ผ่อนคลายกับนิยายของ กัณธิชา - รัตมา - มธุกร ค่ะ
 
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
25 กุมภาพันธ์ 2557
 
 
จ้างรักจอมมาร ตอน เจ้าสาวขัดตาทัพ




ปภาพินท์จึงเตรียมแต่งตัวเป็นเจ้าสาวแทนในพิธีวิวาห์ที่ผู้หญิงหลายคนต่างใฝ่ฝันว่าในชีวิตนี้ขอให้ได้เจ้าบ่าวที่หล่อและเพอร์เฟคขนาดนี้บ้างเถอะ ซึ่งปภานันท์ รมณียากร หญิงสาววัย 26 ปี ก็ทำให้สาวๆ เหล่านั้นฝันสลายเมื่อนักธุรกิจหนุ่มประกาศข่าววิวาห์กับเธอ แต่ใครจะรู้กันว่าเบื้องหลังฉากแต่งงานที่แสนหวานมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดเลย เมื่อน้องสาวเป็นคนเข้าพิธีวิวาห์แทนต่างหากเพื่อรักษาชื่อเสียงของครอบครัว

“ทำไมช่างแต่งหน้าถึงยังไม่มาอีกนะ เดี๋ยวลองโทรถามดีกว่า” ดวงทิวาบ่นงึมงำเมื่อนั่งรอให้มาแต่งตัวเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว พร้อมกับที่มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดไปยังร้านเวดดิ้งสตูดิโอที่ได้รับหน้าที่จัดการเรื่องนี้ คอยอยู่ไม่นานเจ้าของร้านก็กดรับสาย

“สวัสดีค่ะร้านหทัยเวดดิ้ง สตูดิโอค่ะ”

“นี่ฉันดวงทิวานะคะ จะโทรมาถามว่าป่านนี้ทำไมช่างแต่งหน้ายังมาไม่ถึงโรงแรมอีกกันคะ”

“ไม่ทราบว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นใครคะ” อีกฝ่ายถามกลับมาพร้อมกับเปิดสมุดดูรายการที่นัดไว้

“คุณอิศเรศกับปภานันท์ลูกสาวของฉันน่ะค่ะ”

“เอ๊ะ ช่างแต่งหน้าที่ร้านไปที่โรงแรมกรีนทาวน์แล้วนะคะ” เจ้าของร้านยืนยันกลับมาให้ได้รับรู้

“โรงแรมกรีนทาวน์เหรอคะ ไม่ใช่นะคะโรงแรมที่จัดงานเนี่ยคือโรงแรมเวลคัมนะคะ”

“อ้าวเหรอคะแต่ว่ามีคนโทรมาช่วงบ่ายโมงนะคะว่าเปลี่ยนที่แต่งหน้าเป็นโรงแรมกรีนทาวน์น่ะค่ะ” หทัยวดีแย้งกลับไป ดวงทิวารับรู้ว่าต้องเป็นฝีมือของปภานันท์ลูกสาวคนโตแน่นอนจึงไม่ได้เถียงอะไรกลับไป

“คงจะสั่งงานไม่รู้เรื่องน่ะ ให้ช่างแต่งหน้าของเธอมาที่นี่เลยนะเจ้าสาวรออยู่” มารดาของเธอแสดงอารมณ์ไม่พอใจทั้งยังทำอาการทอดถอนลมหายใจโดยแรงด้วย

“ได้ค่ะ” หลังจากนั้นคุณดวงทิวาก็กดวางสาย

โดยเพียงไม่นานช่างแต่งหน้าก็มาถึงห้องที่เธอได้นัดช่างแต่งหน้าไว้ อีกฝ่ายสะพายกระเป๋าใส่เครื่องสำอางมาและบ่นอย่างสงสัยด้วยความงุนงง

“ตกลงนัดที่เดิมเหรอคะ ก็ว่าอยู่ทำไมไม่เห็นเจ้าสาวมาสักที แถมห้องก็ไม่มีจองไว้ด้วย”

“คนสั่งงานคงจะเบลอน่ะค่ะ มาแต่งหน้าเถอะค่ะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียว เดี๋ยวจะไม่ทันค่ะ” มารดาของหญิงสาวสั่งการโดยเร็ว

“ได้ค่ะ” หลังจากนั้นช่างแต่งหน้าก็เริ่มทำการแต่งตัวให้กับปภาพินท์ในทันทีอย่างไม่ยอมให้เสียเวลาอีก

อิศเรศก้าวลงมายังชั้นล่างด้วยสีหน้าที่ดูแย่อย่างมาก ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีวงหน้าหล่อคม และนัยน์ตาสวยไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชายเลยเพียงแต่ว่าพี่ชายมีใบหน้าที่ดูคมเข้ม และเคร่งขรึมมากกว่า คนน้องดูเป็นคนขี้เล่น เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสวมทับเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวพลางเดินเข้ามาหาพี่ชายคนโตและเรียกอีกฝ่าย

“เจ้าสาวยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอครับพี่อิฐ” แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าจะไม่ได้ยินเขาจึงต้องเรียกซ้ำอีกคราวหนึ่ง “พี่อิฐครับใจลอยไปหาเจ้าสาวรึไงกันครับ”

“ใจลอยบ้าอะไรกันล่ะ แกรู้ไหมนายอัคว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉันน่ะ” เห็นสีหน้าของพี่ชายดูเครียดอย่างมากจึงถามกลับไปอย่างซักไซ้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับพี่อิฐ” เขาดึงร่างของน้องชายไปยังบริเวณที่ไม่มีคน

“แกรู้ไหมว่าเจ้าสาวของฉันหายตัวไปจากงานนี้น่ะ” เพียงได้ยินนัยน์ตาของอัคคีก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

“พี่อิฐว่ายังไงนะครับ เจ้า...” ยังไม่ทันพูดออกมามือของอิศเรศก็ปิดไปยังปากของน้องชายทันทีพร้อมกับทำแววตาดุใส่

“แกจะแหกปากให้ครอบครัวอับอายไปทำไมกันนายอัค” เมื่อเจอเสียงปรามใส่อัคคีจึงเบาเสียงลง

“แล้วพี่อิฐทำยังไงล่ะครับในเมื่อเจ้าสาวหายตัวไปอย่างนี้”

“ทำยังไงฉันก็หาเจ้าสาวสำรองน่ะสิ นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้ครอบครัวนั้นทำให้ครอบครัวเราขายหน้ารึไงกัน” พอได้ยินคำว่าเจ้าสาวสำรองคิ้วเข้มของน้องชายก็ขมวดเข้ามาชนกันมุ่น

