|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
มานิตย์ ภู่อารีย์ อาจารย์ผู้อารี
ผศ.มานิตย์ศิลปินแห่งชาติปี 42
นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(กวช.)สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่ง ชาติ (สวช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผศ. มานิตย์ ภู่อารีย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) ปี2542 ได้ถึงแก่กรรมลงแล้ว เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. (โดยประมาณ)
ณ โรงพยาบาลธนบุรี ด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน สิริอายุ 73 ปี โดยมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 16.00 น. ณ ศาลา 1 วัดรัชฎาธิษฐานราชวรวิหาร (วัดเงิน) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 เขตบางกอกน้อย กทม. และมีพิธีจัดสวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 1 – 7 ธ.ค. (เว้นวันที่ 5 ธ.ค.) เวลา 19.00 น. จากนั้นจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน โดยสวช.ได้จัดสวัสดิการช่วยเหลือศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิตเป็นจำนวนเงิน 135,000 บาท และดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพ พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งจะมีการแจ้งวันและเวลาให้ทราบในลำดับต่อไป
สำหรับประวัติ ผศ. มานิตย์ ภู่อารีย์ เป็นศิลปินอาวุโสที่ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2478 ที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาศิลปะจากแผนกจิตรกรรม โรงเรียนเพาะช่างศิลปะบัณฑิตจิตรกรรม (เกียรตินิยม) คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ดีโพลม่าจิตรกรรม สถาบันวิจิตรศิลป์ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้สร้างสรรค์งานศิลปะอันมีคุณค่าทั้งงานภาพพิมพ์ จิตรกรรม และเครื่องเคลือบดินเผา มีผลงานแสดงในนิทรรศการศิลปะสำคัญต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ จนได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 (เหรียญทอง 3 ครั้ง) จนได้รับเกียรติเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม ประเภทภาพพิมพ์ เมื่อปี 2505 จนกระทั่งได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) ประจำปี2542
มานิตย์ ภู่อารีย์ อาจารย์ผู้อารี
เสียงเพลงSanta lucia ดังก้องอยู่ในหัวผมตั้งแต่วางสายโทรศัพท์ลงไป เพื่อนสนิทซึ่งไม่ค่อยได้ติดต่อกันตั้งแต่เรียนกันจบมา โทรมาบอกข่าวการจากไปของอาจารย์ผู้เป็นที่รักของพวกเรา ผมเปิดเพลง Santa lucia ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบเพื่อไว้อาลัยแด่อาจารย์ผู้ล่วงลับและเพื่อรำลึกถึงความทรงจำดีๆในครั้งนั้น
ปีหนึ่งเทอมหนึ่งกับสถาบันแห่งใหม่ พวกเราถูกประเพณีรับน้องเล่นเอาซะอ่วม แม้นจะไม่ชอบการรับน้องเท่าไหร่นักแต่ผมก็เข้าร่วมเกือบทุกครั้ง ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง อีกอย่างคือไม่รู้จะไปไหน การรับน้องมีข้อดีที่เด่นชัด คือ ทำให้จำชื่อเพื่อนได้ทุกคน
