|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม 280 "มหาลัยวัยซน" |
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 280 "มหาลัยวัยซน"โจทย์โดย คุณnonnoiGiwGiw *รูปประกอบที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ในเมมมือถือเครื่องเก่ามากๆ กับโน้ตบุคเก่าที่พังไป *ขอใช้รูปจากเนตบ้าง รูปที่พอจะใกล้เคียงบ้างนะครับ
อ่านจากบล๊อกพี่ก๋ามา พี่ก๋าอ่านเป็นมหาลัยวันชน ถ้างั้นของผมก็คงเป็น....มหาลัยวัยป่วน แหละครับ 555555
...อ่ะมา!.....
อย่างที่เคยเล่าไปครับว่า ผมสอบโควต้ามหาลัยได้ตอน ม.6 เทอม 1 ดังนั้น เทอมสุดท้ายผมชิลมาก ไม่เรียนแล้ว เล่นดนตรี ดูดวง อ่านการ์ตูน วาดรูป อยู่หลังห้องริมหน้าต่างที่ประจำ แล้วก็มีความสุขกับความฝันเกี่ยวกับชีวิตมหาลัย จนเลิกกับแฟนไปเลยครับ 555555 เพราะความไม่ใส่ใจ กลับมาคิดคือตัวเองผิดเต็มๆ ผิดทั้งหมดเลยครับ เสียใจเนอะ T_T
ชีวิตเหมือน Set Zero
นอกจากเลิกกับแฟนแล้ว..... ก็ต้องมาทำความรู้จักเพื่อนใหม่หมดเลยครับ แต่ผมได้เหมือนซ้อมทำความรู้จักตั้งแต่เริ่มเข้าไปเรียนปรับพื้นฐาน เนื่องจากโครงการที่เรียนต้องปรับพื้นฐานความรู้และภาษาอังกฤษก่อน การเข้าไปแล้วนั่งเรียนด้วยกันเลยก็เขินๆ บ้าง รู้แล้วครับว่าทำไมเค้าต้องทำกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ เพราะจะได้ชินๆ กันซะก่อน ตอนนั้นเรียนอยู่ 2 เดือน ก็ไม่ค่อยรู้จักใครอ่ะครับ
แล้วก็มาถึงกิจกรรมรับเพื่อนใหม่เลยครับ ทำให้ได้รู้จักกับคนคณะอื่นๆ เยอะขึ้นมาก แล้วก็ได้คุยกับสาวพยาบาลคนนึงที่อยู่กลุ่มเดียวกัน เค้าเป็นคนดีเลยนะ จำได้ว่ามหาลัยฉากคลิปอะไรซักอย่างแล้วมีอักษรขึ้นให้อ่าน ผมสายตาสั้นใช่ไหมก็อ่านไม่ออก เลยบอกเค้าว่า เราสายตาสั้นมองไม่เห็น เค้าก็นั่งอ่านให้ฟังจนจบคลิปเลยครับ ผมก็นั่งเอียงหูให้เค้าพูดให้ฟัง โคตรโชคดีเพราะจะได้ขำไปพร้อมเพื่อน ๆ ไม่งั้นต้องมานั่งขำแห้งๆ อยู่คนเดียวอีก ส่วนผมก็ตอบแทนการอ่านของเค้าด้วยการยกกระเป๋าเสื้อผ้าของเค้าจากยิมกิจกรรมไปหอให้ แล้วก็มีเพื่อนผู้ชายรัฐศาสตร์คนนึง เป็นคนที่ดูต่างกับผมมากๆ นะ 55555 ไม่น่าเข้ากันได้ เพราะเค้าชอบวิชาท่องจำ ชอบอ่านหนังสือ ชอบประวัติศาสตร์ พูดเยอะ.....มนุษสัมพันธ์ดีมาก ต่างกับผมที่ ไม่ชอบอ่าน เกลียดประวัติศาสตร์ ไม่ค่อยพูด ก็พูดแหละครับแต่น้อยกว่ามันเยอะ และก็ไม่ได้มนุษสัมพันธ์ดี แต่ผมขอนิยามตัวเองว่าเป็นคน..... Nice ครับ เหอะๆ และมันนี่แหละที่ทำให้ผมได้ B ภาษาไทย เพราะผมเอารายงานมันมาลอก