“พี่อิฐไปเอาใครมาเป็นเจ้าสาวสำรองครับ”

“ก็ฝาแฝดเจ้าสาวไงล่ะ” อิศเรศบอกให้เจ้านายได้ทราบอย่างชัดเจนด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก


ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เตรียมตัวจนเกือบเสร็จเรียบร้อย วงหน้าเรียวรูปไข่กับนัยน์ตากลมโตประดับด้วยแพขนตางอนงามกำลังมองไปยังกระจกเบื้องหน้า ยามนี้วงหน้านวลได้รับการแต่งอย่างงดงาม พร้อมกับเส้นผมที่ดัดเป็นลอนคลอเคลียลงมายังบ่าเล็กที่เปิดเผยความนวลเนียนของไหล่มนทั้งสองด้าน ซึ่งอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวประดับด้วยช่อดอกกุหลาบสีเดียวกันยังต้นแขนเล็ก ปักด้วยมุกเป็นรูปดอกไม้บนชุดแต่งงานแสนสวย

ปล่อยชายกระโปรงยาวไปจนถึงพื้น ช่างแต่งตัวก็หยิบผ้าคลุมผมแบบลูกไม้สีขาวมาประดับลงไปยังศีรษะที่ปล่อยเส้นผมนุ่มสลวยลงมายังแผ่นหลังนวลเนียนจนเสร็จเรียบร้อยจึงเอ่ยชมออกมา

“สวยมากเลยค่ะ ทุกคนจะต้องอิจฉาเจ้าบ่าวที่ได้เดินกับเจ้าสาวที่งามมากอย่างคุณ” พลางตบมือและยิ้มอย่างพึงพอใจ ปภาพินท์นึกอยู่ในใจ

“แค่เจ้าสาวตัวปลอม ไม่มีอะไรน่าอิจฉาเลยสักนิด”

อิศเรศมองไปยังนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าใกล้เวลาที่งานจะเริ่มแล้วจึงหันไปบอกกับน้องชายของตนเองที่ยืนอยู่ด้วยกัน ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเมื่อครู่ของอัคคีก็พลันหายไปด้วย

“ฉันขอขึ้นไปดูแม่นั่นหน่อยนะว่าแต่งตัวเสร็จรึยัง”

“ครับพี่อิฐ”

ซึ่งในขณะที่เขากำลังจะเดินไปยังห้องแต่งตัวนั้น ช่างแต่งหน้าก็เดินออกมายังด้านนอกอย่างพอดีเพื่อจะลงไปบอกให้เจ้าบ่าวได้ทราบ แต่พอเห็นเขาก็เดินยิ้มเข้ามาหา

“กำลังจะลงไปบอกอยู่พอดีเชียวค่ะ”

“บอกอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มย้อนถามกลับไปด้วยความสงสัย

“เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ”

“เหรอครับขอบคุณนะครับ”

แล้วอิศเรศก็ตรงเข้าไปยังห้องแต่งตัวเป็นช่วงเดียวกับที่ปภาพินท์ลุกขึ้นยืนทำให้เขาได้กวาดตามองกายระหงอย่างเต็มตาด้วยชุดแต่งงานตัวยาวแบบพินิจพิจารณาในลักษณะตะลึง เขารำพึงออกมาอย่างลืมตัวราวกับตกอยู่ในมนต์เสน่หาของอีกฝ่าย

“สวยมาก สวยจริงๆ” อิศเรศก้าวเข้าไปหาเธอด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกายพราวหวาน โดยยื่นมือของตนเองออกไปให้ยังเบื้องหน้าและบอกอย่างเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มที่ปภาพินท์มองว่าเป็นรอยยิ้มซึ่งดูดีและน่ามองอย่างมากทีเดียว “เราลงไปต้อนรับแขกกันเถอะ”

“ค่ะ” เธอตอบรับเขากลับไปด้วยน้ำเสียงเบา

ก่อนจะวางมือของเธอลงไปยังมือของเขาซึ่งอิศเรศก็กุมมือนุ่มไว้อย่างแนบแน่น วงหน้าเรียวเงยหน้ามองเขาซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นัยน์ตาคมก้มลงมาหาเธออย่างพอดิบพอดีทำให้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวอย่างจับจังหวะไม่ถูกด้วยความตื่นเต้น ไม่นึกเลยว่าตนเองจะได้มายืนเคียงข้างเขาในงานแต่งงานนี้แทนพี่สาวของตนเอง

เธอไม่ชื่นชอบเขาเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเจ้าชู้อย่างมากควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่น่าแปลกที่สุดท้ายกลับยอมที่จะแต่งงานกับพี่สาวตนเอง ก็แน่อยู่แล้วพี่นันท์ทั้งสวย และทำงานเก่ง คงไม่มีใครคนไหนมองผ่านพี่นันท์ง่ายๆ หรอก แม้ว่าหญิงสาวจะต่อต้านบิดากับมารดาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มาก อาจจะทำให้พี่นันท์เสียใจ แต่ทั้งสองก็ไม่ฟังคำของตนเองเลย ยังคงยืนยันที่จะให้พี่สาวช่วยเหลือเรื่องนี้เพื่อทดแทนบุญคุณ โดยผู้เป็นพี่สาวก็ยอมช่วยเหลือแต่พอช่วยเสร็จก็ชิ่งหนีไป ทิ้งให้เธอต้องอยู่รับหน้ากับผู้ชายร้ายกาจเช่นเขาแทน

เพียงมือของปภาพินท์วางลงไปบนมือเขาก็ถูกบีบโดยแรงทันทีและบอกด้วยน้ำเสียงกร้าว นัยน์ตาที่เป็นประกายพราวหวานเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้ายกาจ

“แสดงเป็นพี่สาวเธอให้เนียนนะ ถ้าทุกคนรู้ว่าเจ้าสาวฉันหายล่ะก็ ครอบครัวเธอได้บรรลัยแน่” เขาเน้นตรงประโยคสุดท้ายให้ปภาพินท์ได้ยินอย่างชัดเจน

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะฉันจะไม่ทำให้ครอบครัวฉันบรรลัยอย่างแน่นอน”

“ดี ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”

เขาเน้นประโยคสุดท้ายให้เธอฟังซ้ำด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ภาพความอ่อนโยนที่เธอเคยได้รับกลับแปลเปลี่ยนไปเป็นอาฆาต มันก็น่าที่จะเป็นอย่างนั้นหรอก ในเมื่อพี่นันท์กำลังจะทำให้เขาและครอบครัวอับอายและขายขี้หน้าอย่างมากมาย

