จ้างรักจอมมาร ตอน คืนแรกของการเข้าหอ
เพียงพูดเสร็จเขาก็จัดการกระตุกทักสิโด้ของตนเองออกโดยแรงก่อนจะตามมาด้วยเสื้อสูทตัวใหญ่และเสื้อเชิ้ตเป็นลำดับถัดไปจนเหลือแต่กายเปลือยเปล่า ก่อนจะตามมาด้วยกางเกงขายาว ปภาพินท์รีบหันใบหน้าไปทางอื่นทันที อิศเรศยืนยิ้มกริ่มอย่างชอบใจที่ป่วนอีกฝ่ายได้ เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาพันกายเบื้องล่างก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ ทำให้ปภาพินท์มองเห็นเรือนกายกำยำที่บ่งบอกถึงความเป็นบุรุษอันทรงเสน่ห์อย่างชัดเจนตา เผยให้เห็นไรขนอ่อนบริเวณอกกว้างและไล่เรื่อยลงไปถึงหน้าท้องแกร่ง ถ้าฉันออกมาแล้วไม่เห็นเธออยู่ในห้องล่ะก็ ครอบครัวเธอได้อับอายแน่ นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นประกายกร้าวอย่างน่าหวั่นเกรงก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ครั้นบานประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกยิ่งนัก ปภาพินท์คิดว่าไหนๆ คืนนี้เธอก็คงต้องนอนที่นี่อย่างนั้นก็หาที่นอนในคืนนี้ละกัน หญิงสาวหยิบหมอนที่อยู่บนเตียงลงมานอนที่พื้นข้างเตียงใหญ่ก่อนจะเปรยออกมา นอนที่นี่ละกัน ปภาพินท์ทิ้งกายลงไปยังพื้นทั้งชุดแต่งงานด้วยความเหนื่อยล้าที่ต้องรับแขกงานไปตลอดทั้งคืนแล้วยังต้องร่วมถ่ายรูปกับแขกในงานอีกด้วย ผ่านไปนานอิศเรศก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำเขากวาดตามองหาเจ้าสาวตัวปลอมของตนเองเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ก็ทำสีหน้าหงุดหงิด ที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังตนเองกายสูงเตรียมตรงไปยังประตูเพื่อจะตามอีกฝ่ายออกไปเชื่อว่าคงยังไม่ได้ออกไปไหนหรอกเพราะว่าบ้านของตนล็อกอยู่ ทำไมพูดไม่ฟังอย่างนี้นะปภาพินท์ แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวออกไปก็พบว่าร่างนวลในชุดแต่งงานนอนอยู่ข้างเตียงเขาจึงคลายความโมโหลงก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ออกไปข้างนอกอย่างที่ตนเองนึกไว้ ยังดีนะที่เชื่อฟัง ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงไม่ใกล้ร่างที่นอนหลับ นัยน์ตาคู่คมมองไปยังร่างนวลที่อยู่ในชุดแต่งงาน เขานึกถึงว่าตนเองเห็นเธอในลักษณะใดทุกครั้งที่ไปหาพี่สาวของเธอ อีกฝ่ายช่างแตกต่างจากปภานันท์อย่างมาก ถึงจะใบหน้าเหมือนกัน แต่คนหนึ่งสวยมากอีกคนหนึ่งจืดชืดมาก แต่งตัวก็เรียบง่ายทุกครั้งที่เจอเธอมักจะเลี่ยงออกไปทุกคราว คงจะอิจฉาพี่สาวสินะที่มีคนรักหล่อๆ อย่างเขามาชอบ พลางนึกอย่างหลงตัวเองยิ่งนัก เบื้องหน้าของอิศเรศเหมือนเจ้าหญิงนิทราที่กำลังรอให้เจ้าชายมาจูบ ชายหนุ่มโลมไล้ไปยังร่างนุ่มที่กลมกลึงไปทุกสัดส่วนหยัดโค้ง ตั้งแต่ใบหน้านวลที่ไม่อาจจะละสายตาไปได้เลย เขานึกถึงช่วงที่ดึงกายระหงโดยแรงเมื่อครู่นี้ แล้วเธอก็เซมาหาตนเองพร้อมกับกอดคอเขาไว้อย่างแนบแน่น เป็นครั้งแรกที่เธอกับชายหนุ่มได้ใกล้ชิดกัน