๓. แผนการ




ล่วงเข้าเวลาสาย ภายในเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ณ กรุงราชคฤห์

แม้ในท้องพระโรงจะยังเต็มไปด้วยอำมาตย์ที่อยู่ถวายคำปรึกษาว่าราชการงานแผ่นดิน แต่เจ้าชายผู้เป็นราชโอรสขององค์ประธานในที่ประชุม กลับมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ใต้ร่มไม้บริเวณเวฬุวันวิหารด้วยความสำราญพระทัย

ข้างกายเจ้าชายนั้นมีพระสหายในวัยไล่เลี่ยกันอยู่หนึ่งคน หากไม่ต่างกันด้วยฐานันดรศักดิ์และอาภรณ์ที่สวมใส่ บุรุษหนุ่มทั้งสองที่เดินเคียงกัน ก็ไม่ต่างจากพี่น้องร่วมสายเลือดที่มากอดคอเล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันฟังอยู่ริมศาลามากนัก ภายใต้เงาของป่าไผ่อันร่มเย็น เหล่ากระแตตัวน้อยคุดคู้อยู่ในโพรงมีเพียงหมู่นกสาลิกาเท่านั้นที่บินวนเริงร่ามาเกาะบนกิ่งไม้และเงี่ยหูฟังอย่างสอดรู้สอดเห็น

“มิทรงทราบข่าวนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“อืม เราไม่ได้มาฟังธรรมที่วิหารทุกวันเช่นดังเจ้านี่ศรีราม เรื่องที่อยากรู้ก็ไม่ได้รู้ เรื่องที่ไม่อยากรู้แย่งกันทูลเสียให้วุ่น”
“ถ้าเช่นนั้น ทรงจำประวัติศาสตร์เมื่อครั้งปฐมสังคายนาในนครของเราในอดีตได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“จำได้สิ เรื่องการชำระพระธรรมวินัยอันมีพระมหากัสสปเถระเป็นองค์ประธาน เวลานั้นมีลูกหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมาช่วยงานและตั้งบ้านเรือนอยู่ในนครราชคฤห์สืบเชื้อสายมาจนถึงรุ่นของเจ้า แล้วเวลานี้มีเรื่องใดเกี่ยวข้องกับการสังคายนาในครั้งนั้นเล่า เหตุการณ์ผ่านมาร้อยปีเกิดอธิกรณ์ใดขึ้นหรือ เล่าให้เราฟังบ้างเถิด”
“เรื่องเป็นมาอย่างนี้พ่ะย่ะค่ะ…”
ศรีรามทูลเล่ากรณีพิพาท ระหว่างพระภิกษุผู้ตั้งกถาวัตถุ ๑๐ ประการกับพระยสะที่ออกมาคัดค้านในเมืองเวสาลีให้แก่เจ้าชายโดยตลอด…

“ที่ข้าพระองค์ทูลถามย้ำเรื่องการสังคายนาครั้งแรก มิใช่ด้วยเพราะพระราชวงศ์ของฝ่าบาท หรือวงศ์ตระกูลของข้าพระองค์ไปเกี่ยวข้องอันใดด้วยหรอกพระเจ้าข้า แต่เพราะมูลเหตุทั้งหลายเริ่มต้นมาจากความไม่ลงรอยกันมาแต่การชุมนุมครั้งนั้นแล้วต่างหาก

ด้วยเหตุที่การสังคายนาในครั้งนั้นมิเพียงเพื่อชำระร้อยกรองพระธรรมวินัยให้เป็นหมวดหมู่เป็นระเบียบแบบแผนเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันสังฆามติในข้อที่ว่า แม้พระผู้มีพระภาคจะทรงมีพุทธานุญาตให้สงฆ์ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้

แต่ผลสรุปการสังคายนาในครั้งนั้นเป็นการสรุปว่าไม่ควรถอนสิกขาบทใดเลยเพื่อความพรั่งพร้อมของพระธรรมวินัย หากแต่ในเวลานั้นยังมีภิกษุจำนวนมาก ที่มิได้เข้าร่วมการประชุมและไม่เห็นด้วยกับมตินั้น มาในบัดนี้ ก็เกิดความขัดแย้งด้วยเรื่องของสิกขาบทเล็กน้อยนั้นเอง หากข้าพระองค์คาดการณ์ไม่ผิด ภายในเวลาไม่ช้าไม่นานข้างหน้า พระพุทธศาสนาอาจจะมีการแตกแยกเป็นนิกายต่างๆเนื่องด้วยความไม่ลงรอยแห่งศีลและวินัยเป็นสำคัญ”