เมื่อคุณพงศ์พันธ์และคุณบุษราเห็นลูกชายจูงมือของว่าที่ลูกสะใภ้เข้ามายังงานก็เดินเข้าไปหาและบอกด้วยความชื่นชม

“เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากเลยจ้ะ ตาอิฐก็หล่อ หนูนันท์ก็สวย”

“นั่นสิสมกับยังกับกิ่งทองใบหยกทีเดียว”

บิดามารดาของเขาบอกด้วยความรู้สึกยินดีปรีดา โดยทั้งสองก็ทำการต้อนรับแขกที่มาในงานของตนเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ใครจะรู้ว่าทั้งคู่ต้องซ่อนความรู้สึกแย่ไว้ภายในมากเพียงใด แต่น่าแปลกที่พี่นันท์ไม่ได้ชวนเพื่อนมาที่งานนี้เลย หรือว่าพี่นันท์ไม่อยากให้ใครรู้ถึงเรื่องนี้กัน แต่ก็โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีคนรู้จักของพี่นันท์มาเธอก็เลยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนจับได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแขกของครอบครัวทางฝ่ายชายมากกว่า

กระทั่งได้เวลาที่คู่บ่าวสาวจะต้องขึ้นไปกล่าวคำพูดบนเวที ทุกคนก็ต่างปรบมือกันอย่างเกรียวกราว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็มอบรอยยิ้มให้กับแขกเหรื่อ เขาหันมากำชับเธอ

“เล่นให้เนียนนะ จำที่ฉันบอกได้รึเปล่า อย่าให้พลาดไม่อย่างนั้นครอบครัวเธอได้อับอายแน่” หญิงสาวก็ตอบกลับไปเพื่อให้เขามั่นใจในตนเอง

                “จำได้ค่ะเรารู้จักกันเพราะครอบครัวแนะนำให้รู้จัก แล้วเราก็คบหากัน เราเข้ากันได้ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนเลือกคู่ด้วยตัวเองก็ตาม ถูกไหมคะ” ปภาพินท์ทวนให้เขาได้ฟังหมดทุกประโยคซึ่งท่องไว้หลังจากที่เธอรับหน้าที่เป็นเจ้าสาวตัวปลอมให้กับนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อ

                “ใช่แบบนี้เลยล่ะ เวลาขึ้นไปบนเวทีอย่าให้พลาดก็แล้วกัน”  อิศเรศกำชับหญิงสาวอีกคราวหนึ่ง “เข้าไปในงานกันได้แล้ว”เขาเอ่ยชักชวนพร้อมกับกุมมือเรียวของปภาพินท์เข้าไปยังในงาน

ซึ่งระหว่างทางเดินไปยังเวทีนั้นปูด้วยพรมยาวสีแดง รายล้อมซุ้มเสาขนาดเล็กสีขาว ที่ประดับด้วยกุหลาบเป็นช่ออย่างสวยงามจนพลอยทำให้ปภาพินท์อดนึกถึงชีวิตของตนเองไม่ได้ ว่าถ้าเป็นเรื่องจริงเธอได้แต่งงานกับคนที่รักกับงานวิวาห์ที่จัดไว้อย่างสวยหรูเช่นนี้ เธอคงรู้สึกมีความสุขมากทีเดียว แต่อย่างเธอคงไม่มีวันได้จัดงานใหญ่โตอย่างนี้หรอก

ที่ยืนอยู่ในงานนี้ก็เพราะว่ามันเป็นเพียงงานจอมปลอมที่เธอต้องแก้หน้าให้กับครอบครัวของเขาและครอบครัวของเธอ แต่ก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เมื่อมือของตนเองถูกนักธุรกิจหนุ่มกุมไว้อย่างแนบแน่น อิศเรศก็พาเธอเดินขึ้นไปบนเวทีทางเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยทักทายแขกที่อยู่ในงานด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณแขกทุกคนที่มาในงานแต่งงานของผมนะครับ ผมรู้สึกดีใจมากเลยครับที่ได้มีงานแต่งงานสำคัญในค่ำคืนนี้” ปภาพินท์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกแย่อย่างมากทีเดียวกับประโยคที่เขาพูดมันเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คิด แต่มันไม่ใช่เลย เขาส่งไมค์โครโฟนมาให้หญิงสาวได้พูดทักทายเช่นกัน

“ขอบคุณทุกคนนะคะที่มาร่วมในงานวันแต่งงานของเราสองคนค่ะ”

“ถ้าหากว่ามีอะไรที่ดูไม่ดีหรือว่าขาดตกบกพร่องไปเราสองคนก็ต้องขออภัยกับทุกคนด้วยนะครับ”

อิศเรศยังคงทำทุกอย่างไปตามปกติเหมือนเช่นเดิม ราวกับไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เธออดชื่นชมเขาไม่ได้ที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเธอยังคิดถึงแผนการนี้ไม่ออกเลย ยามนี้เขายังกุมมือของเธอไว้ไม่ปล่อย จนพลอยคิดว่าไม่อยากให้เขาปล่อยมือของตนเองเลยด้วยซ้ำ นี่เธอกำลังคิดอะไรไร้สาระไปใช่ไหมเนี่ย

อดที่จะขอบคุณอีกฝ่ายไม่ได้ที่เขาไม่ได้โวยวายเพื่อทำให้ครอบครัวของเธอต้องอับอาย เมื่อพี่นันท์หายตัวไปจากงานแต่งงาน ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกต่อว่าด้วยความรุนแรงแล้ว และก็คงยกเลิกงานวิวาห์ในค่ำคืนนี้ไปแล้วล่ะ ซึ่งครอบครัวของเธอก็เตรียมรับความอับอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ได้เลย

“ทราบว่าทั้งสองคนไม่ได้ตัดสินใจที่จะคบหากันเองใช่ไหมครับเจ้าบ่าว” พิธีกรหนุ่มถามฝ่ายชาย ซึ่งเขาก็ตอบรับกลับไปให้ทุกคนได้รู้

“ใช่ครับคุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนแนะนำให้ผมได้รู้จักและคบหากับคุณนันท์ลูกสาวของเพื่อนเก่าคุณพ่อน่ะครับ”

“อย่างนั้นคุณนันท์ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าทำไมถึงยอมให้ครอบครัวจัดการเรื่องความรักครับ”

“คือนันท์มั่นใจน่ะค่ะว่าคุณพ่อกับคุณแม่คงไม่แนะนำผู้ชายไม่ดีให้ลูกสาวแน่นอน” พิธีกรก็สอบถามต่อ