พวกเราถูกรุ่นพี่ซ่อมทั้งที่ไม่ได้เสียอยู่เป็นเดือน ผลงานและผลการเรียนส่วนใหญ่จะออกมากันไม่ค่อยดีนัก ด้วยเหนื่อยล้าจากการรับน้องวันละสองมื้อหลังอาหาร ครั้นพอเข้าเรียนก็เหนื่อยอ่อน หมดแรงพอเจอแอร์เย็นๆเข้าก็เผลอหลับ เป็นอย่างนี้อยู่หลายวันจนโดนอาจารย์หลายท่านตำหนิเอา วันนั้นเป็นวิชาเรียนรวมกัน มีอาจารย์หลายท่านร่วมสอน พวกเราถูกตำหนิถึงเรื่องความรับผิดชอบอย่างแรง ความเครียดปกคลุมไปทั่วห้องอยู่นาน พวกเรานั่งก้มหน้าไม่มีใครกล้าสบตากับอาจารย์ท่านนั้น
จู่ๆก็มีเสียงเม้าท์ออร์แกนดังขึ้นมาเป็นเพลง Santa lucia ใครกันที่อาจหาญเป่าเม้าท์ออร์แกนในยามนี้ นั่นคือครั้งแรกที่ทำให้ชื่อของอาจารย์ มานิตย์ ภู่อารีย์ สลักอยู่ในใจพวกเรา อาจารย์มานิตย์เป่าเม้าท์ออร์แกนอย่างเพลิดเพลินอยู่สองสามเพลง ความตึงเครียดหายไปในบัดดล จบเพลงสุดท้ายทุกคนลุกขึ้นปรบมืออยู่นาน อาจารย์ทิ้งท้ายด้วยคำพูดให้กำลังใจและให้โอกาศพวกเราปรับปรุงตัว
ปีที่สองในฤดูหนาวบนยอดเขาค้อ กองทัพนักศึกษากระจายกำลังกันยึดฐานที่มั่นบนสันภูตามใจชอบ ตลอดแนวเขาสีเขียวจึงถูกแซมไปด้วยสีสันหลากหลายจากเสื้อกันหนาวของพวกเรา นักศึกษากำลังขะมักเขม้นถ่ายทอดความงามเบื้องหน้าลงสู่แผ่นเฟรมแผ่นกระดาษ
ครั้นคล้อยบ่ายอาจารย์ มานิตย์ก็เดินมาตรวจเยี่ยมลูกศิษย์พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อนคนหนึ่งจบมาจากสายสามัญวิชาดรออิ้งจึงไม่แข็งแรง ประกอบด้วยกลัวภาพจะออกมาไม่สวยจึงกล้าๆกลัวในการลงน้ำหนัก เมื่ออาจารย์ มานิตย์มาถึงก็แสดงให้ดูว่าควรจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร อาจารย์ใช้มือถูๆไปบนภาพเพื่อให้เกิดน้ำหนัก แล้วใช้ยางลบ ลบออกบางส่วนเพื่อให้เกิดระยะและทาให้ภาพดูสนุกขึ้น อาจารย์บอกให้เรียนรู้จากธรรมชาติ เช่นภูเขาที่ดำทะมึนอยู่ด้านหลัง แม้นมันจะอยู่ไกลแต่สีมันเข้ม เราก็เข้มตามสิ อย่าไปกลัวว่าจะดูแล้วไม่ไกล แล้วอาจารย์ก็ออกเดินไปตามจุดต่างๆที่นักศึกษาซุ่มอยู่ ก่อนที่จะมารวมพลกันฟังคำวิจารย์กันอีกทีหลังอาหารเย็น
วันต่อมา แดดบ่ายบนเขาค้อไม่ร้อนจนเกินไป เพื่อนคนหนึ่งซึ่งลักลอบลงไปจากแค้มป์ที่พักกลับสู่กรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อเย็นวาน รูปเงาของเขาปรากฎขึ้นที่ขอบฟ้าตั้งแต่ตัวเท่าเม็ดถั่วเขียว ลัดเลาะมาตามถนนเล็กๆตามเนินเขา จนกระทั่งมาถึงที่อาจารย์มานิตย์พวกเรานั่งกันอยู่ อาจารย์ถามว่าไปไหนมา เขายกมือไหว้ขอโทษอาจารย์ที่ไม่ได้ขออนุญาติก่อนไป
“ผมไปกรุงเทพฯมาครับ”พวกเรานิ่งเงียบดูเพื่อนที่เดินมาเหมือนหมาหอบแดดอธิบาย อาจารย์ถามว่าไปทำไม “ผมไปไถ่นาฬิกามาครับ คือมันจะหลุดจำนำวันนี้” “อืม แล้วได้มารึเปล่าล่ะ” “ได้มาครับ”อาการหมาหอบแดดยังคงที่ “เข้าเป้า เอาล่ะนายไปทำงานต่อซะ”อาจารย์ ยิ้มยินดีกับหมาหอบแดดตัวเก่า
