ไมโครซอฟท์ (Microsoft) พร้อมแล้วสำหรับยุคไบโอเมทริกซ์ ลั่นระบบปฏิบัติการ "วินโดวส์ 10" สนับสนุนเทคโนโลยีการยืนยันตัวบุคคลด้วยข้อมูลชีวภาพ ในชื่อ "Windows Hello" โดยเป็นเทคโนโลยีที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสแกนลายนิ้วมือ ม่านตา หรือใบหน้าเพื่อเข้าใช้งานแล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการดังกล่าว"การใช้ตัวเลขหรือตัวอักษรเป็นรหัสผ่านนั้นเป็นวิธีการปกป้องข้อมูลส่วนตัวที่เราทุกคนใช้กันมาเนิ่นนาน แต่อย่างที่ทราบก็คือมันทั้งไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย" Joe Belfiore รองประธานฝ่ายระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์กล่าว
"พาสเวิร์ดส่วนมากที่มนุษย์คิดขึ้นนั้นมักจะถูกเจาะได้ค่อนข้างง่าย และตัวพาสเวิร์ดเองจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ ขณะที่การใช้งานข้อมูลชีวภาพเข้าทดแทนพาสเวิร์ดแบบเดิมนั้นใช้เพื่ออนุญาตให้เจ้าของเครื่องได้เข้าใช้งาน "ตัวเครื่อง" และไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ด้วย"
โดยทางไมโครซอฟท์ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ดังกล่าวว่า ผู้ใช้งานวินโดวส์ 10 จะสามารถใช้ข้อมูลชีวภาพเหล่านี้ในการยืนยันตัวบุคคลเพื่อเข้าสู่ระบบงานขององค์กร, ใช้บริการออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงการเข้าใช้ซอฟต์แวร์จากค่ายอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ทางไมโครซอฟท์ยังได้ร่วมมือกับ FIDO Alliance ซึ่งเป็นผู้ให้บริการล็อกอินเข้าบริการออนไลน์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ดด้วย ซึ่งหมายความว่าภายใต้ความร่วมมือนี้ ผู้ใช้งานจะสามารถล็อกอินเข้าเครือข่ายสังคม หรือบัญชีธนาคารโดยการสแกนลายนิ้วมือ หรือใบหน้าแทนการป้อนรหัสผ่านแบบในอดีต
อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ จุดอ่อนของไมโครซอฟท์คือไม่สามารถกำหนดได้ว่า ฮาร์ดแวร์ชนิดใดควรมีเซนเซอร์ม่านตา, ลายนิ้วมือ, ใบหน้า ฯลฯ ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตที่จะเห็นสมควร แต่โดยพื้นฐานแล้ว การติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปนั้นอาจไม่เหมาะสมนักในแง่การใช้งาน เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออาจเหมาะกว่าหากไปอยู่บนแท็บเล็ตพีซี หรือสมาร์ทโฟน
ดังนั้น การทำให้งานนี้ง่ายขึ้นจึงอาจเป็นการจับคู่กับอินเทล (Intel) ที่เพิ่งเปิดตัวเทคโนโลยีกล้องสามมิติ RealSense 3D Camera กล้องสามมิติที่พัฒนามาเพื่อการสแกนใบหน้าก่อนเข้าใช้งานแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปนั่นเอง
แต่นอกเหนือจากเทคโนโลยีของอินเทลแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ ค่ายควอลคอมม์ (Qualcomm) ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีชิปเพื่อการสแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ของทางค่ายด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าสามารถสแกนได้แม้ว่านิ้วจะเปียกเหงื่อ หรือน้ำ เพราะเป็นการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคในการสแกน
ด้านบริษัทวิจัยอย่าง IHS ได้คาดการณ์ว่า ตลาดเซนเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือนั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2020 โดยมีบรรดาสมาร์ทโฟนเป็นหัวหอกหลักในการพาตลาดนี้เพิ่มมูลค่า
Create Date :18 มีนาคม 2558
Last Update :18 มีนาคม 2558 22:49:22 น.
Counter : 713 Pageviews.
Comments :0
- Comment