"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

แนะนำเรื่องสั้นของเจียวต้าย ชุดเรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. เรื่องของ(กระเป๋า)รถเมล์




เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

เรื่องของ(กระเป๋า)รถเมล์

“ เพทาย “




ในภาวะที่ราคาน้ำมันในเมืองไทย ขยับสูงขึ้นไปทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ อย่างทุกวันนี้ คนเดินดินที่ไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม และผู้มีฐานะเดียวกันอีกหลายล้านคนนั้น ก็ต้องอาศัยบริการของรถรับจ้างสาธารณะ ตั้งแต่รถมอร์เตอร์ไซค์ หรือแมงกะไซ ตามตรอก ซอกซอย ซึ่งน่าจะใช้บริการในระยะทางใกล้ ๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้น มีอันตรายสูงมากที่สุด สำหรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะวิ่งไปชนใครหรือถูกใครเขาชน ที่จะไม่เจ็บเป็นไม่มี และผู้ขับขี่ก็มักจะขับ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเสียด้วย เอาเร็วอย่างเดียว ชั่วเวลาในเทศกาลสำคัญเพียงไม่กี่วัน ก็จะมี คนบาดเจ็บล้มตายลง ด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์ มากกว่าทหารอเมริกันที่เสียชีวิต ในการทำสงครามกับ ผู้ก่อการร้ายหลายเท่า

ผมเคยเห็นคำเตือนใจ บนรถสองแถวสมัยก่อน ที่วิ่งในซอยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น รถมอร์เตอร์ไซค์ มีความว่า


ผู้คนองต้องถึงซึ่งพินาศ
ผู้ประมาทอาจต้องถึงฉิบหาย
ผู้อวดเก่งเบ่งนักมักถึงตาย
ผู้จำไว้ได้ตลอดรอดฝั่งเอย



ผมว่าน่าจะจดแปะไว้ตามหัวคิวรถ ให้ผู้ขับขี่ได้อ่านเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจบ้าง ก็จะดีมิใช่น้อย

รถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊กตุ๊กนั้นค่อยปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็มีอันตรายจากควันพิษที่พ่นออกมาจากท่อไอเสียของรถเมล์ ในเวลาที่ไปจอดต่อท้ายรอติดไฟแดงเป็นเวลานาน ๆ ส่วนรถแท็กซี่นั้นเป็นรถโดยสารที่มีความสะดวกสบายที่สุด เพราะมีการปรับอากาศเย็นกายเย็นใจ และไม่ต้องต่อราคาเหมือนเมื่อก่อน จะไปใกล้หรือไกลก็คิดราคาตามมิเตอร์ ที่หมุนตามระยะทางและเวลาที่ใช้จริง แต่ก็แพงมากสำหรับผู้ใช้บริการที่มีเบี้ยน้อยหอยเล็กทั้งหลาย

รถเมล์หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า รถโดยสารประจำทาง จึงเป็นพาหนะที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้คนในบ้านเมืองใหญ่ทั้งหลาย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีผู้อยู่อาศัย ใกล้จะถึงสิบล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

รถเมล์นั้นมีหลายชนิดตั้งแต่รถเอกชนร่วมบริการคันเล็ก ซึ่งเรียกว่ามินิบัส ที่เปลี่ยนแปลงมาจากรถสองแถว เมื่อก่อนบรรทุกคนจนท้ายเกือบครูดถนน และล้อหน้าแทบจะลอยพ้นพื้น ซึ่งแม้ตัวรถจะวิวัฒนาการขึ้น แต่พฤติกรรมของผู้ให้บริการทั้งคนขับและผู้เก็บเงินค่าโดยสาร ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

รถของ ขส.มก. นั้น ได้พยายามปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน ด้วยการกำหนดวิธีบริการ ให้ได้มาตรฐานที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งอังกฤษ เช่นการพูดที่ไพเราะ การออกรถและจอดนิ่มนวล บางสายที่แล่นผ่านสถาบันสอนคนตาบอด จะมีการขยายเสียงบอกเส้นทาง เช่น สายสิบสอง เศรษฐการ ราชวิถี อนุสาวรีย์ ห้วยขวาง เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการทางสายตาเป็นอันมาก แต่สำหรับคนขับและกระเป๋าหรือกระปี่ อาจเป็นโรคประสาทได้ ถ้าต้องทนฟังไปทุกป้ายตลอดระยะทางอันยาวไกล

