[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]

วันนั้นเป็นวันที่ ๕ ก. พ ๒๔๙๕ ฉันได้ไปทำกิจวัตรประจำวันของฉันคือเป็นครูน้อยประจำโรงเรียนประชาบาล ต. สามโก้ ๔ (วัดมงคลธรรมนิมิตร) อ.วิเศษไชยชาญ จ. อ่างทอง ตามปกติ แต่วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้สึกเกียจคร้าน ไม่มีกำลังใจที่จะสอนเด็กประกอบกับความง่วงผิดปกติ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ไปอดนอนที่ไหนมา แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบทำให้ฉันง่วงนอนอยากจะหลับ เป็นเหตุทำให้จิตใจของฉันไม่เป็นปกติ แต่ฉันก็ทนสอนต่อไปจนหมดเวลา ๑๕.๑๕ น. ซึ่งเป็นวันเวลาเลิกทำการสอน
พอปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วฉันก็เดินมาบ้านซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ ๓ เส้นเศษ ฉันมาถึงบ้านก็ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน คือหุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน อาบน้ำ ตนเองและบุตร เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ฉันก็นำเสื่อมาปูและนอนเล่นกับบุตร ๒ คน ในขณะนั้นเวลา ๑๖. ๓๐ น. เศษต่อมาฉันก็หลับไปเมื่อไรไม่ทราบมารู้สึกตัวต่อเมื่อตัวของฉันเองมายืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีร่มมะพร้าว ขนุน มองดูสวยงามมาก มะพร้าวและขนุนกำลังมีผลดก แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ฉันยืนอยู่นี้เป็นที่ใด
ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวบังเอินสายตามองไปบนถนนสายหนึ่ง ยาวเหยียดไปข้างหน้า ด้วยความอยากรู้ฉันยกเท้าจะขึ้นไปเที่ยวถนนสายนั้น
แต่ยังมิทันที่เท้าของฉันจะถูกพื้นถนนก็ต้องสดุ้ง เพราะได้ยินเสียงพูด แต่เสียงดังเหลือเกิน ดังคล้ายตวาด มาจากทางข้างหน้าของฉันว่า อ้อ...บุญชู เหมอะเลยมาเถิด นายให้มารับ ถึงเวลาแล้ว ฉันได้ยินดังนั้นก็บอกเขาไปว่าไม่ไปหรอก พร้อมกับผละวิ่งหนีทันที
แต่ชายทั้งสี่คนก็เดินตามและพูดว่า ถึงเวลาแล้ว ไม่ไปไม่ได้ ฉันก็หันไปบอกเขาว่า ลุงไปบอกนายเถิดว่า ฉันผัดไปก่อน ฉันยังไม่ไปไหนหรอก แต่เขาก็ตอบมาอีกว่า ผัดกับข้าไม่ได้ เอ็งต้องไปผัดเอง เมื่อหมดทนทางเลี่ยงฉันจึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นต้องคอยก่อน ฉันต้องไปบอกคนทางบ้านเสียก่อน เพราะที่มาเที่ยวนี้ไม่มีใครรู้
แล้วฉันก็เดินมาหน้าบ้านและเดินเข้ารั่วบ้านขึ้นบันไดไป ก็พบว่าบนบ้านสว่างไปด้วยตะเกียงเข้าพายุและมีชาวบ้านมานั่งกันอยู่เต็มบ้านพร้อมทั้งร้องไห้ ฉันขึ้นบันไดได้ก็ผละวิ่งจากตรงบันไดไปหาสามีของฉัน ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆหมอ ฉันเสียหลักสะดุดชายเสื่อล้มลงไป
เมื่อฉันลุกขึ้นมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มานั่งอยู่บนบ้านข้าง ๆ ฉันนั้นต่างพากันถอยหนีไปรวมกันอยู่หน้าครัวหมดและต่างก็ชิงกันถามว่า ครูฟื้นแล้วหรือ ครูไม่ตายหรือ ครูไม่ได้หลอกพวกฉันไม่ใช่หรือ ฉันก็บอกพวกนั้นว่า อย่ากลัวฉันเลย ฉันอยากจะพูดอะไรด้วยสักหน่อย แล้วก็จะไปเพราะเขามารับฉันแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ฉันยังไม่อยากตาย ขอผัดเขา เขาไม่ยอมบอกให้ไปผัดกับยมบาลเอง ฉันจึงจะต้องไป และฉันขอร้องด้วย ขอให้เก็บศพฉันไว้ ๓ วันก่อน ถ้าไม่กลับหมายความว่าเขาไม่ยอม จึงค่อยเผา
