โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
สระน้ำผุด มหัศจรรย์แห่งสระมรกต
แม้เหล่ายอดยุทธ์ในนิยายกำลังภายในหลายต่อหลายคนจะบอกว่า กระบี่อยู่ที่ใจ แต่สำหรับที่บ้านเรานั้น กระบี่อยู่ที่ภาคใต้ ถัดลงไปจากพังงา แต่ถ้าจะไปทางรถยนต์ให้สะดวกก็ให้ใช้เส้นทางผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผมกับเพื่อนๆไปในทริปนี้
สำหรับกระบี่แล้วนี่คืออีกหนึ่งเมืองชวนทึ่งทางการท่องเที่ยว เพราะนอกจากจะมีหาดทราย ท้องทะเล เกาะน้อยใหญ่ต่างๆที่สวยงามมากหลายและมีชื่อในระดับโลกแล้ว บนบกหรือบนฝั่งก็ยังมีธรรมชาติสวยๆงามๆให้ทัศนากันอีกมากมาย
ที่สำคัญคือกระบี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีลักษณะเฉพาะ หนึ่งเดียวในเมืองไทย อยู่หลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอันซีนไทยแลนด์ทั้ง อันซีน 1 และ 2 ซึ่งการล่องใต้มาทัวร์กระบี่ของผมในทริปนี้ หลักๆแล้วก็เป็นการออกทัวร์อันซีน สัมผัสกับความน่าทึ่งของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ทะเลแหวก ที่มีคนไปเที่ยวกันเพียบในช่วงน้ำลด สันทรายผุดเกิดเป็นทะเลแหวก ท่าปอม คลองสองน้ำ ที่วันนี้มีการจัดระเบียบการเล่นน้ำดีขึ้น น้ำกลับมาใส เหมือนเดิม และ น้ำตกร้อน กับ สระมรกต 2 อันซีนที่อยู่เคียงคู่กัน ใน อ.คลองท่อม
สปาธรรมชาติท่ามกลางสายน้ำตกร้อน
ลงอ่างธรรมชาติที่น้ำตกร้อน
น้ำตกร้อนหรือน้ำตกร้อนสะพานยูง อันที่จริงเป็นสายน้ำตกอุ่นมีอุณหภูมิเฉลี่ยของสายน้ำอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส ตัวน้ำตกเกิดจากธารน้ำกลางผืนป่าพรุสะพานยูงที่มีลักษณะพิเศษ เพราะตั้งอยู่บนรอยแตกรอยพรุนของเปลือกโลกที่ด้านใต้มีพลังความร้อนปลดปล่อยพวยพุ่งขึ้นมาพบกับธารน้ำเบื้องบน เกิดเป็นลำธารน้ำอุ่นตามธรรมชาติก่อนจะไหลผ่านโขดหินปูนเกิดเป็นน้ำตกร้อนขึ้นชื่อ
น้ำตกร้อน ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมของแมกไม้อันร่มรื่น ตัวน้ำตกถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ให้โขดหินโตรกหินเกิดเป็นบ่อ เป็นแอ่ง เป็นอ่างขนาดย่อมๆ สามารถลงไปนั่งนอนแช่น้ำอุ่นๆให้ชุ่มฉ่ำอุรา เป็นดังสปาธรรมชาติที่มีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่กระนั้นก็ไม่ควรแช่ติดต่อกันเกิน 15-20 นาที เพราะอาจจะหน้ามืด เลือดลมเดินผิดปกติ กลายเป็นมีโทษต่อร่างกายได้ เพราะหลายๆสิ่งหลายอย่างที่มันเกินพอดีมันก็กลายเป็นผลเสียได้
แช่ตัวสบายในแอ่งน้ำธรรมชาติ
อีกสิ่งที่เป็นข้อห้ามของน้ำตกร้อน คือ ห้ามใช้ยาสระผม สบู่ เวลาแช่หรือเล่นน้ำตก ส่วนที่ผมเห็นแล้วอดสมเพชใจไม่ได้ก็คือ ตามโขดหิน แอ่งหิน ที่สายน้ำอุ่นไหลผ่านอย่างสวยงามนั้น มันมีภาพร่องรอยไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากน้ำมือของคนมือบอนขีดเขียนตามก้อนหินเหล่านั้น ทำเอาเสน่ห์ของธรรมชาติอันน่าทึ่งด้วยค่าลงไปไม่น้อยเลย แล้วไอ้รอยของพวกมือบอนเหล่านี้ มันแก้มันลบกันไม่ได้เหมือนตามผนังกำแพง ผนังห้องส้วม ด้วยสิ
เรียกว่าเขียนด้วยความคึกคะนองครั้งเดียว กลายเป็นรอยบาปของธรรมชาติไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลายเลยทีเดียว
นอกจากตัวน้ำตกร้อนตามธรรมชาติแล้ว ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกร้อนยังมีแอ่งหรือสระน้ำเล็กๆที่ทางเจ้าของพื้นที่สร้างขึ้น ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการพักผ่อนโดยการต่อท่อทอนสายน้ำอุ่นมาสู่สระให้นักท่องเที่ยวได้แช่น้ำพักผ่อนกัน