ศรีรามถอนหายใจอย่างหนักหน่วงเมื่อเล่าจบ

“เรื่องใหญ่มิใช่เล่น เหตุใดท่านอำมาตย์เก็บเรื่องนี้เงียบไม่เอามาแจ้งในราชสำนัก”
“อาจจะกำลังวุ่นวายอยู่กับพิธีสถาปนาของพระโอรสก็ได้พ่ะย่ะค่ะ หมายกำหนดการเดิมจะตรงกับวันที่เริ่มทำการสังคายนา พระราชบิดาของพระองค์เองก็ได้รับเชิญเป็นประธานในงานนั้นแต่กำลังทรงบ่ายเบี่ยงอยู่”

เทวินทร์วรมันต์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัส

“เช่นนั้นเราจะไปปรึกษาเสด็จพ่อให้ทรงเลื่อน”
“เลื่อนการสังคายนาหรือพระเจ้าข้า ทำเช่นนั้นไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เหล่าพุทธบริษัทรับทราบข่าวนี้กันไปทั่วทุกแคว้นและเริ่มจัดขบวนมุ่งตรงไปยังเวสาลี การเลื่อนพิธีสังคายนาย่อมจะกระทบกับคนหมู่มาก”

“หามิได้ เราจะไปขอร้องให้เสด็จพ่อเลื่อนพิธีสถาปนา ทั้งพิธีอภิเษกสมรสพร้อมกันในวันนั้นด้วย เลื่อนเสียให้หมด”

“เช่นนั้นพระโอรสก็จะขึ้นครองราชย์ช้าไปอีกหลายเดือน”
“ไม่สำคัญเท่างานทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหรอก เสด็จพ่อก็น่าจะทรงเห็นพ้องกับเราด้วย ว่าแต่นี่เจ้าจะเดินทางวันไหน”
“แรมแปดค่ำที่จะถึงนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ศรีรามตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ด้วยความรู้สึกผิดปกติบางอย่างทำให้อุบาสกหนุ่มต้องหันกลับมาทูลถามอย่างขัดข้อง
“พระองค์ดำริแผนการอันใดอยู่หรือเปล่าฝ่าบาท”

พระสหายมีท่าทีร้อนใจ หากแต่เจ้าชายทรงพระสรวลเบิกบาน
“นั่นเป็นไร เจโตปริยญาณของเจ้าคลาดเคลื่อนแล้วเพื่อนเอย มองเราในแง่ดีบ้างเถิด เราเพียงอยากร่วมคาราวานธรรมทานไปกับเจ้าและไม่เห็นว่าความคิดอันเป็นกุศลกรรมนี้เป็นเรื่องร้ายแต่อย่างใด”
“ไม่ได้ฝ่าบาท พระองค์ต้องเตรียมรับการสถาปนาและเข้าพิธีอภิเษกในเวลาอีกไม่ช้านาน คาราวานที่ข้าพระองค์จัดไปคงกลับมาไม่ทันเวลาแน่”
“ก็นั่นแหละ ที่เราต้องการ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกฝ่าบาท ทรงหนีงานแต่งงานครั้งนี้ ครั้งหน้าก็ต้องมีอีก จะทรงหนีไปตลอดชีวิตเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้านี่ชักลามปาม คิดตั้งตัวเป็นบิดามาสั่งสอนเราหรือ”
“ข้าพระองค์มิกล้า”
“ถ้าเช่นนั้นจงฟัง เราสั่งให้เจ้าไปเตรียมการดังนี้…”

ร่มไม้ในชายเขตเวฬุวันวนารามยังรื่นรมย์ หมู่นกทั้งหลายร่อนลงมาเกาะตามกิ่งไม้ หากสาลิกาเจื้อยแจ้วเป็นภาษามนุษย์ได้ คงบอกต่อกันไปเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าประหลาดนัก แผนการของเจ้าชายและเจ้าหญิงซึ่งอยู่ห่างไกลกันลิบลับ กลับมีส่วนคล้ายคลึงกันโดยมิได้นัดหมาย

ปลายทางของคาราวานที่ขนเสบียงคือนครเวสาลี แคว้นวัชชี อันเป็นสถานที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่สอง อันมีเหตุเนื่องมาจากการปรารภข้อปฏิบัติย่อหย่อนสิบประการทางพระวินัยของพวกภิกษุวัชชีบุตร

การเดินทางในคาราวานธรรมนั้นจึงสำคัญนัก จงบินไปบอกเพื่อนพ้องของเจ้าเถิดสาลิกาเอ๋ย ไม่ควรเลยที่มนุษย์ฝืนกฎของธรรมชาติ มาช่วยกันรอดูทีเพื่อนเอย ไม่เคยมีผู้ใดหนีพ้นวังวนแห่งบุพเพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…




Create Date : 21 มีนาคม 2554
Last Update : 21 มีนาคม 2554 18:14:29 น. 0 comments
Counter : 595 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.