นี่เป็นครั้งที่สองแล้วครั้งแรกก็คือการหอมแก้มแต่นั่นเป็นเพียงการแสดงเพื่อทำให้แขกเหรื่อในงานจับไม่ได้น่ะเองว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง มองเห็นแก้มนวลเนียนแล้วอยากจะใช้มือสัมผัสกับมันเสียจริง แต่ถ้าทำอีกฝ่ายคงจะโวยวายและตื่นขึ้นมาเป็นแน่ อิศเรศทอดสายตาไปยังร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างเพลิดเพลินใจ พร้อมกับนึกว่าถ้าหากบิดากับมารดาแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้กับตนเองเขาจะยอมแต่งงานด้วยรึเปล่ากัน ยอมรับล่ะว่าเห็นหน้าเขาอาจจะถูกตา แต่ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอคงทำให้เขาเบื่อหน่ายเป็นที่สุดแน่ ระหว่างที่คิดนั้นวงหน้าคมก็ขยับลงไปใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความลืมตัว เขารับรู้แล้วว่าทำไมถึงได้อยากครอบครองเธอนั่นก็เป็นเพราะหญิงสาวมีหน้าตาเหมือนพี่สาวอย่างมากน่ะเอง โดยในช่วงจังหวะนั้นปภาพินท์ก็พลิกกายไปทางด้านซ้ายมือพร้อมกับที่มือขวายกขึ้นสูงและขาข้างขวาที่อยู่ในกระโปรงตัวสวยด้วยความเคยชินเหมือนทุกคืนที่ต้องดึงหมอนกอดคู่กายมาไว้ในวงแขน แต่เธอลืมไปว่าสถานที่นอนอยู่นั้นไม่ใช่บ้านของตนเองแต่เป็นเรือนหอแสนหวานซึ่งเธอไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง ดังนั้นสิ่งที่คิดว่าเป็นหมอนข้างจึงกลายเป็นร่างแกร่งที่กำลังก้มลงมองใบหน้านวลอย่างใกล้ชิดแทนโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของอิศเรศอยู่ใกล้กับวงหน้าสวยซึ่งห่างกันเพียงไม่ถึงนิ้วด้วยซ้ำโดยไม่รับรู้เลยว่าหมอนข้างของตนนั้นมันแข็งกว่าปกติ โดยทรวงสล้างอวดความอวบอิ่มในชุดแต่งงานเผยความเนียนของผิวผุดผาดเมื่อคอเสื้อชุดแต่งงานขยับต่ำลงมายังต้นแขนนวล ทำให้เขามองเห็นเนินอกขาวผ่องซึ่งขยับขึ้นลงด้วยแรงจังหวะการทอดถอนลมหายใจขึ้นลง เขาเห็นแล้วก็นึกคาดเดาในใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้เลยรึไงกันว่ากำลังกอดตนเองอย่างแนบแน่นแบบนี้ ปลายจมูกที่เชิดขึ้นแทบจะชนกับเขาเลยทีเดียว อิศเรศจะขยับตัวออกมาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะติดกับมือที่เหนี่ยวลำคอแกร่งไว้ไม่ปล่อย มือของเขาเตรียมจะปลุกเธอให้ตื่นเพื่อที่ตนเองจะได้ทรงกายขึ้นมา แต่แล้วก็ตัดสินใจยกมือลงและเปลี่ยนอริยาบทเป็นนอนเคียงข้างอีกฝ่ายแทน นั่นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา อิศเรศไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นเพราะเขารู้สึกเหนื่อยมาก จากที่ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็กลายเป็นเปลี่ยนความตั้งใจป็นนอนหลับด้วยความอ่อนล้าแทน โดยลืมไปว่ากายกำยำมีเพียงแค่ผ้าขนหนูสีขาวพันกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นัยน์ตาคู่คมมองไปยังใบหน้านวลอย่างชิดใกล้ อิศเรศพยายามข่มตาให้หลับเพื่อที่จะได้หาทางรับมือกับปัญหาพรุ่งนี้ในวันต่อไป