|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
ทุกคนย่อมมีที่ที่อยู่แล้วสบายใจเสมอ
ดาร์กโทนต้อนรับ Halloween ครับ
วันก่อนพี่ผู้จัดการถามผมว่า ทำไมยังไปจอดรถในซอยข้างตึกอยู่ละ ปรับตำแหน่งเป็นฝ่ายบริหารแล้ว มีช่องจอดประจำในตึก งานข้างนอกก็ไม่ได้มี
ถามยันพี่ รปภ ครับ เพราะรถที่จะเข้าจอดในชั้นที่ผมจอดประจำได้จะมีทะเบียนไว้ที่พี่รปภ พอดีพี่ รปภ มาซื้อกาแฟที่เซเว่น เลยถามผมว่า "่อ้าวทำไมคุณปริ๊นซ์เอารถไปจอดข้างนอกละครับ" ผมเลยบอกว่า "มันเข้าง่ายออกง่ายดีครับ" พี่ รปภ เลยบอกว่า "ไม่สะดวกตรงไหนบอกผมนะครับ เอามาจอดข้างในนะครับ" ผมเลยตอบความจริงว่า "อ๋อ บางวันก็อยากแวะเซเว่น กินข้าว ซื้อหมูปิ้งครับ" 55555
พี่ รปภ เลยถึงบางอ้อ เลิกถามเซ้าซี้
จริงๆ ช่วงฝนตก ผมเอารถเข้ามาจอดที่ตึกเกือบทุกวันนะครับ ก็ฝนมันชอบตกเวลาเลิกงาน ร้องเท้ามันเปียก เอามาจอดบ่อยจนน้องๆ เพื่อนๆ ถามว่า "เมื่อไหร่จะกลับมาจอดรถด้วยกัน"
อีกเหตุผลนึงนอกจากเซเว่นกับหมูปิ้ง ที่ผมยังชอบจอดรถที่เดิม ก็คือ.... การได้เดินกลับไปเอารถด้วยกันพร้อมคนอื่นๆ อารมณ์มันจะเหมือนเราเดินกลับบ้านกับเพื่อนเวลาเลิกเรียน เดินไปคุยกันไป เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงาน ถึงรถก็โบกมือแยกย้าย บางวันเรื่องจบคนไม่จบ ก็แอบยืนคุยเรื่องส่วนตัวกันต่อที่ท้ายรถ มันเหมือนเป็นเวลาดีๆ ที่รู้สึกว่า ในโลกของการทำงานเรายังมีเพื่อนจริงๆ อยู่
ก่อนปรับตำแหน่งผมเป็นยังไง หลังปรับก็เป็นเหมือนเดิม เป็นสาเหตุนึงที่ผมกับทีมจะสนิทกันมาก สนิทแบบคุยกันทุกเรื่อง เรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เรื่องหลบหลีกกฎบริษัทด้วย 5555
แต่มีเรื่องนึงที่เกิดจากความสนิทกันนี่แหละครับ
หมายเหตุ....เรื่องนี้ดาร์กหน่อย หยาบคายหน่อย ผมเองก็อาจจะดูดาร์กหน่อย เอาเป็นว่าไม่ใช่อาการปกติของผมแล้วกันครับ
ซัก 3 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดโควิด ช่วงที่เรายังมีงานเยอะๆ ทำงานดุเดือดกันอยู่ ศุกร์สิ้นเดือนที่ทุกคนอยู่ไกลสุดแค่อยุธยา ที่แผนกก็เลยนัดกันกินข้าวเย็น ที่ร้านลาบ แถววิภา 64 ร้านนี้ร้านประจำ ศุกร์ไหนงานหนัก ๆ มาทั้งอาทิตย์ ก็จะมากินลาบ น้ำตก หมูย่าง เหล้า เบียร์ กันที่นี่
ตอนนั้นผมเป็นหัวหน้าทีม มีน้องในทีมเป็นเด็กจบใหม่อายุ 22-24 จริงๆ ผมนี่ตัวได้ฝึกเด็กใหม่เลยครับ เด็กจบใหม่มาทีไรผมโดนเทรนทุกที คุณ VP บอกว่า ก็ผมใจเย็น ใจดี แล้ววิชาการแน่น แต่เอาจริงๆ ..... ตัวจริงผมตรงข้ามเลยนะ 555555 พี่ ผจก รู้ดี ว่าผมเป็นคิดบวก....คือ คิดแต่จะบวก ใจร้อน พูดน้อยแต่ด่าหนัก ซึ่งอันนี้ผมรู้ตัว เวลาที่โกรธจัดๆ ถ้าวันนี้จะไม่บวก จะต้องเดินออกมาเลย ถ้าอีกฝั่งไม่หยุด ต่อปากต่อคำนี่ผมจัดใส่หนักเหมือนกัน พี่ ผจก จะขำทุกครั้งที่คุณ VP บอกว่า ปริ๊นซ์ใจเย็น 555555