เพื่อนใหม่มาหลายแบบ
เลยจากรับเพื่อนใหม่ของมหาลัยก็มาเป็นรับของคณะ เป็นปกติใช่ไหมที่คณะวิศวะจะมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ด้วยอะไรไม่รู้ ผู้ถูกผูกมือซ้ายขวาไว้กับผู้หญิงข้างละคน คนนึงเรียนโครงการเดียวกัน อีกคนนึงเป็นเพื่อนใหม่ แล้วเราก็ต้องผูกติดกันไปแบบนั้นทั้งวัน
ไม่รู้ว่าหลายๆ คนเป็นเหมือนผมไหม.... แต่ผมเป็นคนไม่ถือเรื่องจับมือกับเพศตรงข้าม คือเพื่อนกันจับมือกันได้ กอดคอกันได้ เวลาต้องเดินไปทำกิจกรรมผมก็จะจับมือเพื่อนทั้งคู่ ดีกว่าปล่อยข้อมือห้อยๆ ไว้อ่ะครับ เดินไม่ถนัดเลยบางที แต่ถ้าไม่ได้เดิน ก็ไม่จับนะ เวลากินข้าว ผมจะไม่ได้สิทธิ์กิน แต่ต้องให้ 2 คนซ้ายขวาเป็นคนป้อน แล้ว........ผมเป็นคนกินยากใช่ไหม 5555555 เพื่อนปวดหัวมากครับ แต่ด้วยความรู้จักกันครั้งแรกก็คงไม่กล้าด่า ข้าวกระเพราะ ผมก็ขอให้เค้าเขี่ยพริกกับใบกระเพราะให้ด้วย หมูกระเทียม กระเทียมไม่กรอบ ก็เขี่ยให้หน่อยนะ ไม่เอาผักชี เพื่อน 2 คนคงคิดในใจ กุเบื่อเมิงเหลือเกิน เดินก็ยาก แดร๊กก็ยาก แต่ยังไงก็ยังดีครับ เพราะสองคนสลับกันชวนผมคุยตลอดนะ ขากลับหอนอน ด้วยความที่สนิทกับคนด้านซ้ายมากกว่า เพราะเรียนโครงการเดียวกัน เลยยกกระเป๋าให้เค้าด้วย เพื่อนด้านขวาเลยออกปากว่า เทอช่วยเราถือถุงได้ไหม เฮ้ย! ตอนนั้นเขินเลย โดนทวง เลยเอามาถือแบบเขินๆ
วันรุ่งขึ้น ช่วงเย็นเราก็โดนผูกกันอีกรอบ ตอนนั่งรอกิจกรรม อยู่ๆ เพื่อนด้านขวาก็บอกว่า ถ้าเรานั่งจับมือกันจะถนัดกว่าไหม ผมก็งงๆ นะ แต่ก็ตอบว่าได้ แล้วจับมือเค้าแบบไม่คิดอะไร แต่ไม่นานเราก็ถูกแก้มัดครับ เพราะผมกับเพื่อนด้านซ้ายถูกเลือกไปทำกิจกรรมอื่น พอไปฟังแล้วกลับมานั่งที่เดิม ผมกับฝั่งซ้ายก็คุยกันต่อ เพราะเราจะต้องทำกิจกรรมต่อกันยาวๆ แล้วยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งต่อมาวันรุ่งขึ้นมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งคุยด้วยแล้วบอกว่า เพื่อนด้านขวาเค้าชอบเราน่ะ รู้ป่าว เค้ามาคุยกับพี่ตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วถามว่ามีแฟนหรือยัง ผมตอบไปว่าไม่มี แต่กับคนนี้คิดแค่เพื่อน
แล้ว.......เพื่อนคนนั้นก็หายไป เจอกันอีกทีก็ใต้คณะเวลาเรียน ซึ่งเค้าก็ไม่เข้ามาใกล้ผมเลยอ่ะ - -''
ห้องเชียร์วิศวะ