ซึ่งในยามค่ำคืนเมื่ออากาศเริ่มหนาวปภาพินท์ก็ขดร่างเข้าหาหมอนกอดมากขึ้นกว่าเดิม และยังคงไม่รู้ตัวเหมือนเมื่อครู่ว่า ว่าไม่ใช่หมอนที่ตนเองกอดทุกวัน ทางด้านของอิศเรศเมื่อความนุ่มเนียนเบียดชิดกายกำยำเขาก็ยกมือกอดร่างนุ่มอย่างเต็มอ้อมแขนด้วยความรู้สึกดี และช่วยคลายความเหน็บหนาวให้กับร่างนวลอย่างมากทีเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะติดใจหมอนนุ่มในอ้อมแขนยิ่งนัก พลางกอดก่ายอย่างแนบแน่น ช่วงเช้าเมื่อพระอาทิตย์ดวงโตลอยขึ้นไปประดับอยู่ยังด้านบนท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิทก็เปลี่ยนแปลเป็นสดใสพร้อมกับที่แสงแดดสาดทอเข้ามายังเรือนหอที่แสนหวาน นัยน์ตาที่ประดับด้วยขนตางอนงามก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าด้วยความเคยชินเมื่อเธอต้องตื่นไปทำงานที่ร้านตัดเสื้อผ้า เธอมองไปยังนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า ซึ่งเธอจะต้องตื่นมาทำกับข้าวให้กับคุณพ่อคุณแม่ตามหน้าที่ แต่พอนึกถึงว่าไม่ได้อยู่ที่บ้านของตนเองแต่เป็นบ้านของเจ้าบ่าวซึ่งมีแต่ผู้หญิงที่อิจฉาเธอไม่สิอิจฉาพี่นันท์ต่างหากล่ะ เพราะทุกคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่พี่นันท์ ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่พี่นันท์ไม่ต้องทนอยู่กับผู้ชายที่เจ้าชู้เป็นไฟ ในเมื่อยังไม่รู้จักพอก็น่าจะเลือกที่จะไม่แต่งงาน จะได้ไม่ทำให้ผู้หญิงต้องเสียใจ และตอนนี้พี่นันท์ก็ได้หนีไปแล้ว คงเพราะคิดว่างานแต่งงานอาจจะถูกยกเลิก แต่มันไม่ใช่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้คนในครอบครัวรับรู้ เธอลุกขึ้นมาจากพื้นพรมก่อนจะมองเห็นมือของใครบางคนหล่นลงบนตักของตนเองในลักษณะโอบกอด เธอจึงหันกลับไปมองที่มาของมันว่าเป็นมือของใครแล้วก็พบกับใบหน้าคมของเขา ก่อนจะกวาดมองไปทั่วร่างแกร่งที่เปลือยเปล่า ใช่เพียงเท่านั้นผ้าผ่อนยังหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดีจนเกือบจะเห็นบางอย่างยังกายเบื้องล่างของเขา นัยน์ตาของปภาพินท์ตื่นอย่างเต็มที่ทันที เธออุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ คุณอิศเรศ ทำไมคุณมานอนตรงนี้ล่ะ โดยเสียงของเธอก็ทำให้อิศเรศที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย กี่โมงแล้วเนี่ย ไหนคุณบอกว่าจะไม่ลวนลามฉันยังไงคะ ปภาพินท์ต่อว่าเขาอย่างไม่ชอบใจ เพียงได้ยินอิศเรศก็ขมวดคิ้วทั้งสองเข้ามาชนกันมุ่นด้วยสีหน้างุนงงก่อนจะย้อนถามกลับไป ฉันลวนลามเธอตอนไหนกัน สมองยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็เมื่อคืนนี้ไงล่ะคุณลวนลามฉัน ไม่อย่างนั้นคุณไม่นอนแก้ผ้าอย่างนี้หรอก เธอบอกแต่ไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาเพราะอีกฝ่ายอยู่ในลักษณะที่หมิ่นเหม่อย่างมาก เพียงได้ยินประโยคสุดท้ายอิศเรศก็ก้มลงมองตนเองก่อนจะตะโกนออกมา ชิบเป๋งแล้ว ก่อนจะรีบหยิบผ้าขนหนูมาพันกายโดยเร็ว ปภาพินท์ยังคงต่อว่าเขาอย่างไม่เลิกรา