สมัยปัจจุบัน ขส.มก.ได้คิดเครื่องแบบพนักงานขับรถ พนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร และนายตรวจ ให้มีความสวยงามกว่าเดิม มีขีดเครื่องหมายสีเงินบนอินทรธนูเสื้อเชิร์ต สีขาว ราวกับเจ้าพนักงานบนเครื่องบินแล้ว และพยายามอบรมให้พนักงานบนรถโดยสาร มีมารยาทที่ดี สมกับเป็นคนไทย ไว้อวดชาวต่างชาติ และคัดเลือกเอาแต่ผู้ที่สอบผ่าน บรรจุเข้าบริการประชาชน ดังที่เราได้เห็นอยู่บ้างบนรถปรับอากาศบางคัน ซึ่งผู้เก็บค่าโดยสารจะกล่าวสวัสดีกับผู้โดยสารที่ขึ้นใหม่ พร้อมกับคำว่าเชิญค่ะหรือเชิญครับ และกล่าวขอบคุณต่อผู้โดยสารที่กำลังจะลงป้าย แค่นี้ก็ชื่นใจสำหรับผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่งแล้ว

แต่ผมได้พบกระเป๋า รถปรับอากาศ สาย ๕๑๐ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยม ขนาดจูงมือชายชราให้เดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่าง จนชายผู้นั้นออกปากว่าบริการดีจริง เขาก็บอกว่ากลัวจะหกล้มครับ ผมโชคดีที่ได้เจอคนที่มีน้ำใจอย่างนี้อีก

อีกครั้งหนึ่งเมื่อโดยสารรถปรับอากาศแบบเก่าสีน้ำเงิน มีโฆษณาเต็มข้างตัวถังตั้งแต่ขอบล่างจนจรดหลังคาคันหนึ่ง ไปทางบางขุนนนท์ฝั่งธนบุรี กระเป๋าเป็นชายหนุ่มใหญ่ พูดจาอ่อนหวาน แบบที่ว่ามาแล้ว และเอาใจใส่ผู้โดยสาร แนะนำผู้ขึ้นใหม่ให้นั่งที่ว่าง แนะนำผู้ที่จะลงให้ระวังรถทางซ้าย เตือนพลขับอย่าเพิ่งออกรถ เมื่อมีคนแก่ หรือเด็ก หรือสตรีมีครรภ์ขึ้นลง และทุกคำพูดจะมีครับลงท้ายด้วยทุกครั้ง จึงรู้สึกว่าน่าจะมีพนักงานอย่างนี้ให้มาก จนครบทุกคัน

พอรถแล่นมาถึงสี่แยกจะต้องเลี้ยวขวา ซึ่งจะติดไฟแดงเป็นเวลานาน เขาก็บอกกับผู้โดยสารอย่างสุภาพว่า

“ กรุณาอดใจรอสักหน่อยนะครับ เพราะรถจะติดไฟแดงนานมากครับ และเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ก่อนที่ท่านผู้โดยสารจะเบื่อ ผมจะได้ร้องเพลงให้ท่านฟังสักเพลงหนึ่งครับ ซึ่งผมจดจำเอามา โดยที่ผมไม่ได้เป็นนักร้องอาชีพที่ไหน ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด หวังว่าท่านคงจะให้อภัยนะครับ “

แล้วเขาก็บรรจงร้องเพลงลูกทุ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตอันอาภัพ ของกระเป๋ารถเมล์ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนไหว อักขระชัดเจน จังหวะคงที่ และใช้มือทั้งสองข้าง ทั้งที่ว่างและที่ถือกระบอกตั๋ว ประกอบการร้องของเขาด้วย ซึ่งผู้โดยสารบนรถทั้งคัน ต้องนิ่งฟังเขาอย่างเงียบสงบ พอจบเพลง ก็มีเสียงปรบมือขึ้นพร้อมกัน อย่างเกรียวกราวแสดงถึงความพึงพอใจต่อบริการที่เขาแถมให้ อย่างจริงใจ

