lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
มิถุนายน 2564
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
space
space
9 มิถุนายน 2564
space
space
space

ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.279 "แพ้แต่ชนะ"

ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 279
"แพ้แต่ชนะ"



โจทย์โดย คุณกะว่าก๋า


 
 
จริงๆ เรื่องราวตามหัวข้อนี้มีเยอะเลยครับ
แต่มันจะเป็นช๊อตสั้นๆ อย่างเช่น การ Deal งานกับ Plant
บางทีเราก็ต้องถอยจนสุดท้ายหลังชนกำแพง เพราะ Service เค้า
เรามีจุดยืนมาชัดเปรี๊ยะ วิชาการมาแน่นมาก.....เค้าจะเอาแบบนี้ ทำได้รึป่าว
ถ้าเราไม่เก่ง....คงต้องบอกว่าทำไม่ได้ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง
ไม่รู้ว่าจะให้มันเป็นแบบที่เค้าต้องการด้วยวิธีไหนได้บ้าง
แต่ถ้าเราเก่ง....ต้องตอบว่า....ได้ครับ
แล้วใช่ทุกกระบวนท่า วิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ อะไรก็ได้ ให้เป็นไปตามที่เค้าต้องการ
งานเสร็จ ประทับใจทุกฝ่าย เหมือนแพ้ ที่ต้องพับหลักการของตัวเอง
แต่ชนะที่งานจบและเข้าก็ต้องการให้เราให้คำปรึกษาเค้า ดูแลงานเค้าต่อไป
ถึงบางทีพวกผมเองจะอยากเลิกก็ตาม 5555555
 
แต่เรื่องใหญ่ๆ เรื่องนึงที่ผมรู้สึกว่า ผมกลายเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงเนี้ย
มีอยู่เรื่องนึงครับ ผมใช้เวลา....หลายปีให้การปิดจ๊อป เรื่องนี้
เตือนไว้ก่อนว่า เรื่องนี้อาจจะดาร์กซักหน่อย




 
ที่ที่ผมทำงานปัจจุบัน จะเรียกว่าเป็นที่ทำงานที่แรกตั้งแต่จบมหาลัยก็ว่าได้ครับ
เพราะที่แรกจริงๆ ผมอยู่แค่ 4 เดือน แล้วย้ายมาที่นี่
เนื่องจากใกล้บ้านมากกว่า ซึ่งก็ตีซะกว่า ผมคือเด็กจบใหม่
แผนกของผมขึ้นตรงกับ Vice president ของบริษัทครับ ในนี้จะเรียกว่า คุณVP
ซึ่งคุณ VP เค้าจะมีหลักการเลือกพนักงานในแผนกอยู่นิดหน่อย
คือ ภาษาอังกฤษต้องดี ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน  ต้องจบวิศวะ สาขาที่เกี่ยวข้อง
และต้องเป็นคนดูเฟรนลี่ น่าเข้าหาครับ  ที่คุณ VP เรียกว่า Charming
แต่คนรอบข้างลงความเห็นว่าคือ Sex appeal  55555
 

....อ่ะ....ข้ามไปเลยดีกว่า.....
 

คือจะอธิบายว่า บุคคลิกทุกคนจะดูเฟรนลี่ ไม่มีพิษไม่มีภัย สุภาพ เข้าถึงง่าย
ผมด้วยครับ บุคลิกในการทำงานของผมคือ  คุยง่าย ช่วยเหลือ รับฟัง และใจเย็น
คนดีนั่นแหละครับ 5555
ซึ่งตัวจริงๆ ของผมเป็นคนใจร้อน  0 แล้วข้ามไป 100 ได้เลย
ดังนั้น ถ้าผมหลุดขึ้นมา คือ บวก นะครับ ไม่มีลบเลย
 

