bloggang.com mainmenu search


       ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการสมาร์ทวอตซ์หรือนาฬิกาอัจฉริยะ เมื่อทาง POMO House (โพะโมะ เฮาส์) ได้คิดค้นนาฬิกาป้องกันเด็กหายที่สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนโดยใช้ระบบ GPS และดาต้าอินเทอร์เน็ตตรวจจับตำแหน่งพร้อมความสามารถในการตอบโต้กับบุตรหลานผ่านแอปพลิเคชันและเครือข่ายโทรศัพท์ได้ง่ายดายจากฝีมือความคิดของคนไทยร่วมกับทีมงานจากไต้หวันในชื่อโปรดักส์ ”POMO Kids Watch”

การออกแบบและสเปก



ซ่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์จะถูกปิดไว้แน่นหนามาก


       ด้านสเปกภายในมาพร้อม GPS/AGPS การใช้งานต้องใช้ร่วมกับซิมโทรศัพท์แบบ Micro SIM (รองรับคลื่นความถี่ GSM850/900/1,800/1,900MHz) และต้องเปิดแพกเกจดาต้าอินเทอร์เน็ต Edge หรือ GPRS (ไม่ต้องใช้ 3G) และซิมต้องโทรออกรับสายได้ โดยจำนวนดาต้าอินเตอร์ที่ POMO Kids Watch ต้องการใช้ต่อเดือนจะอยู่ไม่เกิน 500MB

       นอกจากนั้นตัวนาฬิกายังรองรับระบบ GPS Tracker, Bluetooth และมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวติดตั้งไว้ภายในเพื่อตรวจจับเมื่อเด็กหกล้มรวมถึง Wear Sensor สำหรับตรวจจับเมื่อนาฬิกาหลุดออกจากข้อมือ

       ทีนี้มาดูเรื่องปุ่มกดรอบตัวนาฬิกาที่มาพร้อมฟีเจอร์ใช้งานที่หลากหลายเริ่มจาก



ด้านขวาของตัวเครื่อง
       - ปุ่มเลข 3 ปุ่มนี้สามารถกดเพื่อรับสาย / กดค้าง 1 วินาทีเพื่อต่อสายไปยังหมายเลขคนในครอบครัวลำดับที่ 3
       - ปุ่มวางสายและปิดเปิดเครื่อง / สามารถกดค้างไว้ 8 วินาทีเพื่อรีเซ็ทระบบ



ด้านซ้ายของตัวเครื่อง
       - ปุ่มเลข 1 กดเพื่อรับสายได้เช่นกัน / กดค้าง 1 วินาทีเพื่อต่อสายไปยังหมายเลขคนในครอบครัวลำดับที่ 1 / กด 2 ครั้งติดกันเพื่อเรียกฟังก์ชันไล่ยุง กดอีก 2 ครั้งติดกันเพื่อยกเลิกฟังก์ชันไล่ยุง / ขณะสนทนากดปุ่มนี้เพื่อเพิ่มเสียง
       - SOS กดปุ่มนี้ค้างไว้ นาฬิกาจะโทรออกพร้อมส่งพิกัดแผนที่ผ่าน SMS ไปให้หมายเลขผู้ปกครองที่ตั้งไว้ในระบบ และถ้าไม่มีคนรับสาย นาฬิกาจะโทรวนไปเรื่อยๆ
       - ปุ่มเลข 2 กดเพื่อรับสายได้เช่นกัน / กดค้างไว้ 1 วินาทีเพื่อต่อสายไปยังหมายเลขคนในครอบครัวลำดับที่ 2 / กดค้างเพื่อบันทึกข้อความเสียง Voice Message และปล่อยเพื่อส่งข้อความเสียงผ่านดาต้าอินเตอร์เน็ตไปยังสมาร์ทโฟนผู้ปกครอง ส่วนถ้าตั้งผู้ปกครองไว้ในระบบเกิน 2 คนสามารถกดปุ่มที่ 3 เพื่อเลือกคนที่ส่งก่อนและค่อยกดปุ่ม 2 เพื่อบันทึกข้อความเสียงได้ / นอกจากนั้นระหว่างสนทนาโทรศัพท์สามารถกดปุ่มนี้เพื่อลดเสียงได้