เสียแรงนะที่ฉันหลงไว้ใจคุณ คิดว่าคุณจะทำตามที่พูดได้ แต่เปล่าเลยคุณมันเลวที่สุด ฉันไม่น่าเชื่อคนอย่างคุณเลย ปภาพินท์พูดยาวเป็นชุดโดยไม่ได้เว้นจังหวะให้เขาได้แก้ตัวเลยสักนิด พูดจบรึยัง ฉันจะได้พูดบ้าง คุณจะแก้ตัวอะไรฉันไม่ฟังทั้งนั้นล่ะแสดงว่าเมื่อคืนนี้คุณคิดลามกกับฉันสินะ ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว หญิงสาวยังคงต่อว่าไม่เลิกและเตรียมจะก้าวออกไปจากห้อง เขาก็คว้าแขนเล็กไว้ก่อนด้วยการพยายามอธิบายให้เธอได้เข้าใจ เธอฟังฉันก่อนนะปภาพินท์ แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่รับรู้สนใจสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยเลย ไม่ ฉันไม่ฟังคนอย่างคุณมันเชื่อไม่ได้ เพียงพูดจบประโยคเธอก็สลัดมือที่จับร่างไว้ด้วยความขุ่นเคืองอย่างระงับอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด โอ๊ย พร้อมกับที่มือของเขาจับไปยังแก้มของตนเองก็เห็นรอยแดงเป็นแนวยาว นั่นจึงทำให้ปภาพินท์ที่ดิ้นอย่างไม่ยอมเมื่อครู่นี้ถึงกลับเงียบไป เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างมากที่ไปทำร้ายเขาเมื่อกี้นี้ แต่แล้วเธอก็ตอบด้วยความโกรธ มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่คุณทำกับฉัน ในเมื่อเธอทำร้ายฉันแล้วคราวนี้จะฟังเหตุผลฉันได้รึยัง แค่เพียงวันเดียวก็ถูกอีกฝ่ายทำร้ายตนเองสองคราว ปกติใครมาทำร้ายเขาเช่นนี้อิศเรศไม่มีวันปล่อยให้คนทำให้ได้ลอยอย่างเด็ดขาด แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่คิดที่จะทำร้ายอีกฝ่ายกลับเลย ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณเพราะมันฟังไม่ขึ้น เธอยังคงปฏิเสธเหมือนเช่นเดิมด้วยความใจแข็ง เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ฟังตนเองอย่างแน่นอนทำให้อิศเรศที่พยายามใจเย็นเริ่มจะระงับอารมณ์ความโมโหไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน แปลว่าจะไม่ยอมฟังกันเลยใช่ไหม ใช่ฉันจะออกไปจากห้องนี้ ฉันจะไปหาคุณแม่ของฉัน เธอบอกถึงความตั้งใจของตนเองออกไป เธอไม่อยู่กับคนที่ปลิ้นปล้อนตลบแตลงอย่างเขาเด็ดขาด ปากบอกว่าจะไม่ทำอะไรเธอแต่ตื่นมาก็เห็นเขาแก้ผ้าอยู่ข้างตนเอง ทั้งที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอแท้ๆ ตกลงว่าจะออกไปจากห้องนี้ให้ได้อย่างนั้นสินะ อิศเรศย้อนถามซ้ำอีกคราวหนึ่ง ใช่ ฉันจะออกไป พลางเอ่ยอย่างท้าทายเขาโดยนัยน์ตาสบกับดวงตาคมแต่ให้ตายเถอะดวงตาของมันช่างดูน่าหวาดหวั่นเสียจริง ปกติเธอไม่เคยกลัวกับการจ้องตาคนอื่นเลย แต่พอจ้องตาของชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกเกรงๆ อย่างมาก ซึ่งอีกฝ่ายดวงตาแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว ไม่นึกเลยว่าดวงตาที่อ่อนหวานช่วงที่อยู่บนเวทีและมองตนเองนั้นเวลาโกรธก็สามารถทำให้เธอตัวสั่นได้ และเพราะไม่อาจสู้กับนัยน์ตาที่ราวมีไฟลุกอยู่ภายในนั้นได้ทำให้เธอหันใบหน้ามองไปยังทางอื่นคล้ายรับรู้ว่ายอมแพ้กับสายตาชายหนุ่มเบื้องหน้า