สำหรับผม ชื่นชมเขาเป็นอันมาก ที่สามารถทำได้อย่างพอเหมาะพอดี กับโอกาสเวลาและสถานที่ เพราะเป็นช่วงที่รถจอดสนิท ไม่มีผู้คนขึ้นลง และเสียงบนถนนก็เบาบางกว่าปกติ เพราะรถที่อยู่ในแถวเดียวกัน ก็จอดเรียงเป็นตับ ผู้โดยสารจึงได้ยินเสียงเพลงของเขาตลอดทั้งคัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เมื่อจบเพลงลงพอดีกับสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นเขียว และรถคันนั้นเริ่มเคลื่อนที่เลี้ยวขวา เขาก็พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม และกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลเช่นเดิมว่า

“ ขอบพระคุณทุกท่าน ที่กรุณาให้เสียงปรบมือแก่ผม กรุณารออีกนิดให้รถจอดป้ายเรียบร้อยเสียก่อนจึงค่อยลงนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ “

ผมลงจากรถคันนั้น ด้วยความภูมิใจแทนองค์การของเขาว่า อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่คนหนึ่ง ที่ให้บริการแก่ประชาชนผู้ไม่มีรถส่วนตัว ได้อาศัยนั่งไปถึงที่หมายปลายทาง ด้วยความสบายใจ และไม่ใช่ด้วยการอบรมของผู้ใด หรือมาตรการที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานใด ๆ หากเป็นการให้ด้วยน้ำใจของเขาเอง ด้วยความสุภาพเรียบร้อย และอดทน ท่ามกลางอากาศที่อบอ้าว บรรยากาศที่ชุลมุนวุ่นวาย ของความรีบร้อนในการเดินทาง ทั้งภายในและภายนอกรถ รวมทั้งความเอาแต่ใจของผู้โดยสารบางคน หวังว่าพฤติกรรมอันดีของเขา คงจะช่วยให้เขามีโอกาสได้ ทำงานที่เหนื่อยน้อยกว่านี้ ในอนาคตอันใกล้

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้จดจำว่ารถคันนั้นหมายเลขอะไร รู้แต่ว่าเป็นรถปรับอากาศสาย ๗๙ เท่านั้น.

############



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:7:03:41 น.




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2554
11 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2554 7:20:20 น.
Counter : 968 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ


ราวกับน้ำเย็นชื่นใจได้ดื่มกิน
คราเดินในถนนที่ร้อนระอุแสนอบอ้าวเลยนะคะ

คนบางคนเกิดมาดีที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนแล้วจดจำ
นำมาแสดงกับคนอื่นๆ
ทุกคนที่ได้รับ ต่างชื่นชมกันทั้งนั้น
คนดีมีน้อยนะคะ

เรื่องนี้ พี่ห่อคงเขียนไว้นานแล้ว
แต่มาก็อปเพื่อลงในบล็อกนี้

มีตรง "...โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีผู้อยู่อาศัย ใกล้จะถึงสิบล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้"

ที่นาถว่ามันไม่ทันกับเวลานี้ ที่คนกรุงเทพฯ น่าจะอัดกันอยู่สักยี่สิบล้านคน
เพราะมีหมู่บ้านมากขึ้น คอนโด เปิดใหม่ทุกวัน
ที่ทราบ เพราะเขาแจ้งมาที่มือถือ ซึ่งรำคาญมากค่ะ

วันนี้ ตื่นเช้า มาถึงก่อนพี่ห่อ นาถชนะ ...

สถิติวันนี้ อยู่อันดับ ๑ หลังจากอยู่ที่ ๒ และ ๓ บ้าง มาหลายวันแล้วค่ะ

ไปกรองเรื่องลงบล็อกต่อก่อนนะคะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 10 ตุลาคม 2554 7:32:29 น.  

 


เดี๋ยวหนูมาตามอ่านอีกทีนะคะ เหมือนจะเป็นไข้ค่ะพี่นาถ เมื่อวานไปงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์มาทั้งวัน

เห็นพี่ต่ายบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมพี่นาถด้วย เธอจะกลับเมืองไทยค่ะ

ขอให้พี่นาถแข็งแรงในเร็ววันนะคะ

มีของมาฝากคุณลุงด้วยค่ะ ไปเจอโดยบังเอิญ มีอยู่เล่มเดียว คิดว่าต้องเป็นคุณลุงเจียวต้ายท่านนี้แน่นอน รีบคว้าเลยค่ะ



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 10 ตุลาคม 2554 11:42:33 น.  

