรงแรม ดูวิถีชีวิตคนในพื้นที่ แต่แนะนำว่า ไปช่วงกลางคืนค่อนข้างอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ
เพราะนอกจากต้องมองทางสิ่งรอบข้างแล้ว เบื้องล่างยังต้องระวังบรรดาสิ่งปฏิกูลของเมืองนี้ที่เยอะมากที่สุด เท่าที่เราเคยเจอมาจริงๆ
ช่วงกลางคืน เราจึงขออยุ่แต่ในโรงแรมดีกว่า สบายใจแฮ ^^ 


เพี้ยนลอย

และนี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดท้ายของเมือง Jodhpur ที่เราได้ไปเที่ยวมาค่ะ
ระหว่างทางนั่งรถเหมากลับไปยังชัยปุระในตอนเช้าๆ 





Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา) อนุสรณ์สถานความรักของลูกที่มีต่อพ่อ​​​​​​​
ค่าเข้าชม คนละ 50 รูปีค่ะ






Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา) อนุสรณ์สถานความรักของลูกที่มีต่อพ่อ​​​​​​​
 สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1899 หลังจากพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ไปแล้ว 4 ปี 
สร้างจากหินอ่อน จุดเด่นคือประตูและเสาที่แกะสลักอย่างงดงาม ดูฉายภาพมุมกว้างๆ กันค่ะ
จะเห็นความงดงามลวดลายอย่างแท้จริง

 






เช้าๆ ยังไม่มีคน หรือคนน้อยๆ จะสามารถถ่ายภาพ ได้ดั่งใจอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับ Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา)​​​​​​​
เราไปช่วงเช้า ตั้งแต่ยังไม่เปิดดีด้วยซ้ำ เปิดตอน 9 โมง เราไปรอหน่อย ก็เปิดล่ะ
ภายในมีตู้กดน้ำดื่มหยอดเหรียญด้วย พื้นที่กว้างแต่จุดที่เราสนใจจะเป็นแค่ปราสาทหิน่อ่อนนี่แหละนะคะ นอกนั้น จะเป็นพื้นที่ของแม่น้ำ





จะมีนกเยอะมาก บินว่อนไปทั่ว ดีที่เราโพกหัวไว้ เอามาเป็นพร้อพบินผ่านไปมาได้นะ
แต่นกไม่เยอะเท่าตากอากาศบางปูนะคะ 555

เนี่ยแหละ เมืองสีฟ้า เราเที่ยวกันมา 4 ที่ 2 คืน ก่อนจะเหมารถเก๋ง พร้อมคนขับไปต่อกันที่ชัยปุระค่ะ
เดียวมีโอกาสมาเล่าใหัฟังอีกนะ ช่วงนี้ขอดองต่ออินเดียอีกหน่อย  อิอิ


ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
Create Date :20 มีนาคม 2562 Last Update :21 มีนาคม 2562 17:06:02 น. Counter : 2668 Pageviews. Comments :29