วันนี้เรานั่งคุยนั่งกินกัน ตั้งแต่ เกือบ ๆ ทุ่ม ซัก 2 ทุ่ม แฟนผมก็ตามมาคุม เอ้ย!!! ตามมากินข้าวด้วยกัน จริงๆ แฟนผมก็มาทานข้าวกันที่ทำงานบ่อยครับ คือผมจะบอกทุกครั้งว่าวันนี้จะไปไหน ที่ไหน ถ้าเค้าสะดวก อยากมาก็มาด้วยกันได้ ถ้าไม่อยากมาก็ไม่เป็นไร พอแฟนผมมาถึง ทุกคนก็ทักทายกันปกติ พี่ ผจก ที่สนิทกับแฟนผมที่สุด ก็ทักทาย แล้วก็บอกว่า "ดูสวยขึ้นนะ" นั่นอาจจะเพราะแฟนเพิ่มทำสีผมมาใหม่ หรืออะไรซักอย่าง คือทุกอย่างมันก็ปกติ จนเวลาแค่ไม่เกิน10 วินาที หลังจากคำว่า "ดูสวยขึ้นนะ"
ฟิล์ม น้องที่ผมสนิทมากคนนึง พูดติดตลกกับเพื่อนข้างๆ ขึ้นมาว่า "สวยยาคุม เชื่อไหม"
แล้วคือมันนั่งตรงข้ามผมเนี้ย เท่านั้นแหละ ผมนี่จาก 0 ถึง 100 ได้เลยโดยไม่ต้องผ่าน 1-2-3
"เมิงว่าอะไรนะไอ่สลัด"
หลังจากนั้นคือเหมือนฟิวขาด เหมือนน๊อตหลุด เหมือนจิตหลุด ลุกขึ้นเดินจะอ้อมโต๊ะไปหามัน จังหวะนั้นไม่รู้ใครต่อใครชาร์ตบ้าง พอตัวไปต่อไม่ได้ที่นี้มีปากก็ใส่หมด "เห็นกุดีกับเมิงแล้วจะปีนเกลียวหรือไง กุจะกระทืบปากให้ดู" "ลามปามกับกุ รับประทานตรีนกุนี่มา เฮียฟิล์ม"
จนเสียงพี่หมิงคนดีคนเดิมเตือนสติ บอกให้นั่งลง "ปริ๊นซ์ๆ ใจเย็นๆ นั่งก่อน! ไอ่ปริ๊นซ์! โต๊ะโน้นตำรวจ"
ผีออกเลยครับ....เดินกลับไปหยิบของบนโต๊ะ แล้วดึงแฟนให้กลับ เพราะอยู่ต่อคงได้ไปโรงพักแน่ มีเสียงห้ามนะ ว่า ใจเย็นๆ คุยกันก่อน แต่มีเสียงใครซักคนบอกว่า ปล่อยไปๆ
ตอนนั้นผมโกรธมากจริง คือขับรถไม่ได้เลยครับ คืองี้....ผมเป็นคนใจร้อนที่พยายามใจเย็นอยู่แล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้ร้อน คือเอาไม่ลง ปกติผมจะพูดไม่เยอะ คำหยาบกุ เมิง กับน้องในทีมจะไม่พูดยกเว้นพูดเล่นกัน แฟนก็ให้ยืนดมยาดมระงับสติอารมณ์อยู่ที่ลาดจอดรถ แถมซื้อนมเปรี้ยวจากเซเว่นมาให้กินด้วย 55555 เค้าบอกจะได้สดชื่น ส่วนแฟนก็ไม่ใช่นางเอกที่จะบอกว่า ไม่เป็นไรหรอกปริ๊นซ์เราไม่โกรธ แฟนผมก็บอกว่า ปากวอนตรีนแบบนี้ ไม่ได้แก่ตายแน่นอน คือเนี้ย พอเค้าด่าไอ่ฟิล์มที่ถูกพูดจาไม่ดี ผมก็เบาลงได้นะ แต่ถ้าเค้าบอกว่า ไม่เป็นไรๆหรอก อันนี้จะยิ่งโกรธ ยิ่งไม่ลงใหญ่เลย
ระหว่างนั้นก็มีข้อความไลน์จากไอ่ฟิล์มเข้ามา บอกว่า "ผมขอโทษครับพี่ ผมพูดไม่ได้คิด ขอโทษพี่(ชื่อแฟน)ด้วย" ผมอ่านแล้วไม่ได้ตอบ แถมอ่านแบบไม่กดอ่านด้วย
แต่ยืนๆ กินนมเปรี้ยวอยู่ พี่ ผจก ก็ลากไอ่เด็กเฮียฟิล์ม มาหา พร้อมเพื่อนอีก 2 คน บอกว่า "ขอโทษพี่ปริ๊นซ์ซะ" ซึ่งน้องก็ยกมือร้องห่มร้องไห้ขอโทษ ผมพูดแค่ "ขอโทษแฟนพี่" มันก็ยกมอไหว้ขอโทษแฟน แล้วมันก็บอกว่า "ผมขอโทษนะพี่ พี่ไม่โกรธผมได้ไหม" ผมตอบมันแค่ "ไปเถอะไป" แล้วก็ขึ้นรสตาร์ทเครื่องเลย คือไม่คุยนั่นแหละครับ
เช้าวันจันทร์มา ฟิล์มก็ยังแหยงๆ อยู่ ซึ่งทางผมก็บรีฟงานทุกคนตามปกติ เรียกให้ฟิล์มเอาเอกสารมาดูปกติ คุยงานกันปกติ แต่ในความปกติคือ คุยแต่เรื่องงาน ไม่คุยเล่นด้วย มันถามว่าเมื่อคืนกลับกี่โมง เนี้ยมันออกพร้อมตำรวจโต๊ะนั่นแหละ ผมก็ไม่ตอบ แล้วคุยแต่เรื่องงาน ออกไซต์ด้วยกัน นั่งทำงานกันในห้อง ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมไม่มีเสียงเลย ครั้งนึงมันเลยพูดขึ้นมาว่า "พี่ยังโกรธผมอยู่หรอ ผมขอโทษนะพี่" ผมเลยบอกว่า "พี่ไม่มีอะไรแล้ว เรื่องส่วนตัวไม่มีแล้ว คุยแต่เรื่องงานก็พอ"