แน่นอนว่าคณะที่มีชื่อเสียเรื่องห้องเชียร์คงหนีไม่พ้นวิศวะ และมันคือการเข้าห้องเชียร์ทุกวัน โดนว๊ากทุกวัน จนครบ 1 เดือน จริงๆ มันก็ไม่บังคับนะ แค่ว่า....เมิงอยากได้เกียร์รุ่นไหมละ???? เฮ้ย! อยากได้ดิ และไม่มีวิธีอื่นนอกจากการเข้าห้องเชียร์ให้ครบเท่านั้นครับ
ตลอดเวลามันก็จะมีเสียงพี่ว๊ากเกอร์คอยตะโกนที่ไม่ใช่ด่า..... แต่เป็นการกดดันประมาณว่า "แค่เพลงมหาลัยคุณร้องกันไม่ได้หรอ แล้วคุณมาอยู่ทำไม" "ชื่อเพื่อนข้างๆ จำไม่ได้รอ นั่นเพื่อนคุณนะ" "ทำไมเพื่อนหาย แค่นี้ทำไมดูแลกันไม่ได้ อีกหน่อยจะดูแลกันในรุ่นได้ยังไง" "พวกผมไม่รับรุ่นคุณ พวกผมไม่มีน้องไม่เอาไหนเหมือนพวกคุณ"
แล้วพี่แม่งก็เดินไปเตะกระถางต้องไม้กระเด็นไป
ผู้หญิงหลายคนร้องไห้ หลายคนเป็นลม เพราะเหนื่อย เครียด เสียใจ แต่....ผมเฉยๆ นะ เค้าไม่ให้เงยหน้ามองก็ไม่มองหน้ารุ่น นั่งแคะเล็บเล่นไปพรางๆ 55555 อาจจะเพราะผมมาจากโรงเรียนที่มีห้องเชียร์ประมาณนี้อยู่แล้วมั้ง เลยชิน พอเพื่อนเครียดผมก็จะบอกเพื่อนว่า พี่มันเอารุ่นอยู่แล้วแหละ ไม่งั้นมันก็ไม่มีรุ่นน้อง 55555
ผมไม่ได้เข้าห้องเชียร์ทุกครั้ง เพราะเริ่มต้องแยกไปซ้อมกิจกรรมอื่นของคณะ แต่สุดท้ายก็จบห้องเชียร์แล้วก็ได้เกียร์รุ่นมาครอบครอง
เกียร์วิศวะ.....คนนึง 1 อัน
........แล้วเกียร์ผมอยู่ไหน??? ผมให้แฟนไปเมื่อ7ปีที่แล้ว.....ตอนนี้.....ไม่เห็นนานแล้วครับ - -''
แต่.... ตลอด 4 ปี ผมไม่ได้มีเกียร์อันเดียวอ่ะดิ ก็เพื่อนผม ที่บ้านมันเป็นโรงกลึง ก็เลยให้มันปั้มเกียร์มาให้ 3 อัน เกียร์สำรองก็ใช้หมดไปแล้วครับ 5555555 แต่ของจริงเก็บไว้จนจบปี 4 แล้วให้แฟนไปหลังจากเป็นแฟนกัน ถ้าคนที่ได้ไปก่อนหน้านี้มาอ่านเจอ ก็รู้ความจริงวันนี้แหละครับ เหอะๆๆ
อย่างเมิง หาแฟนเมื่อไหร่ก็ได้
อย่างที่เคยบอกครับ ผมเข้ามหาลัยมาแบบ....โคตรโสด.... แต่แปลกที่ช่วงแรก ๆ ไม่อยากมีแฟนเลยนะ ช่วงเทอมแรกทั้งเทอม ความโสดมันดีมากฮะ!!! ด้วยตัวกิจกรรมที่ทำ ทำให้มีคนเข้าหาเยอะ เยอะมาก
คนรู้จักเยอะทั้งกับรุ่นเดียวกัน ไปยันรุ่นพี่ มีหน้าเรากับคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมด้วยกันในโปสเตอร์ทั่วบอร์ดคณะ เดินๆ อยู่จะโดนถามบ่อยมากว่า "มีที่นั่งหรือยัง" "นั่งด้วยได้ไหม" เรื่องขอเบอร์ขอคอนแทคคือมีมาเรื่อยๆ ผมก็ให้หมดเหมือนกัน เลือกคุยกับคนที่ชอบ คุยสนุกๆ ไปวันๆ บริหาร Charisma