พอดีได้ยินเสียงสุนัขหอนขึ้นและได้ยินเสียงเรียก ฉันจึงบอกว่า โน้นเขาเรียกเร่งมาแล้ว ฉันไปล่ะ ลาก่อนทุก ๆ คน นายเจ๊กที่เป็นหมอแกจึงเอาธูปเทียนมาให้ฉัน และบอกว่า พระอรหํ พระอรหํ ตอนนี้ฉันเกือบจะหมดสติแล้ว รับคำพระอรหํได้สองครั้งก็หมดสติวูบไป มาารู้สึกตัวว่าตัวของฉันเองได้เดินอยู่บนถนนสายนั้นเสียแล้ว
ในระยะที่ฉันฟื้นและตายไปใหม่นี้คือฟื้นตอนประมาณ ๒๒. ๐๐ น. และตายไปใหม่ประมาณ ๒๒ . ๐๖ น. ตลอดทางที่เดินไปนั้นฉันอยู่ตรงกลาง มีคนขนาบข้าง ๒ คน เดินมาพักใหญ่จึงมาพบโต๊ะตั้งข้างทางเดินมีอาหารหลายชนิดตั้งอยู่บนโต้ะ มีเหล้า ข้าว หมู ไก่ ขนมจีนน้ำยาและขนมอีกหลายชนิดคนทั้งสี่ตรงเข้าไปที่โต๊ะและเรียกฉัน บุญชูยังไม่ได้กินข้าว มากินเสียซิ
ฉันก็ตรงเข้าไปกินกับเรา เมื่ออิ่มแล้วก็ถามเขาว่า ของใครนี่เรามากินของเขาไม่ว่าเอาหรือ คนที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้าบอกฉันว่า ไม่มีใครว่าหรอกเพราะเขาเซ่นผี ไว้อีกสองวันข้าจะกลับมาเอา ฉันถามว่าบ้านใครเล่า เขาบอกว่า โน้นไงเล่า บ้านนางหล่ำ หัวตะพานเขาทำบุญต่ออายุไว้ อีกสองวันเถิดข้าจะมาเอาตัวไป
ฉันมองตามมือก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่ข้าง ๆ บ้านมีลูกกรงสีเขียวต่อจากบ้านนางหล่ำมาอีกพักใหญ่ จึงพบขบวนคนยืนอยู่สองฟากถนนต่างไชโยโห่ร้องรับฉัน และร้องบอกกันว่า พวกเรามาอีกคนแล้วโว้ย ฉันบอกกับเขาว่า ฉันไม่มาเป็นพวกแกหรอก พวกนี้ส่วนมากไม่นุ่งผ้ากันเลย
จากพวกนี้ไปก็ถึงสวนดอกไม้ใหญ่ ดอกสวยมากเป็นทองคำทั้งดอก ใบสีเขียวเป็นมันเหมือนมรกต ฉันตรงเข้าไปจะเก็บก็ถูกห้ามไม่ให้เก็บ เขาบอกว่าถ้ายังอยากจะกลับละก้ออย่าเก็บ ถ้าเก็บแล้วเอ็งจะกลับไม่ได้ ฉันต้องเดินผ่านมาด้วยความเสียดาย
เดินพักใหญ่ก็พบลานกว้างมีต้นไทรขนาด ๒ คนโอบ มีแท่นหินและโต๊ะหินอยู่โคนต้นไทร มีชายคนหนึ่งตัวดำ ผมหยิกตพอง รูปร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนแท่นหินนั้น ชายทั้งสี่และฉันเดินมาถึงตรงนี้ ก็ถูกเรียกว่า เฮ้ย .... พามาตรงนี้ซิ มาถามไถ่กันดูก่อน อีนี่ดื้อนักเรียกไม่ค่อยจะมา ฉันและชายทั้งสี่จึงเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพอเงยหน้าขึ้นดูก็รู้สึกดีใจว่ายมบาลคนนี้รูปร่างเหมือนนายสิงห์หมี ผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักกัน
จึงถามว่า อ้าว ... ..ตาเชย มาเมื่อไรเล่า ? แต่กลับตวาดว่า เชย..เชยอะไร เอ้งรู้จักข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำให้ฉันเงียบเสียงทันที แต่ยังนึกสงสัยว่า ยมบาลนี้ถ้าไม่ชื่อเชย ทำไมรูปร่างเหมือนผู้ใหญ่เชยจริง ๆ คล้ายกับจะเป็นลูกฝาแฝดทีเดียว แต่ยมบาลตัวใหญ่มาก ฉันจะพูดกับยมบาลต้องแหงนหน้า ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคล้ายกับเอาลูกหนูไปยืนอยู่ตรงหน้าวัว ตัวเขือง ๆ ทีเดียว