 

น้องหนูโชคดีจัง
ได้หนังสือมีค่าติดมือมาด้วย
พี่นาถเดินไม่ไหว ธรรมดาไปเลือกหนังสือเพลินไปแล้วค่ะ

เพิ่งกลับมาเปิดบล็อกค่ะ
ฝนตกแล้วฟ้าแรงจัง
พอเปิดได้ที่ กำลังคอมเมนท์อยู่นี้
กลับฟ้าร้องครืนๆ อีกแล้วค่ะ

ดีว่ามีหนังสืออ่าน

พี่ต่ายจะมาเที่ยวเมืองไทยสักพัก
เธอห่วงน้องๆ เธอทางเมืองไทย
แต่บ้านที่ญี่ปุ่นก็ห่วง
ขอบคุณน้องหนูค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 10 ตุลาคม 2554 14:15:56 น.  

 


ไม่แน่ใจว่ากระเป๋ารถเมล์ท่านนี้เคยออกทีวีรึป่าวค่ะ แต่ฟังที่คุณลุงเล่าแบบนี้เลย หนูก็จำสายรถเมล์ไม่ได้


หนูได้หนังสือมาเยอะเลยค่ะพี่นาถ อย่างที่เคยเล่าให้พี่นาถฟังค่ะ คิดว่าเค้าไม่บูดไม่เน่า ลดราคาขนาดนี้ขอเก็บเอามาไว้ใกล้ตัวก่อนค่ะ หนังสือดีๆ บางทีเค้าก็ไม่พิมพ์ใหม่ เดี๋ยวจะเอามาอวดพี่นาถนะคะ เฉพาะที่ซื้อเมื่อวานก็พอค่ะ


ได้ยินรองผู้ว่าฯ คุณหมอเหมือนกันค่ะ เฮ้อ...เหนื่อย

อีกเรื่องค่ะ ไม่พูดกับพี่นาถ หนูก็ไม่รู้จะพูดกับใคร เมื่อวานอยู่ใน สนพ. มติชน กำลังดูๆ หนังสืออยู่ ได้ยินเสียงเฮๆ กัน หันไป มีเสื้อสีเข้าแถวอยู่เต็มเลยค่ะ หันไปถามน้องพนักงานว่า ใครกำลังแจกลายเซ็นต์เหรอ เพราะเห็นคนเยอะมาก เป็นแถวยาวเลยค่ะ น้องบอกว่า "คุณณัฐวุฒิ ค่ะ" เห็นบรรดาสาวกฯ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก... หนูหาทางออกมาไม่ได้ส่องดูเค้าหรอกค่ะ เห็นป๊าหมอกบอกว่า บูธตรงข้าม คุณหญิงวิมล-ทมยันตี มา...ไม่มีคนเลยค่ะ หนูไม่เห็น เสียดาย ความที่รีบออกมาจากตรงนั้น จริงๆ เป็นแฟนคุณทมยันตีเหมือนกันค่ะ เคยไปเข้าแถวเพื่อขอลายเซ็นต์เหมือนกันค่ะ



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 10 ตุลาคม 2554 14:31:39 น.  

 


หนังสือของอ.สุเนตร หามานานค่ะ

อีกเล่มของหมอบรัดเล ลองเอามาดูก่อนค่ะ ไม่เคยมี...

พี่นาถมีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือ หรือควรหาเล่มไหนมาเพิ่มเติม ช่วยบอกหนูด้วยนะคะ



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 10 ตุลาคม 2554 14:39:55 น.  

 


เล่มนี้ปลื้มมากค่ะพี่นาถ หน้าปก 249 ลดราคาเหลือ 120 บาท ข้างในภาพสวยงาม กระดาษอาร์ตอย่างสวยค่ะ



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 10 ตุลาคม 2554 14:45:12 น.  