แรกๆ มันรู้สึกดีมากครับ รู้สึกเหมือนเนตไอดอล 555555 ผมเองก็ระเริงเช็คเรตติ้งไปเรื่อย มีความสุขที่จะอยู่ในแสงไฟครับ ทุกวันศุกร์คืออยู่ผับชื่อดังแถว ม. กับเพื่อนในกลุ่มกิจกรรม
เรียกว่า ถ้าใจเราร้อนแรง กระทะทองแดงก็แค่เครื่องครัว แทบไม่ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนจริงๆ เท่าไหร่เลยครับ มีแค่ตอนเรียนนั้นแหละ ซึ่งกลุ่มของคณะอื่นก็ชอบไป สาว ม. เมืองหลวงประเทศไทย ก็ชอบไป เป็นแบบนั้นอยู่ 1 เทอมเต็มๆ จากความสนุกมันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ
ยังคงไม่อยากมีแฟน แต่ไม่ใช่เพราะยังสนุกกับเรทติ้งแล้วนะครับ แต่แค่...อยากเจอคนที่จริงใจกับเรา ก็เริ่มบ่นแบบนี้กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็พูดว่า "อย่างเมิงไม่น่าเหงานะ หาแฟนเมื่อไหร่ก็ได้" ไม่จริงเว่ย.....
ตอนนั้นเริ่มรู้ว่า ในขณะที่เหมือนเรากำลังยืนอยู่ท่ามกลางคนมากมาย แต่ไม่รู้ว่าใครจะจริงใจ อยากจะเป็นแฟนกับเราเพราะชอบความเป็นเราจริงๆ หลายคนเข้ามาเดินคุยด้วยว่าเดินย้ายห้องเรียน แล้วก็บ๊ายบายแยกกันไป แบบนี้บ่อยมาก ๆ ครับ เหมือนแค่อยากมีช็อตเดินคุย นั่งกินข้าว บางคนก็ เอิ่ม....ผมก็พูดออกสื่อไม่ได้.....
"เมิงน่ะหาแฟนเมื่อไหร่ก็ได้" "ไม่เว่ย.....เมิงเห็นใครจริงใจกับกุยัง" .................
วิศวะบันเทิง เกือบได้เล่นละครเวที
แล้วเหมือนเป็นช่วงขาขึ้น... ไม่นานผมก็ถูก inbox ให้ไปแคสติ้งละครสถาปัตย์
ซึ่งปกติก็ใช้คนของสภาปัตย์เป็นหลัก ก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงแคสคนนอก แต่ก็ไปนะ สรุปคือผมไปแคส แต่ไม่ได้รับเล่น เพราะแคสบทนึง แต่เค้าให้ผมเข้ามาแคสอีกรอบเทียบกับอีกคนด้วยอีกบทนึง เพื่อนก็บอกว่า ถ้าได้อาจมีดราม่าว่าไม่ใช่คนสถาปัตย์นะ ถ้าเป็นรับเชิญก็ไม่ควรรับบทนี้ น่าจะเล่นบทเดิมดีกว่า เลยไม่ไปแคสครับ บอกสละสิทธิ์ไป
ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ
จำเพื่อนผู้หญิงที่ถูกผูกมือกับผมด้านซ้ายได้ไหมครับ ที่บอกว่าเราถูกเลือกไปทำกิจกรรมอื่น หลังจากวันนั้น เราสนิทกันมาก อาจจะเพราะซ้อมกิจกรรมด้วยกันทุกวัน ขากลับก็จะเดินกลับพร้อมกัน ซ้อมแล้วบางทีเจ็บกล้ามเนื้อก็ผลัดกันนวด จับมือกันเป็นเรื่องปกติ เวลาซ้อมเหนื่อยๆ ก็จะผลัดกันเอาน้ำมาให้กิน แม้แต่กอดกัน หรือผมที่จะมัดผมให้เค้าบ่อยๆ แต่เราอยู่คนละภาค เวลาเจอกันก็ทักทาย เดินมาจับมือจับไม้ ตอนเย็นๆ ก็จะเห็นเดินตลาดนัดด้วยกันบ่อยๆ จนลือกันว่าเราเป็น FWB ........
