|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
22 สิงหาคม 2550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เดิมพันหัวใจ
บทนำ
ในสนามหญ้าซึ่งอยู่ทางด้านข้างของบ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ตัวตึกทาผนังสีขาวนวลตัดกับต้นไม้สีเขียวที่ให้ความร่มรื่น และมีศาลาไทยไม้สักแบบหกเหลี่ยมวางอยู่ใกล้กับสระบัว ภายในมีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจดูหนังสือในมืออย่างขะมักเขม้น นัยน์ตาคมกวาดไปยังรูปชายหนุ่มบนหน้าหนังสือซึ่งอยู่ในต่างประเทศ และสวมชุดนักแข่งรถสีขาว ยืนอยู่บนแท่นหมายเลขหนึ่งพร้อมกับถ้วยรางวัลสีทองในมือ ด้วยรอยยิ้มแบบสง่ากับพวงมาลัยดอกไม้ในคอ ที่บ่งบอกถึงชัยชนะที่ได้มาอย่างน่าภาคภูมิใจ และภาพนี้ก็ทำให้เขานึกอย่างมุ่งมั่นด้วยแววตาจริงจัง
จะต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ คิดและก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี อีกด้านหนึ่งเด็กสาวที่ยืนถือกุหลาบในมือก็กำลังมองอย่างจดๆจ้องๆ จะเข้าไปดีหรือไม่ดีนะ คำพูดของเพื่อนสาวดังขึ้นมาให้ได้ยิน ถ้าเจทไม่กล้า แล้วพี่รุทธิ์จะรู้ได้ยังไงว่าเจทชอบ นั่นสินะมัวแต่ยืนอยู่อย่างนี้พี่รุทธิ์ก็คงจะไม่รู้ว่าตนเองคิดอะไร จึงทำให้ร่างเล็กที่ยืนทางด้านนอก สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่และกล้าที่จะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่เมื่อนึกถึงคำของเพื่อนจบ โดยในมือมีดอกกุหลาบช่อเล็กไว้ทางเบื้องหลัง ลลนาเรียกชื่อเขาออกมาเมื่อไปถึงร่างสูง สวัสดีค่ะพี่รุทธิ์ เพียงได้ยินเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองและถามด้วยความแปลกใจกับใบหน้ายิ้ม ๆของอีกฝ่าย
มีอะไรกับพี่เหรอเจทถามและจ้องหน้าของหญิงสาวด้วยความสงสัย ลลนาก็กล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะพูดดีหรือไม่ดี เอ่อ คือ อ้าวเลยติดอ่างเลย มีอะไรก็พูดออกมาสิเจท เขาถามซ้ำ ด้วยน้ำเสียงเคร่ง ลลนาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรเธอยื่นดอกกุหลาบที่อยู่ในมือให้กับเขาทันที คือ นี่ค่ะดอกกุหลาบถูกส่งมาให้ตรงหน้าของอนิรุทธิ์ ชายหนุ่มก็มองอย่างงง ๆ และถามซ้ำ ให้พี่ทำไมเหรอเจท
เอ่อ เจทชอบพี่รุทธิ์ค่ะ พูดออกมาแบบโล่งอกที่ได้บอกความในใจออกไปแล้ว พร้อมกับยืนรอฟังคำตอบเขาว่าคิดตรงกันกับตนเองหรือไม่ ด้วยตลอดเวลาทั้งคู่สนิทกันอย่างมากมายและไม่ว่าจะอยากไปไหนหรืออยากกินอะไรอยากได้ของอะไรถ้าไม่แพงมากนักชายหนุ่มก็จะซื้อมาให้นั่นจึงทำให้ลลนาคิดว่าพี่ชายคงนี้ก็คงมีความรู้สึกแบบเดียวกับตนเองเช่นกัน หากแต่แล้วคำตอบเมื่อเขาเห็นดอกกุหลาบสีแดงที่อยู่ตรงหน้าก็ตอบปฏิเสธกลับมาในทันที ทำเอาคนที่รอความหวังแทบจะพูดไม่ออก เมื่อความคาดหมายผิดไปจากเดิมมาก ชายหนุ่มส่ายศีรษะและบอกกลับไป เก็บไว้เถอะเจท เขาไม่หยิบแถมยังทำท่าไม่สนใจอีกต่างหาก แล้วก็หันไปอ่านหนังสือในมือต่อ เหมือนกับว่ามันสำคัญกว่าเรื่องนี้ ลลนาเริ่มเบะปาก
ทำไมคะพี่รุทธิ์ คราวนี้เขาเงยหน้าตอบอีกครั้ง มันไม่เหมาะกับพี่เอาไปให้คนอื่นเถอะ อนิรุทธิ์บอกให้อีกฝ่ายรู้ หญิงสาวจึงบอกความในใจของตนกลับไปให้เขาได้ฟัง เจทชอบพี่รุทธิ์จริงๆนะคะ เจท พี่บอกว่าไม่เอาไง ฟังไม่เข้าใจเหรอ เขายังยืนยันคำเดิม ลลนาร้องไห้ออกมาและยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ
แต่เจทอยากให้พี่รุทธิ์นี่คะ พี่ไม่ต้องการเอากลับไปเถอะ บอกแล้วเขาก็เตรียมลุกขึ้นออกไปจากตรงนั้น หญิงสาวยืนน้ำตาซึมอย่างเสียใจที่เขาปฏิเสธ ลลนาส่ายหน้าและตอบ ถ้าพี่รุทธิ์ไม่รับก็ทิ้งไปเถอะค่ะ เพราะเจทก็ไม่เอาคืนเหมือนกัน บอกแล้วก็วิ่งออกไป นั่นจึงทำให้เขามองอย่างอดรู้สึกสงสารไม่ได้เขาไม่อยากปีนเกลียวโดยการรักกับลูกสาวของโค้ชเพราะคนอย่างตนไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง บนห้องนอนร่างเล็กนอนคว่ำหน้าเสียใจที่เขาตอบปฏิเสธตน ฮือ ฮือ ใบหน้านวลเปื้อนคราบน้ำตาที่ไหลซึมและเปียกไปทั่วแขนเล็กซึ่งใช้เป็นที่รองรับหยดน้ำแห่งความเสียใจ ไม่เข้าใจว่าตัวเองดูแย่มากหรือไงเขาถึงไม่ยอมรับความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้ น้ำเสียงต่อว่าดังออกมาในระหว่างที่ร้องไห้