ตั้งแต่เข้ามาทำงานได้แรกๆ ผมต้องเจอกับ ผจก แผนกหนึ่ง
ที่ต้องทำงานด้วยกันเสมอ ด้วยบุคลิกที่อ้างตัวว่า เป็นคนปากร้ายใจดี
เค้าพูดเอง....ไม่มีใครบอกเค้าหรอก
เริ่มจากตอนที่ผมเป็นแค่พนักงานธรรมดาจบมาใหม่ๆ ทำงานไม่ถึงปี
พี่คนนี้คุยงานยากมา เพราะแค่อ้าปากบอกว่า พี่ครับวันที่เท่านี้ ผมจะมีงาน ต้องการเบิก....
ยังไม่ทันพูดจบ เค้าจะตอบมาว่า....เมลล์มาครับ / เขียน Notice มา ครับ
แล้ววางสายโทรศัพท์ใส่ ให้ผมค้างๆ แบบนั้น
คือผมเขียนแล้ว ส่งเมลล์แล้ว แต่โทรมาบอกด้วยเพื่อป้องกันความผิดพลาด
หลังๆ ผมเลยไม่โทรครับ ทำตามระบบส่งเมลล์อย่างเดี๋ยว
แม่งก็โทรมาด่าผม ว่ามีอะไรไม่โทรมาบอก ไม่มีปากหรอ
พี่มีคุมเรื่องนี้ต้องบอกพี่เท่านั้น ทำงานไม่เป็นหรอ
.....เฮ้ย....ฟัคยู.....ปสด ป่าววะ.....(อันนี้ผมคิดในใจ)
 

รูปไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นะครับ


ทุกครั้ง....สัปดาห์ละเกิน 3 ครั้งที่ต้องคุยกัน ผมเครียดมากๆ และไม่อยากคุยด้วยเลย
เบิกอะไรทีก็ต้องคุย บางเรื่องต้องปรึกษาเค้าเรื่องสเปกของ
แล้วเค้าก็จะพูดประมาณว่า “นี่จะบอกอะไรให้นะ.....”  แล้วเริ่มด่า
ผมฟังครับ แล้วทำเสียงNiceๆ ว่า ขอบคุณมากเลยครับพี่ มีแต่พี่นี่แหละที่สอนผมเยอะขนาดนี้
ถ้าไม่ได้พี่ช่วยผมแย่แน่ๆ พี่ช่วยผมนะ,  ได้เลยครับพี่ เอาตามนี้นะ เอาที่พี่สะดวกเลย
หลังๆ คงคิดว่าผมบ้า ด่ายังไงก็ไม่รู้สึก ยังทำเสียงร่าเริงอยู่ได้ 555555
แต่ความจริงคือผมเครียดมาก ไม่อยากมาทำงาน ไม่อยากต้องคุยงานกับเค้า
 

ผมคิดขนาด
....กูอยากลาออก....
เพราะไม่อยากเจอ ไม่อยากคุยงาน ไม่อยากฟังคำพูดแย่ๆ ทำงานยาก ๆ
ถูกขัดแขนขัดขาอีก  อึดอัดมากครับ
แต่มาคิดว่า....ถ้าลาออก คือผมแพ้นะเว่ย.....งานผมดีนะ ผมได้ทำงานที่ผมชอบ
ผมมีความสุขกับงาน เจ้านายก็ดีมาก จะให้คนอื่นมีผลกับชีวิตเรามากกว่าตัวเราได้หรอ
เลยคิดว่า ยังไงจะไม่ลาออกเพราะคนอื่นเด็ดขาด
ถ้าจะออก คือผมต้องได้เงินที่มากกว่า ตำแหน่งที่ดีกว่า โอกาสที่ดีกว่าเท่านั้น
เรื่อง
“คน”  ...... it’s doesn’t matter …..
 
วันนึงผมขอเบิกของรหัสนึกกับเค้า แต่เค้าส่งผิดมาให้ผม
ขณะที่เดินไปคุยงานแผนกอื่นอยู่ พี่เค้าก็โทรเข้ามือถือคุยงานเรื่องอื่น
แต่ผมถามเค้าเรื่องอะไหล่ เค้าก็ตอบผมว่า “ส่งไปให้แล้วไง หัดดูบ้างดิ” แล้ววางสายใส่
ก่อนจะด่าผมใส่คนตรงนั้นฟัง “ปริ้นแม่งงี่เง่า เบื่อมากทำงานกับพวกพูดไม่รู้เรื่อง”
แต่เค้าไม่รู้ครับว่า ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ
ผมเลยเดินเข้าไปหาเค้าบอกว่า มีไรก็คุยกันต่อหน้านะครับ อย่าด่าลับหลัง
พี่เค้าดูตกใจแล้วเดินหนีเข้าไปในห้อง IT ส่วนผมก็เปิดประตูตามไป
เค้าบอกผมว่า “ก็ส่งของให้แล้วไง จะเอาอะไรอีก”
ผมตอบว่า “ผมได้รับแล้ว แต่พี่ส่งผิดตัวครับ ยี่ห้อเดียวกัน สีเดียวกัน ขนาดเท่ากัน แต่คนละ model”
เค้าก็เงียบ แล้วยกหูโทรศัพท์สั่งที่แผนกให้เอาของไปให้ผม
"เอา xxx ไปให้คุณปริ้นเค้าหน่อยนะ" แล้วหันมาพูดว่า “ก็แค่นี้ใช่ไหม”
ผมตอบ... “ใช่ แค่มันไม่รู้จักฟังไงพี่”  ตอนนั้นผมเสียงโคตรดัง หลุดจริงโกรธสุดมาก
คนในห้อง IT คือไม่กล้าหันหน้ามามอง มีแต่เสียงเบาๆ ให้ผมใจเย็น ๆ
เค้าตอบเบาๆ โดนไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ  “มันไม่มีใครที่ไม่ฟังหรอกปริ้น โอเคนะ” แล้วเดินออกไป