เป็นช่วงเดียวกับที่อิศเรศอุ้มร่างนวลขึ้นมาไว้ในวงแขนแกร่ง ครั้นรับรู้ว่าตัวลอยขึ้นมาจากพื้น ปภาพินท์ก็ดิ้นรนอย่างไม่ยอมพร้อมกับใช้มือทุบไปยังบ่ากว้างที่เปล่าเปลือยด้วย โดยออกคำสั่งอย่างไม่ชอบใจ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ได้ยินไหม ดิ้นแรง เข้าไปสิ ถ้าเกิดว่าผ้าฉันหลุดขึ้นมาเห็นอะไรของฉันล่ะก็ ไม่รับรู้ด้วยหรอกนะปภาพินท์ จากที่เรียกชื่อเธออย่างเป็นกันเองแต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเขาทำน้ำเสียงข่มขู่อีกฝ่ายอย่างใจเย็น นั่นจึงทำให้หญิงสาวหยุดทุบตีเขาและก็หยุดดิ้นด้วย เพราะเธอยังไม่อยากจะเห็นเจ้าลูกชายของเขา ขนาดแค่แพลมๆ เมื่อครู่ตอนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยกัน เธอยังเกิดอาการขนลุกขนชุนด้วยความน่ากลัวอยู่เลย อิศเรศเห็นอีกฝ่ายหยุดดิ้นก็อดที่จะยิ้มอย่างชอบใจไม่ได้ที่คำขู่ของตนเองดูจะได้ผลทีเดียว ทีนี้หยุดฟังฉันได้แล้วใช่ไหม เขาย้อนถามกลับอย่างมีเหตุผลแต่คนไร้เหตุผลก็ทำเป็นหูทวนลมไม่อยมตอบอะไรกลับมาด้วยสีหน้าที่แสดงความดื้อดึงไม่เลิกรา มันจึงทำให้เกิดอาการเข่นเขี้ยวอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างติดหมัด จึงโยนร่างนวลลงไปยังเตียงกว้างโดยเขาทิ้งร่างแกร่งตามลงมาเพื่อกักกายนุ่มไว้ในวงแขน คนที่ถูกโยนลงมาบนเตียงก็พลันทำสีหน้าตกใจเมื่อใบหน้าคมขยับลงมาใกล้ใบหน้าของตนเอง นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ปภาพินท์เกร็งกายจนไม่กล้าขยับพร้อมยอมตกลงกับเขาด้วยดี ยืนพูดก็ได้นี่ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย เธอจะได้ออกไปข้างนอกไม่ได้ไงล่ะ ฉันขี้เกียจโดนอาละวาดใส่อีก ก็คุณอยากมาคิดลามกกับฉันก่อนทำไมกันล่ะ ยังคงเชื่อความคิดของตนเองไม่เปลี่ยนเช่นเดิม อิศเรศใช้มือจับไปยังข้อมือเรียวทั้งสองให้แนบกับเตียงนุ่ม ปภาพินท์ถอนหายใจอย่างแรงด้วยความหวาดหวั่นกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธออีก เห็นทรวงนุ่มที่อยู่ในชุดสวยแล้วมันทำให้รู้สึกรุมร้อนไปหมด เธอใส่ยาเสน่ห์ให้เขารึไงกัน จากที่ไม่ชอบกลับเกิดความต้องการมากอย่างนี้ ฉันจะบอกให้ฟังว่าเหตุการณ์เมื่อคืนน่ะมันเป็นยังไง บ้าชะมัดเลยทำไมเธอจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้นะ หญิงสาวนึกอยู่คนเดียวในใจ คนที่คิดลามกกับฉันน่ะมันคือเธอต่างหากล่ะ ได้ยินดังนั้นปภาพินท์ก็ทำนัยน์ตาโตขึ้นกว่าเดิมและเถียงเขาด้วยความโกรธ นี่คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณต่างหากที่คิดลามกกับฉันน่ะไม่อย่างนั้นจะลงมานอนข้างเตียงกับฉันเหรอ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงกัน น่าเกลียดที่สุดไม่ยอมรับว่าทำผิดแล้วยังจะโยนความผิดมาให้ฉันอีกเนี่ยนะ วงหน้านวลเป็นสีเข้มมากขึ้นด้วยความโมโหเขาที่มาโบ้ยให้ตนเองเสียอย่างนั้น