 

ขอบคุณน้องหนูมากค่ะ
ตอนนี้ อยากอ่านอะไร เปิดๆ ดู ถูกใจแล้วหยิบไว้เลยค่ะ
พอว่างจะได้อ่าน

พี่นาถ ก็นึกไม่ออกในตอนนี้ค่ะ
ใจน่ะ อยากได้หนังสือ ดร.วิษณุ เครืองามทั้งสามเล่ม
ของ อ.นิธิ ของหนุ่มเมืองจันท์ ของสุจิตต์ ฯลฯ

เน็ทไม่สบายไปพัก
ปิด เปิดใหม่สามครั้งถึงได้คุยค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 10 ตุลาคม 2554 15:41:14 น.  

 

เรื่องนี้เขียนไว้นานพอสมควรครับ ที่เอามาวางในถนนนักเขียนครั้งแรกก็ พ.ศ.๒๕๔๙ ครับ
เมื่อผมเห็นผมชื่นใจมากเลยครับ วันนั้นไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ร้านลิขิต บางขุนนนท์ กลับมาก็ลงมือเลยครับ

ยอมให้ชนะวันนึงครับ เพราะอแอกไปเดินถ่ายรูปมาสองวันติด ๆ กัน เพลียมากครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 10 ตุลาคม 2554 18:11:32 น.  

 

มือสแน้ปทั้งสอง
มีความสุขในการไปหาโลเคชั่นถ่ายรูปสนุกกันใหญ่
ดีใจด้วยมากๆ ค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 10 ตุลาคม 2554 18:15:21 น.  

 

ขอบคุณคุณสายหมอกฯ ที่ซื้อเรื่อง บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องอภัย
เพราะเล่มนี้เป็นเล่มเดียวในชีวิต ที่ใช้ชื่อ เจียวต้าย ครับ
และชื่อนี้ผมภูมิใจมากที่ ถูกใจ บก.ครับ

 

โดย: เจียวต้าย 10 ตุลาคม 2554 18:16:39 น.  

 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

ข้อคิดข้างถนน

เพทาย

วันนั้นผมลงจากรถไฟฟ้าที่สถานีราชดำริ เมื่อเวลาประมาณสามโมงเช้า แล้วเดินเลียบไปตามทางเท้าไม่ไกลนักก็เลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลตำรวจ มุ่งตรงไปที่ตึกคุณวิศาลชั้น ๔ เพื่อเยี่ยมเพื่อนซึ่งมาพักรอผ่าตัดตาที่เป็นต้อ แต่เมื่อไปถึงที่หมาย พยาบาลบอกว่าได้เข้าห้องเตรียมผ่าตัดไปนานแล้ว กว่าจะเสร็จเรื่องกลับมานอนที่เตียงเดิม ก็ประมาณหลังเที่ยงไปแล้ว ให้ผมรอที่ไหนก็ได้ แล้วค่อยมาใหม่

ผมจึงถอยออกมานั่งตั้งสติอยู่ที่ป้ายรถโดยสารประจำทางหน้าโรงพยาบาล คิดว่าจะไปไหนดี ธุระที่จะทำก็มีอยู่ แต่ถ้าไปแล้วกว่าจะเสร็จอาจจะเย็น และขี้เกียจกลับมาแล้วก็ได้ แต่จะรออยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ก็น่าเบื่อเต็มที มีแต่ผู้คนที่หน้าตาไม่แจ่มใส อมทุกข์อมโรคทั้งนั้น เมื่อนึกถึงหนังสือสามเล่มในย่ามที่หิ้วมาก็คิดออกว่า ควรจะไปหาที่สงบสงัดอ่านหนังสือรอเวลาจะดีกว่า

ผมจึงข้ามทางม้าลายไปทางฝั่งโรงแรมเอราวัณ และขึ้นรถประจำทางสาย ๑๔ ไปลงที่สวนลุมพินี ด้านถนนราชดำริ เดินผ่านพื้นที่กว้างนอกรั้ว ซึ่งเดิมเป็นที่ทำการสำนักงานก่อสร้างรถไฟฟ้า แต่เดี๋ยวนี้ได้ดัดแปลงเป็นที่จอดรถเก็บเงิน และแบ่งเป็นตลาดที่มีหน้าตา คล้ายตลาดริมทางเท้าแถว เยาวราช เพราะเป็นแหล่งที่มีคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีน มาออกกำลังกายกันมากมากมายทุกวัน