....โอเคพ่อง!!!!....
ผมเอาโทรศัพท์สำนักงานในห้อง IT โทรไปที่แผนกบอกให้รอรับขอด้วย
แล้ววางเสียงดังไปหน่อย.....เสียลุคมากครับวันนั้น  เหมือน Dark side
นั่นทำงานมาซัก 3 ปีแล้วครับถึงได้หลุดครั้งแรก 55555


หลังจากผมก็แทบไม่คุยกับเค้าเลยครับ
มีแต่พี่เค้าที่โทรมาคุยกับผมเรื่องสัพเพเหระ 
ที่สำคัญคือพูดกับผมดีขึ้นมาก
มีคนบอกว่า เพราะเจ้านายด่ามา ว่าเค้าเป็นอะไรหนักหนา
คนอื่นเค้าทำงานลำบากไปทั่ว บ่นกันหมดทั้งบริษัทว่าเบื่อคุณ



พีคคือในห้องประชุม เค้าทะเลาะกับ ผจก QA หนักมาก
พอผมเดินออกจากห้องประชุมมาโทรศัพท์หรือเข้าห้องน้ำซักอย่าง
เค้าก็เดินตามออกมา แล้วเรียกผม มาด่า ผจก QA ให้ฟัง
ผมยืนฟังเฉยๆ .... แบบไม่พูดไม่ตอบสนองอะไร หน้านิ่งๆ 
ส่วนเค้าเหมือนคนบ้าที่ด่าว่า "คิดได้ไงวะแบบนี้ ไม่มีสมอง ถ้าเป็นพี่พี่จัดการได้หมด @$%#&$"
ด่าเสียงดังอยู่ซักพัก จนมีคนออกมาดู ส่วนผมก็หันไปรอบๆ 
แค่ต้องการให้ทุกคนตรงนั้นรู้ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือผมเอง




2 วันต่อมา พี่ ผจก คนนั้นถูกท่านประธานเรียกครับ
แล้วก็เรียกผมไปพบด้วย กรณีที่(เหมือน)ด่าผมหน้าห้องประชุมวันก่อน
คุณ VP ก็อยู่ในห้องด้วย ในฐานะ Top management ของทั้งคู่
เลขาท่านถามว่า เค้าเคยด่าหยาบคายกับผมหรือป่าว
ผมตอบว่า
ไม่เคยครับ
วันนั้นเกิดอะไร ผมตอบว่า พี่เค้าแค่สอนงานผม
เลขาท่านเลยถามว่า เกิดบ่อยไหมที่ว่ากันเสียงดังแบบนี้ ทำงานยากรึป่าว
ผมตอบว่า ไม่ครับ คนคนเดียวไม่ใช่ปัญหาของผม พี่เค้าไม่ใช่คนไม่ดี
และผมกับพี่เค้า ไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรกัน
คุณ VP ที่ฟังอยู่นานแล้ว แล้วคงโมโห เลยหันไปพูดกับพี่ ผจก คนนั้นว่า
ผมได้รายงานมาเจอนะเรื่องพฤติกรรมคุณ เกินไป 
อะไรที่ปริ้นทำคือคำสั่งผม คุณมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป
ส่วนท่านประธานก็จบด้วย..... อย่าให้มีรายงานอีกนะ