ฉันพูดเรื่องจริงต่างหากเธอน่ะเป็นคนดึงฉันเข้าไปกอดตอนที่ฉันกำลังจะปลุกให้ไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า อิศเรศบอกให้เธอได้รับรู้อย่างชัดเจน ไม่จริงหรอก ฉันจะไปดึงคุณเข้ามากอดทำไมกันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปภาพินท์เถียงต่อไม่เลิก ก็เธอน่ะคิดว่าฉันเป็นหมอนกอดของเธอไงล่ะ เอ๊ะหรือเข้าใจผิดนึกว่าเป็นคู่ขาเธอกันล่ะ คงจะทำบ่อยสินะผู้ชายไม่ต้องเริ่มแต่เธอเป็นคนเริ่มเอง คิ้วเรียวของปภาพินท์ขมวดเข้ามาชนกันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดพลางย้อนถามอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนัก คุณพูดบ้าอะไรน่ะฉันไม่เห็นเข้าใจเลย นัยน์ตาของเขาแสดงความหมิ่นแคลนใส่และบอกให้เธอได้รับรู้อย่างชัดเจนว่าตนเองหมายความถึงอะไร ไม่เข้าใจจริงๆ แน่เหรอหรือว่าแกล้งโง่กันแน่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าอย่างเธอน่ะจะไม่เคยกับเรื่องอย่างว่า เมื่อได้ฟังที่เขาพูดตอนนี้ปภาพินท์เริ่มรับรู้แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร ผู้หญิงที่นอนกับผู้ชายไม่เลือกน่ะเอง ทำให้นัยน์ตาที่งุนงงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างมากขึ้นกว่าเก่าจนแทบจะหลุดออกมาจากดวงตาทีเดียว มือเรียวเตรียมยกขึ้นเพื่อตบใบหน้าหล่อแต่เขารู้ทันคว้ามือของเธอไว้ได้ก่อนจะบอกอย่างเย้ยหยันใส่ โดยบีบข้อมือเรียวด้วยความรุนแรงบอกด้วยน้ำเสียงประกาศให้เธอได้ฟังอย่างชัดเจน ฉันไม่ยอมให้เธอตบฉันเป็นหนที่สองหรอกปภาพินท์ เมื่อไม่สามารถตบได้มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งก็ตวัดไปยังใบหน้าคมอย่างรวดเร็ว จนแก้มของเขาเป็นแนวยาวด้วยความเจ็บแสบ อิศเรศโมโหเธอย่างมากพลางเรียกชื่อเธอออกมาเสียงดัง ปภาพินท์เธอกล้าทำร้ายฉันอย่างนั้นเหรอ ทำไมฉันจะไม่กล้ากัน ก็ใครใช้ให้คุณมาว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ใจง่ายกับผู้ชายไปทั่วกันล่ะ ฉันว่าการที่พี่นันท์หนีงานแต่งงานเมื่อคืนไปก็สมควรแล้วล่ะ เพราะพี่นันท์น่ะควรจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่าคุณ ใครที่ได้แต่งงานกับคุณล่ะก็ฉันว่าโชคร้ายที่สุดเลยล่ะ ปรามาสอีกฝ่ายกลับไปบ้างเช่นกันคำพูดที่เธอว่าประชดเขาทำให้อิศเรศบีบมือเรียวแรงมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเพราะไม่เคยมีใครที่กล้าพูดใส่หน้าตนเองแบบนี้เลย ++++++++++++++++ 555 จะมีใครรู้ไหมนะว่าคู่แต่งงานที่ตัวเองไปงานแต่ง เบื้องหลังอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด นึกว่าจะได้หวานกันเปล่าดันมาตีกันซะนั่น เรื่องนี้จะวางในงานหนังสือวันแรกนะคะที่บูธนายอินทร์ค่ะ ตอนนี้ยายข้าวรอเขามาเดินเน็ตใหม่ค่ะ ใช้มือถือออนเหมือนเดิมค่ะ
Create Date : 05 มีนาคม 2557 |
Last Update : 5 มีนาคม 2557 16:14:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 15213 Pageviews. |
|
|
เรื่องนี้ติดไว้ก่อนนะไม่ค่อยมีเวลา ไว้อ่านย้อนที่หลังนะ