เรือตังเกเชิดหัวเรือฝ่าเกลียวคลื่นมุ่งหน้าสู่เกาะช้าง อาจารย์มานิตย์นั่งอยู่ด้านหัวเรือดุจกัปตันผู้เฝ้ามองหาดินแดนใหม่ ในที่นี้เสมือนเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่ากะลาสีทโมนอย่างพวกเรา แรกๆเรือออกจากฝั่งก็ไม่เท่าใหร่ แดดยังร่มลมยังเบา พอเรือออกไปได้สักครึ่งชั่วโมงทำให้ผมต้องคิดถึงคำว่า ศอกก็ทะเล คืบก็ทะเล อย่าได้ไว้ใจ หลายคนในเก๋งเรือพากันหลับไหล แต่ภายนอกนั้นเมฆที่เคยแน่นฟ้าพากันหลีกทางให้แสงแดดแผดร้อน พวกเราที่ยังไม่หลับพยามเชิญให้อาจารย์มานิตเข้ามานั่งด้านใน อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร ตรงนี้ถูกลมดีขออยู่ตรงนี้ต่อ แต่นั่นก็หาได้คลายความเป็นห่วงของพวกเราลงไปไม่ เพราะมีเพียงหมวกใบน้อยเท่านั้นที่บังแดดไว้ จวบจนเรือถึงฝั่งอาจารย์ลงเหยียบเกาะเป็นคนแรก ความกังวลของพวกเราจึงได้คลายลงไป
อาจารย์เคยเล่าให้ฟังถึงวีระกรรมสมัยที่อาจารย์ยังเป็นนักศึกษา ด้วยความซน บวกกับความปราดเปรียว คล่องแคล่วในการทำงาน อาจารย์บางท่านจึงตั้งฉายานายมานิตย์ในขณะนั้นว่า“ลิง” เมื่ออาจารย์ศิลป์ พีระศรีได้ยินเข้าจึงบอกว่า
“นายไม่ใช่ลิง นายคือหนุมาน” ครับ ตอนนี้ผมก็เชื่ออย่างนั้น ดั่งคำของอาจารย์ศิลป์ท่านกล่าวไว้
ตอนปีสี่ช่วงเวลาที่เราต้องส่งงานศิลปะนิพนธ์ เพื่อนหอบแดดคนเดิมทำงานไม่ทันด้วยเขาไปรับงานจ๊อบใหญ่ แต่ยังไงเขาก็พยามปั่นงานศิลปะนิพนธ์จนมีมาส่งพร้อมเพื่อนๆ อาจารย์หลายท่านมีความเห็นแตกต่างกันไป ควรจะทำอย่างไรกับเขาดี ในยามที่ดูเหมือนจะไม่มีใครช่วยเขาได้ อาจารย์มานิตย์ผู้เฝ้าดูพัฒนาการและวิสัยทัศน์ของลูกศิษย์มาอย่างใกล้ชิด กล่าวท่ามกลางการประชุมเครียด ในที่สุดก็เพื่อนหมาหอบแดดก็สามารถฝ่าทางตันวันนั้นมาได้
ภายนอกประตูห้องประชุมลับ พวกเรากว่าสิบหูแนบสนิทกับประตูด้วยใจระทึก เมื่อเพื่อนออกมาจากห้องประชุมจึงซักถามกันเป็นการใหญ่ว่าอาจารย์พูดว่าอย่างไร “หากเราจะส่งศิษย์ขึ้นสู่ฝั่ง เราต้องให้เขาขึ้นอย่างสวยงาม เพียงแค่วันนี้หาใช่วันตัดสินชีวิตเขาไม่ อย่าให้คะแนนเพียงเท่านี้เป็นตราบาปติดตัวเขาไปเลย หากเขาต้องการจะจบ”เขาบอกว่าอาจารย์พูดประมาณนี้ และนั่นคืออีกครั้งหนึ่งของความเป็นครูที่ยังตราตรึงในใจพวกเสมอมา
ผ่านไปสิบปีคำพูดของอาจารย์ได้พิสูจน์อะไรหลายๆอย่างในชีวิต เพื่อนหมาหอบแดดคนนั้นจบปริญญาโทจากอังกฤษ เพื่อนอีกหลายคนแม้นไม่ได้หาเลี้ยงชีวิตด้วยการทำงานศิลปะ แต่สิ่งหนึ่งที่อาจารย์ได้สอดแทรกในการสอนตลอดมาคือ การใช้ชีวิต
ผมได้เจออาจารย์ครั้งสุดท้ายเมื่อสองปีก่อน ความจำอาจารย์ยังดีมาก ท่านเรียกชื่อผมทันทีเมื่อเจอหน้ากัน ถามสาระทุกข์ สุกดิบกันตามประสา ณ วันนั้นอาจารย์เกษียณอายุราชการแล้วแต่ยังมาสอนพิเศษอยู่บ้างประปราย อาจารย์แยกกับผมตรงหน้าหอศิลป์ของมหาลัยไปขึ้นรถเมล์ อาจารย์ยังสมถะอยู่เช่นเดิม และนั่นคือการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างผมและอาจารย์ผู้อารี
จำภาพนี้ได้ไหม
ยังเท่ห์เสมอ สุขสันต์วันเกิดครับอาจารย์
Create Date : 02 ธันวาคม 2551 |
|
43 comments |
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 1:09:46 น. |
Counter : 6739 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Dec39 IP: 203.146.116.9 3 ธันวาคม 2551 10:56:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายนุ1991 (nai-nu-19 ) 3 ธันวาคม 2551 10:57:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 3 ธันวาคม 2551 15:41:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ..ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 3 ธันวาคม 2551 15:43:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 3 ธันวาคม 2551 17:26:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: เบญจวรรญ IP: 61.7.231.132 3 ธันวาคม 2551 21:21:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: สมชาย สันติฤทธิ์ IP: 58.8.158.180 3 ธันวาคม 2551 23:30:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ~(-_-)~ IP: 58.8.117.251 4 ธันวาคม 2551 0:43:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนสุพรรณจ้า (mot_suphan ) 4 ธันวาคม 2551 9:10:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 4 ธันวาคม 2551 20:13:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณม้าม 5 ธันวาคม 2551 1:15:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: pu_chiangdao IP: 118.175.184.138 5 ธันวาคม 2551 9:15:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ob IP: 58.137.81.147 6 ธันวาคม 2551 10:49:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 7 ธันวาคม 2551 1:06:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 8 ธันวาคม 2551 6:27:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลูกศิษย์อาจารย์ IP: 58.10.36.116 8 ธันวาคม 2551 9:51:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 8 ธันวาคม 2551 12:03:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณม้าม 9 ธันวาคม 2551 0:45:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณม้าม 9 ธันวาคม 2551 2:16:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 9 ธันวาคม 2551 10:00:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: The Air 10 ธันวาคม 2551 16:06:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลายแปรง 11 ธันวาคม 2551 8:03:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 11 ธันวาคม 2551 16:25:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 11 ธันวาคม 2551 22:00:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปางหวัน 12 ธันวาคม 2551 23:38:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชิบุ IP: 203.172.234.149 15 ธันวาคม 2551 12:20:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 15 ธันวาคม 2551 17:44:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: dec43 IP: 125.25.111.191 17 ธันวาคม 2551 14:55:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: 5555 IP: 223.24.171.25 16 กันยายน 2563 15:05:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
----------------------------------------------
ขอไว้อาลัยแด่ครูค่ะ
"ความทรงจำดีดี" ระหว่างครูกับลูกศิษย์
บางครั้งเป็นความรู้สึกเกินกว่าคำบรรยาย
นายถ่ายทอดให้เห็นภาพ "ความประทับใจที่มีต่อครู"
แม้ว่าเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลา มันเนิ่นนานจนเกินจะจำ
แต่...ยังคงระลึกได้ในวันนี้ นั่นคือ "ความซาบซึ้งตรึงใจ" มิอาจลืม
ปล. ถ้ามีบทกวีไว้อาลัยแด่ครู จะประทับใจผู้อ่านมากทีเดียวนะ