วันนั้นผมตั้งใจครับ ตั้งใจยืนเงียบๆ ฟังเค้าด่า QA
อย่างแรก ผมต้องการให้ทุกคนได้ยินว่าเค้ากำลังด่า QA ด้วยถ่อยคำรุนแรง
อย่างสอง ผมต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่า เค้าด่าผม นี่แหละ

ด้วยความดูเงียบๆ พูดไม่เยอะ คุยงานง่าย ไม่ปฏิเสธแต่ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างผม
ยังไงพี่ ผจก คนนั้นก็ต้องเป็นจำเลยครับ 
และต่อให้ผมพูดว่า เค้าไม่ได้ด่าผม เค้าไม่ใช่ปัญหา
แต่ทุกคนจะคิดว่า ผมพูดไม่จริงครับ (ทั้งๆ ที่ผมพูดจริงวันนั้น)



หลังจากวันนั้น
เวลาผมคุยงานด้วยเค้าพูดดีขึ้นครับ เหมือนสงบปากสงบคำไปเยอะ
เป็นกับทุกคน เพราะกลัวโดนไล่ออก
และเค้าก็รู้ว่า ถ้าผมรออะไรแปลกๆ ทำอะไรแปลกๆ คือนายให้ทำ
และถามผมตามงานหลายๆ ครั้งแบบผิดปกติ แสดงว่านายต้องการด่วน
เค้าเริ่มเข้าใจว่า ผมไม่เหมือนอีกคนที่จะพูดเสมอว่า "อันนี้รีบนะพี่ นายสั่ง"
ผมจะไม่พูดถึงนายเลย จนเค้าบอกว่า ถ้านายรีบอันนี้บอกพี่บ้างนะ 55555
และชอบพูดสั่ง "ปริ้นรู้จักพี่ดี รู้ว่าพี่เป็นคนยังไงใช่ไหม"

....เมิงเป็นคนบ้านะ....กุรู้จักเมิงดี....


ด้วยบุคลิกที่ดูNice  แล้วไม่กลัวเค้าครับ
ทำให้เค้าเริ่มมีโทรมาคุยเรื่องส่วนตัวของเค้าให้ฟัง เหมือนระบาย
เรื่องงานที่ไม่มีคนอยากทำงานด้วย ทำงานลำบาก นายไม่รับฟัง
นายดึงอำนาจการตัดสินใจกลับคืน ทำให้เค้าแทบไม่มีอำนาจบังคับบัญชาเลย
ซึ่งผมก็ถือหูรับฟังไว้ตลอด แต่เอาจริงๆ ผมไม่ได้ฟังเลยนะ 5555

หลายต่อหลายเดือนผ่านมา เค้าชอบพูดซึ่งๆ ว่า "ปริ้นเป็นน้องพี่นะ"
"ถ้าปริ้นจะเอาแบบนี้ พี่ทำให้ได้" "อันนี้พี่ให้ปริ้นก่อน"
"พี่ไว้ใจปริ้นนะ"

เข้ามากดไลค์ คอมเม้นเฟซบุ๊คผมบ่อยมาก 
จนผมทนไม่ได้ ไม่ชอบอ่ะครับ เริ่มจากการ Unfollow และนำไปสู่การ Unfriend


ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไรนะ อาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ 
หรือต้องการให้ผมบอกคุณ VP ไม่รู้ ว่าพี่เค้า Service ผมดี
แต่ผมก็ไม่ได้ให้ค่ามัน 




จนวันที่ผมดูทรงมาซักระยะว่าต้องเกิด
พี่เค้าเอาการ์ดใบนึงมาให้ผมที่โต๊ะ บอกว่า 
"พี่ทำบุญบ้านนะ อยากเชิญไปกินข้าวด้วยกัน"
ผมยิ้มรับนะ บอกว่าขอบคุณมากครับ ถ้าไม่ติดอะไรด่วนผมจะไปนะ
แล้วผมก็เอาเงินใส่ซองไว้ ก่อนเก็บการ์ดใส่ลิ้นชักโต๊ะ
พี่ ผจก แผนกผมก็เดินมาถามว่า พี่ก็ได้การ์ดจะไปรึป่าว เห็นว่าจะFarewell ด้วย
พอได้ยินคำว่า Farewell ผมนี่หันควับเลย 55555
ถามว่า จริงป่าวพี่ 
พูดปั้บก็เปิดลิ้นชัก ดึงเงินออกจากซองแล้วโยนการ์ดลงถังขยะ
พี่ ผจก เลยหัวเราะๆ แล้วเอาเงินออกบ้าง เราเค้าก็ไม่อยากไป