“แล้วตอนที่คุณอิศเรศเห็นคุณนันท์ครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างคะ ชอบเลยรึเปล่าคะ” เขาหันมายังเจ้าสาวและมองเธออย่างตาหวานคล้ายบอกให้รู้ว่าเธอพิเศษกับเขามากเพียงใด ก่อนที่เขาจะยิ้มให้อย่างมีเสน่ห์

“พอผมเห็นคุณนันท์ ผมก็ชอบคุณนันท์เลยครับ” ชายหนุ่มบอกให้ทราบความรู้สึกของตนเองและนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเธอหันมาทางเขาและเอ่ยทักทายเรียกตนเอง

‘สวัสดีค่ะคุณอิศเรศ’

‘สวัสดีครับคุณนันท์’

เขารับรู้ว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ยอมให้ครอบครัวเป็นคนสรรหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาให้กับเขา เพราะไม่แน่ว่าถ้าหาเองอาจจะไม่ได้สวยและดูดีได้ถึงเพียงนี้ ปภาพินท์สบกับนัยน์ตาคมที่มองมาจนรู้สึกสะเทิ้นด้วยความเขินไม่ได้กับสายตาที่เขามองตนเองมาอย่างเป็นประกายพราวหวาน พิธีกรสาวจึงอดที่จะพูดอย่างสัพยอกเจ้าบ่าวไม่ได้

“เป็นใครก็ต้องชอบเจ้าสาวอย่างคุณนันท์ค่ะ ออกจากสวยและยิ้มหวานอย่างนี้”

“แล้วเจ้าสาวล่ะคะประทับใจอะไรในตัวเจ้าบ่าวอย่างคุณอิศเรศคะ”

ปภาพินท์มองไปยังวงหน้าคมที่อยู่ไม่ไกลพลางนึกถึงวันที่ตนเองได้พบกับเขาเมื่อก้าวบันไดลงมายังชั้นล่าง พลางมองอย่างชื่นชมว่าอีกฝ่ายยิ่งนัก แต่พอเธอได้เห็นภาพผู้หญิงสองคนตบตีกันเพราะเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่สนใจ มันจึงทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่แย่อย่างมาก ซึ่งนั่นไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่ได้พบแต่ได้เห็นถึงสองคราวทีเดียว อดที่จะนึกถึงพี่นันท์ไม่ได้ว่าถ้าแต่งงานไปกับผู้ชายที่ไม่รู้จักพอจะมีความทุกข์แค่ไหนกัน แต่ปภาพินท์ก็จำต้องบอกความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เมื่อเธอต้องเป็นตัวแทนของพี่นันท์บอกความรู้สึกที่โกหกสิ้นดี

“ก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หล่อแล้วก็ดูดีอย่างมากเลยค่ะ”

“เรียกได้ว่าต่างคนต่างประทับใจกันตั้งแต่แรกเห็นเลยใช่ไหมคะ” พิธีกรสาวสอบถามออกมาต่อคราวนี้ทั้งสองก็ต่างหันมามองกันในทันทีก่อนจะพยักหน้าตอบรับกลับไปพร้อมกัน

“ใช่ครับ/ใช่ค่ะ”

“ก็เลยตัดสินใจคบหากันเลยใช่ไหมคะ แล้วว่าแต่มีปัญหาอะไรในการคบกันรึเปล่าคะ ที่ถามเนี่ยเพราะขนาดคนที่รักกันมาก่อนคบหาใกล้ชิดกันยังมีปัญหาเลย แล้วคู่ของทั้งสองคนที่ไม่ได้คบกันด้วยความรักเหมือนคนอื่นก็น่าจะมีเหมือนกันนะคะ

“ให้เจ้าสาวเป็นคนตอบละกันค่ะ” พิธีกรทั้งหนุ่มและสาวต่างตั้งคำถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ปภาพินท์เหลือบสายตาไปยังเจ้าบ่าวที่ยืนเคียงข้างตนเอง ก่อนจะเอ่ยตามที่ได้ท่องไว้กับเขาเมื่อครู่นี้
++++++++++++
เอาตอนต่อไปมาแปะให้อ่านต่อค่ะ ใช้มือถือออนอีกแล้ว

ข้าวเพิ่งเขียนแนวนี้เป็นเรื่องแรกค่ะ ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^ ^




Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2557 12:25:24 น. 2 comments
Counter : 3928 Pageviews.

