มกราคม 2563

 
 
 
1
4
5
8
9
10
12
13
14
16
17
18
19
21
22
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
เมื่อสามีเธอเป็นแต๋ว บทที่ 4 หน้า 4
พอถึงเทศกาลปีใหม่ พ่อแม่ ต้นข้าวและข้าวหอม ก็เดินทางไปภูเก็ตโดยเครื่องบิน  ข้าวหอมดูเธอตื่นเต้นมาก


อากงอายุ 80 แล้ว แต่ก็ยังดูแข็งแรง อาม่าเสียไปแล้ว 20 กว่าปี ตั้งแต่ต้นข้าวยังเด็ก

ต้นข้าวเป็นหลานคนแรกของตระกูล เขาจึงเป็นที่รักและความหวังทั้งหลายเหล่

โดยที่เขาไม่สามารถจะเปิดเผยสิ่งที่เขาเป็นให้ทุกคนได้รู้ กล้วว่าทุกคนจะเสียใจ


บ้านของอากงอยู่ในเมือง อากงให้อาซึ่งเป็นน้องชายพ่อมารับทั้ง 4 ที่สนามบิน บ้านของอากง

หลังใหญ่โตในเมือง มีอาและอาสะไภ้ ลูกชายอีก 2 คน


โอห์มเป็นพี่ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 4 ม. จุฬา ส่วน อาร์มคนน้องยังอยู่ ม. 6 สอบเข้ามหาลัยปีนี้ 

บ้านของอากง มีห้องของต้นข้าวอยู่ 1 ห้องที่อากงยังเก็บไว้ให้เขา

เดิมทีอากงขายอุปกรณ์ก่อสร้างตอนนี้เปลี่ยนมือมาให้อาดูแลกิจการที่ภูเก็ต และพ่อมาดูสาขาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากได้แต่งงานกับแม่ซึ่งเป็นคนกรุงเทพ  

หากต้นข้าวไม่ได้เปิดสปา สิ่งที่เขาจะต้องได้ทำคือร้านขายอุกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งมันก็ไม่ใช่งานที่เขาถนัดเลย

แล้วยัง คิ้ม ลูกสาว เสี่ยเอกที่พ่อหมายตาจะให้แต่งงานกับเขาอีก

ถ้าไม่ชิงแต่งงานก่อนเขาต้องโดนจับคลุมถุงชนอย่างแน่นอน ดิ้นไปไหนก็ไม่ได้


ข้าวหอมเคยสงสัยว่าต้นข้าวเป็นลูกหลานชาวจีน แต่ทำไมถึงไม่เรียกพ่อว่าเตี่ย

เธอได้รู้ว่า อาม่าที่เสียไปเป็นชาวภูเก็ตนั้น ก็ไม่ได้มีเชื้อสายจีน พ่อและอาก็เรียกแม่

อากงก็ชอบที่ลูกๆ เรียกแบบไทยๆ อีกทั้ง การที่พ่อได้แต่งงานกับแม่ซึ่งเป็นคนกรุงเทพ

ครอบครัวของแม่ก็ไม่มีเชื้อสายจีน จึงทำให้ต้นไม่ได้ติดวัฒนธรรมจีน


ต้นข้าวพาข้าวหอมมาที่ห้องเดิมเขา ห้องนอนไม่ใหญ่มาก มีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น

เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าหลังเล็ก และโต๊ะเขียนหนังสือ เขามาที่นี่ทุกช่วงปิดเทอม

เพราะอากงอยากให้หลานมาอยู่ด้วย แต่พอทำงานแล้ว เวลาก็เปลี่ยนไป จะได้มาที่ภูเก็ตเฉพาะเทศกาล


 ข้าวหอมเดินไปนั่ง


“เจ้ เตียงนอนเล็กแบบนี้ จะนอนยังไง”


“หล่อนก็นอนพื้นไง”


“ไม่เอา”

ข้าวหอมลงไปนอนอย่างเป็นเจ้าของ


“จะพาไปเที่ยวหาดป่าตอง ไปไหม”


“ไปๆๆ” ข้าวหอมรีบดีดตัวขึ้นจากเตียง


ต้นข้าวออกมาจากห้องบอกอากงว่าจะพาข้าวหอมไปเที่ยวหาด น้องชายสองคนก็ขอไปด้วย ทั้ง 4 จึงขับรถออกมามุ่งหน้าไปที่หาดป่าตอง


ภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งที่เป็นเกาะห้อยติ้งจากด้ามขวานทางฝั่งใต้ทะเลอันดามันของประเทศไทย

ภูมิประเทศที่เป็นเกาะและภูเขาหลายลูกซึ่งเกิดจากการทับถมและเคลื่อนตัวของเปลือกโลกหลายร้อยปีก่อนมนุษย์จะมาอาศัยอยู่

คนทั่วไปมักจะได้ยินชื่อเรียกที่นี่ว่า ไข่มุกของอันดามัน


 
ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยงของต่างชาติที่ต้องลงในบันทึกว่าอยากจะมา

เนื่องจากมีทั้งกิจกรรมทั้งทางบกและทะเลที่ต่างชาติไม่อาจจะพลาดได้ แม้กระทั้งคนไทยเอง


เมืองเล็กๆ แห่งนี้ไม่น่าเชื่อหากขับรถทั้งผ่านก็อาจจะสามารถรอบเกาะได้ทั้งเกาะ


ข้าวหอมมองเส้นทางอย่างสนอกสนใจ บ้านเรือนข้างทางมีทั้งผสมผสานเก่าใหม่

เมืองเล็กๆ แห่งนี้นับเป็นดินแดนที่มหัศจรรย์ รวบรวมคนไว้หลายหลายเชื้อชาติ ศาสนา

ที่นี่จึงมีความหลากหลายทางวัฒนะ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง พุทธ มุสลิม ศริสต์ แต่ทุกความแตกต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว


อีกทั้งเป็นแหล่งท้องเที่ยวที่มีชื่อเสียงด้านสปาเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

ทุกโรงแรมจะมีบริการนวดและห้องสปาให้แขกได้เลือกแพคเกต ถามถนนหนทางทุกซอกซอย

มีร้านนวดและสปา ถ้าจะบอกว่าการหาร้านนวดง่ายกว่าร้านกาแฟเป็นเรื่องจริง


เส้นทางอันน่าตื่นเต้นรอบเกาะ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักเดินทางได้สัมผัสทั้งธรรมชาติ และความหวาดเสียว

การจะข้ามไปอีกหาดของที่นี่ ต้องผ่านภูเขาเป็นลูกๆ  ทุกช่วงที่ต้นข้าวขับรถขึ้นเขา

ทำเอาเธอหวาดเสียว ท้อเกร็ง ขาเกร็ง เกือบเป็นตะคริว ทั้งชันทั้งสูง แต่พอผ่านศาลเจ้าบนเขา

เธอก็มองเห็นทะเลรำไร ทำเอาหัวใจตื่นเต้นกับความสวยงามตรงหน้า พอถึงทางลงเข้าที่ชันเหมือนกัน

ข้าวหอมได้แต่นั่งตัวเกร็งทำท่าเหยียบเบรคช่วยคนขับ ทั้งตื่นเต้นและสนุก


“เจ้ทำไมรถทุกคันต้องบีบแตรด้วย”

เธอถามอย่างสงสัยเมื่อผ่านศาลเจ้ามา


“ตรงนั้นเป็นศาล เวลาเราขึ้นมาถึงตรงศาลทุกคนก็บีบแตรเป็นการเคารพศาลของที่นี่”


“อ้อ มิน่าละ ก็แรกก็คิดว่าเพื่อให้อีกด้านสวนมารู้ว่ามีรถขึ้นเขา”
“ส่วนหนึ่งก็เพื่อแบบนั้นด้วย”


เส้นทางในภูเก็ตบางเส้นทางเป็นวันเวย์ บางเส้นทางเป็นรถสวน เพราะฉนั้นต้องขับอย่างระมัดระวัง


เวลา 9 โมง แดดเริ่มแรง ทั้ง 4 จอดรถแล้วเดินเล่นหามุมพักผ่อน หาดป่าตองเป็นหาดยาว

ถนนหน้าหาดเป็นวันเวย์ รถมาทางเดียวเพราะฉนั้น ได้ที่จอดแล้วก็สามารถเดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้

ระยะทางไกลหลายกิโล คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว บางโรงแรมมีเต้นท์ออกมาเปิดนวดข้างหาด

นั่งท่องเที่ยวเดินกันมากมายเต็มถนน และนอนตากแดด เต็มหาด พอได้ที่เหมาะแก่การนอนพักผ่อน