       สุดท้ายในส่วนบริเวณหน้าจอ ด้านบนจะเป็นช่องลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา ด้านใต้เป็นไมโครโฟนรับเสียง ส่วนหน้าจอจะแสดงผลนาฬิกาและสถานะแบตเตอรีเป็นส่วนหลัก และซ้ายบนจะเป็นตักอักษรบอกสถานะเครือข่ายโทรศัพท์ได้แก่

       P - สัญญาณดีมาก
       G - ดี
       M - ปานกลาง
       D - แย่
       N - ไม่มีสัญญาณ

       ถัดจากตัวอักษรบอกสถานะเครือข่ายโทรศัพท์จะเป็นสัญลักษณ์ดาต้าอินเทอร์เน็ต และวงกลมคือสัญญาณ GPS ถ้าไม่ปรากฏสัญลักษณ์ดังกล่าว แสดงว่าพื้นที่นั้นไม่สามารถตรวจจับ GPS ได้ โดยระบบจะเลือกใช้เฉพาะ AGPS อย่างเดียว

ฟีเจอร์/การใช้งาน



       เริ่มแรกสำหรับผู้ปกครองต้องไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันชื่อ ”POMO Kids” จาก Google Play Store หรือ AppStore เสียก่อน จากนั้นเมื่อเข้าใช้งานครั้งแรก ผู้ปกครองต้องสร้างโปรไฟล์บุตรหลานของท่าน โดยจุดสำคัญหลังจากใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์เข้าไปยังตัวนาฬิกาแล้ว ผู้ใช้ต้องนำเลข IMEI (ดูเลขได้จากข้างกล่อง) ไปกรอกลงในช่อง IMEI ที่แอปฯให้ครบถ้วนพร้อมเลข Captcha เพื่อให้นาฬิกากับสมาร์ทโฟนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้

       เมื่อการเชื่อมต่อเสร็จสิ้น ขั้นตอนต่อไปผู้ปกครองจะต้องใส่หมายเลขโทรศัพท์ของตนลงไปในส่วน Family number ได้สูงสุด 8 เลขหมายเพื่อไว้ให้บุตรหลานสามารถโทรหาเวลาฉุกเฉินได้




       เมื่อการตั้งค่าเสร็จเรียบร้อย ระบบจะพามาสู่หน้าใช้งานหลักที่จะแสดงส่วนของแผนที่จาก Google Maps พร้อมตำแหน่งล่าสุดที่ระบบตรวจจับได้จากนาฬิกา โดยไอคอนวงกลมด้านขวามือ คือฟีเจอร์ทั้งหมดที่ผู้ปกครองสามารถกดเรียกใช้งานได้ (ต้องกดให้ปุ่มเป็นสีฟ้าเพื่อเปิดใช้งาน)



       เริ่มจากฟีเจอร์แรก ผู้ปกครองสามารถกดเพื่อให้นาฬิกาส่งพิกัดที่อยู่ปัจจุบันของบุตรหลานมาให้ทราบได้พร้อมความสามารถในการเรียกดูพิกัดที่บุตรหลานเดินทางไปในหนึ่งวันได้ทั้งหมด (Historical Location)

       หรือถ้าผู้ปกครองต้องการโทรหาบุตรหลานก็สามารถทำได้จากแอปฯบนสมาร์ทโฟนเช่นกัน



       นอกจากนั้นผู้ปกครองยังสามารถกำหนด Safe Area หรือการกำหนดขอบเขตการเล่นหรือเดินทางของบุตรหลานได้อย่างอิสระ โดยเมื่อบุตรหลานเดินออกนอกเขต Safe Area ระบบจะส่งแจ้งเตือนกลับมาหาผู้ปกครอง



       และถ้าเป็นการพาบุตรหลานไปเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ผู้ปกครองก็สามารถเปลี่ยนการเชื่อมต่อจากเครือข่ายโทรศัพท์เป็น Bluetooth กับสมาร์ทโฟนได้ โดยเมื่อบุตรหลานวิ่งเล่นไกลออกไปจากสมาร์ทโฟนของผู้ปกครองจนสัญญาณ Bluetooth หลุด ระบบก็จะส่งแจ้งเตือนกลับมายังผู้ปกครองทันที ช่วยลดปัญหาเด็กพลัดหลงได้เป็นอย่างดี