2 เดือนต่อมา ฟิล์มลาออก ออกไปแบบผมไม่ไปเลี้ยงส่ง ซึ่งพอรู้ว่าผมไม่ไป พี่ ผจก ก็ไม่ไปเหมือนกัน น้องคนอื่นก็ไม่กล้าไป สรุปก็แค่เก็บของโบกมือให้กันที่ที่ทำงาน ส่วนผม ไม่อยู่ออฟฟิศ ออกไปทำงานกับทีมข้างนอก
หลังจากนั้น พัท เพื่อนสมาชิกทีมก็มาคุยกับผมว่า กับน้องมันยังไงวะ ผมไม่น่าเป็นคนไม่จบ ผมเลยบอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่น้องที่เรารักมากๆ ทำแบบนี้ แค่ขอโทษอาจจะหายโกรธก็ได้ เพราะเราไม่ใส่ใจคำพูดของมัน แต่นี่มันคือคนที่เราสอนมันกับมือตั้งแต่วันแรกที่มันเรียนจบ ไปงานรับปริญญามัน ไปกินข้าวบ้านมัน ทำแม้แต่โทรไปแฮปปี้เบิร์ดเดย์แม่มัน พร้อมจะปกป้องมันทั้งจากคนในและคนนอก คือสำหรับผม ผมให้ใจมันไปเต็ม 100 เลย แล้วคนที่ผมให้ใจไปขนาดนั้นมาพูดจาทุเรศๆ ใส่ เหมือนไม่คิดถึงใจกัน เหมือนไม่ไว้หน้ากัน เหมือนไม่ให้เกียรติ์กัน ผมเป็นพี่ เป็นหัวหน้า ที่อยากอยู่กันแบบเพื่อน แต่เพื่อนดีๆ ก็ไม่ควรมาทำกันแบบนี้เหมือนกัน น้ำใจที่ผมให้ไป โคตรเสียเปล่า แถมยังเหมือนเปิดโอกาสให้หมาเลียนปากอีก ผมเสียใจตรงนี้ แต่สิ่งที่ลบล้างความรู้สึกของผมได้คือ การลบความรู้สึกที่เคยให้ไปทั้งหมดออกไป ระหว่างผมกับฟิล์มจึงว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่พี่น้อง มีแต่คนที่ทำงานด้วยกัน แค่คนในบังคับบัญชา
หลังจากนั้นผมก็จะมี Space ของตัวเองนิดนึง คิดไว้ว่าจะไม่ให้ใครเต็ม 100 อีกแล้ว แต่สุดท้าย ผมก็รักทีมอยู่ดี ยังเป็นที่ที่สบายใจที่ได้มีเวลาด้วยกัน นั่นคือทำไม ผมยังจอดรถที่เดิม ทำอะไรเดิมๆ ตรงนี้ยังเป็นครอบครัวอีกครอบครัวนึง ถึงภายนอกผมจะเป็นคนไม่พูดไม่ถามเยอะ จนเหมือนไม่ได้ใส่ใจ
แต่....สัปดาห์นี้ผมจอดรถในตึกทั้งอาทิตย์เลยครับ เพราะไม่ค่อยสบาย จริง ๆ คือไม่สบายต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว รู้สึกเหมือนอากาศเปลี่ยน แล้วเป็นภูมิแพ้ตามปกติ ปรากฎเช้าวันอังคารรู้สึกป่วยมาก ๆ รู้สึกตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านแล้ว รู้สึกลมหายใจอุ่นๆ เหนื่อยๆ เลยพ่นยาแล้วลงไปนั่งฟุบกับโต๊ะ แต่หลับไปเฉยเลย 15 นาที สะดุ้งตื่นมาตกใจมาก
แฟนก็บอกว่า ลาเถอะดูจากสภาพ แต่ไม่อยากหยุด คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร มาทำงานนั่นแหละ จอดรถได้นี่เดินสะโหล่สะเหล่มาออฟฟิศ ถึงโต๊ะนี่นั่งฟุบกับโต๊ะ หัวหนักมาก ปวดกระบอกตา เริ่มแน่นหน้าอก แถมจมูกตันน้ำมูก ไม่รวมนี่ไออยู่แล้ว 9:00 ก็เรียกบรีฟงานเช้า แต่วันนี้พูดไม่ไหวเลยฮะ พูดแล้วเหนื่อยกว่าเดิม สมองเบลอเรียบเรียงเรื่องราวไม่ได้ ยืนๆ แล้วเวียนหัวจะเป็นลมเลยพ่นยา กินพารา แล้วเข้าไปนอนในห้อง วันนั้นนอนยาวเลยครับ งานอะไรไม่ได้ทำ
