หลังจากเอชทีซี (HTC) ปล่อยไฮเอนด์ผู้พี่ในรุ่น M8 (รีวิว : HTC One M8 หรูหรา ลงตัว โดดเด่น แนวคิดเลิศ) กับจุดเด่นในเรื่องกล้องถ่ายภาพแบบ Duo Camera และ Sense UI รุ่นใหม่ลื่นไหลกว่าเดิมไปแล้ว มาวันนี้ก็ถึงคิวของรุ่นน้องจะเข้าตีตลาดไฮเอนด์ระดับกลางในชื่อรุ่น One E8 กับสเปกที่เหมือนกับ M8 กับราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท

การออกแบบ




       ด้านการออกแบบ การจัดวางเลย์เอาท์ตัวเครื่องหลักๆ ทั้งหน้าและหลังจะคล้ายกับ HTC One M8 ทั้งหมด โดยด้านหน้าจะเป็นหน้าจอ Super LCD3 (Gorilla Glass 3) ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1,920x1,080 พิกเซล ความละเอียดพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 441 ppi ด้านบนและล่างประกบด้วยลำโพงสเตอริโอร่วมกับเทคโนโลยีเสียง HTC BoomSound พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลสเปกเดียวกับ One M8

ส่วนด้านหลังมีการปรับเปลี่ยนจากอะลูมิเนียมยูนิบอดี้เป็นพลาสติกผิวมันแบบ Dual Curve ยูนิบอดี้ที่จับกระชับมือเพราะออกแบบฝาหลังมาให้โค้งตามรูปแบบการจับถือด้วยมือ ทำให้เครื่องมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 9.85 มิลลิเมตร (One M8 หนา 9.4 มิลลิเมตร อีกทั้งน้ำหนักยังถูกปรับลดลงจากรุ่น One M8 ที่ 160 กรัมเหลือเพียง 145 กรัม

       สำหรับกล้องถ่ายภาพด้านหลังเอชทีซีก็ได้ปรับเปลี่ยนไปจากรุ่น M8 คือจากเดิมจะเป็นกล้องหลังความละเอียด 4 ล้านพิกเซล Duo Camera พร้อมไฟแฟลชสองสี (Duo Tone) แต่ในรุ่น One E8 เอชทีซีปรับกล้องหลังและไฟแฟลชเหลือตัวเดียวพร้อมเพิ่มความละเอียดกล้องเป็น 13 ล้านพิกเซล



       มาถึงปุ่มกดรอบตัวเครื่องเริ่มจากด้านซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ดแบบนาโนซิม (Nano SIM) พร้อมรูจิ้มถาดใส่ซิม ส่วนด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นช่องใส่การ์ดเพิ่มความจุ MicroSD รองรับการ์ดความจุสูงสุด 128GB ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง

       ส่วนปุ่มกดด้านบนจะเป็นปุ่มเปิดปิด Sleep - Awake เครื่อง ด้านล่างเป็นช่องไมโครยูเอสบีและช่องเชื่อมต่อหูฟัง/เฮดเซ็ทขนาด 3.5 มิลลิเมตร

สเปก



       HTC One E8 ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล (ซีพียู) Qualcomm Snapdragon 801 ความเร็ว 2.5GHz แรม 2GB กราฟิกชิป Adreno 330 เท่ากับรุ่นพี่ One M8 ทั้งหมด และความจุภายในตัวเครื่องสำหรับรุ่นทดสอบ 16GB จะเหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 6GB เท่านั้น

       ด้านระบบปฏิบัติการพื้นฐานใช้แอนดรอยด์ 4.4.2 KitKat จากโรงงานพร้อม HTC Sense 6 และ HTC BlinkFeed อัปเดตแก้ไขข้อบกพร่องที่เคยเกิดกับ One M8 ใหม่ทั้งหมด พร้อมรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ 2G/3G/4G LTE ทุกคลื่นความถี่ที่มีในประเทศไทย

       ส่วนสเปกด้านการเชื่อมต่ออื่นๆ HTC One E8 มาพร้อม NFC, Bluetooth 4.0 aptX, WiFi IEEE802.11 a/b/g/n ทั้งความถี่ 2.4GHz และ 5GHz รองรับ DLNA และ HTC Connect ร่วมกับอุปกรณ์เสริมจากเอชทีซี พร้อมแบตเตอรีขนาด 2,600mAh เท่ากับพี่ใหญ่ One M8

และสำหรับการใช้งานเครื่องครั้งแรกพร้อมล็อกอินเข้าใช้ Google Drive จะได้รับพื้นที่คลาวด์เพิ่มอีก 50GB เป็นเวลานานสองปีด้วย

ฟีเจอร์เด่น/UI



       ต้องกล่าวกันตามตรงเลยว่าทั้ง HTC One M8 และ One E8 มีแอปพลิเคชันพื้นฐานเหมือนกันทั้งหมดจนเรียกได้ว่าถ้า One M8 สามารถใช้แอปฯอะไรได้ One E8 ก็ใช้ได้ด้วยเช่นกัน จะแตกต่างกันก็แค่ซอฟต์แวร์กล้องที่ไม่สามารถใช้งาน 3D Dimension Plus ได้เพราะ One E8 ไม่มีกล้องหลัง 2 ตัวแต่ก็ทดแทนด้วยความละเอียดกล้องที่ให้มามากถึง 13 ล้านพิกเซล



