๑๘. อ้อมกอด



ฝนที่เทกระหน่ำลงมาโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้ามาพร้อมกับฟ้าแลบอยู่แปลบปลาบ ผู้คนในขบวนต่างเข้าไปหลบในกระโจมที่ทำจากหนังสัตว์เคลือบด้วยยางไม้ ทำให้สามารถหลบฝนได้ในระหว่างการเดินทาง จันทราวตีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงฟ้าคำรามอยู่ครืนๆก่อนจะผ่าลงมาเสียงดังสนั่น

เปรี้ยงง!!!

เจ้าหญิงหวีดร้องดังในความมืด ผวาตื่นขึ้นมาโผกอดคนที่อยู่ใกล้ๆอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ขวัญเอยขวัญมา…”

เสียงปลอบโยนนั้นไพเราะเสนาะหูแต่มิใช่เสียงของผู้ที่เธอควรผวากอดในเวลานี้แน่ แสงจากฟ้าแลบเข้ามาแปลบปลาบทำให้ภายในกระโจมสว่างจ้า จันทราวตีจึงรู้ว่าบุคคลตรงหน้าคือเจ้าชายเทวินทร์วรมันต์ นึกลำดับเหตุการณ์ได้จึงรู้ว่าเธอสลบไปตั้งแต่บนหุบเขาแล้วเจ้าชายพามานอนอยู่ถึงที่ประทับ รู้สึกตัวแล้วจึงกลับผลักพระองค์ออกแล้วกระเถิบตัวถอยหนีในทันทีที่นึกได้

“ขอพระราชทานอภัยเพคะ ขอให้ข้าพระองค์ได้กลับไปพักที่กระโจมของตนเถิด”

แม้จะนึกเสียดายกลิ่นไอละมุนที่ซุกอยู่กับพระอุระเมื่อครู่ เจ้าชายก็เต็มพระทัยจะให้เกียรติแก่หญิงสาวด้วยการถอยผละออกห่างและลุกไปจุดตะเกียงให้แสงสว่างเรื่อเรืองขึ้นมาในที่ประทับ

“จะกลับได้อย่างไร ข้างนอกฝนตกแรงออกปานนั้น พักที่นี่สักครู่เถิด องค์…เอ้อ น้องหญิง”

ดำรัสติดขัดในเบื้องต้น พินิจดูจันทราวตีมีสีหน้าแปลกใจด้วยไม่รู้ว่าในยามเผลอสติตนได้ละเมอสิ่งใดออกมาบ้าง เจ้าชายจึงสรวลออกมาได้ก่อนจะตรัส

“เจ้าหลับไปได้สักพัก เวลานี้คงอาการดีขึ้นแล้ว”
“เพคะ ขอบพระทัย”

จันทราวตีรู้สึกสับสนในตัวเองยิ่งนัก ด้วยว่าในเวลาที่นึกได้ว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงก็นึกอิจฉาสาวชาวป่าที่เจ้าชายให้ความเมตตานัก ถึงขนาดออกปากว่าไม่อยากเข้าร่วมพิธีอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งเมืองสาวัตถี… แต่หากยามใดที่ระลึกได้ว่าตนคือสาวชาวบ้านไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ก็กลับกังวลในใจนัก ว่าเจ้าชายจะให้ความสงสารเธอเพียงเห็นว่าเป็นดอกไม้ตามรายทางที่นึกจะเด็ดจะขว้างก็คงทำได้ และหากเมื่อท้ายที่สุดเจ้าชายทรงประจักษ์ว่าเจ้าหญิงและสาวชาวบ้านเป็นคนเดียวกัน พระองค์จะทรงรักเธอในฐานะใดกันหนอ ความคิดฟุ้งซ่านกระจัดกระจายไปพร้อมกับสายลมที่พัดพาเอาสายฝนเคลื่อนผ่านไปจากขบวนและซาลงช้าๆ