ผมเดินผ่านประตูทางเข้าซึ่งมีป้าย ห้ามไม่ให้ทำอะไรบ้างในสวนสาธารณะแห่งนี้ เช่นเดียวกับที่อื่น ๆ แต่ที่น่าสังเกตคือเพิ่มข้อห้ามดื่มสุรา ซึ่งเดิมไม่มี เพราะสวนแห่งนี้กว้างขวางใหญ่โต มีที่ทำกิจกรรมมากมาหลายอย่าง และอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก็คือ การจัดดนตรีในสวนเมื่อถึงฤดูแล้งคือตั้งแต่ปลายฤดูหนาวไปจนถึงต้นฤดูร้อน และวงดนตรีที่มาบรรเลงเพลงก็เป็นวงชั้นหนึ่งของประเทศไทย โดยการสนับสนับสนุนของบริษัทผู้ผลิตเบียร์ไทยเจ้าแรกของประเทศไทยเหมือนกัน ซึ่งคงจะลงทุนไปไม่น้อย กว่าจะได้สร้างศาลาแสดงดนตรีไว้เป็นอนุสรณ์ที่สวนปาล์ม อย่างถาวร แล้วเขาจะขายเบียร์ของเขาได้หรือเปล่า หรือยกเลิกรายการนี้ไปเสียแล้วก็ไม่ทราบ เพราะผมไม่ได้มาหลายปีแล้ว เนื่องจากในระยะหลัง วันอาทิตย์ที่เขาแสดงดนตรีนั้น ผมต้องไป ทำบุญที่วัดเป็นประจำ

ภายในสวนลุมพินีที่ผมไม่ได้มาแวะนานแล้วนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เว้นแต่ดูเหมือนจะมีจะมีผู้มาออกกำลังมากขึ้น สามารถจะเห็นผู้สวมเสื้อสีเหลืองกระจายอยู่ทั่วไป นอกจากผู้ที่วิ่งหรือเดินแล้ว เครื่องช่วยในการออกกำลังยังมีอีกหลายชนิด นอกจากเครื่องมือเพาะกายแล้ว บ้างก็รำกระบองซึ่งใช้ท่อพลาสติกสีฟ้าแทน บ้างก็รำพัด และบ้างก็รำมือเปล่า ส่วนที่เคยเห็นเต้นแอโรบิกเป็นกลุ่มใหญ่นั้น อาจจะมาตอนเช้ามืด หรือเย็นใกล้ค่ำ จึงไม่เห็นในเวลานั้น

ผมหาที่นั่งบนเก้าอี้ยาวสาธารณะตัวหนึ่งใต้ต้นไม่ร่มรื่น แม้ว่าในวันนั้นท้องฟ้าอึมครึมไม่มีแดดก็ตาม แต่มีลมพัดเฉื่อยฉิวเย็นสบาย แล้วผมก็หยิบวารสารในย่ามออกมาพลิกดูตามลำดับ เป็นหนังสือรายสามเดือนของทหารม้า และรายเดือนของทหารอากาศกับตำรวจ ที่ผมได้รับเป็น อภินันทนาการ เพราะมีข้อเขียนของผมลงพิมพ์เป็นประจำ เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ผมเริ่มอ่านตั้งแต่หน้าแรกของเล่มแรก เรื่อยไปโดยไม่รู้ว่าเวลาล่วงไปสักเท่าไร

เมื่ออ่านจบทุกเรื่องของทุกเล่ม โดยไม่ได้สนใจกับกลุ่มขบวนที่วิ่ง หรือเดินออกกำลังผ่านไปหลายสิบกลุ่มแล้ว ผมก็ปิดหนังสือเล่มสุดท้าย บิดตัวด้วยความเมื่อยขบ มองดูนาฬิกาข้อมือไม่มีสายที่ใส่มาในย่าม เพิ่งจะสิบเอ็ดนาฬิกา ยังอีกนานกว่าจะถึงเวลาที่พยาบาลจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพื่อน แต่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันของผมแล้ว จึงลุกขึ้นเดินไปยังทางออกด้านหน้า ที่มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งผินพระพักตร์ไปทางถนนสีลม

ขณะนั้นบริเวณลานกว้างปราศจากผู้คน มีเพียงชายหนุ่มแต่งตัวแบบซอมซ่อคนหนึ่งสะพายย่ามเดินสวนมาคนเดียว เมื่อจะผ่านผมเขาก็กระซิบเบา ๆ ว่า ลุงขอตังกินข้าวหน่อย ขณะที่พูดก็มีกลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยออกมานิดหน่อย

ผมยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยก้าวที่เนิบนาบเช่นเดิม พลางเอามือตบกระเป๋าเสื้อและกางเกง เพื่อหาเศษเหรียญ แต่ไม่มีเลยแม้แต่อันเดียวรวมทั้งที่ได้รับทอนจากกระเป๋ารถเมล์ด้วย เพราะได้บริจาคให้ขอทานที่ประตูเข้าเมื่อเช้านี้สามคนจนหมดเกลี้ยงแล้ว จึงบอกกับเขาตามตรงว่าไม่มีเงิน แต่เขาก็ยังคงเดินตามมาโดยไม่ ได้พูดต่อรองว่าอย่างไร ผมมองดูหน้าเขาแล้วก็ควักกระเป๋าเงินจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดออก เดี๋ยวนี้ธนบัตรของรัฐบาลไทยก็มีราคาอย่างต่ำยี่สิบบาทเท่านั้น ผมจึงตัดใจตามคติโบราณว่า ฆ่าควายอย่าเสียดายเกลือ และเสียเกลืออย่าให้เนื้อเน่า จะทำบุญทั้งทีอย่าเสียดายเงิน

ผมส่งธนบัตรใบละยี่สิบบาทให้เขา พร้อมกับบอกว่า เอ้า...เอาไปกินข้าว เขายกมือไหว้ขอบคุณแล้วก็หันกลับเดินไปทางเดิม ผมร้องตามไปว่า เอาไปกินข้าวนะ ไม่ได้ยินว่าเขารับคำหรือเปล่า แต่ผมก็ยินดีแล้วที่ได้ช่วยผ่อนทุกข์ของเขา และอาจจะช่วยให้เขามีความสุขขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้าที่จะได้พบผม

เมื่อมาถึงริมถนนก็ข้ามฟากไปยังฝั่งตรงข้าม ขึ้นรถโดยสารประจำทางย้อนกลับไปทางประตูน้ำ แต่ลงเสียที่ป้ายรถเมล์หน้าศูนย์การค้า ที่มีชื่อเดิมเหมือนตึกในนครนิวยอร์คที่ถูกถล่มด้วยฝีมือของผู้ก่อการร้าย เมื่อหลายปีก่อน แล้วข้ามสะพานลอยสวยงามไปยังปากตรอกที่มีอาหารการกินมากมาย ผมซื้อขนมครกใส่กล่องโฟมหนึ่งกล่องแล้วก็หิ้วไปหาเครื่องดื่ม ซึ่งตั้งเป็นซุ้มอยู่ไม่ไกลนัก เขาขายน้ำชากาแฟ และเครื่องดื่มแช่เย็นทั้งขวดและกระป๋อง แทบจะทุกยี่ห้อ ผมสั่งเบียร์กระป๋องหนึ่งและน้ำแข็งแห้งแก้วหนึ่ง นั่งลงบนม้ากลมหน้าซุ้ม เพื่อจัดการกับอาหารกลางวันมื้อนั้น

ทันใดสายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่ง เขียนตัวหนังสือด้วยปากกาลูกลื่น ลายมือสวยเป็นระเบียบเรียบร้อย ดีกว่านักเรียนในยุคปัจจุบันมาก ตัวอักษรโตพอที่คนสวมแว่นสายตาอย่างผมจะอ่านออกได้สบาย มันเป็นคำคมที่น่าสนใจมากสำหรับผม

เมื่อสมัยที่เวปพันทิปเปิดหน้ากระทู้นอกเรื่อง ที่ไม่ใช่การประพันธ์ แยกออกจากถนนนักเขียนของห้องสมุด ตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ นั้น ได้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์หรือบ่นว่ามากมาย นักอ่านคนหนึ่งถึงกับตั้งกระทู้ต่อว่าต่อขาน และมีผู้สนับสนุนหลายคน ว่าไม่ควรแยกออกจากหน้ารวมเรื่องในถนนนักเขียน เพราะจะทำให้ไม่มีผู้อ่านเปิดเข้ามาอ่าน ซึ่งก็เป็นความจริง