ต้นข้าวชวนน้องๆ เลือกร่มที่มุมมองทะเลสวยๆ เห็นเรือสำราญลอยลำอยู่ในทะเล


เขาสั่งอาหารมาให้ข้าวหอมกินเล่น


ส้มตำปูทะเลสดๆ ทำเอาข้าวหอมอร่อยจนขอจานที่สอง


“เจ้ หาดป่าตองคือหาดที่เคยเกิดสึนามิใช่ไหม”


“ใช่ หาดที่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งนั่นแหล่ะ คนตายที่นี่เยอะนะ ตอนนั้นเจ้ยังเล็กอยู่เลย”


แม้ต้นข้าวจะแทนตัวเองว่าเจ้ แต่เขาก็ยายามพูดไม่ตุ้งติ้ง

มากมายต่อหน้าน้องชาย


“ตอนนั้นผมยังไม่เกิด” อาร์มบอก


“จะเล่นน้ำไหม” เขาเอ่ยชวน


2 หนุ่ม เดินลงทะเล ไปหาสาวๆ ต่างชาติ พูดคุยกันแล้วลอยคอเล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุก ส่วนข้าวหอม

เอาแต่กินของทะเลจนอิ่ม หันไปชวนต้นข้าวไปเล่นน้ำ เขาเหมือนจะอิดออด แต่โดนข้าวหอมลากไปจึงยอม


ต้นข้าวเป็นคนสูงยาว เขาว่ายน้ำเก่ง ถ้าไม่ติดท่าตุ้งติ้ง เขาก็ดูแมนๆ ผมยาวคนหนึ่งเหมือนกัน

ทั้ง 4 เล่นน้ำกันจนเหนื่อย ก็กลับเข้าร่ม นอนพักในร่มหลากสี ข้าวหอมอยากอาบน้ำ เพราะเหนี่ยวตัวจากน้ำทะเล ทั้งสี่เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนจึงเดินหาห้องน้ำที่พอมีบ้างเพื่ออาบน้ำ

จนบ่ายคล้อยก็มาเดินเล่นที่ถนนบางลา ถนนบางลาเหมือนกับถนนข้าวสารในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าต่างชาติ
ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวเทศกาลปีใหม่เยอะมาก

ปิดถนนบางลาเปิดกิจกรรมการแสดงมากมาย ทุกคนต่างมุงดู โชว์ต่างๆ ทั้งคาบาเร่เล็กๆ โชว์ตลก โชว์ชุดประจำชาติ การละเล่น โชว์มายากล ร้องเพลง เล่นดนตรี

ทั้ง 4 คนเดินดูอย่างสนุก มีทั้งของกินของขายเต็มทางไปหมดระยะ 1 กิโลเมตร ถ้าเดินไปจนสุดถนนด้านในจะเป็นห้างเซ็ลทรัลใหญ่จางซีลอน ห้างใหญ่สุดที่หาดแห่งนี้

ต้นข้าวต้องจับมือข้าวหอมไว้ตลอดเพราะกลัวคนตัวเล็กๆ จะพลัดหลงจากเขา

บางที่คนเยอะต้องเบียดเสียดกันเดิน เขาต้องเอาข้าวหอมมาไว้ข้างหน้าแล้วกอดเธอไว้ไม่ให้คนอื่นเบียด


จนพลบค่ำ ทั้ง 4 ก็ชวนกันกลับ เพื่อไปทานข้าวเย็นที่อากงเตรียมมื้อพิเศษไว้ให้


หลังอาหารเย็นทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าทีวี


“เราจะ Countdown กันคืนนี้ห้ามนอน”

อาร์มประกาศบอกทุกคน


พวกผู้ใหญ่เตรียมเครื่องดื่มและกับแก้มมาเตรียมไว้ เพื่ออยู่คุยกันยาวๆ

มีเพียงข้าวหอมคนเดียวที่เป็นผู้หญิงท่ามกลางหลานผู้ชายของอากง อากงเอาน้ำดื่มสีแดงเข้มให้ต้นข้าวดื่ม

รสชาติมันเหมือนวอสก้าร์ แต่เขาไม่รู้ว่าอากงจะผสมอะไรมา


“อะไรฮะอากง”


“กินให้หมดนะ”


อากงบังคับ ต้นข้าวไม่เคยขัดใจใครก็จำต้องดื่มจนหมดแก้ว


“คืนนี้ปึงปั๋งแน่”