สรุปวันนั้นคนไปงานทำบุญบ้านพี่คนนั้นน้อยมาก
ไม่ถึง 10 คน จากที่พี่เค้าทำงานมา 15 ปี
และวันสุดท้ายที่เค้ามาทำงาน เค้าก็เดินมาบอกผมที่โต๊ะ
ว่าพี่มาทำงานวันสุกท้ายแล้วนะ ถ่ายรูปด้วยกันหน่อย
ผมเลยบอกว่า ไม่สะดวกน่ะพี่ เป็นเรื่องส่วนตัว
เค้าเลยบอกว่า เฮ้ย คนสนิทกัน ถ่ายด้วยกันนิดนึงน่า 
ผมเลยบอกบอก คือผมไม่ได้สนิทกับพี่ไงครับ
พี่เค้าก็หน้าเสียนิดนึง บอกว่า เออ ไม่เป็นไร พี่ไปละ
พี่ ผจก ค่อยๆ โผล่มาแอบดู แล้วบอกว่า เค้าทำหน้าไงวะ เค้าตกใจไหมวะ
ผมเลยบอกว่า ตกใจมั้ง แล้วผมกับพี่ ผจก ก็หัวเราะกันเป็นเรื่องขำขัน

จนวันงานทำบุญบ้าน ส่วนผมกับแฟนกำลังไปกินข้าวหรืออะไรซักอย่างนี่แหละครับ
ผมเลยพูดขึ้นมาว่า วันนี้พี่คนนั้นเค้าทำบุญบ้าน กับเลี้ยงส่งตัวเอง
แฟนถามว่าอ้าวแล้วไม่ไปหรอ แวะไปตอนนี้ยังทันนะ
ผมตอบว่า ไม่อ่ะ....เค้าไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว
แฟนผมก็ตอบมาแบบ....เฮ้ย! เค้าเข้าใจผมมากเลยว่ารู้สึกยังไง
เค้าพูดว่า "ไม่ต้องทนแล้วดิ"

ถ้าเป็นคนอื่น คงด่าผมไปแล้วว่า เฮ้ย ดีกับเค้าเพราะผลไม่โยชน์ทุเรศ
นิสัยไม่ดีวะ ไว้ใจไม่ได้ งี้จะจริงใจกับใครหรอ
คือจริงๆ ผมก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ แต่กับคนนี้ผมตั้งใจทำจริงๆ 
ในเมื่อก่อนหน้านี้เค้าทำให้ผมทำงานลำบากมามาก
เมื่อเค้าไว้ใจผม รักผมเหมือนน้อง
ผมจะใช้ประโยชน์จากความอดทนบ้างก็คงไม่ผิดมากหรอกมั้งครับ....


ทั้งหมดก็เป็นเกมส์ที่ผมเดินไว้ตั้งแต่วันที่คิดไว้แล้วว่า จะไม่ลาออกเพราะไอ่นี่
คิดว่ายังไงก็ต้องหลอกใช้มันให้ได้
และให้เกมส์นี้จบที่สุดท้าย ไอ่นี่ลาออกไปเอง จากสภาพแวดล้อมที่เค้าต้องเจอ
เกมส์นี้ผมยอมทนทำงานกับเค้ามา จนวันนี้ผมชนะแล้วครับ



ไม่ได้ชนะเค้าหรอกครับ

แต่ชนะตัวเอง.....
ชนะตัวเองที่ทนมาได้ถึงวันนี้ รักษางานที่ดี ความก้าวหน้าที่ดี เอาไว้ได้
ไม่แพ้ใจตัวเองไม่ทนแล้วลาออกไปตั้งแต่ตอนนั้น



นี่มั้งครับคงเป็นเรื่อง
"แพ้แต่ชนะ" ของผม
เหมือน....เขียนเรียงความวันเด็กเลยเนอะ......   