ถึงกับเครียดว่า "กุติดป่าววะ" เลย ATK ปรากฎว่า "ยังรอด" อัดยาพ่นเต็บสูบ ก็พอได้ แต่เพลียมาก ไม่มีแรง ไม่อยากกินข้าว อยากนอนอย่างเดียว ปวดหัว ปวดกระบอกตา เดินไปไหนมีแต่คนทักว่า ลากๆ ขาเหมือนไม่มีแรง วันนี้ไม่ไหวครับ ต้องจำใจลาเช้าพักตั้งหลัก หวังว่าจะดีขึ้นเอง ไม่อยากไปหาหมอเลยครับ เสียเวลา เรื่องแค่นี้เอง
ปล. วีคนี้อาจจะดูอัพบล๊อกถี่นะครับ แต่จริงๆ คือบุญเก่าที่ผมดราฟทิ้งไว้ เพราะป่วยตลอดทั้งวีค แต่ไม่อยากให้บล๊อกเหงา แต่นี่.....บุญเก่าหมดและครับ ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้ยังเพลียๆ บล๊อกนี้คงจะได้อยู่เป็นเพื่อนทุกคนไปจนถึงตะพาบละครับ เหอะๆ
Create Date : 29 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 29 ตุลาคม 2564 20:18:03 น. |
|
33 comments
|
Counter : 1080 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณnonnoiGiwGiw, คุณนกสีเทา, คุณกิ่งฟ้า, คุณThe Kop Civil, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณทนายอ้วน, คุณhaiku, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณ**mp5**, คุณLittleMissLuna, คุณtuk-tuk@korat, คุณlovereason, คุณชีริว, คุณสองแผ่นดิน, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณนายแว่นขยันเที่ยว |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:17:16:59 น. |
|
|
|
โดย: นกสีเทา วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:17:32:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:18:22:58 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:18:37:07 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:19:42:40 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:21:08:12 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:21:16:40 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:21:38:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:6:02:03 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:6:08:19 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:11:25:10 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:11:37:06 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:16:13:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:6:02:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:11:28:12 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:12:44:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:17:25:06 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:20:20:50 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:23:00:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:5:29:56 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:6:53:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
จากบล็อก
ที่จีนถ้าไม่ใช่ในห้าง หรือร้านที่มีป้ายราคาก็ฟันเละนะครับ ผมว่าญี่ปุ่นสบายใจสุดแล้วครับ