พอมีข่าวลือแบบนั้นออกมาก็ตกใจดิครับ เลยพยายามถอยห่างกันออกมาประมาณนึง เจอกันก็ไม่ทักกันเหมือนเดิม แต่ผมก็มองเค้าเค้าก็มองผมนะ ไม่ค่อยไปไหนด้วยกัน 2 คน ผมระวังตัวมาก แต่กลับรู้สึกไม่ดีเลย เห็นเค้าก็อยากจับมือข้ามถนน นึกถึงเวลาเดินกลับด้วยกันตอนดึก ๆ ชอบเวลาที่คุยกัน หรือเวลาที่เค้าเอามือผมไปซ้อมเพ้นท์เล็บ 55555
ตอนถอยออกมาทบทวนคือทบทวนความรู้สึกจริงๆ ว่าจริงๆ เพราะเราสนิทกัน กิจกรรมใกล้ชิดกัน พอมากเข้าเลยรู้สึกดี หรือว่าเราชอบเค้าขึ้นมาจริงๆ ช่วงนั้นเหงา เลยหันไปคบกับลีดบัญชี คุยอยู่ เดือน 2 เดือนก็เลิกคุย แล้วกลายมาเป้นเพื่อนกัน จนเพื่อนแซวว่า เมิงจะเลือกแต่ลีดไม่ได้ 55555
สุดท้ายคำตอบของผมต่อเพื่อนคนนั้นคือ เราแค่ใกล้ชิดกันเกินไป ถึงวันนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน
เพื่อนข้าใครอย่าแตะ
เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันมีกันอยู่ 7 คนครับ 6 คนมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน นิสัย.....พอๆ กันเลย 55555 ส่วนอีก 1 คน กรุ๊ป A มีบุคลิกต่างจากคนอื่นชัดเจนมาก คือ พูดน้อย ขี้อาย ไม่เที่ยว ไม่โดดเรียน แต่งตัวตามระเบียบ ไม่กวนตรีน รวมๆ คือมันเป็นคนดี 55555 มันอยู่หอเอเซียนเกมส์โซน B ที่เป็นห้องโถงตรงกลางแล้วแยกเป็น 2 ห้องนอน มันมีเมท 2 คนเป็นเพื่อนกัน ส่วนมันอยู่คนเดียวจ่ายค่าห้องทั้งห้อง
อยู่มาวันนึง กลางคืนมันไลน์ไปบอกเพื่อนที่คิดว่าบอกแล้วจะใจเย็นมากที่สุด ว่าห้องมันเปิดแอร์ไม่ได้มาหลายวันแล้ว เพราะเมทเอารีโมทไป เมทชอบเปิดทีวีเสียงดัง เอาเกมส์มาเล่น พาเพื่อนมาเล่นที่ห้องประจำ เพื่อนก็ไปรับไปนอนหอนอกด้วย แล้วมาบอกพวกผมตอนเช้า
ได้ยินปุ้บขึ้นปั้บเลยครับ!!! ถาม A ว่า เมทเมิงเลิกเรียนกี่โมง เพื่อนบอกว่ามีเรียนแค่เช้า เท่านั้นแหละ พวกผม 7 คนไปนั่งรอเมทที่น่ารักถึงห้องตอนบ่าย พอเมทมันมาก็ปิดประตูเคลียร์ สุดท้ายบอกว่า เพื่อนกุจะไม่ย้ายออก ถ้าจะมีใครออกคือพวกเมิง 2 คน (ตอนนั้นเพื่อนก็พูดว่า...กุออกก็ได้นะ เชี้ย! ไม่ได้ดิ!)