น้ำตกร้อน อันซีนไทยแลนด์ กับลักษณะธรรมชาติพิเศษ
ต้องมนต์สะกดที่สระมรกต
ห่างจากน้ำตกร้อนไปประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของ สระมรกต อีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ชื่อดังแห่ง อ.คลองท่อม และ จ.กระบี่
สระมรกต ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม แรกที่ผมมาสระมรกตสมัยเพิ่งเป็นอันซีนไทยแลนด์ใหม่ๆนั้น มีความเป็นธรรมชาติมาก น้ำในสระงี้ใสแจ๋วสวยงามมาก มาวันนี้กลับไปสระมรกตอีกครั้งหลังจากจากไปนาน พบว่ามีการพัฒนาพื้นที่ทางเข้า ทำเป็นร้านรวง ลานจอดรถ ที่วันนี้ยังดูรกตา น่าจะจัดระเบียบให้ดูเรียบร้อยสะอาดตากว่านี้หน่อย
ส่วนการจัดการภายในหลังเข้ามาแล้วนั้น ทำดีทีเดียว ที่ชอบมากก็คือ จุดแขวนสิ่งของที่ห้ามนำเข้าไปในเขตสระมรกต ไม่ว่าจะเป็น ขนมของคบเคี้ยว แก้วพลาสติกใส่ชา-กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มๆต่าง ผลไม้ดอง กระป๋องน้ำอัดลม เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อนำเข้าไป หลายคนไม่ได้นำออกมา หากแต่โยนทิ้งไว้กลายเป็นขยะ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของผืนป่าแห่งนี้ที่ยังมีสภาพอุดมสมบูรณ์อยู่
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสู่สระมรกต
สระมรกตมีต้นกำเนิดมาจากสระน้ำผุดที่เป็นธารน้ำมหัศจรรย์กลางป่า ซึ่งธารน้ำผุดได้ไหลมาผสมกับน้ำในผืนป่า ก่อนไหลมารวมกันในแอ่งทรง(เกือบ)กลมขนาดใหญ่เกิดเป็นสระมรกตอันสวยงาม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำอยู่ที่ประมาณ 30-35 องศาเซลเซียสแล้วแต่พื้นที่ เป็นน้ำที่กำลังอุ่นเล่นสบาย
ตัวสระมรกต มีเส้นทางเข้าถึง 2 เส้นทาง คือเดินบนถนน(รถยนต์)ปกติเป็นถนนลูกรังที่ห้ามรถวิ่งระยะทาง 800 เมตร กับเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1,400 เมตร ที่ทำเป็นสะพานปูนทอดยาวผ่านผืนป่า ระหว่างทางร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ รวมถึงมีวิวสวยๆของสายธารน้ำใสไหลให้ชมกันในบางจุด โดยเฉพาะจุดไฮไลท์คือ สระแก้ว ที่น้ำสวยใสแจ๋ว แต่ห้ามลงเล่นน้ำ เพราะเป็นโคลนดูด
สระแก้ว
ในเส้นทางนี้ยังมีหอชมวิว หอดูนก ที่เหมือนถูกทอดทิ้งเพราะมีสภาพค่อนข้างโทรม บนนั้นสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้อย่างสวยงาม แต่ว่าจากที่ผมเห็นไม่ค่อยมีคนนิยมเดินมาเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติสักเท่าไหร่ นับว่าน่าเสียดายอยู่ทีเดียว
ในผืนป่าแห่งสระมรกตยังมีสิ่งสำคัญมากที่ผมไม่เคยเจอตัวเป็นๆสักครั้งนั้นก็คือ นกแต้วแร้วท้องดำ(Gurneys Pitta) นกสุดหายาก ที่เคยถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ไปแล้ว ก่อนที่จะเป็นที่ฮือฮาเมื่อมีการสำรวจพบนกแต้วแร้วท้องดำในบ้านเราที่ผืนป่าสระมรกต ป่าทุ่งเตียวและป่าเขานอจู้จี้ที่เป็นป่าผืนเดียวกัน นับเป็นการพบเพียงแห่งเดียวในโลก ณ ผืนป่าแห่งนี้เท่านั้น
แม้นกแต้วแร้วท้องดำจะหาชมยากมากเพราะมันอาศัยอยู่ในป่าลึก แต่ก็มีนักดูนกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจัดทริปมาส่องหานกแต้วแร้วท้องดำกันอยู่บ่อยๆ ว่ากันว่าที่นี่มีไกด์บางคนเก่งมากคือรู้จุดที่นกจะออกหากิน ดังนั้นผู้ที่เลือกเขาโอกาสที่จะเจอนกแต้วแร้วท้องดำจึงมีสูง แต่ว่าก็ต้องแลกกับค่าแรงที่สูงตาม