Create Date : 09 มิถุนายน 2564
Last Update : 9 มิถุนายน 2564 11:08:33 น. 13 comments
Counter : 880 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณทนายอ้วน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณตะลีกีปัส, คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณหอมกร, คุณPooh Station TH, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณkae+aoe, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณนายแว่นขยันเที่ยว


 
เมื่อวันก่อนในเพื่อนในเฟสเพิ่งชวนแชร์ประสบการณ์การทำงานแย่ๆไปเองครับ


เคยไปฝึกทนายกับทนายคนนึง เค้านามสกุลใหญ่ แต่ประมาณว่าเป็นลูกชังครับ เค้าเล่าว่าอะไรๆเค้าต้องทำเอง หาเอง สู้เองทุกอย่าง เรียนนิติ มสธ กว่าจะเป็นทนายยากเย็นแสนเข็ญ ... แล้วมากระแนะกระแหนว่าพี่เรียนจบตั้งธรรมศาสตร์สงสัยที่บ้านรวย พ่อแม่ประคบประหงมนาดู .... ทำนองนี้เลยครับ วันไหนออกไปศาลกะอีพี่ทนายคนนี้มันต้องนั่งพูดไปในรถตลอด .... จนพี่รำคาญมากออกปากว่าจะลาออก .... อีพี่ทนายถามจะลาออกไปทำอะไร ไม่อยากได้ตั๋วทนายแล้วเหรอ .... เลยตอบไปนิ่มๆว่า .... จะเตรียมตัวไปเรียนเมืองนอกครับ ... พอดีที่บ้านรวยครับ ตั๋วทนายมีคนเซ็นให้แล้ว (เป็นสำนักงานเพื่อนพ่อ) ฮ่าๆๆๆๆๆ


สถานการณ์ที่เขาใหญ่ยังนิ่งๆครับ แต่ด้านโรงงานทางสระบุรีติดกันกระจายเลยครับ รอๆดูนะครับ พื้นที่มันต่อเนื่องกันครับ


อยากให้น้องปริ๊นซ์รอร้านกาแฟร้านสุดท้ายครับ ร้านสวย วิวสวยมากๆๆๆๆๆ แต่เป็นร้านในหลืบมาก สมกับชื่อร้านเลย ที่สำคัญครัวซองต์ร้านนี้อร่อยมากกกกกกกก สาว สาว สาว ต้องชอบแน่ๆ พี่ยังซื้อกลับมากินที่บ้านต่ออีกตั้งหลายวัน อุ่นร้อนๆแล้วกรอบเหมือนเดิมครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:11:31:27 น.  

 
บุคลิกภาพสำคัญจริงๆครับ
พี่ก๋าเชื่อว่าการรับใครสักคนเข้าทำงาน
นอกจากดูความสามารถ
ก็ต้องดูเรื่องบุคลิกนี่ล่ะครับ
การพูด การสื่อสารก็สำคัญ

ปัญหากับพี่คนนั้น
โชคดีที่ประธานอยู่ฝั่งน้องปริ้นนะครับ

ถ้าเขายังอยู่และทำงานกันต่อ
คงน่าอึดอัดใจมากๆเลย



ปล. พี่ก๋าก็สะกดเป็นน้องปริ๊นซ์มาตลอด
อ่านดูที่เขียนไว้สะกดเป็น น้องปริ้น นะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:13:07:40 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

เก่งจริงๆค่ะที่ทนและวางแผนไว้ดี
และมีคนสำคัญเป็นแบ็คให้

จากบล็อกพี่ ความดันตอนวัดสูงมากๆค่ะ
ครั้งที่ 1 -198 / ครั้งที2 -180 / ครั้งที่3 -177
จนครั้งที่4 อีกครั้งที่ ตรวจสอบโรคประจำตัว
จะลดมาเหลือ155 จึงผ่านไปฉีดวัคซีนได้
ปกติความดันสูงมากค่ะ กินยาทุกวัน


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:13:26:41 น.  

 
อย่างนี้เรียกว่า แพ้เพื่อชนะ
คนบางคนก็ลุแก่อำนาจ ชอบข่มคนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า
ต้องเจอแบบนี้ถึงจะดี ... นายแน่มาก 555


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:14:33:07 น.  

 
จากบล็อก - Tatsu เขาใหญ่


ราคาแรงทุกอย่างครับ บิลออกมาอยากกลับไปเลียจานเรย เฉพาะอิคุระก็ 600 แล้วครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:14:38:36 น.  

 
ดาร์คจริงๆ นะปริ้นเนี่ย



โดย: หอมกร วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:14:40:28 น.  

