SDSS พบบริวารใหม่ของทางช้างเผือก ...
ในช่วงไม่กี่ปีนี้ นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบกาแลคซีแคระ(dwarf galaxies) อีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้ฮาโลของทางช้างเผือก ถูกปกคลุมด้วยก๊าซและฝุ่นจากระนาบกาแลคซีของเรา ขณะนี้นักดาราศาสตร์ที่คุ้ยข้อมูลจาก Sloan Digital Sky Survey(SDSS) ได้ประกาศการค้นพบเพื่อนบ้านใหม่ที่มีอัตราสว่างต่ำและมีดาวฤกษ์อยู่หร่อมแหร่ม กาแลคซีแคระทั้งคู่ไม่สามารถมองเห็นผ่านกล้องโทรทรรศน์ได้
Daniel Zucker จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ ค้นพบกาแลคซีแห่งแรกขณะที่เจาะเข้าไปในข้อมูลจากการสำรวจ เขาพบกลุ่มดาวฤกษ์ไกลโพ้นกลุ่มหนึ่งที่มีความหนาแน่นมากผิดปกติ ในกลุ่มดาวสุนัขล่าเนื้อ(Canes Venatici CVn) กาแลคซีแคระ CVn ประกอบด้วยดาวฤกษ์อายุมาก อยู่ไกลออกไป 640,000 ปีแสง Zucker กล่าวว่า ระยะทางของมันทำให้มันเป็นหนึ่งในกาแลคซีข้างเคียงของทางช้างเผือกที่อยู่ไกลที่สุด ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 5 พันปีแสง มันยังเป็นหนึ่งในบริวารแคระรูปร่างรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทางช้างเผือก เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการประกาศการค้นพบ Vasily Belokurov นักวิจัยอีกคนที่ใช้ SDSS และมาจากเคมบริดจ์ด้วยได้ประกาศการค้นพบกาแลคซีแคระที่สลัวมากกว่าในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์(Bootes) กาแลคซีที่สลัวมากแห่งหนึ่งมีอัตราสว่างเพียงหมื่นเท่าดวงอาทิตย์เท่านั้น ที่ระยะทางประมาณ 196,000 ปีแสง แมกนิจูดสัมบูรณ์ที่ -5.7 ซึ่งทำให้มันกลายเป็นกาแลคซีที่มีอัตราสว่างน้อยที่สุดเท่าที่เคยพบมา ผู้ยึดครองสถิติก่อนหน้านี้ถูกค้นพบในกลุ่มดาวหมีใหญ่(Ursa Major) เมื่อปี 2005
กาแลคซีแคระ CVn เป็นหนึ่งในกาแลคซีบริวาร ทางช้างเผือกที่อยู่ไกลที่สุด
จนกระทั่งบัดนี้ นักดาราศาสตร์ได้จำแนกกาแลคซีข้างเคียงแคระของทางช้างเผือกได้ 10 แห่งแล้ว โดยไม่รวมเมฆแมกเจลแลนใหญ่และเล็ก(LMC และ SMC) กาแลคซีแคระยังคงซ่อนอยู่เนื่องจากพวกมันกระจายตัวเบาบางมาก, ถูกปกคลุมด้วยฝุ่น และบางครั้งก็แผ่กระจายกินพื้นที่หลายสิบองศาบนท้องฟ้า การค้นหาจึงต้องหากระจุกดาวหลวมๆ ที่มีสีและแมกนิจูดผิดจากดาวพื้นหน้าในทางช้างเผือก ยิ่งกว่านั้น นักดาราศาสตร์ยังประสบกับความยุ่งยากในการแยกแยะกระจุกเหล่านี้ กาแลคซีข้างเคียงมักจะอยู่ในสถานะการถูกฉีกจากการโคจรรอบทางช้างเผือกที่แตกต่างกัน ตัวอย่างก็คือ กลุ่มดาวที่หนาแน่นมากในกลุ่มดาวหมีใหญ่ยังคงเป็นหัวข้อโต้เถียงว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของดิสก์ส่วนนอกที่บิดของทางช้างเผือก หรือเป็นกาแลคซีแคระขนาดใหญ่กว่าที่กระจายตัวมากกันแน่ ในบางกรณี กระแสธารดาวอาจจะเป็นทั้งหมดที่เหลืออยู่ ในเดือนมีนาคม Carl Grillmair จากแคลเทค และ Roberta Johnson จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตท ในลองบีช ได้รายงานใน Astrophysical Journal Letters ถึงการตรวจพบกระแสธารดาวฤกษ์แห่งหนึ่งที่พาดไปถึง 45 องศาบนท้องฟ้าซีกเหนือ กระแสธารแคบๆ อยู่ไกลออกไป 76000 ปีแสง ก่อตัวเป็นวงโค้งขนาดใหญ่ข้ามดิสก์ทางช้างเผือกไป รายละเอียดนี้ดูเหมือนจะเป็นผลจากแรงโน้มถ่วงของกระจุกดาวทรงกลม NGC 5466 กาแลคซี Boo เองก็ดูเหมือนจะเป็นโครงสร้างที่บิดเบี้ยวไปจากการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของทางช้างเผือก เนื่องจากการแผ่กระจายและกลไกเสมือนของกาแลคซีแคระ ทีมสำรวจจึงตัดความเป็นไปได้ที่ Boo จะเป็นสิ่งที่เหลืออยู่ของกระจุกดาวทรงกลม โครงสร้างและการเคลื่อนที่ของกาแลคซีบริวารอย่าง CVn และ Boo ช่วยให้เราเข้าใจคุณสมบัติของสสารมืดและปฏิกิริยาระหว่างกาแลคซีได้ดีขึ้น Don Schneider ผู้ร่วมงาน SDSS จากเพนน์สเตท กล่าวว่า หนึ่งในสิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดของ SDSS ก็คือการสร้างวิทยาศาสตร์ของกาแลคซีขึ้น