       มาถึงส่วนของซอฟต์แวร์กล้องถ่ายภาพยังคงใช้งานและปรับแต่งได้เหมือนรุ่น One M8 โดยความละเอียดของภาพสามารถปรับเลือกได้ 3 ขนาด ใหญ่สุด 13 ล้านพิกเซล (4,224x3,136 พิกเซล) กลาง 8 ล้านพิกเซล (3,264x2,464 พิกเซล) และเล็กสุด 5 ล้านพิกเซล (2,592x1,952 พิกเซล) ส่วนซอฟต์แวร์ในการตกแต่งภาพ Touch UP สำหรับตกแต่งหน้าบุคคลให้เนียนใสไปถึงทำตาโตปรับโครงหน้ายังคงมีให้เลือกใช้งานเหมือนเดิม



       ส่วนแอปฯ เสริมที่หลายคนสนใจจาก HTC One M8 ทั้ง Fitbit ที่สามารถใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในสมาร์ทโฟนและระบบสำรองข้อมูลจากเอชทีซีไปเก็บไว้ใน Google Drive ยังมีให้เลือกใช้งานได้เหมือนเดิม

ทดสอบประสิทธิภาพ



       มาถึงเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพถือว่าคะแนนยังคงจัดอยู่ในอันดับท็อปฟอร์มระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์และใกล้เคียงกับ One M8 แต่ก็มีเรื่องน่าสังเกตเล็กน้อยในส่วนคะแนน AnTuTu ที่ทำคะแนนได้กระโดดสูงกว่าสมาร์ทโฟนระดับบนเป็นหมื่นคะแนน (ปกติสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดของตลาดจะมีคะแนนประมาณ 3 หมื่นกลางๆ) แต่ถึงอย่างไรสำหรับการใช้งานจริงประสิทธิภาพและความเสถียรที่ได้ถือว่าทำได้ดีไม่แตกต่างกันมากนัก




       ส่วนการทดสอบเล่นเกม 3 มิติต่างๆ สามารถทำได้ไม่มีปัญหากระตุกใดๆ แม้จะเป็นเกมที่กราฟิกสูงอย่าง Modern Combat 5 ก็ตาม



       สำหรับแบตเตอรียังที่มีขนาดเท่ากับ One M8 จากการทดลองใช้งานหนึ่งวันเต็มแบบเปิด 3G/4G LTE เน้นเล่นโซเชียล เกม 3 มิติและเปิดเว็บไซต์ต่างๆ พบว่าแบตเตอรีสามารถใช้งานได้นาน 13-14 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งถือว่าทำเวลาได้เท่ากับ One M8


คลิกที่รูปเพื่อชมภาพขนาดใหญ่

       สุดท้ายกับการทดสอบกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลตามคำขอของผู้ใช้เอชทีซีตระกูล One ที่อยากเห็นเอชทีซีทำกล้องความละเอียดภาพสูงเหมือนคู่แข่งบ้าง ผลออกมากับ One E8 ถือว่าคุณภาพอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ภาพที่ได้มองแล้วด้อยกว่า One M8 ที่มีความละเอียดภาพ 4 ล้านพิกเซลมาก อาจเพราะเอชทีซีไม่ได้เลือกใช้เซ็นเซอร์แบบ UltraPixel โดยเฉพาะแสงและสีที่ One E8 จะติดโทนมืดและคอนทราสต์จัดเกินไปจนภาพขาดมิติและความกว้างของเม็ดสีที่ไม่ดีเสียเลย แถมระหว่างทดสอบกล้องหลังทีมงานยังพบถึงอาการทำงานช้าเหมือนหน่วยประมวลผลภาพทำงานไม่ทันในบางครั้งด้วย

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ข้อดี

       - งานประกอบดี ตัวเครื่องออกแบบจับกระชับมือมากแม้จะวัสดุจะเป็นพลาสติกผิวมันก็ตาม
       - สเปกและฟีเจอร์ทุดอย่างเหมือนกับไฮเอนด์ One M8
       - รองรับ 3G/4G LTE ทุกค่ายในไทย
       - ข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดจากเฟริมแวร์ใน One M8 ถูกแก้ไขหมดแล้ว
       - น้ำหนักเบา

ข้อสังเกต

       - กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลให้คุณภาพภาพไม่ดีอย่างที่ควรเป็น
       - ฝาหลังพลาสติกผิวมันมีโอกาสเป็นรอยได้ง่ายมาก
       - เมืองไทยได้ใช้แบบซิมเดียวในขณะที่ต่างประเทศเป็น Dual Sim



       ราคาเปิดตัว HTC One E8 อยู่ที่ 17,900 บาท เทียบสเปกกับสมาร์ทโฟนราคาระดับเดียวกันถือว่า One E8 ให้ประสิทธิภาพดีที่สุด อาจเพราะสเปกภายในทั้งหมดไปถึงลำโพงแบบ HTC BoomSound เป็นตัวเดียวกับ One M8 ที่จัดอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับ 2 หมื่นบาทขึ้นไป แน่นอนว่าถ้าผู้อ่านที่กำลังสนใจแบรนด์เอชทีซีและอยากได้กล้อง 13 ล้านพิกเซล ไม่เน้นลูกเล่นกล้องหลังสองตัวแบบรุ่นพี่ HTC One E8 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ยกเว้นราคา HTC One M8 จะลดลงมาเหลือ 19,900 บาทแบบถาวรเมื่อใด เมื่อนั้นทีมงานมองว่าถึงอย่างไร HTC One M8 ก็ให้ประสิทธิภาพทุกส่วนได้ดีและลงตัวกว่า One E8 รุ่นขายในไทยที่กลายเป็นซ้อนทับกับพี่ One M8 ไป (ถ้า One E8 รุ่นขายไทยเป็น Dual Sim จะมีจุดขายที่ชัดเจนกว่านี้)