ต่อไปยมบาลถามฉันว่า เอ็งทำไมดื้อนัก.....ข้าให้คนไปรับยังวิ่งหนี ฉันตอบไปว่า ฉันห่วงลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ คราวนี้ยมบาลสดุ้งทันทีร้องว่า อ้าว.....พวก:-)ทำไมทำ:-)อย่างงี้เล่า ผิดตัวเสียแล้ว อีนี้มันไม่มีลูกนี่หว่า เสร็จแล้วก็ไปพลิกบัญชีดูและบอกว่า อีคนนั้นชื่อบุญชู จิตทอง บ้านต้นโพธ์ หมู่ ๑ จ.สิงห์บุรี ตายเวลาตีหนึ่งครึ่ง เป็นไข้ทับระดูตาย อีนี่ตายตั่งแต่ห้าโมงเย็น เป็นลมตาย ไม่ใช่ ๆ ผิดตัว เอ็งจัดแจงเตรียมตัวไปเอาอีคนนั้นมา
พอสี่คนนั้นเตรียมตัวไปยมบาลก็หันหน้ามาบอกฉัน จะดูอะไรก็ดูเลย ประเดี๋ยวจะให้เขาเอากลับไปส่ง ฉันจึงเดินดู พบชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันเคยรู้จักชื่อนายเปรื่อง ถูกตัดนิ้วมือด้วนกุดหมด ถามได้ความว่าชอบยิงนกในวัด
บางคนก็เคยทุบหัวควายก็ถูกล่ามโซ่และถูกเชือดเนื้อเสียงร้องอู้ ๆ น่ากลัวมาก ฉันมองดูด้วยความหวาดเสียว เมื่อฉันเดินออกมายมบาลก็โยนบัญชีมาให้ฉันดู ในบัญชีนั้นมีหนังสือตัวใหญ่ ๆ แผ่นกระดาษใหญ่เท่ากับแผ่นกระดานดำที่สอนเด็ก ฉันมองดูมีชื่อคนมาก
แต่ฉันพยายามจำแต่คนที่ฉันรู้จักจำมาได้ดังนี้คือ (๑) นางบุญชู จิตทอง ตีหนึ่งครึ่ง ไข้ทับระดู ๕ ก.พ. ๒๔๙๕ (๒) นางหล่ำ ๗ ก.พ. ๒๔๙๕ (๓) นางฉาย บุญวงศ์ ๔ มี. ค. ๒๔๙๕ (๔) นานแม่น ทองสติ ๔ ก. ค. ๒๔๙๕ (๕) นายปลอด สีสิงห์ ๔ ก.พ. ๒๔๙๗ (อีกสองปี)
ฉันเปิดขอดูอีกแต่เขาไม่ยอมให้เปิด เขาบอกว่า เอ็งหมดสิทธิ์ที่จะเปิดแล้ว เอ็งเป็นคนใจบุญเปิดดูไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปเที่ยวบอกเขาหมด เมื่อก่อนนี้ เอ็งเป็นคนทำบัญชีให้ข้า ข้าคิดถึงเอ็ง อีกห้าปีข้าจะให้ไปรับเพราะเอ็งจะลำบากอีกมาก ฉันบอกว่า อีกห้าปีฉันไม่มาหรอก
ยมบาลหัวเรอะแล้วพูดว่า เอ็งอยากลำบากก็ตามใจเอ็ง แต่ถ้าเอ็งไม่มา เอ็งต้องบวชลูกให้ข้า ข้าก็ไม่ไปรับเอ็ง แต่ข้าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้เอ็งบอกให้ทั่ว ๆ ไปเถิด เพราะต่อ ๆ ไปในเมืองมนุยษ์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะข้าจะบอกให้ แล้วเขาบอกว่า ก่อนท่อง ตั้งนะโมสามจบเสียก่อนนะแล้วท่อง จะออกจากบ้านหรือจะนอนนะท่องอยู่เสมอ ๆ จะคุ้มภัยเอ็งได้
ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ
ฉันจำไว้เพื่อนำมายังมนุษย์โลกต่อไป และก็เป็นที่น่าแปลกว่า ฉันได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้และก็พอดีเขานำบุญชู จิตทองมา บุญชูคนนี้กับฉันรูปร่างเหมือนกันมาก ฉันได้ยินเสียงยมบาลดุบุญชูว่า เอ็งนี่จะตายแล้วยังก่อเวรไปลักพุทราเขามากินและผิดสำแดงพุทราจึงตาย แล้วเขาสั่งให้ตีบุญชู ฉันรู้สึกกลัวจริง ๆ เมื่อบุญชูคนโน้นถูกตีด้วยหวายแล้ว ยมบาลก็สั่งให้ชายทั้งสี่นำฉันมาส่ง
พอมาถึงหน้าบ้านฉันเข้าบ้านไม่ได้เพราะล้อมสายสิญจน์และซัดข้าวสารไว้ จนกระทั้งคนที่ท่าทางคล้ายกับเป็นหัวหน้าแกจึงจับฉันเหวี่ยงโครมขึ้นมาบนบ้านทำให้บ้านไหวยวบ คนหนีกันหมดเหลือแต่ลูกสาวฉันได้อายุได้สี่ปี นี่งอยู่และถามฉันว่า แม่ไม่ตายหรือ .... พอบอกว่าไม่ตายหรอก จึงได้เรียกคนขึ้นมาบนบ้าน ฉันรู้สึกใจหาย เพราะตอนที่ฟื้นมานี้เป็นเวลา ๐๘. ๐๕ น. เศษ และต่อโลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกชาวบ้านและพระขอร้องให้ฉันเล่าให้ฟัง ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีฉันก็นำมาเล่าให้ชาวบ้านและพระฟังจนหมด