เมื่อลบดาวฤกษ์พื้นหน้าออกจากข้อมูล SDSS เผยให้เห็นโครงสร้างพื้นหลังก่อตัวขึ้นเมื่อทางช้างเผือกฉีกกาแลคซีข้างเคียงขนาดเล็กและกระจุกดาวทรงกลมออก นักดาราศาสตร์คิดว่าส่วน A และ B ของกระแสธารคนยิงธนูแสดงการบิดไปมากกว่าหนึ่งรอบเต็ม วงกลมสีแดงเป็นตำแหน่งของกาแลคซีใหม่ กระแสธารสว่างอันอื่นและกระจุกทรงกลมสว่างก็ปรากฏอยู่เช่นกัน
รายละเอียดที่สว่างที่สุดในสนามกระแสธาร(field of streams)ก็คือวงโค้งขนาดใหญ่ที่สร้างโดยกาแลคซีแคระคนยิงธนู(Sagittarius dwarf galaxy) มันถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ เมื่อโคจรรอบทางช้างเผือก โดยถูกค้นพบมานานกว่าสิบปีแล้ว ตั้งแต่นั้นมา นักวิจัยก็ได้ทำแผนที่กระแสธารดาวฤกษ์ทั่วทั้งท้องฟ้า ข้อมูลจาก SDSS เผยให้เห็นรายละเอียดใหม่ในนั้น Belokurov กล่าวว่า กระแสธารดูเหมือนจะเป็นง่าม เรากำลังเห็นการบิดตัวแบบต่างๆ บนท้องฟ้าเมื่อกระแสธารผ่านไปรอบกาแลคซีสองถึงสามหน สมาชิกทีม Mike Fellhauer จากเคมบริดจ์บอกว่ากระแสธารคนยิงธนูบอกนักดาราศาสตร์บางอย่างเกี่ยวกับสสารมืดของทางช้างเผือกกระจายตัวอย่างไร ทฤษฏีหลักสสารมืดทำนายว่าฮาโลของกาแลคซีควรจะแบนเหมือนลูกรักบี้ แต่แบบจำลองของเราสอดคล้องกับกระแสง่ามนี้ก็ต่อเมื่อฮาโลภายในกลมเหมือนลูกฟุตบอล Jack Bullock นักทฤษฏีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์วิน เห็นด้วยกับข้อมูลสสารมืดนี้ เขากล่าวว่า ความจริงที่เราเห็นในสนามกระแสธารนี้ก็คืออนุภาคสสารมืดเย็นมาก หรือเคลื่อนที่ช้า ถ้าสสารมืดเกิดจากอนุภาคอุ่นที่เคลื่อนที่เร็ว เราก็ไม่คาดว่ากระแสธารบางๆ เหล่านี้จะคงอยู่นานพอที่จะพบได้ ส่วนสว่างอื่นๆ ก็คือกระแสธารม้ามีเขา(Monoceros) ซึ่งค้นพบไม่นานนี้โดย Heidi Jo Newberg จากสถาบันโพลีเทคนิค เรนซ์เซลาเออร์ นิวยอร์ค และ Brian Yanny จากห้องทดลองเครื่องเร่งอนุภาคแห่งชาติเฟอร์มี ในอิลลินอยส์ กระแสม้ามีเขาเป็นสิ่งที่เหลือของกาแลคซีแคระแห่งหนึ่งของทางช้างเผือกเมื่อนานมาแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลจาก SDSS ยังเผยให้เห็นกระแสแห่งใหม่ที่กระจายครอบคลุมท้องฟ้าถึง 70 องศา ซึ่งยังคงไม่ทราบกาแลคซีแหล่งที่มา นักดาราศาสตร์ทราบเกี่ยวกับการควบรวมของกาแลคซีมานานหลายปีแล้ว แต่ SDSS ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวอย่างกิจกรรมที่กำลังดำเนินไปในกาแลคซีของเราเอง Yanny กล่าวว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นไปทั่วเอกภพเมื่อกาแลคซีขนาดใหญ่เจริญโดยฉีกกาแลคซีขนาดเล็กกว่าให้กลายเป็นกระแสธารดาวและกลืนไว้ จากการปรากฏของกาแลคซีใกล้เคียงที่ยังไม่เคยถูกพบ นักดาราศาสตร์เห็นตรงกันว่าการค้นพบ Boo และ CVn เป็นเพียงยอดของก้อนน้ำแข็ง Zucker, Belokurov และเพื่อนร่วมงานได้รายงานต่อ Astrophysical Journal Letters ว่าการค้นพบกาแลคซีสลัวเหล่านี้ในระยะทางที่ใกล้เราบ่งชี้ว่ายังมีเหลืออีกมากให้ค้นพบ Beth Willman จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค กล่าวว่า ระหว่างแคระหมีใหญ่กับวัตถุใหม่นี้ การสำรวจก็ได้พัฒนาไปอย่างแท้จริง การสำรวจท้องฟ้าให้มากกว่านี้อาจจะช่วยให้เกิดการค้นพบมากขึ้นด้วย
แหล่งข่าว skyandtelescope.com : new hidden Milky Way satellites astronomy.com : SDSS finds new Milky Way satellites
rook (sararook@hotmail.com) : รายงาน
Create Date : 15 สิงหาคม 2549 |
|
63 comments |
Last Update : 15 สิงหาคม 2549 0:12:14 น. |
Counter : 1942 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าฝันว่าเจอ UFO นะตูน
พี่โมจะขอหวยๆๆๆ เค้าจุให้ได้ไม๊อะ