ทำไม พี่รุทธิ์ถึงไม่เคยชอบเราเลย บ่นและนอนซบหน้ากับที่นอนปล่อยให้ความชอกช้ำในใจได้ระบายออกมา พร้อมกับการตัดสินใจที่แน่นอน ลลนาลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนสาวเพื่อบอกให้รู้ถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ ฮัลโหล ยูเหรอ น้ำเสียงออกอาการสั่นเครืออย่างจับสังเกตได้ชัดเจน จ้า เจทเป็นอะไรน่ะ ทำไมน้ำเสียงไม่ดีเลย เพื่อนสาวที่รับโทรศัพท์ทำเสียงกังวล ลลนาจึงบอกให้รู้ เจทบอกพี่เขาไปแล้วนะ
เหรอ แล้วเป็นไง สิ้นเสียงคำถามก็ร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไว้ไม่อยู่ พี่รุทธิ์ตอบปฏิเสธเจทล่ะยู เขาไม่ยอมรับดอกไม้ ฮือ ฮือ ลลนาเล่าไปก็ร้องไห้ไป เพื่อนสาวจึงปลอบให้คลายความหมองเศร้า ใจเย็นๆนะเจท ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ชอบก็ปล่อยเขาไป ฮือ ฮือ เจทไม่เข้าใจ ทำไมพี่รุทธิ์ไม่ชอบเจทล่ะเอ่ยและทำน้ำเสียงตัดพ้ออย่างเด็กๆ เราคงไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาชอบมั้ง ไม่เป็นไรนะ อย่าเศร้าไปเลย ยูหรือชโลธรทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดี ลลนาสะอึกสะอื้นไม่หยุดในระหว่างที่คุยโทรศัพท์ โดยที่มือเล็กก็หยิบกระดาษทิชชู่มาสั่งน้ำมูกด้วยความเสียใจ พรืด พรืด ก่อนจะปามันทิ้งลงกับถังขยะที่อยู่ไม่ไกล และลุกขึ้นพร้อมกับคิดว่าจะทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อเขาไม่ชอบ ก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้า หญิงสาวบอกกลับเพื่อนกลับไป
ยูเราตัดสินใจละ อะไรเหรอ เราจะไปอยู่กับยูด้วย เอางั้นเลย อีกฝ่ายย้อนถามอีกรอบ โดยที่ลลนาถอนหายใจพร้อมกับสะอื้นตอบ ใช่ ตอนนี้ให้เราไปอยู่ที่บ้านยูด้วยคนนะ เอาสิ เดี๋ยวยูออกไปรับละกัน บอกจบทั้งสองสาวก็วางหูลงและลลนาก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าในห้องน้ำ จัดการหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่กระเป๋าใบใหญ่จัดการถอดชุดในไม้แขวนเสื้อ จับยัดลงในกระเป๋าอย่างไม่สนใจว่ามันจะยับแค่ไหน พอเสร็จก็เดินลงมาชั้นล่างเห็นบิดากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ จึงเดินเข้าไปหา พอนายทวีพลเห็นลูกสาวพร้อมกับกระเป๋าจึงเงยหน้าถามด้วยความแปลกใจ
จะไปไหนน่ะ เจทว่าจะไปอยู่กับยูค่ะพ่อ อ้าวแล้ววันเสาร์อาทิตย์นี้ไม่อยู่กับพ่อเหรอ ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม หากลลนากลับส่ายหน้าตอบ ไว้ปิดเทอมละกันนะคะพ่อ เจทจะกลับมาอยู่กับพ่อ นายทวีพลก็พยักหน้าทำท่าเข้าใจ ก็ได้ลูก ถ้าอย่างนั้นปิดเทอมเจอกันนะ
ค่ะพ่อ บอกจบหญิงสาวก็ก้มลงหอมแก้มเขาประจวบกับที่เด็กในบ้านเดินเข้ามาบอก คุณยูมารับแล้วค่ะคุณเจท ร่างเล็กหันไปหาบิดาอีกครั้งหนึ่ง เจทไปก่อนนะคะพ่อ แล้วจากนั้นก็หิ้วกระเป๋าเดินออกไปที่หน้าบ้านสายตากลมโตมองไปยังสนามหญ้าด้านข้าง มองไม่เห็นร่างสูงนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว หญิงสาวหันหน้ากลับมาและเปิดประตูขึ้นรถของเพื่อนไปทันที ภายในห้องนอนบนบ้านชั้น 2 มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งนั่งมองดอกกุหลาบสีแดงในมือที่ลูกสาวโค้ชยื่นให้เมื่อบ่าย เขาต่อว่าตัวเองในใจ นี่เราใจร้ายเกินไปรึเปล่าเนี่ยที่พูดอย่างนั้นออกไป คงไม่หรอกเราทำในสิ่งที่ถูกต้องต่างหากล่ะ คิดด้วยแววตาไม่สบายใจ จะว่าไปที่เขาไม่เหงาก็เป็นเพราะคนตัวเล็กนั่นด้วย แต่ก็ในฐานะน้องไม่ใช่แบบคนรักอย่างที่อีกฝ่ายคิด ตอนนี้อาจจะเจ็บแต่ไม่นานหรอกเจทจะรู้ว่าที่พี่ทำอย่างนี้เพราะอะไร