ถ้ามีปัญหาพวกกุตามถึงคณะแน่ - -''
เพื่อนกับเมทก็ต่างคนต่างอยู่จนครบสัญญาครับ แล้วย้ายมาอยู่โซน C ที่เป็นห้อง 2 คน อยู่กับเมทภาคเดียวกัน จบปัญหาคนกรุ๊ป A โดยที่ไม่ต้องตามไปกระทืบเมทมันที่คณะ
รุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน
ยังจำพี่ที่ทำงานของผมที่ชื่อ พี่หมิง ได้ไหมครับ พี่หมิงคนเหนือ.....เหนือธรรมชาติ เชื่อไสยศาสตร์ และธรรมะ ธัมโม เมื่อก่อนพี่แกไม่ได้เหนือธรรมชาติขนาดนี้นะ เพราะพี่แกเป็น.....ว๊ากเกอร์......
แกไม่ใช่สายตะโกนดังๆ หน้าโหดๆ แต่แกเป็นคนขาวๆ มีหนวดนิดหน่อย มักจะเป็นคนเดินวนรอบๆ น้องแล้วพูดประมาณว่า "ผมผิดหวังในตัวพวกคุณมาก" "ผมเสียใจที่มีรุ่นน้องแบบนี้" "ทำไมพวกคุณไม่พยายาม" คือเป็นตัวไซโคเบาๆให้รู้สึก guilty แล้วถ้ามีน้องร้องไห้ พี่หมิงจะเข้าไปนั่งประกบแล้วคุยด้วย ถ้าน้องเป็นลมก็เป็นคนหามออกไปข้างนอก เรียกว่าเป็นสาย Heal มากกว่าสาย Tank
ผมมารู้จักกับพี่เค้าตอนปี 2 ก็ห้องเชียร์เหมือนเดิม พี่เค้ามาคุมว๊ากปีผม ส่วนผมถูกส่งมาลงห้องเชียร์พร้อมเพื่อน พี่หมิงเป็นคนมาบรีฟว่า เราจะเข้าห้องเชียร์ได้ตอนไหน พร้อมเตี๊ยมบทพูดให้กับคนที่จะมีบทพูด เอาจริงๆ ห้องเชียร์คือการแสดงของรุ่นพี่ 55555 นอกจากคนที่มีบทพูด คนอื่นต้องไม่พูดกับน้อง ห้ามยิ้มด้วยถ้าสคริปวันนี้ต้องบอกว่าน้องทำไม่ดี คิดแล้วตลกดีครับ พอเราออกจากห้องเชียร์ พี่หมิงก็จะมีบอกว่าเราทำดีหรือไม่ดี ซึ่งพี่หมิงเป็นคนที่เดิมมาตบไหล่แล้วบอกว่า เฮ้ย! เมิงดีมาก เมิงทำดี แต่....ไอ่นี่นิดนึง.... คราวหน้าเราจะทำแบบนี้ วันไหนห้องเชียร์ไม่ดีเลย แล้วพวกผมลงห้องเชียร์มาแล้ว ว๊ากปี 3 ต้องตะโกนไล่ให้ออกจากห้องเชียร์กลางคัน พี่หมิงจะมาบอกว่า เป็นสคลิปนะไม่ต้องตกใจ เฮ้ยพี่...ไม่ตกใจ ผมเลยรู้สึกพี่แกเป็นคนดี สุภาพ ทุ่มเทในงานมาก ลักษณะเหมือนผู้ใหญ่บ้าน 55555555555
พอมาทำงานด้วยกัน พี่แกรักผมมากนะ ช่วยเหลือดูแลงานให้ตลอด ผมหลับในรถชนแบรี่เออร์ก็รีบขับรถมาหาทันที ซึ่งแกกลายเป็นคนเหนือ(ธรรมชาติ) หลังจากบวชตอนเรียนจบ เพื่อนในแผนกก็คุยกับพี่หมิงไม่ได้นาน ผมในฐานะรุ่นน้องก็เลยต้องรับดูแล ฟังเรื่องผี ตำนานนั่นนี่มันส์ไปเลยครับ 55555
ความโหดที่มีจริง
ปี 3 เป็นปีที่เรียนวิธีภาคอย่างจริงจังเลยครับ Workshop อาทิตย์ละ 3 วัน ทำงานเป็นคู่ ที่ซวยก็คือ......คู่แลปของผมเสือกไส้ติ่งอักเสบ ผ่าตัดและหายไป 2 เดือน เข้!!! กุจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีเมิง!!!! ผมก็ต้องทำแลปคนเดียว แต่ถ้า Trial เยอะ ก็จะขอทำร่วมกับเพื่อนคู่อื่น ถึงเวลาสรุปก็.....ลอกผลชาวบ้านเค้ามา.... เอาจริงๆ ผมลอกแลปเก่งมาก ลอกได้เนียนตา จับไม่ได้เลยละครับ พอเพื่อนกลับมาก็ขอโทษขอโพยว่าทำให้ลำบาก ช้าไปแล้วเมิง....กุสกิลดี รอดมาได้ แล้วจะพาเมิงรอดด้วย เพราะเพื่อนกลับมาก็ยังยืนนานไม่ได้ ออกแรงยกของหนักไม่ได้ ผมก็ไปเกาะกลุ่มอื่นแล้วลอกแบบ 3-4 ต้นฉบับเอามาให้มันลอกต่อ 555555
