๑๒. กลางดึก
อาการบาดเจ็บขององค์เทวินทร์วรมันต์ดีขึ้นตามลำดับ เหล่าองครักษ์ที่ตามมาพยายามหาตัวคนร้ายที่ลอบยิงธนูมาลงโทษแต่ก็มิพบผู้ต้องสงสัย ขบวนธรรมะจากนครราชคฤห์ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้เขตชายแดนของแคว้นวัชชี เพื่อมุ่งตรงเข้าสู่นครหลวงคือเมืองเวสาลีให้ทันก่อนวันขึ้นสิบห้าค่ำ อันเป็นเวลานัดหมายในการชุมนุมของเหล่าภิกษุจากทั่วทุกแคว้น
ศรีรามทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้ดูแลจัดรูปขบวน และคอยดูแลเหล่าพระภิกษุและอุบาสกอุบาสิกาตามมาร่วมกับขบวน ส่วนเจ้าหญิงที่ปลอมพระองค์เป็นหญิงสาวชาวบ้าน ได้เรียนรู้การดำรงชีวิตอย่างสามัญชนที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ไม่เคยปริปากบ่นกับภาวิณีและเหล่าองครักษ์ผู้ปลอมเป็นหมู่เครือญาติที่ติดตามมาเลยสักครั้ง ตรงข้าม กลับทรงประพฤติตนได้กลมกลืนกับอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ทั้งยังช่วยดูแลกิจการงานต่างๆให้ผ่านไปอย่างราบรื่น จนกลายเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในขบวน โดยมีพระโอรสแอบชื่นชมอยู่ไม่ห่าง ศรีรามมิได้พบปะพูดคุยกับภาวิณีบ่อยนัก เพราะทำงานอยู่คนละหน้าที่ แต่ก็แอบลอบมองฝ่ายหญิงที่ออกมาเดินเล่นอยู่หน้ากระโจมที่พักอยู่เป็นประจำทุกเช้า เหตุการณ์เป็นปรกติเรื่อยมาจนกระทั่งราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันเวลานัดหมาย
+ + + +
ขึ้นหกค่ำ เดือนเก้า ล่วงเข้ากลางดึก ในขบวนของนครราชคฤห์ ที่ขอบชายแดนแคว้นวัชชี
ในกระโจมที่พักของเจ้าหญิงและภาวิณี ขณะที่สมาชิกคนอื่นในคาราวานพากันหลับไหลลืมตื่น จันทราวตีกลับนอนลืมตาค้าง พลิกตัวไปมาอยู่นานสองนานจึงกระซิบเรียกเพื่อนหญิงที่นอนนิ่งอยู่ใกล้ๆ ภาวิณี
วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว องค์หญิงรำพึงถาม ภาวิณีสบเนตรคู่งามแม้ยามมืด เห็นแววไหวระริกก็พอเดาพระทัยได้ ขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้ามาใกล้แล้วจึงตอบ ขึ้นหกค่ำเดือนเก้า นับถอยหลังก็เหลืออีกเก้าวันเพคะ เมื่อถึงคืนพระจันทร์วันเพ็ญ ข้าพระองค์และเหล่าองค์รักษ์ต้องทำตามหน้าที่ พาพระธิดากลับนครสาวัตถี นี่เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ เพคะ ครั้งนี้จะทรงดื้อดึงไม่ได้แล้ว ฉันไม่ได้ดื้อดึง เพียงแต่
พระทัยลอยละล่องไปถึงเจ้าชายในกระโจมฝั่งโน้น จะทรงทราบไหม ว่าอีกไม่กี่วันหญิงสาวชาวบ้านก็ต้องจากพระองค์ไปแล้ว นี่จะต้องจากกันโดยต่างฝ่ายต่างมิทันรู้ใจของอีกฝ่ายเลยหรือ ภาวิณีดูออกว่าพระธิดาองค์น้อยของเธอกำลังวุ่นวายพระทัยแต่ก็แกล้งไม่รู้ไม่เห็น ทำเป็นซักไซร้
เพียงแต่อันใดเพคะ เปล่า
ไม่มีอันใด ช่างไม่รู้ใจฉันเสียเลย
เจ้าหญิงน้อยพระทัยอยู่ในความมืด
ไม่มีอันใดก็ดีแล้ว บรรทมเสียเถิดเพคะ ดึกแล้ว ภาวิณียิ้มเย็นอย่างเอ็นดูแล้วตัดบท ยิ่งทำให้เจ้าหญิงน้อยพระทัยหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม ข่มตานอนในความมืดแล้วพลันสดับเสียงประหลาดอยู่ไม่ไกล
ภาวิณี ได้ยินไหม มีอะไรอีกเพคะ ฉันได้ยินเสียงแมวร้อง อย่าล้อเล่นสิเพคะ แมวที่ไหนจะมาอยู่กลางป่า ฉันได้ยินจริงๆนะ เธอเงี่ยหูฟังสิ
เมื่อเงี่ยหูฟังจึงได้ยินเสียงแหง่วหง่าวอย่างลูกแมวร้องดังพระธิดาตรัส ภาวิณีลุกขึ้นจุดตะเกียงตามเจ้าหญิงที่ออกไปชะโงกดูหน้ากระโจม เห็นว่าไม่มีผู้ใดจึงเดินตามออกไปจนพบที่มาของเสียง
สัตว์ที่ร้องครวญครางมีลำตัวเท่าแมวขนาดกลางและมีหางยาวลากดิน ลายขนพาดผ่านลำตัวสีออกน้ำตาลดำสลับขาว กับลักษณะของขาและเท้าดูแข็งแรงและมีแผงขนปกคลุมโดยตลอด แท้จริงแล้วมิใช่ลูกแมวที่ไหน แต่เป็นลูกเสือลายพาดกลอนในป่าที่พลัดหลงกับแม่เข้ามาในขบวน ครั้นพอเห็นคนเดินมาก็กระโดดหลบ หายวับไปทางกระโจมอีกด้าน
จันทราวตีติดตามไปโดยไม่ฟังเสียงภาวิณีที่คอยห้าม
Create Date : 04 เมษายน 2554 |
Last Update : 4 เมษายน 2554 6:56:51 น. |
|
1 comments
|
Counter : 903 Pageviews. |
|
|
|
โดย: bbandp วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:7:22:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|