บนโต๊ะอาหารหลังจากที่ชายหนุ่มเปลี่ยนชุดลงมาชั้นล่างและตรงไปยังโต๊ะอาหาร ร่างสูงที่นั่งอยู่ก็ใช้สายตามองหาใครอีกคนหนึ่ง พอไม่เจอก็หันไปถามคนที่นั่งใกล้ๆ น้องเจทไปไหนล่ะครับโค้ช เจทไปอยู่กับเพื่อนน่ะเพียงได้ฟังอนิรุทธิ์ก็ถามซ้ำ ทำไมล่ะครับ เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวบอกคนเป็นพ่อว่าอย่างไรจะพูดถึงเขาหรือไม่ หากคำตอบที่ได้รับกลับไม่เกี่ยวกับตนเองเลย นายทวีพลพูดออกมาให้อีกฝ่ายได้ฟัง ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นวันนี้จัดกระเป๋าและก็บอกว่าจะไปบ้านเพื่อน ว่าแต่เราเถอะได้พักจากแข่งแล้วเป็นไงบ้างนายทวีพลเปลี่ยนเรื่องมาถามเขาต่อ และชายหนุ่มก็บอก มันก็ดีครับ ได้หยุดพักบ้างเลยทำให้ไม่เครียดมาก ถึงชายหนุ่มจะคุยอย่างปกติแต่ในใจของเขากลับคิดถึงใบหน้ารูปหัวใจที่ทำสีหน้าเบะพร้อมน้ำตาไหลใส่
ขอโทษนะเจทที่พี่ต้องทำอย่างนี้ คิดและนั่งทานข้าวต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ทำสีหน้าสงสัยให้โค้ชที่ฝึกตนแปลกใจถ้าหากเขาถามถึงลูกสาว ที่ปกติชายหนุ่มแทบไม่เคยสนใจที่จะอยากรู้ เดี๋ยวโค้ชจะสงสัยเอาได้ อีกฟากหนึ่งภายในรถของเพื่อน หญิงสาวตัวเล็กก็หยิบภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมาดูพร้อมกับหยาดน้ำตา ลลนายังจำได้ว่าเขาเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของพ่อตน และยังจำวันนั้นได้ดีว่าเป็นเช่นไร เจท มานี่สิ พ่อจะแนะนำให้รู้จักพี่เขา หญิงสาวที่อยู่ในชั้นมัธยมต้นมองหน้าของเด็กหนุ่มที่ตัวสูงอย่างอิจฉา ทำไมไม่สูงอย่างนี้บ้างนะ หันใบหน้าไปทางเขาและผู้เป็นพ่อก็บอก พี่เขาจะมาพักอยู่ที่นี่ในระหว่างซ้อมน่ะ ชายหนุ่มหน้าตาดีส่งรอยยิ้มมาให้และแนะนำตัว
พี่ขอฝากตัวกับน้องเจทด้วยนะครับ ด้วยความที่ไม่มีพี่น้องมันจึงทำให้ลลนาไม่รู้สึกเกิดอาการต่อต้านจะเรียกว่าอยู่ในวัยที่เข้าใจมากแล้วก็ได้ ร่างบางพยักหน้าตอบรับ ค่ะแล้วก็หันไปหาพ่อของตน พี่เขาจะมาให้พ่อสอนแข่งรถใช่ไหมคะ บิดาผงกศีรษะตอบลูกสาว ใช่ ดีค่ะ แล้วเจทจะให้พี่เขาช่วยสอนเจทบ้าง ถามพี่เขาสิว่าเต็มใจรึเปล่า ว่ายังไงคะ ถ้าเจทจะขับรถแข่งบ้าง พี่จะสอนเจทไหมคะ
สอนสิ ทำไมจะไม่สอนล่ะ เขาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ลลนารู้สึกดี ๆ กับเขา คิดแล้วน้ำตาก็ซึมออกมา แต่ทำไมพอวันวาเลนไทน์หญิงสาวยื่นดอกกุหลาบให้ เพื่อบอกให้ทราบถึงความรู้สึก เขาถึงปฏิเสธตนกัน ใบหน้านวลแนบกับหน้าต่างรถปล่อยให้ดวงตาสองข้างเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำแห่งความเสียใจและคิดด้วยใบหน้าหม่นหมอง
Create Date : 22 สิงหาคม 2550 |
|
10 comments |
Last Update : 22 สิงหาคม 2550 9:06:20 น. |
Counter : 1635 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ต้นข้าว (tonkho-w ) 22 สิงหาคม 2550 9:09:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: tonkho-w 22 สิงหาคม 2550 9:13:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: tonkho-w 22 สิงหาคม 2550 9:15:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: tonkho-w 22 สิงหาคม 2550 9:19:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: คณิตยา IP: 124.121.232.130 23 สิงหาคม 2550 2:23:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ๊ะ IP: 202.133.136.76 26 สิงหาคม 2550 21:10:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้นข้าว IP: 124.121.182.120 27 สิงหาคม 2550 19:57:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋เกด (นางสาวหนอน ) 3 กันยายน 2550 19:23:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้นข้าว (tonkho-w ) 17 มกราคม 2553 2:43:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้นข้าว (tonkho-w ) 17 มกราคม 2553 2:48:21 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
3 ปีผ่านไป