และต่อมาเมื่อวันที่ ๗ นางหล่ำตาย วันที่ ๔ มี.ค. นางฉายตาย วันที่ ๔ ก.ค. นายแม่นตาย ต่อมาคนสุดท้าย นายปลอด สี่สิงห์ กำหนด ๒ ปี พอครบพอดีก็ตาย แต่ก่อนตายแกไปเที่ยวขุดละลายหัวคนที่แกเคยรุกที่เขาคืนให้เจ้าของหมด
ต่อมานายคนหนึ่งทางห้วยคันแหลม (ต. ห้วยคันแหลม) ได้สั่งลูกหลานไว้หลังฉันฟื้นมาแล้ว ก.อู..ตายไปละก้อ :-)เอาขวานใส่โลงไปให้ก.อู..ด้วย ก.อู..จะเอาขวานไปโค้นต้นงิ้วในนรก พอตาย ลูกหลานก็เอาขวานใส่โลงไปให้จริง ๆ ต่อมาแกกลับมาเข้าทรงเด็ก ๆ ให้ไปขุดขวานขึ้น แกบอกว่า ไม่ไหวละ มันเอาขวานทุบหัวเสียอีกด้วยซี แทนที่จะเอาขวานไปโค้นต้นงิ้ว ในที่สุดพวกลูกต้องไปขุดเอาขวานขึ้น
ที่มา //topicstock.pantip.com/religious/...Y2421820.html
[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]

วันนั้นเป็นวันที่ ๕ ก. พ ๒๔๙๕ ฉันได้ไปทำกิจวัตรประจำวันของฉันคือเป็นครูน้อยประจำโรงเรียนประชาบาล ต. สามโก้ ๔ (วัดมงคลธรรมนิมิตร) อ.วิเศษไชยชาญ จ. อ่างทอง ตามปกติ แต่วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้สึกเกียจคร้าน ไม่มีกำลังใจที่จะสอนเด็กประกอบกับความง่วงผิดปกติ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ไปอดนอนที่ไหนมา แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบทำให้ฉันง่วงนอนอยากจะหลับ เป็นเหตุทำให้จิตใจของฉันไม่เป็นปกติ แต่ฉันก็ทนสอนต่อไปจนหมดเวลา ๑๕.๑๕ น. ซึ่งเป็นวันเวลาเลิกทำการสอน
พอปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วฉันก็เดินมาบ้านซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ ๓ เส้นเศษ ฉันมาถึงบ้านก็ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน คือหุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน อาบน้ำ ตนเองและบุตร เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ฉันก็นำเสื่อมาปูและนอนเล่นกับบุตร ๒ คน ในขณะนั้นเวลา ๑๖. ๓๐ น. เศษต่อมาฉันก็หลับไปเมื่อไรไม่ทราบมารู้สึกตัวต่อเมื่อตัวของฉันเองมายืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีร่มมะพร้าว ขนุน มองดูสวยงามมาก มะพร้าวและขนุนกำลังมีผลดก แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ฉันยืนอยู่นี้เป็นที่ใด
ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวบังเอินสายตามองไปบนถนนสายหนึ่ง ยาวเหยียดไปข้างหน้า ด้วยความอยากรู้ฉันยกเท้าจะขึ้นไปเที่ยวถนนสายนั้น
แต่ยังมิทันที่เท้าของฉันจะถูกพื้นถนนก็ต้องสดุ้ง เพราะได้ยินเสียงพูด แต่เสียงดังเหลือเกิน ดังคล้ายตวาด มาจากทางข้างหน้าของฉันว่า อ้อ...บุญชู เหมอะเลยมาเถิด นายให้มารับ ถึงเวลาแล้ว ฉันได้ยินดังนั้นก็บอกเขาไปว่าไม่ไปหรอก พร้อมกับผละวิ่งหนีทันที
แต่ชายทั้งสี่คนก็เดินตามและพูดว่า ถึงเวลาแล้ว ไม่ไปไม่ได้ ฉันก็หันไปบอกเขาว่า ลุงไปบอกนายเถิดว่า ฉันผัดไปก่อน ฉันยังไม่ไปไหนหรอก แต่เขาก็ตอบมาอีกว่า ผัดกับข้าไม่ได้ เอ็งต้องไปผัดเอง เมื่อหมดทนทางเลี่ยงฉันจึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นต้องคอยก่อน ฉันต้องไปบอกคนทางบ้านเสียก่อน เพราะที่มาเที่ยวนี้ไม่มีใครรู้