 
ตอน สถานะเมียตัวปลอม

พอดีต้นข้าวเผลอลบตอนนี้ไปค่ะ


“ถึงเราจะคบกับจากการที่ครอบครัวของแต่ละฝ่ายแนะนำให้รู้จักกันและไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เราสองคนก็เข้ากันได้ดีค่ะ”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนเลือกคู่ด้วยตนเองก็ตาม แต่เราสองคนก็สนิทสนมกันมากครับ จนตัดสินใจแต่งงานด้วยกันตามที่ผู้ใหญ่ต้องการครับ” อิศเรศช่วยเธอตอบคำถามนี้ด้วยทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เธอเป็นคนพูดบอกความรู้สึกฝ่ายเดียว ปภาพินท์ยิ้มให้กับเขาที่ช่วยตนเองพูดด้วย
“ช่วยกันพูดเพื่อยืนยันขนาดนี้ เชื่อแล้วล่ะค่ะว่าถูกใจกันมากจริงๆ”
“อย่างนั้นก็ต้องพิสูจน์ให้แขกในงานเห็นกันหน่อยสิครับว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันมากแค่ไหน เจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยหอมแก้มกันให้แขกในงานได้ชมหน่อยค่ะ”
“ใช่ครับจะได้ยืนยันว่าเข้ากันได้ดีจริงๆ” พิธีกรทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี
“ถ้าอยากให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวหอมแก้มโชว์ ช่วยปรบมือดังๆ ให้กับเจ้าสาวเจ้าบ่าวกันหน่อยค่ะ” เพียงสิ้นคำกล่าวเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน อิศเรศขยับใบหน้าคมเข้าไปใกล้กับใบหน้าเรียวที่แสนอ่อนหวานก่อนจะจุมพิตไปยังแก้มนวลสีระเรื่ออย่างแผ่วเบาด้านซ้าย
“อีกข้างหนึ่งด้วย” แขกในงานเชียร์อย่างชื่นชอบ ชายหนุ่มก็ทำตามเสียงเชียร์ด้วยการหอมไปยังแก้มของปภาพินท์อีกด้านหนึ่งตามเสียงเรียกร้อง
“ต่อไปตาเจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวบ้างครับ” พิธีกรหนุ่มสั่งออกมา หญิงสาวจึงขยับเข้าไปหากายแกร่งและบรรจงใช้เรียวปากนุ่มหอมไปยังแก้มของเขาทั้งซ้ายและขวาโดยเร็วก่อนจะผละออกมา เสียงปรบมือดังอย่างเกรียวกราวอีกคราวหนึ่ง
หลังจากนั้นก็เป็นการเชิญครอบครัวของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบอกกล่าวความรู้สึกและให้โอวาทลูกชายกับลูกสะใภ้ทั้งสองคน
“ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็รีบปรับความเข้าใจกันนะลูกทั้งสองคน” บิดาของอิศเรศบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“แม่อยากเลี้ยงหลานเร็วๆ ด้วยนะตาอิฐ หนูนันท์” ชายสูงวัยจับไปยังบ่ากว้างของเขาด้วยความรักและเอ็นดู
“ถ้าเจ้าอิฐดื้อเนี่ยจัดการได้เลยนะหนูนันท์พ่ออนุญาต” เธอยืนคิดอยู่ในใจ
‘คุณอาคะหนูไม่ใช่พี่นันท์นี่คะจะไปจัดการกับลูกชายคุณอาได้ยังไงกันคะ’
หลังจากที่งานแต่งงานผ่านพ้นไปก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเตรียมเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องนอนของอิศเรศภายในบ้านหลังใหญ่ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างเรียบ ขรึม ช่างไม่ต่างจากบุคลิกเจ้าของห้องเลย ดวงทิวากับสามีก็เข้ามาอวยพรเพื่อให้สมจริงและแนบเนียนเพื่อไม่ให้รู้ว่าเจ้าสาวตัวจริงไม่อยู่ที่นี่แล้ว
“พ่อกับแม่ขอให้ทั้งสองคนมีความสุขมากๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อคุณแม่” ปภาพินท์เป็นคนตอบรับเพียงคนเดียว
“ดูแลกันให้ดีๆ นะทั้งสองคน”
“ครับคุณแม่/ ค่ะ คุณแม่” ทั้งคู่ตอบรับกลับไป น้องชายก็เดินมาอวยพรพี่ชายเช่นกัน
“ผมขอให้พี่อิฐกับคุณนันท์มีความสุขมากๆ นะครับ” อัคคีจำต้องเล่นตามบทที่พี่ชายบอกไว้
“เราออกไปกันดีกว่าอย่าไปรบกวนเวลาของหนุ่มสาวกันเลย”
“ก็ดีค่ะ” ดวงทิวาตอบอย่างเออออเห็นด้วย แต่ใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ แทน