และปี 3 นี่แหละครับที่เป็นปี ซวย ๆ ของผม ด้วยความขี้เกียจ.....ผมเอาอุปกรณ์ที่ไม่สมบูรณ์มาใช้งาน แล้วก็เกิดอุบัติเหตุในแลปจนเลือดงี้โทรม คู่แลปคนนี้เป็นเพื่อนในกลุ่มกันนี่แหละครับ พอมันได้ยินเสียงผมหันหลังร้อง โอ๊ะ! ขึ้นมา มันก็ถามว่า "มีอะไร" แต่เสียงต่ำๆ เหมือนรู้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้หันมาหา เพราะกำลังเอากระจกที่เสียบอยู่ที่มือออก มันก็แค่เรียกชื่อเฉยๆ คราวนี้ผมก็หันมาหามันพร้อมเลือดละฮะ แล้วก็.....ร้องดิ เจ็บไม่มาก แต่ตกใจมาก จริง....ตอนนั้นชามาก แทบไม่รู้สึก ผมก็รีบวิ่งไปเปิดน้ำล้างแผล ส่วนเพื่อน....วิ่งไปตามจารย์ พร้อมเพื่อนมา แล้วลากขึ้นรถไป รพ
ถึง รพ.......พยาบาลมีอายุบอกให้กรอกประวัติแล้วนั่งรอ เพื่อนก็เริ่มโวยวายว่า มือมันเลือดอาบงี้ยังไม่เขียนได้ไหม พยาบาลก็บอกว่างั้นนั่งรอ เพื่อนโมโหเลยเป็นคนกรอกให้ผม ขณะนั้น เลือดก็หยดลงพื้นเรื่อยๆ เป็นทางเลยครับ เพื่อนเลยขอผ้าก๊อต ทิชชูหรืออะไรก็ได้มาซับเลือด ตอนนั้นความเจ็บเริ่มมา เริ่มนั่งเฉยไม่ได้แล้วฮะ ไอ่ผมเดินวนไปวนมา นั่งไม่ติดเพราะปวดมาก จนเลือดเต็มพื้น พยาบาลเลยเอาผมไปเก็บที่ห้องด้านหลัง รอนักศึกษาแพทย์มาดู เดี๋ยว!!!! แค่เย็บแผล ไม่ต้องดูมั้ง
จนนักศึกษาแพทย์มามีใครซักคนมาซักประวัติว่า โดนไรมา เพื่อนผมก็ตอบแทนหมดเลย 5555 คือมันมายืนเกาะข้างเตียงเลยนะ แล้วอยู่ๆ มันก็เงียบเสียงแล้วหายไป ทิ้งผมให้คุยกับ นศพ เริ่มฉีดยาชาแล้วจะเริ่มเย็บ พอแทงเย็บผมร้องงงงงงง นศพ ถามว่า ไม่ชาหรอ...เออ!!!! แม่งไม่ชา!!!!! เค้าเลยจะฉีดที่แผลซ้ำ ผมเลยต้องอาศัยความเป็นลูกพยาบาล บอก นศพ ว่า.....บล๊อกข้อไปเลยพี่ นศพ บอกว่าขอถามรุ่นพี่ก่อนนะ ก่อนจะกลับมาบล๊อกข้อให้ แผลชา แล้วเริ่มเย็บแผล
พอเส็ด ผมก็เดินมาหาเพื่อนคนอื่นๆ ที่มารอ ส่วนคู่แลปที่เกาะข้างเตียงแล้วหายไปคือ....เป็นลมครับ มันบอกว่าไม่เคยกลัวเลือด จนเห็นเลือดไหลเป็นก้อนๆ ไม่หยุด เห็นนาน ๆ แล้วหวิวๆแล้ววูบไปเลย 5555555
...จบดีกว่า...
หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจสอบภาษาให้ผ่าน เพื่อเตรียมจบตามหลักสูตร สอบอยู่หลายรอบจนต้องใช้ไสยศาสตร์ละครับ 55555 ปี 4 ไม่ได้ทำอะไรแล้วยกเว้น Senior project และเริ่มคุยกับแฟนคนปัจุบันอย่างจริงๆ จังๆ คอยรอขับรถกลับบ้านให้พร้อมๆกัน เวลาเค้ากลับดึก แล้ววันที่สอบปี 4 วิชาสุดท้าย ก็เป็นวันที่ผมเอาเกียร์ของจริงให้แฟน แล้วก็คง.....หายไปแล้วแน่นอน - -''
นี่แหละครับชีวิต "มหาลัย" ของผม ประสบการณ์ชีวิตมหาลัยถือว่า คุ้มค่านะ อย่างน้อยก็เรียนจบ 55555 ยาวเนอะ..... วีรกรรมอย่างละเอียดเยอะมากครับ แต่เอาที่ออกอากาศได้สั้นๆ ก็เท่านี้นะ อิอิ
Create Date : 24 มิถุนายน 2564 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2564 17:26:48 น. |
|
43 comments
|
Counter : 1529 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณตะลีกีปัส, คุณทนายอ้วน, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณPooh Station TH, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณmultiple, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณ**mp5**, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณชีริว, คุณโอพีย์, คุณนายแว่นขยันเที่ยว |
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:12:22:18 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:12:46:30 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:13:20:30 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:13:29:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:14:27:17 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:14:43:12 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:17:18:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:6:21:05 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:8:05:56 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:11:05:28 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:11:39:02 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:15:02:15 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:15:28:02 น. |
|
|
|
โดย: ลูกไม้ (LittleMissLuna ) วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:19:23:06 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:2:42:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:6:53:51 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:7:40:05 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:7:56:53 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:9:01:58 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:9:05:29 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 27 มิถุนายน 2564 เวลา:12:45:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:5:41:57 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:11:47:26 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:16:46:35 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:22:31:22 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:7:56:06 น. |
|
|
|
โดย: โอพีย์ วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:8:57:57 น. |
|
|
|
โดย: โอพีย์ วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:8:59:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|