แล้วฉันก็เดินมาหน้าบ้านและเดินเข้ารั่วบ้านขึ้นบันไดไป ก็พบว่าบนบ้านสว่างไปด้วยตะเกียงเข้าพายุและมีชาวบ้านมานั่งกันอยู่เต็มบ้านพร้อมทั้งร้องไห้ ฉันขึ้นบันไดได้ก็ผละวิ่งจากตรงบันไดไปหาสามีของฉัน ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆหมอ ฉันเสียหลักสะดุดชายเสื่อล้มลงไป
เมื่อฉันลุกขึ้นมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มานั่งอยู่บนบ้านข้าง ๆ ฉันนั้นต่างพากันถอยหนีไปรวมกันอยู่หน้าครัวหมดและต่างก็ชิงกันถามว่า ครูฟื้นแล้วหรือ ครูไม่ตายหรือ ครูไม่ได้หลอกพวกฉันไม่ใช่หรือ ฉันก็บอกพวกนั้นว่า อย่ากลัวฉันเลย ฉันอยากจะพูดอะไรด้วยสักหน่อย แล้วก็จะไปเพราะเขามารับฉันแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ฉันยังไม่อยากตาย ขอผัดเขา เขาไม่ยอมบอกให้ไปผัดกับยมบาลเอง ฉันจึงจะต้องไป และฉันขอร้องด้วย ขอให้เก็บศพฉันไว้ ๓ วันก่อน ถ้าไม่กลับหมายความว่าเขาไม่ยอม จึงค่อยเผา
พอดีได้ยินเสียงสุนัขหอนขึ้นและได้ยินเสียงเรียก ฉันจึงบอกว่า โน้นเขาเรียกเร่งมาแล้ว ฉันไปล่ะ ลาก่อนทุก ๆ คน นายเจ๊กที่เป็นหมอแกจึงเอาธูปเทียนมาให้ฉัน และบอกว่า พระอรหํ พระอรหํ ตอนนี้ฉันเกือบจะหมดสติแล้ว รับคำพระอรหํได้สองครั้งก็หมดสติวูบไป มาารู้สึกตัวว่าตัวของฉันเองได้เดินอยู่บนถนนสายนั้นเสียแล้ว
ในระยะที่ฉันฟื้นและตายไปใหม่นี้คือฟื้นตอนประมาณ ๒๒. ๐๐ น. และตายไปใหม่ประมาณ ๒๒ . ๐๖ น. ตลอดทางที่เดินไปนั้นฉันอยู่ตรงกลาง มีคนขนาบข้าง ๒ คน เดินมาพักใหญ่จึงมาพบโต๊ะตั้งข้างทางเดินมีอาหารหลายชนิดตั้งอยู่บนโต้ะ มีเหล้า ข้าว หมู ไก่ ขนมจีนน้ำยาและขนมอีกหลายชนิดคนทั้งสี่ตรงเข้าไปที่โต๊ะและเรียกฉัน บุญชูยังไม่ได้กินข้าว มากินเสียซิ
ฉันก็ตรงเข้าไปกินกับเรา เมื่ออิ่มแล้วก็ถามเขาว่า ของใครนี่เรามากินของเขาไม่ว่าเอาหรือ คนที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้าบอกฉันว่า ไม่มีใครว่าหรอกเพราะเขาเซ่นผี ไว้อีกสองวันข้าจะกลับมาเอา ฉันถามว่าบ้านใครเล่า เขาบอกว่า โน้นไงเล่า บ้านนางหล่ำ หัวตะพานเขาทำบุญต่ออายุไว้ อีกสองวันเถิดข้าจะมาเอาตัวไป
ฉันมองตามมือก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่ข้าง ๆ บ้านมีลูกกรงสีเขียวต่อจากบ้านนางหล่ำมาอีกพักใหญ่ จึงพบขบวนคนยืนอยู่สองฟากถนนต่างไชโยโห่ร้องรับฉัน และร้องบอกกันว่า พวกเรามาอีกคนแล้วโว้ย ฉันบอกกับเขาว่า ฉันไม่มาเป็นพวกแกหรอก พวกนี้ส่วนมากไม่นุ่งผ้ากันเลย
จากพวกนี้ไปก็ถึงสวนดอกไม้ใหญ่ ดอกสวยมากเป็นทองคำทั้งดอก ใบสีเขียวเป็นมันเหมือนมรกต ฉันตรงเข้าไปจะเก็บก็ถูกห้ามไม่ให้เก็บ เขาบอกว่าถ้ายังอยากจะกลับละก้ออย่าเก็บ ถ้าเก็บแล้วเอ็งจะกลับไม่ได้ ฉันต้องเดินผ่านมาด้วยความเสียดาย
เดินพักใหญ่ก็พบลานกว้างมีต้นไทรขนาด ๒ คนโอบ มีแท่นหินและโต๊ะหินอยู่โคนต้นไทร มีชายคนหนึ่งตัวดำ ผมหยิกตพอง รูปร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนแท่นหินนั้น ชายทั้งสี่และฉันเดินมาถึงตรงนี้ ก็ถูกเรียกว่า เฮ้ย .... พามาตรงนี้ซิ มาถามไถ่กันดูก่อน อีนี่ดื้อนักเรียกไม่ค่อยจะมา ฉันและชายทั้งสี่จึงเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพอเงยหน้าขึ้นดูก็รู้สึกดีใจว่ายมบาลคนนี้รูปร่างเหมือนนายสิงห์หมี ผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักกัน
จึงถามว่า อ้าว ... ..ตาเชย มาเมื่อไรเล่า ? แต่กลับตวาดว่า เชย..เชยอะไร เอ้งรู้จักข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำให้ฉันเงียบเสียงทันที แต่ยังนึกสงสัยว่า ยมบาลนี้ถ้าไม่ชื่อเชย ทำไมรูปร่างเหมือนผู้ใหญ่เชยจริง ๆ คล้ายกับจะเป็นลูกฝาแฝดทีเดียว แต่ยมบาลตัวใหญ่มาก ฉันจะพูดกับยมบาลต้องแหงนหน้า ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคล้ายกับเอาลูกหนูไปยืนอยู่ตรงหน้าวัว ตัวเขือง ๆ ทีเดียว
ต่อไปยมบาลถามฉันว่า เอ็งทำไมดื้อนัก.....ข้าให้คนไปรับยังวิ่งหนี ฉันตอบไปว่า ฉันห่วงลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ คราวนี้ยมบาลสดุ้งทันทีร้องว่า อ้าว.....พวก:-)ทำไมทำ:-)อย่างงี้เล่า ผิดตัวเสียแล้ว อีนี้มันไม่มีลูกนี่หว่า เสร็จแล้วก็ไปพลิกบัญชีดูและบอกว่า อีคนนั้นชื่อบุญชู จิตทอง บ้านต้นโพธ์ หมู่ ๑ จ.สิงห์บุรี ตายเวลาตีหนึ่งครึ่ง เป็นไข้ทับระดูตาย อีนี่ตายตั่งแต่ห้าโมงเย็น เป็นลมตาย ไม่ใช่ ๆ ผิดตัว เอ็งจัดแจงเตรียมตัวไปเอาอีคนนั้นมา
พอสี่คนนั้นเตรียมตัวไปยมบาลก็หันหน้ามาบอกฉัน จะดูอะไรก็ดูเลย ประเดี๋ยวจะให้เขาเอากลับไปส่ง ฉันจึงเดินดู พบชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันเคยรู้จักชื่อนายเปรื่อง ถูกตัดนิ้วมือด้วนกุดหมด ถามได้ความว่าชอบยิงนกในวัด
บางคนก็เคยทุบหัวควายก็ถูกล่ามโซ่และถูกเชือดเนื้อเสียงร้องอู้ ๆ น่ากลัวมาก ฉันมองดูด้วยความหวาดเสียว เมื่อฉันเดินออกมายมบาลก็โยนบัญชีมาให้ฉันดู ในบัญชีนั้นมีหนังสือตัวใหญ่ ๆ แผ่นกระดาษใหญ่เท่ากับแผ่นกระดานดำที่สอนเด็ก ฉันมองดูมีชื่อคนมาก
แต่ฉันพยายามจำแต่คนที่ฉันรู้จักจำมาได้ดังนี้คือ (๑) นางบุญชู จิตทอง ตีหนึ่งครึ่ง ไข้ทับระดู ๕ ก.พ. ๒๔๙๕ (๒) นางหล่ำ ๗ ก.พ. ๒๔๙๕ (๓) นางฉาย บุญวงศ์ ๔ มี. ค. ๒๔๙๕ (๔) นานแม่น ทองสติ ๔ ก. ค. ๒๔๙๕ (๕) นายปลอด สีสิงห์ ๔ ก.พ. ๒๔๙๗ (อีกสองปี)
ฉันเปิดขอดูอีกแต่เขาไม่ยอมให้เปิด เขาบอกว่า เอ็งหมดสิทธิ์ที่จะเปิดแล้ว เอ็งเป็นคนใจบุญเปิดดูไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปเที่ยวบอกเขาหมด เมื่อก่อนนี้ เอ็งเป็นคนทำบัญชีให้ข้า ข้าคิดถึงเอ็ง อีกห้าปีข้าจะให้ไปรับเพราะเอ็งจะลำบากอีกมาก ฉันบอกว่า อีกห้าปีฉันไม่มาหรอก
ยมบาลหัวเรอะแล้วพูดว่า เอ็งอยากลำบากก็ตามใจเอ็ง แต่ถ้าเอ็งไม่มา เอ็งต้องบวชลูกให้ข้า ข้าก็ไม่ไปรับเอ็ง แต่ข้าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้เอ็งบอกให้ทั่ว ๆ ไปเถิด เพราะต่อ ๆ ไปในเมืองมนุยษ์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะข้าจะบอกให้ แล้วเขาบอกว่า ก่อนท่อง ตั้งนะโมสามจบเสียก่อนนะแล้วท่อง จะออกจากบ้านหรือจะนอนนะท่องอยู่เสมอ ๆ จะคุ้มภัยเอ็งได้
ฉันจำไว้เพื่อนำมายังมนุษย์โลกต่อไป และก็เป็นที่น่าแปลกว่า ฉันได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้และก็พอดีเขานำบุญชู จิตทองมา บุญชูคนนี้กับฉันรูปร่างเหมือนกันมาก ฉันได้ยินเสียงยมบาลดุบุญชูว่า เอ็งนี่จะตายแล้วยังก่อเวรไปลักพุทราเขามากินและผิดสำแดงพุทราจึงตาย แล้วเขาสั่งให้ตีบุญชู ฉันรู้สึกกลัวจริง ๆ เมื่อบุญชูคนโน้นถูกตีด้วยหวายแล้ว ยมบาลก็สั่งให้ชายทั้งสี่นำฉันมาส่ง