บนสนามแข่งรถที่มีรถหลากยี่ห้อหลายสีสันขับอยู่ในเลนสนาม ดูแล้วช่างเป็นกีฬาที่ท้าทายเสียเหลือเกิน สายตาของทุกคนที่มาดู ออกจะสนใจกับรถแข่งที่แรงและเร็ว โดยเฉพาะรถแรลลี่คันสีเหลืองเด่นสะดุดตา ซึ่งกำลังหักโค้งอย่างเต็มที่ มองดูแล้วแทบจะไม่น่าหักพ้น แต่รถคันนี้ก็สามารถประคองให้อยู่ในเลนได้อย่างสวยงาม ทำเอาหัวใจคนดูคอยลุ้นอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะพารถคันสวยวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปได้อย่างสวยงาม ฟิ้ว
พอรถจอดร่างของคนขับก็ก้าวลงมา แทบทำให้ทุกคนไม่เชื่อสายตา เมื่อร่างเล็กที่เดินมานั้นมันบ่งบอกให้รู้ถึงเพศแห่งความบอบบางชัด ๆ แต่กลับเป็นคนที่ขับรถแรลลี่คันสวยซึ่งมาแรงที่สุด หญิงสาวถอดหมวกที่ใส่ออกมาถือไว้พร้อมกับสลัดผมที่ยาวหยิกและดัดเป็นลอนลงมากลางแผ่นหลัง เดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวเล็กสีขาวมีโลโก้รถแข่งแรลลี่อยู่กลางอก ขมวดปมไว้ที่เอวข้างซ้าย ใส่หมวกแก็ปสีดำเข้มเพื่อบดบังความร้อนบนใบหน้า ในมือมีธงสามเหลี่ยมลายหมากรุกถือเข้ามาหาอย่างดีใจ พร้อมกับนาฬิกาดิจิตอล ที่กดปุ่มค้างไว้เมื่อกี้ หลังจากเพื่อนสนิทขับเข้าเส้นชัยมา
เป็นไงเวลาใช้ได้หรือเปล่านักแข่งรถสาวถามทันทีเมื่อเดินไปยืนตรงหน้า
เยี่ยมเลยล่ะเจท ฝีมือยังไม่ตก เพื่อนสาวบอกให้ฟังแต่พอได้ยินเวลาที่พูดว่าเยี่ยมก็ทำสีหน้าไม่พอใจนิดหนึ่งก่อนจะเปรยออกมา
ยังไม่ดีเท่าไหร่ ลลนาบอกให้เพื่อนรู้ คิ้วเรียวขมวดนึกไปถึงเวลาของคนที่หญิงสาวตั้งใจจะลบสถิติของเขาให้ได้ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้สักที มันจึงรู้สึกไม่ค่อยยินดีสักเท่าไหร่ ยูหรือชโลธรเพื่อนสาวจึงเอ่ย
น่าเวลาแค่นี้ก็เก่งแล้วล่ะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่า เนี่ยยูหิ้วหิวพูดจบก็เดินเข้ามาหาเพื่อนสาว อีกฝ่ายก็บอก
อะไรทำไมฉันไม่เห็นหิวเลย
แหม ก็ฉันมายืนดูเธอซ้อมตั้งแต่เช้า จนนี่จะบ่ายแล้วนะ ไม่ให้หิวได้ยังไงล่ะ เพียงได้ฟังคำบอก จึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
โอเค งั้นรอเดี๋ยวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน
บอกจบก็เดินถือหมวกเข้าไปด้านในซึ่งเป็นสถานที่ไว้สำหรับให้นักแข่งรถได้เปลี่ยนเสี้อผ้าและเก็บของใช้ไว้ในนั้น ลับหลังที่ลลนาเดินเข้าไป ชายหนุ่มใบหน้าคมซึ่งเป็นแชมป์แข่งรถแรลลี่ 2 ปีซ้อนก็เดินเข้ามา พร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง อะไรก็ไม่สะดุดใจคนดูเท่าคนตัวสูงที่รูปร่างเหมือนฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นบ่าที่กว้างอย่างได้สัดส่วน หน้าท้องที่เป็นรอนไร้ไขมันหรือส่วนเกินให้ระคายตา โดยเฉพาะชุดที่เขาสวมใส่นั้นทำให้ชายหนุ่มที่เดินมาดูเท่ห์อย่าบอกใครเชียว และยิ่งเวลายิ้มด้วยล่ะก็แทบทำให้สาวๆที่ได้มองละลายตามไปเลย แค่เพียงเขาเดินผ่านกลุ่มสาวๆ ก็มีเสียงเรียกอย่างคลั่งไคล้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด
อาร์ม หล่อจังเลย พร้อมกับที่พากันวิ่งกรูมาหาและบอก
ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีและเต็มใจ ชโลธรเองก็ยืนดูนักแข่งรถตัวสูงอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกัน ด้วยความประทับใจและชื่นชอบไม่ต่างจากสาว ๆ คนอื่นเลย สักพักหนึ่งก็เดินเข้าไปหาลลนาด้านใน
ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวตัวเล็กถอดชุดนักแข่งออกจากกายและแขวนกับราวที่อยู่ในห้องน้ำ ดังนั้นจึงเหลือเพียงชิ้นส่วนซึ่งปกปิดความงดงามภายในแค่สองชิ้น ถอดมันออกไปจากหน้าอกซึ่งรัดรึง ทรวงอกอวบจึงได้รับการปลดปล่อยออกมาสูดอากาศเบื้องนอกทั้งยังจัดการกับผ้าชิ้นสุดท้าย จนหมดเหลือเพียงกายเปลือยเปล่าที่งดงามดั่งรูปสลักนางฟ้าตัวน้อย ทุกส่วนสัดเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งภายนอกดูหลอกตาชัด ๆ เลย บั้นท้ายกลมกลึงได้รูปหันหลังเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลออกมา
พร้อมกับเงยหน้าขึ้นรองรับกับความเย็นที่ทำให้ร่างกายสดชื่น ผิวเนียนขาวที่ไม่เคยถูกแสงแดดและไร้ร่องรอยแห่งการบาดเจ็บ ดวงตาหลับพริ้มปล่อยให้น้ำไหลไปทั่วใบหน้า และปล่อยให้ความเย็นรินรดไปตามลำคอ เนินบ่า แผ่นหลัง จวบจนถึงเรียวขาเพรียวเบื้องล่าง ลลนาฮัมเพลงอย่างมีความสุขเมื่อความเหนียวเหนอะในกายได้รับการชำระล้าง มือเรียวหยิบสบู่เหลวมาเทใส่มือพร้อมกับละเลงให้เกิดฟอง จากนั้นก็ลูบไล้ไปตามผิวบนกายอย่างไม่พิถีพิถันเท่าใดนัก เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวรออยู่ จึงรีบถู ๆ ไปให้ทั่วทั้งคอ แขน ขา ทรวงอก จากนั้นก็ล้างออก พอเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูพันกายและเปิดประตูเดินออกมา
ชโลธรที่ยามนี้เข้ามาอยู่กับเพื่อนซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อเห็นลลนาเดินออกมาในชุดผ้ากระโจมอก เพื่อนสาวก็ถามอย่างสงสัย
นี่เจทเธอใส่ชุดนี้ออกมาเดินไม่กลัวบ้างเหรอ
กลัวอะไรลลนาเอ่ยถามโดยในมือมีผ้าเช็ดตัวกำลังขยี้เส้นผมที่เปียกน้ำให้แห้ง ชโลธรจึงตอบเพื่อนกลับไป
อ้าวก็แหมมันอ่อยเหมือนกันนะ
เขาแยกชายหญิงต่างหากย่ะ
นั่นล่ะ มันก็น่ากลัวนา
เจทรู้ไงว่ายูจะต้องเข้ามา
หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี แล้วจึงส่งผ้าผืนเล็กให้เพื่อน จากนั้นจึงหยิบกระป๋องแป้งขนาดเล็กมาเทใส่กายรวมไปถึงทาใบหน้าด้วย มือเล็กหยิบบาร์สีหวานขึ้นมาใส่ พร้อมกับเสื้อกล้ามรัดรูปตัวเล็ก เสร็จแล้วก็ตามด้วยกางเกงยีนส์เข้าเชฟ และสุดท้ายคลุมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตผูกเอว เสร็จเรียบร้อยก็จัดการหยิบเสื้อผ้าชุดนักแข่งใส่ลงไปในกระเป๋า สลัดผมที่เปียกน้ำหมาด ๆ ให้ไปทางเบื้องหลัง เดินออกมาพร้อมกับเพื่อนสาวก้าวตรงไปยังรถ ชายหนุ่มที่ยืนคุยอยู่กับโค้ชซึ่งเป็นคนดูแลเขาหันหน้าไปทางที่ลลนาเดินออกมาพอดี แต่ว่าเห็นเพียงแผ่นหลังกับกลิ่นแชมพูที่ติดอยู่บนเส้นผมซึ่งหยิกหยักศกและเปียกซ่กไปด้วยน้ำ ร่างสูงมองและไม่สนใจอะไร นอกจากหันไปคุยกับโค้ชที่ดูแลตนต่อไป
รถคันสวยสีขาวรูปทรงสปอร์ตเพรียวยาวจอดลงที่หน้าบ้านประตูรั้วอัลลอยด์ คนขับบีบแตรส่งเสียงเรียกคนในบ้านให้ได้ยิน
ปิ้น ปิ้น!
รออยู่ไม่นานก็มีเด็กสาวคนหนึ่งตัวผอมวิ่งออกมาเปิดประตูให้ ชโลธรจึงขับรถเข้าไปจอด ลลนาที่นั่งอีกฟากใกล้คนขับก็เปิดประตูก้าวลงมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายสีเข้มและเอ่ยกับเพื่อน
ขอบใจมากนะยูที่มาส่งน่ะ
ไม่เป็นไรหรอก พักผ่อนให้เต็มที่นะเจท
จ้า แล้วจะโทรไปหานะพูดจบหญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาโบกให้นิดหนึ่ง ก่อนที่รถของเพื่อนสนิทจะขับออกไป แล้วลลนาก็เดินเข้าบ้าน
ภายในไม่มีคนอยู่เหมือนปกติทุกครั้งที่กลับมา หญิงสาววางกระเป๋าและเอนร่างลงกับโซฟาพร้อมทั้งเปิดทีวีในห้องรับแขก มือเรียวรูดซิปและหยิบดีวีดีที่อัดไว้ออกมาเปิดดู ซึ่งมันเป็นวีซีดีเกี่ยวกับการแข่งรถแรลลี่สปอตร์ต ลลนาถอดเสื้อแจ๊กเก็ตที่คลุมกายภายนอกออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวนอนดูโทรทัศน์อย่างสนใจ บนจอมีภาพของแชมป์ใบหน้าคมเดินออกมารับรางวัลพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงกรี๊ด แต่ลลนากลับแค่มองผ่านๆแบบไม่ใส่ใจ และแลสายตามองไปยังคนที่เดินตามมาทางเบื้องหลัง ซึ่งเป็นชายหนุ่มตัวสูงเช่นกันหากเสียงกรี๊ดน้อยกว่าคนแรก แล้วภาพก็ตัดฉากไปที่แชมป์ซึ่งได้รางวัลชนะเลิศ ลลนาก็กดรีโมทกรอภาพย้อนกลับไปดูฉากที่ผู้ชายคนที่สองเดินมาออกมา กรออยู่อย่างนั้นหลายรอบพอตัดฉากไปก็กรอกลับมาอีก เด็กในบ้านก็ถือแก้วน้ำส้มที่มีหยดน้ำเกาะรอบๆ มาวางไว้ลงบนโต๊ะพร้อมกับถามหญิงสาวผู้เป็นเจ้านาย
คราวนี้คุณเจทจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนคะ
ยังไม่รู้เลย ถามทำไมเหรอลลนาหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ๆ ก่อนจะวางลงและถาม เด็กในบ้านจึงบอกให้รู้
ก็เห็นคุณเจทมาอยู่ที่นี่แป๊บเดียวเอง แล้วก็บ้านคุณยู