กระทั่งทุกคนอวยพรและพากันออกไปจนหมดแล้ว เธอลุกขึ้นไปเปิดประตูมองดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครยืนอยู่หน้าห้องแล้ว ร่างในชุดเจ้าสาวจึงหันมาทางเขาและบอกความรู้สึกของตนเองให้เขาได้รับรู้อย่างจริงใจ แม้ว่าเธอจะไม่ชื่นชอบเขานักกับภาพลวงตาที่ได้พบในรูปถ่าย แต่ก็รู้สึกแย่ไปกับอีกฝ่ายเช่นกันเมื่อโครงการที่สวยหรูมันไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิดไว้เลย
“แล้วคุณจะบอกกับครอบครัวยังไงล่ะคะเรื่องพี่นันท์น่ะค่ะ ฉันเสียใจด้วยนะคะที่แผนซึ่งคุณวางไว้ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้” อิศเรศมองหน้าของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบให้เธอได้ทราบอีกคราว
“เธอไม่ต้องเสียใจหรอก เพราะสิ่งที่ฉันคิดไว้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม”
“คุณหมายความว่ายังไงเหรอคะคุณอิฐ” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เขาก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยเป็นลักษณะประจำตัวของเขา แต่แววตาที่สื่อออกมามันกลับไม่ใช่เลย
“ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมน่ะล่ะและเจ้าสาวของฉันก็ต้องไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศกับฉันตามความตั้งใจเดิมด้วย” ได้ยินดังนั้นปภาพินท์ก็ย้อนถามเขากลับไปด้วยความงุนงง
“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าเจ้าสาวของคุณต้องไปฮันนีมูนกับคุณตามความตั้งใจเดิม”
“ก็เจ้าสาวของฉันก็คือเธอไงล่ะ ต้องอยู่ที่นี่กับฉันในฐานะเมียของฉันแทนพี่สาวเธอ” ริมฝีปากที่ปิดสนิทเมื่อครู่เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน จนแมลงวันบินเข้าปากได้อย่างสบาย
“นะ นี่คุณจะให้ฉันเป็นเมียปลอมๆ ของคุณอย่างนั้นเหรอคะคุณอิฐ” ดูเหมือนเธอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาอยากให้ทำอะไร อิศเรศจึงผงกศีรษะตอบรับซ้ำอีกครั้ง
“ใช่ เธอต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้”
“บ้าไปแล้วฉันรับปากแค่ว่าจะช่วยคุณแก้ไขเรื่องงานแต่งงานอย่างเดียวเท่านั้นนะ ฉันไม่ได้รับปากว่าจะมาอยู่ที่บ้านนี้กับคุณเสียหน่อย” พลางทำสีหน้าขุ่นเคืองแบบไม่ชอบใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้นี้
“ยังไงเธอก็ต้องมาอยู่ที่บ้านนี้กับฉัน” อิศเรศเอ่ยยืนยันให้เธอได้ฟังอีกคราว เธอรีบปฏิเสธเสียงลั่นแบบหัวชนหัว อะไรกันก็ตอนแรกตกลงกันไว้แค่เป็นเจ้าสาวตัวปลอมเฉยๆ แต่นี่กลับจะให้ตนเองไปเป็นเมียตัวปลอมอีก ใครจะทำกัน ไม่มีวันเด็ดขาด พร้อมกับยืนยันเสียงแข็งดังเดิม
“ฉันไม่เป็นเด็ดขาด” นั่นจึงทำให้นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนป็นแข็งกร้าวมากขึ้นด้วยความโกรธ
“เอาสิถ้าเธออยากให้คนรู้ว่าพี่สาวเธอหนีตามผู้ชายไปในวันแต่งงาน ทั้งที่รับปากไว้อย่างดิบดีว่าจะแต่งงานกับฉัน คิดดูละกันว่าชื่อเสียงของพี่สาวเธอจะเน่าขนาดไหน”
อิศเรศบอกอย่างข่มขู่เธอ มันจึงทำให้ปภาพินท์ได้แต่มองหน้า เมื่อได้ฟังถึงสิ่งที่อีกฝ่ายจะทำ มีหวังครอบครัวเธอคงต้องเอาปี๊บคลุมหัวเป็นแน่เลย ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ล่ะก็ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อก็เม้มเข้าหากันแน่น เหมือนกำลังคิดตัดสินใจว่าควรจะทำเช่นไรดี
“คุณขู่ฉันเหรอคะ”
“ฉันไม่ได้ขู่แต่ฉันพูดจริง เลือกเอาละกันว่าจะช่วยรักษาชื่อเสียงให้พี่สาวของตัวเอง หรือว่าจะทำให้พี่สาวขายขี้หน้า” เขาเป็นคนที่ร้ายกาจมากคนหนึ่งทีเดียว หญิงสาวพลางทำท่าถอนหายใจออกมาอย่างหอบเหนื่อยราวกำลังระงับอารมณ์โมโหไว้ข้างในใจ ก่อนจะเอ่ยกับเขาหลังจากนั้น
“ฉันขอปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ เพราะว่าฉันตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้หรอกค่ะ” บางทีท่านทั้งสองอาจจะมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องให้เธอต้องมาอยู่กับเขาที่บ้าน อิศเรศก็ยินดียอมทำตามอย่างว่าง่าย
“ได้ ตามสบายเลย”
“อย่างนั้นฉันขอกลับบ้านของฉันเลยก็แล้วกันนะคะในเมื่องานคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว” ซึ่งเมื่อบอกเสร็จปภาพินท์ก็เตรียมเดินไปยังประตูเพื่อเตรียมเปิดออกไปยังด้านนอก แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิดมือเรียวของเธอก็ถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่และบอกอย่างห้ามปราม
“เธอห้ามไปไหนนะปภาพินท์” เขาจับไปยังแขนเล็กและบีบโดยแรง เธอจึงหันมาอธิบายให้เขาได้ฟัง
“ก็เมื่อกี้ฉันบอกคุณแล้วไงล่ะคะ ว่าฉันตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้ คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันจะต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย” มือเรียวเตรียมทำตามดังเดิมแต่เขาก็ดึงร่างนวลเข้ามาโดยแรง
“อุ๊ย”
เธออุทานออกมาอย่างตกใจ และเพราะไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้ร่างนวลเซไปยังกายสูงที่ฉุดมือเรียวเมื่อครู่นี้ทำให้เธอยกมือทั้งสองเผลอกอดคอเขาไว้อย่างแนบแน่นเพราะกลัวล้มลงไปกองที่พื้น ซึ่งในยามนี้กายระหงตกอยู่ในวงแขนแกร่งอย่างใกล้ชิด เมื่อเขาดึงตนเองเมื่อครู่อย่างแรง ใช่เพียงเท่านั้นใบหน้านวลกับวงหน้าหล่อก็ใกล้กันอย่างไม่ตั้งใจด้วย นัยน์ตากลมที่ประดับด้วยขนตางอนงามมองเขาด้วยความประหลาดใจ ประสานกับดวงตาคมที่แสดงความไม่พอใจเมื่อเธอดึงดันที่จะทำดังเดิม
“บอกแล้วไงล่ะ ว่าไปไม่ได้ฟังไม่เข้าใจรึไงกัน”
เพราะความใกล้ชิดอย่างที่ไม่ได้คาดหวังทำให้ปภาพินท์รู้สึกหวาดหวั่น เมื่อทรวงนุ่มเบียดชิดกับแผงอกกว้างพร้อมกับหน้าท้องแบนราบก็แนบสนิทกับหน้าท้องแกร่งที่อยู่ในชุดสูทด้วยเช่นกัน ซึ่งสะโพกเต็มตึงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวก็แนบกับกายเบื้องล่างของอิศเรศที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีเดียวกันจนไม่สามารถมีสิ่งใดแทรกเข้ามาอยู่ระหว่างร่างของทั้งคู่ได้ มือใหญ่กระชับเอวเล็กไว้ด้วยเมื่อเธอทรงกายไม่อยู่เมื่อครู่นี้
ปกติเธอเองก็เคยกอดเพื่อนผู้ชายออกบ่อย แต่เป็นไปในลักษณะโอบบ่า แต่ไม่เคยเลยที่จะกอดใครแบบชิดใกล้เช่นนี้ ถ้าเป็นคนรักก็ว่าไปอย่างมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นี่คนรักก็ไม่ใช่คนใกล้ชิดก็ไม่เชิง เธอกับเขาเพิ่งมาพูดกันมากขึ้นก็วันนี้เอง หัวใจของปภาพินท์เต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะราวกับมีบางอย่างวิ่งวนภายในช่องเท้า พลันนึกถึงคำพูดในหนังสือนิยายรักที่ตนเองเคยอ่านเจอว่า
เวลานางเอกใกล้ชิดพระเอก หัวใจก็จะเต้นโครมครามไม่หยุด ใช่เพียงเท่านั้นก็รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องเป็นสิบตัว ตอนที่เธออ่านเจอก็ได้แต่นึกสงสัยว่าอาการมันจะเป็นยังไงนะอยากรู้จริงเชียว เพราะว่าตั้งแต่ที่เติบโตเป็นสาวมาก็ยังไม่เคยเข้าใจความหมายในนิยายหลายเล่มที่นักเขียนชอบพิมพ์เสียที แต่ตอนนี้เหมือนเธอจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อมันรู้สึกซ่านหวิวไปทั่วร่างกับการใกล้ชิดระหว่างตนเองกับนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อเบื้องหน้า