พอมาถึงหน้าบ้านฉันเข้าบ้านไม่ได้เพราะล้อมสายสิญจน์และซัดข้าวสารไว้ จนกระทั้งคนที่ท่าทางคล้ายกับเป็นหัวหน้าแกจึงจับฉันเหวี่ยงโครมขึ้นมาบนบ้านทำให้บ้านไหวยวบ คนหนีกันหมดเหลือแต่ลูกสาวฉันได้อายุได้สี่ปี นี่งอยู่และถามฉันว่า แม่ไม่ตายหรือ .... พอบอกว่าไม่ตายหรอก จึงได้เรียกคนขึ้นมาบนบ้าน ฉันรู้สึกใจหาย เพราะตอนที่ฟื้นมานี้เป็นเวลา ๐๘. ๐๕ น. เศษ และต่อโลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกชาวบ้านและพระขอร้องให้ฉันเล่าให้ฟัง ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีฉันก็นำมาเล่าให้ชาวบ้านและพระฟังจนหมด
และต่อมาเมื่อวันที่ ๗ นางหล่ำตาย วันที่ ๔ มี.ค. นางฉายตาย วันที่ ๔ ก.ค. นายแม่นตาย ต่อมาคนสุดท้าย นายปลอด สี่สิงห์ กำหนด ๒ ปี พอครบพอดีก็ตาย แต่ก่อนตายแกไปเที่ยวขุดละลายหัวคนที่แกเคยรุกที่เขาคืนให้เจ้าของหมด
ต่อมานายคนหนึ่งทางห้วยคันแหลม (ต. ห้วยคันแหลม) ได้สั่งลูกหลานไว้หลังฉันฟื้นมาแล้ว ก.อู..ตายไปละก้อ :-)เอาขวานใส่โลงไปให้ก.อู..ด้วย ก.อู..จะเอาขวานไปโค้นต้นงิ้วในนรก พอตาย ลูกหลานก็เอาขวานใส่โลงไปให้จริง ๆ ต่อมาแกกลับมาเข้าทรงเด็ก ๆ ให้ไปขุดขวานขึ้น แกบอกว่า ไม่ไหวละ มันเอาขวานทุบหัวเสียอีกด้วยซี แทนที่จะเอาขวานไปโค้นต้นงิ้ว ในที่สุดพวกลูกต้องไปขุดเอาขวานขึ้น
ที่มา //topicstock.pantip.com/religious/...Y2421820.html
[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]
Create Date :18 กันยายน 2550
Last Update :28 กันยายน 2552 9:21:50 น.
Counter : Pageviews.
Comments :43
- Comment
เป็นเรื่องเที่ยวเมืองนรกของคนตายแล้วฟื้นเรื่องแรกที่เคยได้ยิน
อยากให้คนหันกลับมาเชื่อเรื่องความดีความชั่วกันอีก
เห็นคนรอบๆ ตัวเดี๋ยวนี้แล้ว
เซ็งซะ
โดย: นางไม้หน้า3
:) สำนึกดีนอกจากสังคมดีแล้ว ตัวเราเองก็จะดีจ้า
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ
โดย: dark side
ปล ใครกันที่ยังดูไม่แก่จ้ะ
สงสัย
โดย: Lottelise
ดังเช่นปลูกต้นอะไร ก้อได้ผลนั้น
แต่ทำไมปลูกถั่วเขียว ได้ถั่วงอกหว่า
โดย: มณีไตรรงค์
โดย: พจมารร้าย
โดย: พจมารร้าย
โดย: ศรีสุรางค์
เจ้าหญิงตัวน้อย ๆ นะค่ะ
น่ารักน่าชังมาก ๆ
โดย: เจกเบ่ง
โดย: เก๋ IP: 203.113.17.148 19 กันยายน 2550 13:46:13 น.
วันนี้ก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน
นอนหลับสบายเลยล่ะ
โดย: ryuzaki
โดย: varissaporn327
โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ
โดย: Jeab (rayasuree2526
แวะเอาข้าวทอดแหนมปั้นมาฝากค่ะ(ขโมยเค้ามา)
โดย: เจี๊ยบ (ตะวันยิ้มร่า
โดย: erina
โดย: ใยนุ่น (ใยนุ่น
สวัสดียามเช้าครับคุณต่อตระกูล ผมแวะเข้ามาชวนดื่ม casablangca coaktail ครับฟมหวังว่าคุณต่อตระกูล น่าจะชอบนะครับ(ผิดศีลข้อ 5 เต็มๆเลยเรา)
โดย: veerar
นรก คือ ภพที่มีแต่ความร้อนรนทุกข์ทรมานหลบหนีไม่ได้ พระเถระท่านหนึ่งกล่าวเปรียบไว้น่าฟังว่า ท่านเคยฝันร้ายที่ต้องถึงกับสะดุ้งตื่นหรือเปล่า? ความรู้สึกในนรกก็เหมือนกันกับฝันร้ายอย่างสุดๆ ต่างกันแต่ในนรกไม่มีโอกาศผวาตื่นเท่านั้นเอง!