ก็แล้วที่นี่มันมีอะไรให้น่าอยู่ล่ะ พ่อกับพี่รุทธิ์ก็ต้องไปสนามแข่งรถ ไม่มีใครอยู่คุยกับฉันเลยร่างเล็กพูดออกมาคล้ายมีอารมณ์ไม่พอใจแฝงอยู่โดยที่เด็กสาวตรงหน้าจับได้จากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา
คุณเจทน้อยใจคุณพ่อเหรอคะคำถามแทงใจโดนอย่างแรงหากลลนาก็ยังไม่ยอมรับ
เปล่าสักหน่อยเธอเอ่ยปฏิเสธ แต่ในใจก็รู้ดีว่าพ่อหวังอะไรไว้มากกับผู้ชายที่เข้ามาเป็นลูกศิษย์แข่งรถ โดยลืมลูกสาวที่เคยเป็นห่วงไปเลย ลลนาคิดและเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเด็กของตนยังไม่เดินไปไหนจึงบอกเหมือนไล่
จะไปไหนก็ไปเถอะ มีอะไรแล้วจะเรียกความจริงคือไม่อยากให้ใครมาเห็นน้ำตาที่อ่อนแอของตน ใครจะไม่คิดบ้างว่าเขาจะเข้ามามีความสำคัญกับพ่อของตัวเองมากกว่า ถ้าวันนั้นหญิงสาวต่อต้านบิดาก็คงจะไม่ต้องมานั่งเสียน้ำตาอย่างนี้ แต่แปลกนะถึงชายหนุ่มจะเข้ามาแบ่งแยกความอบอุ่นไป แต่ทำไมก็ไม่รู้ที่ลลนาเองกลับเกลียดเขาไม่ลงสักที สักพักหนึ่งดูเหมือนหญิงสาวจะเริ่มรู้สึกว่าเธอคิดมากเกินไปอีกแล้ว จึงใช้มือเช็ดน้ำตาที่เอ่อเต็มสองตาและเปรยออกมาเหมือนต่อว่าตัวเอง
จะบ้าแล้วเรา อยู่ ๆ มาร้องไห้เสียใจอิจฉาผู้ชายที่เราชอบอยู่ได้ คิดแล้วจึงหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนแก้ม โดยมือเล็กก็กดหยุดที่เครื่องดีวีดีและเปลี่ยนเป็นไปดูรายการโทรทัศน์ช่องอื่น ก่อนจะเอนกายลงไปนอนยังโซฟาตัวยาวสีขาว เพื่อให้ความสนุกบนหน้าจอทีวีเครื่องใหญ่ผ่อนคลายอารมณ์เศร้าหมองของตนให้จางหายไป
ทางด้านชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในสนามแข่งตอนนี้ก็กำลังขับรถสปอร์ตเครื่องแรงไปตามถนน ระหว่างนั้นก็กดโทรศัพท์ต่อไปหาเพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นลูกชายของเพื่อนมารดา โดยทั้งสองเติบโตมาพร้อมกัน แต่ผิดกันตรงที่ชายหนุ่มอีกคนไม่ชอบกีฬาผาดโผนเยี่ยงนี้แบบตน
ตึง ตึง ตึง เสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นทำให้นายตำรวจหนุ่มรีบวางงานในมือลงทันที พร้อมกับหยิบขึ้นมารับ เพียงเห็นเบอร์ของเพื่อนสนิทโชว์ก็กดทักทาย
ไงอาร์ม อยู่ไหนเนี่ย
สนามบิน นายจะมารับรึเปล่าล่ะ
จะไปรับได้ไง ยังทำงานอยู่เลยอีกฝ่ายบอกกลับมา
อ้าวเหรอแต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันอยู่หน้าหน้าสถานีตำรวจนายแล้วล่ะ
เฮ้ยจริงเหรอเนี่ย ไหนบอกว่าอยู่สนามบินพูดพร้อมกับมองลงมาทางเบื้องล่างซึ่งเป็นด้านหน้าของสถานี แล้วธนบดินทร์ก็ได้ยินเสียงเพื่อนหัวเราะ
หึ หึ ล้อเล่นน่ะหนุ่มอารมณ์ดีบอกให้เพื่อนรู้ นายตำรวจก็ยังสอดส่ายสายตามองหาอีกฝ่ายไม่หยุด
อาร์ม นายอยู่ตรงไหน ทำไมฉันไม่เห็นรถนายเลยคนคุยโทรศัพท์ลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างห้องทำงาน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง
ฮะ ฮะ ฮะ หาเจอไหม รถแรงๆ คันสีแดงน่ะ
รถสีแดงมีเต็มไปหมด ใครจะไปรู้คันไหน
หาไม่เจอล่ะสิ ใช่ไหมเพื่อนหนุ่มถามกลับ ธนบดินทร์ก็ตอบกลับไป
ก็ใช่น่ะสิ
หาไม่เจอก็ไม่ต้องหา เพราะฉันไม่ได้อยู่หน้าสถานีนาย
อ้าวอีกฝ่ายร้อง
ฉันอยู่บนถนนต่างหาก กำลังจะขับรถกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองการชนะในครั้งนี้กับพ่อแม่
นี่นายชนะอีกแล้วเหรอนายตำรวจหนุ่มเอ่ยถาม เพื่อนชายจึงอดคุยไม่ได้
ระดับนี้จะแพ้ได้ยังไงกัน
ดีใจด้วยว่ะเพื่อนธนบดินทร์บอกอย่างยินดี
และระหว่างที่เขากำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบอกทางด้านนอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สารวัตรครับ มีงานด่วนครับเพียงได้ยินเขาก็รีบตัดบทกับเพื่อน
แค่นี้ก่อนนะอาร์ม พอดีมีงานด่วน เอาไว้จะโทรไปหาละกัน
เชิญเลยคุณสารวัตรงานยุ่ง
ใครจะสบายอย่างนายล่ะแค่แข่งรถก็ได้เงินมาเยอะละ ฉันไปทำงานก่อนนะบอกจบก็ปิดสายโทรศัพท์ไป พร้อมกับเตรียมตัวเก็บงานบนโต๊ะใส่แฟ้ม ฝ่ายเจ้าของรถก็ขับตรงไปที่บ้านของตนเองซึ่งได้อยู่มาตั้งแต่เด็ก
ไม่นานรถของกฤษรัฐก็ขับมาจอดหน้ารั้วประตูอัลลอยด์สีขาว ชายหนุ่มกดแตรเรียกคนด้านในให้มาเปิดประตู ปิ้น ปิ้น!