       ส่วนอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถือว่าเป็นหมัดเด็ดของ POMO Kids Watch ก็คือการใช้ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซนเซอร์ Wear Sensor เมื่อบุตรหลานหกล้ม โดนชนกระแทกหรือถอดนาฬิกาทิ้งไว้ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ระบบจะมีการส่งข้อความหาผู้ปกครองทันที

       อีกทั้งถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วบุตรหลานกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือ นาฬิกาที่สวมใส่ข้อมืออยู่จะโทรออกหาผู้ปกครองได้สูงสุด 3 เบอร์โทร วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคนรับสาย อีกทั้งระบบยังสามารถส่ง SMS เป็นพิกัดให้ผู้ปกครองทราบได้ด้วย (ตัวอย่างภาพประกอบด้านบน)



       มาถึงฟีเจอร์สุดท้ายกับ Voice Message (ต้องใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตในการส่งข้อมูล) ที่ใช้หลักการเหมือนคุยข้อความเสียงผ่านแอปฯแชทต่างๆ โดยทั้งผู้ปกครองและบุตรหลานสามารถส่งข้อความเสียงสั้นๆโต้ตอบกันได้

ทดสอบประสิทธิภาพ/สรุป



ข้อดี
       - ใช้งานได้หลากหลาย โทรเข้า โทรออกหาผู้ปกครอง นับก้าวเดิน ตรวจจับการหกล้ม SOS ในขณะที่ผู้ปกครองก็สามารถติดตามบุตรหลานได้จากระบบ GPS Tracking เช่นกัน
       - ตัวนาฬิกากันน้ำกันฝุ่นได้ระดับหนึ่ง
       - มีเซนเซอร์ตรวจจับการถอดนาฬิกา ป้องกันนาฬิกาหายได้ระดับหนึ่ง
       - เชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้

ข้อสังเกต
       - สำหรับเด็กตัวเล็ก น้ำหนักนาฬิกาค่อนข้างมาก
       - ปุ่มใช้งานซับซ้อนต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน
       - GPS ตรวจจับไม่ตรงเป็นบางครั้ง



       จากการทดลองใช้งานร่วม 1 อาทิตย์เต็มพบว่าปัญหาใหญ่สุดปัญหาเดียวของ POMO Kids Watch ก็คือ ปุ่มฟังก์ชันบนนาฬิกาที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน แต่ในภาพรวมหลังจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่เรียนรู้ปุ่มกดจนใช้งานได้คล่องแล้ว ฟีเจอร์ต่างๆที่ทางโพะโมะให้มาถือว่าใช้งานได้จริงและดีเยี่ยมมาก ยิ่งเมื่อนำไปใช้งานกับเด็กเล็ก ผู้ปกครองสามารถมอนิเตอร์การใช้ชีวิตของลูกหลานได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงการนับก้าวเดินด้วย

       โดยการควบคุมระบบของนาฬิกาทั้งหมด ผู้ปกครองจะทำผ่านแอปฯได้เพียงคนเดียว ในขณะที่เด็กจะใช้งานได้แค่ส่งข้อความเสียงและโทรออกไปยังผู้ปกครองได้เท่านั้น

       และสุดท้ายถ้าเกรงว่าในช่วงเวลาเรียนของบุตรหลาน นาฬิกา POMO Kids Watch จะส่งเสียงรบกวน ผู้ปกครองก็เลือกเข้า Quiet Time ได้จากที่บ้านผ่านสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน

สำหรับราคาเปิดตัว POMO Kids Watch อยู่ที่ 3,990 บาท


วิดีโอรีวิวจากทีมงานผ่านรายการ Digital2Go ทางช่อง News 1


Company Related Link :
POMO House
Create Date :23 มิถุนายน 2558 Last Update :23 มิถุนายน 2558 22:40:24 น. Counter : 2051 Pageviews. Comments :0