อ้างอิง : คัมภีร์พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ
- เล่มที่ ๒๘ หน้า ๒๕๑ ( เนมิราชชาดก )
- เล่มที่ ๒๘ หน้า ๔๗ ,๕๓ ( สังกิจจชาดก )
- เล่มที่ ๒๙ หน้า ๔๘๒
- เล่มที่ ๑๔ หน้า ๒๔๒
- เล่มที่ ๒๘ หน้า ๕๒
- เล่มที่ ๑๔ หน้า ๒๕๙
- เล่มที่ ๑๙ หน้า ๖๒๕
- เล่มที่ ๒๖ หน้า ๑๖๘
นรกมีจริงหรือ โปรแกรมท่องนรก v.2.0
//www.mahamodo.com/downloads/programsdetail.asp?id=999998
//www.mahamodo.com/images/downloadnow.gif
//www.samathi.com/meditation/showthread.php?t=637
//www.palungjit.com/board/showthread.php?p=676009
//bannpeeploy.exteen.com/20070829/entry-9
โดย: montasavi IP: 202.28.111.17 23 กันยายน 2550 15:16:19 น.
ตามมาอ่านคับ
สบายดีนะครับ
โอม มาพักร้อน ปลายเดือน พย จะกลับไปทำงานแล้วคับ..
อยากเห็นโอมพาเที่ยว เมืองเจียงฮาย แว๊บไปที่บล๊อกละกันครับ
ระบายความรู้สึก.. จากบ้านนอก อิอิ
แล้วจะมาแอ่วหาบ่อย ๆ นะครับ
ชอบอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต และธรรมะครับ
โดย: OHM in BKK (sochana9
โดย: kai (Sweet evil
โดย: เจกเบ่ง
โดย: Candydolls
เรื่องแบบนี้เพิ่งได้อ่านเองก็ที่บล๊อกคุณต่อนี่แหละค่ะ
ก่อนนี้ก็เคยได้ยินคนเล่าให้ฟัง จากที่คนเล่าเค้าอ่านมา
ตอนเด็กผู้ใหญ่ก็เล่าให้ฟังว่ามีคนตายแล้วฟื้น
ตอนตายก็ไปเจออะไรคล้ายๆแบบนี้
พร้อมกับสอนว่า เราต้องทำแต่ความดี
เมื่อตายไปจะได้ไม่ลำบาก
ตายแล้วจะเป็นไงไม่รู้ละ แต่ก็ไม่ประมาทค่ะ พยามทำความดีรักษาศิลเท่าที่ทำได้
ก็กลัวเหมือนกันแหละ อิอิ
โดย: แม่หยุมหยิม
โดย: veerar
โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร
โดย: คนทับแก้ว
โดย: มณีไตรรงค์
โดย: mumu (mumulove
โดย: พจมารร้าย
โดย: basbas
ทำให้นั่งคิดถึง บรรยากาศที่บ้านด้วย
ว้าว เพลงจรัล มโนเพ็ชรด้วย
โดย: Lottelise
โดย: ying IP: 134.65.247.9 29 กันยายน 2550 7:03:59 น.
โดย: เจ้าของบล๊อคเองแหละ IP: 125.25.168.45 29 กันยายน 2550 8:44:49 น.
โดย: veerar
รีบกลับมาไวๆนะค้า มิตรรักแฟนเพลงเยอะเหลือเกิน
โดย: Farm Girl in High Sierra
โดย: Mooky Miracle Mom
จิตใจจะได้แจ่มใส่ เบิกบาน สดชื่น ๆ คร๊า!!
แต่จริง ๆ ไม่ต้องชวนก็ได้มั้ง เข้ามา blog นี้ก็มีให้อ่านเพียบเชียว!!
โดย: เจกเบ่ง
มาร่วมฉลอง TOP Page Views
ขอให้บล๊อกนิยม คงกระพัน ไปนานๆนะคุณต่อ
โดย: ดาวทะเล
ห่างหายไปนาน กับภารกิจเส้นทางแห่งความฝัน
สู้ๆนะค่ะ
โดย: freedom (ยัยลิงน้อย
โดย: โจเซฟิน
หวังว่าคงจะสบายดีนะคะ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
โดย: มณีไตรรงค์
โดย: กลัวบาป (Kang Dong Ye
โดย: ว้าว IP: 125.25.208.132 29 มิถุนายน 2551 10:03:24 น.