เจ้าชายทอดพระเนตรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเย็นพระทัยก่อนตรัสถาม

“ตกลงเรายังไม่รู้เลยว่า เจ้าโกรธเราด้วยเรื่องอันใด”
“โกรธเรื่องอันใดเพคะ”

วตีเรียงลำดับไม่ถูกนัก ใช่ ในคืนก่อนหน้านั้นเธอโกรธเจ้าชายในฐานะเจ้าหญิงที่ทรงดำรัสว่าไม่อยากอภิเษกด้วย แต่เมื่อเย็นที่ผ่านมาเธอเป็นสาวชาวป่าที่เจ้าชายเอาพระทัยใส่และพาไปดูทิวทัศน์ที่ตรึงตรา แล้วจะให้ถือโทษเอาความเจ้าชายประการใดได้

“ก็ตอนที่เราไปตามเจ้าด้านหลังขบวน ดูเจ้าอิดออดที่จะไปกับเรานัก นึกว่ามีเรื่องใดข้องใจอยู่”
“แล้วผู้ใดทูลพระโอรสเพคะ ว่าข้าพระองค์โกรธ”
“ต้องให้ผู้ใดบอกหรือ สบตาเจ้าเราก็อ่านออก”

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ดวงเนตรหวานช้อนตาขึ้นสบพระเนตรสีเหล็กกล้าแล้วอ่อนระทวย ดวงใจไหววาบด้วยความสับสน ตรึกคิดได้ว่ามีความจริงที่ปิดบังบุรุษตรงหน้าอยู่จึงพลันหลบตาหันหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยตัดบท

“หามิได้เพคะ ข้าพระองค์จะโกรธด้วยเรื่องอันใด”
“เช่นนั้นน้อยใจหรือ”
เจ้าชายยังราวีไม่เลิก
“ไม่เพคะ”
จันทราวตีบ่ายเบี่ยง
“เกลียดล่ะ”
“ไม่เพคะ”
“เช่นนั้นก็รัก”
“เพคะ…รัก”

หลุดปากตอบรับไม่รู้ตัว เจ้าชายได้ฟังแล้วถึงกับสรวลรื่นแต่หญิงสาวตื่นตกใจและเขินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี สองปรางเรื่อนั้นแดงซ่านจนเทวินทร์วรมันต์นึกสงสาร หากแดงซ่านด้วยพิษรักรุมจะช่วยก้มลงจุมพิตเสียให้พอบรรเทา

“ชื่นใจนักที่ได้ฟังจากปากเจ้า”

เทวินทร์วรมันต์ดำรัสหวานซึ้ง
“ตอบเรามาอีกคำเดียว วตี เจ้ายินดีเป็นมเหสีของเราไหม”
จันทราวตีอ้าปากค้าง สาวชาวบ้านรำพึงได้คำเดียวว่า ‘พระโอรส!’ แล้วน้ำตาคลอก่อนแข็งใจถาม

“ด้วยฐานะใดเพคะ เป็นข้าราชรองพระบาทดังเช่นนางสนมในวังกระนั้นหรือ”
“หามิได้ เป็นหนึ่งเดียวในดวงใจของเรา แต่อาจจะมีอีกหนึ่งนางที่เราต้องเข้าพิธีอภิเษกด้วย”
เจ้าชายแสร้งถอนพระทัยกลุ้ม
“แต่ในคืนก่อนหน้านั้น ข้าพระองค์ได้ยินว่าพระองค์ไม่ประสงค์จะแต่งกับนาง”

ครานี้เอ่ยปากในฐานะเจ้าหญิงที่ยังค้างคาในพระทัยนัก เทวินทร์วรมันต์ทรงสดับฟังแล้วจึงสรวลรื่นรำพึงในพระทัยว่า…ที่แท้ก็เรื่องเท่านี้ นางถึงได้ร้องไห้ฟูมฟายนักในคืนนั้น… คิดหาเหตุผลที่หญิงสาวตรงหน้าจะฟังแล้วสบายใจทั้งในฐานะสาวชาวบ้านและเจ้าหญิงแห่งนครสาวัตถี