วงหน้านวลเงยขึ้นมามองเขาอย่างเขินอาย แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มในพลันเมื่อสบกับดวงตาคู่คมที่มองจ้องตนเองอยู่อย่างไม่ละไปทางใดก็ทำให้ปภาพินท์ลืมไปเลยว่าจะพูดอะไร ทางด้านของอิศเรศก็รู้สึกตกใจเช่นกันที่ตนเองดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาร่างแกร่งเช่นนี้ เพียงได้กอดร่างนุ่มก็ทำให้เอาใจเขารู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะเมื่อมือใหญ่ได้กอดไปยังเอวระหงอย่างแนบชิดแบบไม่ตั้งตัว มันทำให้เขารับรู้ว่าร่างในอ้อมแขนนุ่มมากเพียงใด
จนแทบไม่อยากที่จะละมือออกมาจากเอวเล็กซึ่งจับไว้เลย ใช่เพียงเท่านั้นเขายังรับรู้ได้ถึงทรวงนุ่มที่อยู่ในชุดเจ้าสาวซึงเบียดชิดกับแผงอกกว้างของตนเอง รวมไปถึงกายเบื้องล่างด้วยที่ช่างพอดีกับสะโพกได้รูปในชุดกระโปรงสวย เล่นเอาเขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาในพลัน จนอดตกใจกับตัวเองข้างในไม่ได้ ว่ายายเด็กแก่แดดนี่ทำให้เขาเกิดอารมณ์เร่าร้อนได้เร็วถึงเพียงนี้เลยเหรอ
กับพี่สาวของเธอที่ตนเองเคยสนิทสนมด้วยก็ยังไม่เป็นเช่นนี้เลย แต่ผู้หญิงเบื้องหน้ากลับทำให้เกิดขึ้นได้ บ้าไปแล้ว เป็นไปได้ยังไงกันที่ร่างกายของเขาเกิดความต้องการอยากครอบครองร่างของอีกฝ่าย นัยน์ตาคู่คมสบประสานกับนัยน์ตาที่ทอประกายความสดใด อิศเรศกวาดมองไปยังวงหน้างามที่ได้รับการแต่งแต้มอย่างน่ามองสำหรับค่ำคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก้มนวลที่เป็นสีชมพูเข้มราวผลเชอรี่สุกที่น่าหยิบขึ้นมาลิ้มรส
จมูกที่เชิดรั้นบ่งบอกให้นิสัยเจ้าของอย่างดีว่าดื้อดึงมากเพียงใด ก่อนจะโลมไล้ไปยังเรียวปากนุ่มที่ปิดไม่สนิทและคิดอย่างเพริดไปว่าถ้าได้จูบมันจะหวานมากเพียงใดกัน
“คุณทำอะไรเนี่ยคุณอิฐ” เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคิวเช่นนี้ขึ้นระหว่างเธอกับเขา นั่นจึงทำให้อิศเรศบอกให้เธอได้ทราบ
“ก็ห้ามไม่ให้เธอออกไปจากห้องไงล่ะ”
“ห้ามทำไมกันคุณฟังฉันไม่เข้าใจรึไงกันคะว่า...” ยังพูดไม่ทันจบดีเขาก็บอกอย่างรับรู้
“ฉันรู้ว่าเธอจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอ แต่เธอลืมอะไรไปรึเปล่าว่าวันแต่งงานน่ะเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะต้องไม่ออกมาจากห้องหอเป็นอันขาด ถ้าเธอออกไปแล้วครอบครัวฉันถามจะให้ตอบว่ายังไงกัน” ได้ยินที่เขาบอกจึงทำให้ปภาพินท์คิดได้อย่างเข้าใจ นั่นสิ ไม่มีเจ้าสาวคนไหนออกมาจากห้องหอตอนกลางคืนหรอก
“ฉันไปพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ แล้วว่าแต่คืนนี้จะทำยังไงล่ะคะ”
“ก็นอนในห้องนี้ไงล่ะ” อิศเรศเสนอความคิดเห็นออกไป อย่างไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรสำหรับตนเอง
เพียงรับรู้ว่าคืนนี้ตนเองต้องนอนพักในห้องเดียวกับเขาปภาพินท์ก็มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ก็มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้นึกไว้นี่นา
“หมายความว่าฉันต้องนอนห้องเดียวกับคุณอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่ คืนนี้เธอต้องนอนห้องเดียวกับฉัน”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่นอนเด็ดขาด” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ หัวเด็ดตีนขาดเธอก็ไม่อยู่กับเขาเพียงสองต่อสองหรอก
“เธอกลัวอะไร กลัวฉันปล้ำเธออย่างนั้นเหรอ” พลางทำสีหน้าเหมือนคาดเดาออก
“ก็ฉันหน้าตาเหมือนพี่นันท์น่ะ เกิดคุณหน้ามืดขึ้นมาฉันจะทำยังไงล่ะ” เธอรีบยกเหตุผลขึ้นมาอ้างในพลัน
“มันก็เป็นสิ่งที่ฉันควรได้นี่ เพราะสิ่งที่ฉันได้เจอในคืนนี้มันเป็นเรื่องบัดซบที่สุด” อิศเรศรั้งเอวเล็กเข้ามาปะทะแผงอกกว้าง มือเรียวทั้งสองวางไปยังบ่าแกร่งและผลักไสเขา
“คุณจะทำอะไรฉันกัน”
“ทำอะไรดีล่ะ ชดใช้กับความอับอายของครอบครัวฉันน่ะ” ขณะที่เอ่ยนัยน์ตาก็มองไปยังกายระหงที่อยู่ในชุดสวยตลอดเรือนร่างอย่างจาบจ้วง เพียงเห็นนัยน์ตาที่ทอดมองมาทำให้ปภาพินท์เหมือนทำตัวไม่ถูก มือทั้งสองดูระเกะระกะจนไม่รู้จะวางที่ใด ใช่เพียงเท่านั้นทรวงนุ่มที่อยู่ด้านในก็รู้สึกหวิวหวามไปหมดไม่เคยเจอใครที่ใช้สายตามองตนเองด้วยความเร่าร้อนเช่นนี้เลย
“คะ คุณคงไม่คิดอะไรไม่ดีกับฉันใช่ไหมคะ” ได้ยินที่เขาบอกทำให้ปภาพินท์ย้อนถามเขาเสียงเบา
“แล้วถ้าฉันคิดล่ะ” เพียงเขาบอกเสร็จก็เหวี่ยงร่างนวลลงไปยังเตียงกว้างพร้อมกับทิ้งกายกำยำตามลงไปและกักร่างนุ่มไว้ในวงแขนแกร่ง ขณะที่ปภาพินท์ก็กรีดร้องบอกเขา
“ปล่อยฉันนะคุณอิฐ ปล่อยฉัน!” โดยมือเรียวผลักไสร่างแกร่งเป็นพัลวัน
“จะร้องทำไมนักเนี่ย จะให้คนเขาแห่มาดูรึไง ว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวฉันน่ะ” อิศเรศทำน้ำเสียงข่มขู่ใส่
“ก็คุณคิดไม่ดีกับฉันนี่ คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับฉันนะ ฉันไม่ใช่พี่นันท์” เธอรีบชี้แจงให้เขาได้ทราบในทันที
“นึกว่าอยากแตะนักรึไงกัน มีผู้หญิงที่สวยมากกว่าเธออีกที่อยากให้ฉันนอนด้วย ผู้หญิงจืดชืดเหมือนน้ำเปล่าอย่างเธอน่ะฉันไม่อยากแตะนักหรอก” เขาบอกด้วยความเข่นเขี้ยวเมื่อเห็นเธอหวงเนื้อหวงตัวเหลือเกินจนน่าหมั่นไส้ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรให้น่าจับต้องนักเลย
“ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูดก็ดี ฉันจะขอบคุณคุณมากเลยค่ะคุณอิฐ” มือเรียวทั้งสองยกขึ้นกอดอกของตนเองด้วยอาการตัวสั่นอย่างรู้สึกหวาดหวั่น”
นัยน์ตาของอิศเรศมองไปยังขาเรียวซึ่งกระโปรงเลิกขึ้นมาสูงซึ่งเป็นผลจากที่เธอดิ้นอย่างไม่ยอมเขา และเมื่อปภาพินท์เห็นเขามองมาที่ตนเองก็ไล่ตามสายตาก่อนจะรับรู้ว่าเขาจ้องสิ่งใด มือเรียวรีบดึงกระโปรงลงมาปิดโดยเร็ว อิศเรศพลางทำปากเบะใส่อย่างหมิ่นแคลน
“ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าบทหวงตัวของเธอน่ะฉันมองแล้วไม่ได้รู้สึกอินเลยสักนิด พี่สาวใจง่ายยังไงน้องสาวก็คงไม่ต่างกันหรอก ทำเป็นปิดกระโปรงเหมือนไร้เดียงสา เขินอายแต่ความจริงก็คงพอกันน่ะล่ะ”
“ฉันไม่นึกเลยนะว่าคุณจะเป็นผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้” เธอรู้สึกแย่กับคำพูดของเขายิ่งนัก
“ก็ตั้งแต่ฉันเจอผู้หญิงที่หน้าไร้ยางอายแบบพี่สาวของเธอไงล่ะ มันเลยทำให้ฉันมองลูกสาวบ้านนี้อย่างดูถูกเหมือนกันหมด”
“ก็ได้ฉันจะยอมนอนกับคุณ” เพียงได้ยินอิศเรศย้อนถามกลับไปอย่างไม่ออมคำ
“เธออยากนอนกับฉันเหรอปภาพินท์” เมื่อรับรู้ว่าตนเองพูดจากำกวมในลักษณะสองแง่สองง่ามจนทำให้อีกฝ่ายตีความหมายผิดไป จึงรีบแก้คำพูดของตนเองโดยเร็ว
“เอ่อ ไม่ใช่ ฉันจะยอมนอนห้องเดียวกับคุณก็ได้คืนนี้”
“ก็แค่นี้ทำมากเรื่องไปได้”
+++++++++++++
เอาตอนต่อไปมาแปะให้อ่านต่อค่ะ เรื่องนี้กำลังเร่งจัดหน้าอยู่ค่ะ