หญิงสาวที่ยืนทำกับข้าวในครัว โดยอยู่ในชุดสวมผ้ากันเปื้อน มัดผมมวยขึ้นมาไว้บนศีรษะ ในมือถือตะหลิวเตรียมผัดกับข้าว พอได้ยินเสียงแตรเรียกด้านนอกก็เอ่ยกับเด็กที่เป็นลูกมือ
ไปดูซิใครมา
ค่ะคุณปัจบอกแล้วก็รีบล้างมือในอ่างโดยเร็วพร้อมกับวิ่งออกไปดู
เปิดประตูให้หน่อยสิคนขับส่งเสียงพร้อมกับใบหน้าชวนมองออกมา ทำให้อีกฝ่ายรีบเปิดประตูอย่างทันที พอเขาขับเข้ามาก็เอ่ยถามถึงคนที่ตนรักมากที่สุด
คุณแม่อยู่รึเปล่าน่ะ
อยู่ข้างในค่ะ กำลังทำกับข้าวอยู่
ไม่ต้องบอกนะว่าผมมา
ชายหนุ่มเปิดท้ายรถส่งกระเป๋าเสื้อผ้าของตนให้ไป ความจริงวันนี้เขาต้องไปงานเลี้ยงของตัวเอง แต่ชายหนุ่มอยากกลับบ้านมากกว่า จึงไม่ได้แต่งตัวไป และเลือกมาหาบุพการีทั้งสองแทน
กายสูงเดินย่องเข้าไปในครัวอย่างเงียบกริบ มองเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนผัดอะไรอยู่ด้วยท่าทางทะมัดทะแมง จึงก้าวเข้าไปกอดทางเบื้องหลังของอีกฝ่าย ทำเอาคนถูกกอดร้องออกมาอย่างตกใจ
อุ๊ยพอร้องจบก็รู้สึกเหมือนโดนจุมพิตที่แก้มเนียน จุ๊บ!
คิดถึงคุณแม่จังเลยครับพอรู้ว่าใครเป็นคนแอบลักหอมแก้มตนก็ร้องออกมา
ตัวแม่เหม็นออกมาหอมได้ไงเนี่ย
ไม่เห็นเหม็นครับเลยออกจะหอมบอกและกวาดตามองไปที่กระทะตรงหน้าวางใบหน้าคมบนไหล่มน
วันนี้ทำอะไรทานเหรอครับคุณแม่
ก็ทำกับข้าวไว้รอคุณพ่อน่ะ
คุณพ่อมีเวลากลับมาทานด้วยเหรอครับ ไม่ต้องหาเสียงเหรอครับ
ตอนนี้งานไม่ค่อยยุ่งไงเลยกลับมาทานได้พูดยังไม่ทันขาดคำทั้งสองก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังขึ้นด้านนอก
สงสัยคุณพ่อจะกลับมาแล้วล่ะ ลูกออกไปรับคุณพ่อก่อนละกัน เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้เสร็จก่อน
ครับคุณแม่บอกจบก็ปล่อยร่างมารดาออกและเดินไปทางหน้าบ้าน ซึ่งยามนี้นักการเมืองหนุ่มถือกระเป๋าเจมส์บอนด์สีเขียวหัวเป็ดเดินลงมาจากรถ แม้จะอายุมากแล้วแต่พ่อของเขาก็ยังคงมาดดีไม่เปลี่ยนแปลง เพียงหนุ่มอังกฤษเห็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อคมที่เดินมารับถึงหน้าบ้านก็เอ่ยทักทายอย่างดีใจ
นี่พ่อตาฝาดรึเปล่าเนี่ย ที่เห็นเรา
ไม่ฝาดหรอกครับคุณพ่อ ผมอาร์มลูกของคุณพ่อไงครับ ตัวจริง เสียงจริงอังกฤษเดินเข้าไปกอดลูกชายและเอ่ยชม
ไม่นึกว่าหน้าตาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หล่อซะไม่มี แต่ยังไงก็แพ้พ่ออยู่ดีกฤษรัฐเดินมารับกระเป๋าไปจากมือของอังกฤษและพากันโอบเข้าไปด้านใน พร้อมกับทรุดร่างลงที่โซฟาในห้องรับแขก
คราวนี้จะอยู่นานแค่ไหนล่ะเรา ว่าแต่ไม่เจอกันนาน โตขึ้นเยอะนะ
โหคุณพ่อครับผมไม่ใช่เด็กลูกกรอกนะครับ ที่ผ่านไปกี่ปีก็ตัวเท่าเดิมพูดจบก็ใช้สายตามองไปที่พ่อของตนเช่นกัน
ผมไม่เจอคุณพ่อนาน ผมว่าคุณพ่อเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะครับบอกและยิ้ม ๆ อังกฤษทำหน้าสงสัย
เปลี่ยนไปยังไง หล่อขึ้นเหรอ
เปล่าครับ หูของคุณพ่อต่างหากที่ผมว่าเปลี่ยนไป มันดูยานขึ้นรึเปล่าครับกฤษรัฐแกล้งแซวและใช้นิ้วชี้ไปที่หูของหนุ่มใหญ่ พอได้ยินเจ้าของก็รีบตอบกลับมาโดยเร็ว
มาถึงก็หาเรื่องเลยเชียวนะเจ้าตัวแสบ ไม่มีแล้วเลิกเจ้าชู้แล้วเขาตะโกนอย่างเสียงดังคล้ายเป็นคำสัญญาให้ผู้หญิงที่อยู่ในครัวได้ยิน