 
รับทราบครับน้องปริ๊นซ์
พี่ก๋าก็นึกว่าตัวเองพิมพ์ผิด สะกดผิดน่ะครับ 555

จริงๆก็เป็นเรื่องดีครับ
ที่บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องบุคลิก
พี่ก๋าก็คิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญทีเดียวเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:15:11:15 น.  

 
อื้อหือ ร้ายมากจริง ๆ ใช้ตัวตนมาก คุณปริ็นซ์สอยซะหงอย
ผมยังไม่เคยเจอร้าย ๆ แบบนี้

ที่เจอเขาไม่ใช้คำพูดก้าวร้าวแต่ เขาทำเราในที่ประชุมแต่เรา
เตรียมการณคือเดาออก เลยงัดหลักฐานเชือดนิ่ม ๆ รุ่งขึ้น
เขาก็ลาออก เพราะโกหก

อ้าววันนี้หมดเป๋า


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:15:41:47 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
อ่านจนจบมันส์มาก ได้เจ้านายดี เพื่อนร่วมดี พี่ว่าโชคดีมาก ๆ เลยครับ เห็นด้วยเลยเรื่องบุคลิกภาพนี่สำคัญมาก ในการรับสมัครเข้าทำงาน บุคลิกดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ที่ทำงานพี่ ส่วนใหญ่ผู้ชายเกือบทั้งหมด มีอะไรนี่พูดตรง ๆ กันไปเลย ทีเดียวรู้เรื่อง จบแล้วแยกย้ายทำงานกันต่อ


โดย: The Kop Civil วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:15:42:34 น.  

 
มีนายดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพื่อนร่วมงานก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานครับ เป็นไปได้ผมไม่แอดเฟรนหรอก ไม่งั้นมายุ่งกับชีวิตส่วนตัว มันจะมีพวกที่คิดว่าคนอื่นต้องเหมือนตัวเองเยอะ ทั้งที่ทุกคนก็มีภาระต่างกัน ไม่ไปเที่ยวด้วยกันโกรธ มันน่าขำ

น่าเบื่อนะพวกชอบข่ม จริงๆ ในการทำงาน ไม่ต้องทำงานก็ได้ มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูด ดีที่สุด มันจะยากอะไรกับการค่อยๆ พูดจากัน

กรณีแบบที่เล่ามา ผมเคยเจอตอนฝึกงานครับ ผอ.มาเจอเรียกเข้าไปคุยทีละคนเลย เริ่มจาก ผม หัวหน้าผม และคู่กรณี ผมก็พูดไปตามตรงว่าเจออะไร ไล่ไปจนถึงคู่กรณี ระเบิดลงสิครับเสียงทะลุห้อง ผอ. ที่เป็นห้องเก็บเสียงออกมาเลย จากวันนั้นเป็นต้นมา คู่กรณีพูดกับเราดีขึ้นทันตาเห็น



จากบล็อกผม
นี่ก็ปั่นเก่ง แต่ผมเอาจริงนะเออ สนใจหรือมีคนต้องการ ให้ติดต่อมาที่ผมได้ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:17:13:21 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องปริ๊น

อ่านตะพาบ แพ้แต่ชนะ ของเธอแล้ว โห ! เธอนี่ ร้ายไม่เบา
เลยนะเนี่ย ห้าห้า วางแผนมาหลายปี ดีแล้วที่ไม่หนีลาออกไปก่อน
เจ้านาย หัวหน้าที่ชอบด่าลูกน้อง ผิดก็ไม่ยอมรับผิด พวกนี้ ต้องได้รับบทเรียน เสียบ้าง เนาะ

ที่เล่ามา สรุปได้ว่า แพ้ (รำคาญ) แต่ชนะ ตอนจบ หัวหน้าลาออกไป อิอิ ตรงกับหัวข้อเรื่อง ตะพาบครั้งนี้ จ้ะ

โหวดหมวด ตะพาบ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:21:21:41 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มิถุนายน 2564 เวลา:6:29:38 น.  

 
เรื่องนี้พี่ก๋าเขียนไว้ 10 ตอนจบครับ
ลองตามอ่านดูครับ
ตอนไปโอซาก้าพี่ก๋าอยากขึ้นไปบนปราสาท
มาดามกับหมิงบอกหิวข้าวแล้ว
ก็เลยอดขึ้นครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มิถุนายน 2564 เวลา:17:08:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space