อากงพูดแล้วเดินหัวเราะไปหาลูกชายทั้งสองที่นั่งดื่มอยู่หน้าทีวี ส่วนหนุ่มสาวนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน รอดูพลุเที่ยงคืน


ต้นข้าวทำหน้าไม่ถูกกับคำว่าปึงปั๋งของอากง


โอห์มเล่นกีต้าร์และร้องเพลงให้คนอื่นฟัง หนุ่มๆ พากันดื่มเหล้านิดหน่อย อาร์มยังเด็ก ไม่อนุญาติให้ดื่มเหล้า


เวลา 24.00 น พลุรอบทิศในเมืองภูเก็ตก็ประดังขึ้นเต็มท้องฟ้าอย่างสวยงาม พร้อมเสียงโห่ร้อง บางบ้านเปิดเพลงปีใหม่ ตีกลองต้อนรับปีใหม่

บางบ้านก็จุดประทัด  ทุกคนถ่ายรูปพลุกันสนุก อากง พ่อแม่และอาทั้ง 2 เข้าไปไหว้พระในห้องพระ เด็กๆ ตามไปด้วย เมื่อสวดมนต์


ต้นข้าวหน้าแดงเพราะมึนนิดๆ เขาเริ่มจะไม่ไหวบอกขอไปนอนหลังสวดมนต์เสร็จ

ข้าวหอมก็ตามมาเพราะเธอเองก็ง่วงเต็มที เห็นต้นข้าวขึ้นไปนอนบนเตียงคนเดียวก็เต็มเตียงแล้ว

แถมขายาวๆของเขาแทบจะเลยเตียงขนาด 180 เซนติเมตร


“โอ้ย แล้วเค้าจะนอนไหน”


“พื้นไง”

อีกฝ่ายตอบ ตอนนี้เขามึนๆ หน้าแดงแล้ว อยากจะนอนเต็มแม้หัวใจเต้นระทึก


แต่มีหรือที่ข้าวหอมจะยอม เธอกระโดดขึ้นไปนอนทับเขา
“นี่แน่ะ”

เธอแกล้งเขา


“โอ้ยย ยัยบ๊องง”


“ฮ้าๆๆๆๆ”

เสียงข้าวหอมหัวเราะชอบใจ ที่ได้แกล้งคนตัวใหญ่


“เชอะนอนพื้นก็ได้ เตียงเท่าแมวดิ้น”

เธอบ่นทำท่าจะลุก


แต่วงแขนใหญ่กอดรัดเธอไว้แน่นแล้วเหวี่ยงเธอเข้ามุมด้านใน


“โอ้ยยยย” เธอเป็นฝ่ายร้อง


พร้อมท่อนขายาวก็พาดทับตัวเธอเรียบร้อย เท่านี้ก็หมดโอกาสที่จะดิ้นรน


หันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่แทบจะชิดกับแก้มเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาเต็มจมูก

พร้อมกับเสียงหายใจลึก บ่งบอกว่าเขาจะหลับแล้ว


“เจ้ ยังไงเนี่ย ปล่อย”

เธอตีแขนเขา เขย่าเท่าไหร่ก็นิ่ง


“ฮึ ตัวหนักยังกะช้าง กะเทยควาย เหม็นเหล้าด้วย ฮึ”

เธอบ่นเบาๆ แล้วรีบปิดปาก เพราะอีกฝ่ายได้ยินคงโกรธแน่ๆ


ข้าวหอมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครแตะต้องเนื้อตัวเธอ

เธอมักจะสะบัดจากการเกาะกุมเสมอ ที่แล้วมาเธอเคยแต่นอนกอดเขา

พอโดนกอดแบบนี้มันรู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่จะทำอะไรได้ เมื่อตอนนี้ ทั้งวงแขนใหญ่ที่เหนียวยังกะตุ๊กแก

ท่อนขายาวหนักยังกะเสาไฟฟ้า เธอยกออกคนเดียวไม่ได้ นอกจากยอมนอนแบบนี้ไปทั้งคืน

 



Create Date : 02 มกราคม 2563
Last Update : 2 มกราคม 2563 8:18:51 น.
Counter : 768 Pageviews.

1 comments
  
อ๊ะๆ เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มหละนะ

โดย: หอมกร วันที่: 2 มกราคม 2563 เวลา:11:39:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]