โดย: tonkho-w วันที่: 17 มีนาคม 2557 เวลา:16:00:13 น.  

 
เริ่มเรื่อองก็สนุกแล้ว


โดย: รัตยา IP: 27.55.224.31 วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:21:00:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

tonkho-w
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]





โปรโมชั่นพิเศษ
ซีรีย์ กับดักรักมาเฟีย
4 เล่ม เหลือ 900 บาท จาก 1189
ฟรีค่าส่ง




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่
หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด
เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี

สนพ. รัตมาบุ๊คส์
สั่งซื้อหนังสือของต้นข้าวได้นะคะ





users online

มุมผ่อนคลาย
หนัง ฟังเพลง
ฟังเพลงเกาหลี ฟังเพลงละคร ดูหนังซีรีย์
นิตยสาร
ขวัญเรือน แพรว สุดสัปดาห์



)

ช่วยกด Like & Love ให้สนพ. ข้าวหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจปั่นนิยายมาแปะให้ เพื่อนๆ พี่น้องได้อ่านมากๆ ค่ะ



Ebook ทั้งหมดของรัตมา

เจ้าสาวพรางสิทธิ์รัก
รัตมา
www.mebmarket.com
เจ้าสาวพ่ายเล่ห์รัก
รัตมา
www.mebmarket.com
เจ้าสาวจองจำรัก
รัตมา
www.mebmarket.com
ทัณฑ์ร้ายเล่ห์ลวง
รัตมา
www.mebmarket.com
ทัณฑ์ร้ายเชลยรัก
รัตมา
www.mebmarket.com
< /td>
รักร้ายกามเทพ
รัตมา
www.mebmarket.com
มารปรารถนา
รัตมา
www.mebmarket.com
เพลย์บอยล่ารัก
รัตมา
www.mebmarket.com
ภรรยารักสายลับ
รัตมา
www.mebmarket.com
ซีรีย์ หวานตาวายร้าย 1 ภรรยารักสายลับ2 ยอดยาใจสายลับ3 ร้อยกลยอดวายร้าย4 มนต์รักคาสโนว่าภาคต่อ ซีรีย์ กับดักรักมาเฟีย1 อ้อมกอดจอมมาเฟีย2 ร่ายรักจอมมาเฟีย3 ดวงใจจอมมาเฟีย4 บ่วงรักจอมมาเฟีย
SET กับดักรักมาเฟีย ( อ้อมกอดจอมมาเฟีย + ร่ายรักจอมมาเฟีย + ดวงใจจอมมาเฟีย + บ่วงรักจอมมาเฟีย )
รัตมา
www.mebmarket.com
1 อ้อมกอดจอมมาเฟีย2 ร่ายรักจอมมาเฟีย3 ดวงใจจอมมาเฟีย4 บ่วงรักจอมมาเฟีย
SET Love affection ( สิเน่หาพยศรัก + บ่วงรักปรายใจ + สิเน่หาไฟรัก )
รัตมา
www.mebmarket.com
1 สิเน่หาพยศรัก2 บ่วงรักปรายใจ3 สิเน่หาไฟรัก
SET Touch love ( จ้างรักจอมมาร + ปล้นใจจอมมาร )
รัตมา
www.mebmarket.com
1 จ้างรักจอมมาร 2 ปล้นใจจอมมาร
ปล้นใจจอมมาร
รัตมา
www.mebmarket.com
จ้างรักจอมมาร
รัตมา
www.mebmarket.com
สิเน่หาไฟรัก
รัตมา
www.mebmarket.com
/td>


บ่วงรักปรายใจ
รัตมา
www.mebmarket.com

สิเน่หาพยศรัก
รัตมา
www.mebmarket.com

ดวงใจจอมมาเฟีย
รัตมา
www.mebmarket.com
บ่วงรักจอมมาเฟีย
รัตมา
www.mebmarket.com
Flag Counter

stats for every website
Visits Calculator
New Comments
[Add tonkho-w's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com