ผมจึงพยายามเปิดกระทู้ในหมวดบทกวี เชิญชวนให้นักเขียนนักอ่าน เข้าไปเยี่ยมชมหน้ากระทู้นอกเรื่อง ทุกครั้ง ที่เปิดเข้ามาในถนน ก็ไม่ทราบว่าได้ผลมากน้อยประการใดหรือไม่ แต่ผมก็ไม่ละความตั้งใจ คงพยายามหาเรื่องอะไร ที่ไม่ใช่งานเขียนของผม แต่มีสาระน่ารู้ เอามาลงในกระทู้นอกเรื่องอยู่อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งถึงบัดนี้

อย่างเช่น ธรรมะของท่านพุทธทาส ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ท่านพุทธทาสภิกขุ หรือ พระธรรมโกศาจารย์ คำสอนของพ่อ ในวาระที่กำลังจะจัดงานฉลองครบรอบ ๖๐ ปี การครองสิริราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบทกลอนที่มีคุณค่าน่าอ่าน ในวันสุนทรภู่ เป็นต้น

นอกจากนั้นผมได้เปิดกระทู้ ข้อคิด-คำคม ขึ้น และนำข้อความที่เป็นคติ มาเผยแพร่สู่กันอ่าน ผมจึงสนใจคำคมที่แปะอยู่ข้างซุ้มขายเครื่องดื่มที่ผมนั่งอยู่นั้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อผมกินขนมครกหมดไปครึ่งกล่อง และเบียร์พร่องไปครึ่งกระป๋องแล้ว ผมจึงขออนุญาตเจ้าของซุ้มซึ่งเป็นหญิงสาว คัดลอกข้อความเหล่านั้น เพื่อจะเอามาเผยแพร่ในกระทู้ ข้อคิด-คำคม ของผม ซึ่งเธอก็อนุญาตโดยไม่อิดเอื้อน

ผมติดใจอยู่หลายบททีเดียว เช่น

* จงเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อยังมีชีวิต ป่วยการคิดเซ่นไหว้เมื่อตายแล้ว

* ภัยธรรมชาติอาจหนีได้ กรรมที่ตนทำไว้นั้นหนียาก

* จงทำความถูกต้อง อย่าทำเพราะความถูกใจ

* คนหวังพึ่งโชคชะตา เป็นคนปัญญาอ่อน

* หวังได้ทรัพย์จากการพนัน เป็นคนเพ้อฝันอย่างสิ้นคิด

ผมจดไปกินขนมครกและดื่มเบียร์ไปจนหมดสิ้นทั้งสามอย่าง จึงชำระเงินและลุกขึ้นเดินออกจากซุ้ม โดยไม่ลืมที่จะขอบคุณเจ้าของสาวน่ารักผู้นั้น และคิดในใจว่าคงจะได้มีโอกาสแวะเวียนมาอุดหนุนอีก แม้ราคาจะแพงกว่าร้านหน้าบ้านของผม หลายเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

ระหว่างที่เดินข้ามสะพานลอย กลับไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมเพื่อนซึ่งป่านนี้คงจะออกจากห้องผ่าตัดตาแล้ว ก็สวนกับชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาและเครื่องแต่งกายเป็นคนชนบทร้อยเปอร์เซ็นต์ แววตาของแกแห้งแล้งหม่นหมอง เหมือนกับที่เห็นทั่วไปในโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ แกบอกกับผมเบา ๆ ว่า

“ ลุง...........ขอตังกินข้าวหน่อยนะ “

ความจริงดูลักษณะทั่วไปแล้ว แกน่าจะมีอายุมากกว่าผมหลายปี แต่เอาเถอะถึงจะเรียกลุงก็ไม่ว่าอะไร ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยความเคยชิน แม้จะยังข้องใจคำคมข้อสุดท้ายที่คัดมาเมื่อกี้ว่า

* คนดีพอกินเหล้าลงท้อง ก็กลายเป็นคนเลว
แต่ยังไม่เคยเห็นคนเลว กินเหล้าแล้วเป็นคนดีเลย

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยครับ.

#########

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๘ ธันวาคม ๒๕๔๙

วารสารข่าวทหารอากาศ
ตุลาคม ๒๕๕๐

 

โดย: เจียวต้าย 11 ตุลาคม 2554 5:39:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.