“เจ้าลองทบทวนให้ดี ว่าพิธีอภิเษกนั้นจัดขึ้นโดยการบังคับ พระธิดาแห่งสาวัตถีถูกจับใส่พานมาแต่งงานกับเราโดยที่พระนางจะเต็มพระทัยหรือไม่ก็ไม่รู้ ต้องมาอยู่ร่วมกันด้วยความฝืนพระทัย เป็นเจ้า…เราสมมติว่าหากเจ้าเป็นเจ้าหญิงพระองค์นั้น เจ้าทนได้ไหม”

เป็นการสร้างสถานการณ์สมมติที่ใกล้เคียงความจริงยิ่งนัก เจ้าหญิงจึงก้มหน้ารับ
“ไม่ได้เพคะ”
“นั่นแหละ หากเจ้าเป็นเจ้าหญิงอีกเช่นกัน ได้พบกับชายหนุ่มที่พึงใจโดยที่เขาไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ขณะที่ตนเองต้องเข้าพิธีอภิเษกเพื่อบ้านเมือง เจ้าจะเลือกสิ่งไหน”
“จะให้ขัดราชโองการขององค์ราชาราชินีก็เท่ากับเป็นการอกตัญญูต่อพ่อแม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าพระองค์คงทำได้เพียงแต่อธิษฐานเพคะ ให้งานอภิเษกล้มเลิกไปเอง”
“นั่นปะไร ต่างกับความคิดของเราในคืนนั้นที่ตรงไหน”

จันทราวตีอ้าปากจะค้าน เจ้าชายกลับตรัสแทรก
“หากเจ้าเลือกได้ เจ้าจะเลือกเป็นแบบไหน คนไร้ยศถาบรรดาศักดิ์หรือเจ้าหญิงที่มีพร้อมทุกสิ่ง…”

คำถามนั้นแปลกพิกล ดูจะรุกเร้าเอาความจริงจากเจ้าหญิงอยู่ทุกขณะ จันทราวตีก้มหน้านิ่งอยู่นานจนเจ้าชายทรงเปลี่ยนไปตั้งคำถามใหม่ พระหัตถ์ไล้แก้มบางแล้วเชยคางเธอให้เงยหน้ามาสบตา
“แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เราอยากรู้เพียงเรื่องเดียว…ยินดีมาเป็นมเหสีของเราไหม วตี”
พระเนตรคมกล้านั้นเหมือนดังมีมนต์สะกดให้เธอตกอยู่ใต้อำนาจ เจ้าหญิงจึงรำพึงตอบอย่างอ่อนหวาน
“เพคะ ข้าพระองค์ยินดีเป็นข้ารับใช้ของฝ่าบาทตราบจนชีวิตจะหาไม่”

สายฝนสาดซาจนขาดสาย เทวินทร์วรมันต์ขยับเข้าไปใกล้แล้วน้อมลงจุมพิตประทับตราที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม เจ้าหญิงอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายเนิ่นนาน กระทั่งความมืดมิดมาเยือนจึงเห็นรัศมีของดวงจันทราฉายแสงมาทางม่านบัญชรของที่ประทับ จันทราวตีเงยหน้ามองแล้วใจหายวาบ

ถึงเดือนเพ็ญเย็นใจให้กลับมา
เข้าพิธีวิวาห์อย่าคืนคำ…


พรุ่งนี้คืนวันพระจันทร์เต็มดวง พระธิดาจากเมืองสาวัตถีมีกำหนดต้องนิวัติถึงพระนคร!



Create Date : 23 เมษายน 2554
Last Update : 23 เมษายน 2554 15:24:59 น. 1 comments
Counter : 929 Pageviews.

 
เข้ามาเยี่ยมบลอคจ้าๆๆ


โดย: konseo วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:15:51:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.