จริงเหรอครับคุณพ่อที่พูดน่ะอีกฝ่ายยังคงเย้าไม่เลิก
ก็จริงน่ะสิ ขืนไม่เลิกแม่เราก็เลิกกับพ่อแทน
ไม่คิดว่าวิธีที่แม่ใช้จะได้ผล
อะไรแทนที่เราจะเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน กลับไม่เข้าข้างซะนี่อังกฤษบอกอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของลูก ซึ่งชายหนุ่มที่ได้ยินก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิดอยู่ดี
ผมคิดว่าที่คุณแม่ทำน่ะถูกแล้วครับ
ดีแล้วลูกที่คิดอย่างนี้ผู้เป็นแม่เดินออกมาพร้อมจานกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วหนึ่งอย่างวางลงบนโต๊ะทานข้าวที่อยู่ทางด้านนอก ก่อนจะเดินไปหาทั้งสองหนุ่มที่ห้องรับแขก
ปัจสินาฏไม่เคยปิดบังให้ลูกรู้ว่าตนเองเคยมีปัญหากับอังกฤษนั่นก็เพราะอยากสอนลูกชายทางอ้อม ไม่ให้ประพฤติตัวอย่างที่บิดาทำ ลูกชายเพียงคนเดียวที่ชื่อกฤษรัฐได้รับรู้เรื่องนี้เมื่อวันหนึ่งที่เขาเห็นเพื่อนร้องไห้ในโรงเรียน พอถามก็ได้คำตอบว่า
พ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้วมันจึงทำให้เขาเอ่ยถามปัจสินาฏหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนในระหว่างที่มารดากำลังนั่งสอนการบ้านเขา เด็กผู้ชายก็วางปากกาและหันมาพูดกับผู้เป็นแม่
บ้านเราเนี่ยดีจังนะครับที่ไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะเหมือนครอบครัวอื่นเลย อย่างครอบครัวอาวีก็ไม่มี ไม่เหมือนเพื่อนอาร์ม ที่บอกว่าพ่อแม่ทะเลาะกันตลอด ผู้เป็นแม่จึงมองหน้าและตอบให้รู้
ความจริงบ้านเราก็เคยมีปัญหาอย่างนั้นนะลูก แต่ว่าเราสองคนเคลียร์กันได้แล้วล่ะจ้ะ
คุณพ่อคุณแม่เคยทะเลาะกันด้วยเหรอครับทำไมผมไม่เคยเห็นเด็กน้อยทำสีหน้าไม่เชื่อ ปัจสินาฏจึงเอ่ยให้ฟัง
เพราะแม่ไม่อยากให้อาร์มรู้ไงล่ะ
คุณพ่อทำอะไรเหรอครับ คุณแม่ถึงได้โมโหมาก
หลอกแม่ไงล่ะ พ่อเขาคิดว่าแม่โง่ที่รู้ไม่ทันเขา ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าการทำอย่างนั้นกับคนที่รักมันเหมือนเป็นการดูถูกและไม่ให้เกียรติกัน แม่ก็เลยขอเลิก ถ้ายังคิดอย่างนี้ก็คงอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้ จากนั้นปัจสินาฏก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกชายฟัง พอเล่าจบก็พูดสำทับเป็นคำสอนเด็กหนุ่ม
จำไว้นะลูกอย่าทำอย่างนี้กับคนที่เรารัก อย่าทำให้คนที่รักเรารู้สึกเหมือนเขาโง่เด็กชายพยักหน้าตอบรับเหมือนให้คำมั่นสัญญา
ครับคุณแม่ผมจะไม่ทำอย่างนั้นเมื่อได้ยินคำยืนยันแบบลูกผู้ชายปัจสินาฎจึงยิ้มและเอ่ยชมเขาโดยใช้มือลูบไปที่ศีรษะเล็กด้วยความชื่นชม
ดีแล้วลูก
ภาพในเวลานั้นหายไปและกลับมาสู่ปัจจุบันที่ชีวิตครอบครัวของเขาไม่เคยมีปัญหาเลย นั่นอาจจะเป็นเพราะคุณพ่อคงเข็ดไปอีกนานเมื่อคุณแม่ลุกขึ้นมาเอ่ยขอหย่า
ปัจสินาฏที่เห็นลูกชายและสามีเพิ่งกลับมาจากด้านนอกจึงบอกกับทั้งคู่
ไปอาบน้ำกันก่อนดีไหมทั้งสองคน แล้วค่อยลงมาทาน น่าจะพอดีกับที่กับข้าวเสร็จชายหนุ่มสองวัยเห็นด้วยกับความคิดผู้หญิงตรงหน้า จึงพากันเดินขึ้นไปชั้นบน ปัจสินาฏจึงหันไปทำกับข้าวต่อในครัว