ด้านนักท่องเที่ยวอย่างผม อย่างเราๆท่านๆ ต้องทำบุญมาดีมากจริงๆหรือฟลุ๊คสุดๆจึงมีโอกาสได้เห็นนกแต้วแร้วท้องดำตัวเป็นๆมาปรากฏกายให้เห็น ส่วนที่ต้องเจอแน่ๆก็คือรูปปั้นเจ้านกแต้วแร้วท้องดำตัวผู้-ตัวเมีย ที่ตั้งเด่นหรา อยู่ใกล้ๆกับรูปปั้นช้างที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนถึงตัวสระมรกตเพียงไม่ไกล
สระมรกต
หลังเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติมาแบบเหงาๆเพราะไม่ค่อยมีเพื่อนร่วมทางสู่ตัวสระมรกต บรรยากาศได้เปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามคือมันคึกคักอักโข เพราะมีคนมาเล่นน้ำกันเพียบ ทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุดแต่นี่อาจเป็นเพราะบ้านเราอากาศร้อน คนเลยมาเล่นน้ำกันมากเป็นพิเศษ
จากตัวสระมรกตยังมีเส้นทางเดินอีกประมาณ 600 เมตรไปสู่ต้นน้ำสระมรกต คือสระน้ำผุด ที่โดยเส้นทางจากสระมรกตสู่สระน้ำผุดที่วันนี้ปรับปรุงใหม่ สะพานปูนในช่วงแรกๆที่ทอดยาวไปในผืนป่าจึงดูค่อนข้างประดักประเดิด แต่ว่ามันก็แข็งแรงกว่าสะพานไม้ดั้งเดิม ซึ่งเมื่อทำเสร็จแล้วคาดว่าน่าจะดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากกว่านี้ เอ...หรือว่าที่ผมเห็นนี่เสร็จแล้ว
ในเส้นทางสู่สระน้ำผุด ระหว่างทาง จะผ่าน สระฤาษี ศาลฤาษี ดงเฟิน ผืนป่าอันร่มครึ้ม ลำธาร ก่อนไปสิ้นสุดเส้นทางที่สระน้ำผุด ซึ่งหากใครที่ไปเที่ยวสระมรกตแล้วมีเวลา ผมขอแนะนำเลยให้ไป เสียเวลาเพิ่มสักหน่อย เหนื่อยเพิ่มอีกนิด แต่ว่าเมื่อไปถึงแล้วสุดคุ้มค่า เพราะสระน้ำผุดต้นกำเนิดสระมรกตนั้นสวยงามมาก เป็นน้ำพุร้อนจากใต้เปลือกโลกที่ดูมีชีวิต เพราะมีน้ำผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญคือน้ำที่นี่ใสและสวยมาก เป็นสีฟ้าครามสวยจริงๆ
สระน้ำผุด
นอกจากนี้สระน้ำผุดยังมีความน่ามหัศจรรย์อย่างที่บอกมาข้างต้น คือ หากนักท่องเที่ยวไปยืนชมสระแล้วช่วยกันปรบมือ น้ำในสระก็จะยิ่งผุดขึ้นมาเร็วขึ้น นับว่าน่าทึ่งทีเดียวเชียว อ้อ!!! แต่สระน้ำผุดนี้ห้ามเล่นน้ำ เพราะเห็นตื้นๆอย่างนั้นแต่น้ำลึกแถมมีโคลนดูดอีกต่างหาก
นั่นจึงทำให้สระน้ำผุดยังคงใสบริสุทธิ์ไม่ขุ่นหมองเหมือนกับสระมรกต ที่เมื่อมีคนมาลงสระเล่นน้ำกันเยอะเหมือนกับมีมหกรรม น้ำในสระที่ตามธรรมชาติดั้งเดิมนั้นสวยใสปิ๊งมองเห็นพื้นเบื้องล่างก็ย่อมขุ่นมัวไปโดยอัตโนมัติ
แต่ถึงแม้น้ำขุ่นแต่ใจอย่าขุ่นตาม เพราะเมื่อคนกลับไปอีกไม่นานน้ำที่นี่ก็จะกลับมาใสเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นน้ำไหล ไม่ใช่น้ำขังนิ่ง ส่วนสิ่งที่ต้องห้ามของนักท่องเที่ยวก็คือ ห้ามน้ำสบู่ ยาสระผมลงไปเล่นน้ำในสระมรกต ซึ่งพวกเราต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน
อย่างไรก็ดีสำหรับธรรมชาติสวยๆงามๆ ทั้งทางบก ทางทะเลของเมืองกระบี่นั้น วันนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงไม่น้อย เพราะดันมีบางหน่วยงานที่ดันทุรังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและสร้างท่าเทียบเรือขนถ่านหินขึ้นที่จังหวัดกระบี่ สร้างความเป็นห่วงให้กับใครหลายๆคนว่า มรกตอันดามันแห่งนี้จะถูกคุกคาม จากสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสีย
ที่สำคัญคือธรรมชาติที่สูญเสียไป ต่อให้ใช้เงินนับหมื่นนับแสนล้าน มนุษย์อย่างเราก็ไม่สามารถสร้างมันให้หวนคืนกลับมาได้
//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000066210
โดย: Kavanich96 13 มิถุนายน 2557 3:34:47 น.