Happiness depends upon ourselves.....
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 

ตามหาแดจังกึม โสมชั้นดี และกิมจิรสเยี่ยม ที่ เกาหลีใต้ ตอนที่ 3

21-24/10/2006

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว หลังจากที่เราออกมาจากพระราชวังเคียงบก ก็ได้เวลาไป shopping กันที่ย่าน อินซาดง ซึ่งย่านนี้จะถูกใจเราเป็นพิเศษ เพราะเป็นย่านที่เค้าเน้นขายของฝาก souvenir ต่างๆ ของเกาหลี และก็ยังมีร้านขายของเก่า ภาพวาดแบบเกาหลีด้วยค่ะ

บรรยากาศของย่านอินซาดง



ร้าน Souvenir Shop แบบ Korean style มีขายของหลากหลายมากๆ ของฝากที่เป็นที่นิยมกันก็จะเป็นพวก magnet รูปตุ๊กตาเกาหลี, พวงกุญแจรูปกลองเกาหลี, ที่ห้อยโทรศัพท์, ตะเกียบแบบเกาหลี (เป็นโลหะอันจะบางๆ หน่อย แต่ใช้ดีนะคะ ที่เกาหลี หาตะเกียบไม้ยากมากๆ ค่ะ), ตลับข้าว (แบบที่เราเห็นตลอดเวลาที่ทานอาหารเกาหลี), หน้ากากเกาหลี และอีกมากมาย ละลานตามากๆค่ะ



อันนี้ชอบมาก เป็น Bookmark สวยจังเลยค่ะ ตอนแรกกะว่าจะซื้อมาฝากเพื่อนๆ แต่เนื่องจากเพื่อนเยอะ และราคามันแอบแพงอยู่เหมือนกัน เพื่อนๆก็เลยอดไปนะจ๊ะ แต่ของเค้าสวยจริงๆนะ



ส่วนนี่เป็นที่ห้อยโทรศัพท์ สีสัน Colorful ดีจริงๆ



อยากฝากเทคนิคในการซื้อของที่เกาหลีไว้ซักหน่อยนะคะ คนเกาหลีเนี่ยเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรงๆ จริงใจอยู่แล้ว เวลาที่ขายของเค้าจะไม่ได้บวกกำไรไว้มากๆ เหมือนที่เมืองจีนนะคะ เวลาต่อราคาเค้าก็เอาพอเป็นพิธี อย่าไปต่อเหลือครึ่งนึงเหมือนเวลาซื้อของที่จีนนะคะ

ในย่านอินซาดงเนี่ย ถ้าเดินซื้อของแล้วหิว ก็จะมีร้านขายของกินเล่นระหว่างทางด้วย อันนี้เป็นบาร์บีคิว น่ากินเนอะ โดยเฉพาะคนขาย ...... อิอิ



หลังจากกระหน่ำ Shopping กันจนตัวเบา เราก็เริ่มหิวกันแล้วค่ะ วันนี้เมนูที่พวกเราได้ลิ้มลองเป็นอาหารกลางวัน เรียกว่า ทักคาลบิ หรือ ไก่ผัดซอสเกาหลีค่ะ วิธีการกินก็เหมือนเดิมต้องช่วยๆ กันผัด ผัดไปกินไป อร่อยอีกแล้ว....... โอย..... พิมพ์ไปหิวไป ทักคาลบิเนี่ยตอนแรกเราจะผัดเฉพาะไก่ และ ผัก กับซอสนะคะ พอเค้าเริ่มจะเข้ากันดีแล้ว เราจะใส่ข้าวและสาหร่ายลงไปผัดด้วยกัน แล้วก็ได้เวลากิน อร่อยมากๆ ค่ะ

หน้าตาของ ทักคาลบิ ค่ะ มื้อนี้มีเครื่องเคียงเป็นกิมจิเหมือนเดิม แถมด้วยมะเขือเทศลูกเล็กๆ สีแดงสด อร่อยดีค่ะ



อิ่มจากทักคาลบิ เราก็ไปกันต่อที่ ศูนย์โสม เพื่อซื้อหาของดีของขึ้นชื่อ คือ โสมเกาหลี มาบำรุงร่างกายกันค่ะ ภายในศูนย์โสม นอกจากเค้าจะขายโสมของแท้กันแล้ว เค้ายังมีบอร์ดความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับโสมให้เราได้ดูกันด้วยค่ะ ความจริงด้านในเค้าห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่รูปนี้เผลอถ่ายไปซะก่อน ไม่ได้ตั้งใจนะ

ไหนๆ ก็แอบถ่ายมาแล้ว ขอเล่าเรื่องจากภาพซะหน่อยละกันนะคะ ในภาพจะเป็นวิธีการปลูกโสมค่ะ คือโสมเนี่ยเค้าจะปลูกไว้ใต้หลังคาพลาสติกเอียงๆ สีดำ ถ้าใครไปเที่ยวแล้วเห็นหลังคาแบบนี้ ให้รู้ไว้เลยค่ะ ว่านั่นคือที่ปลูกโสม โสมที่ดีจะมีอายุ 6 ปี พอปลูกเสร็จ ที่ดินบริเวณที่ใช้ปลูกโสมไปแล้วจะไม่สามารถปลูกอะไรได้อีก เพราะว่าโสมได้ดูดเอาแร่ธาตุจากดินมาหมดแล้ว ต้องเตรียมดินเพื่อปลูกครั้งใหม่เป็นเวลา 15 ปีจึงจะปลูกได้อีก วิธีการทดลองว่าดินตรงนี้พร้อมจะปลูกโสมหรือยัง เค้าให้ลองปลูกสตอเบอรี่ดูก่อนค่ะ ถ้าได้สตอเบอรี่รสชาติหวานหอม ก็แปลว่าดินตรงนี้พร้อมแล้วสำหรับการปลูกโสมครั้งต่อไปค่ะ

ภาพวิธีการปลูกโสมค่ะ



เสร็จจากดูบอร์ดได้ความรู้ ก็ได้เวลาเสียตังค์ซื้อโสมมาบำรุงร่างกายกันแล้วค่ะ ผลิตภัณฑ์โสมก็มีหลากหลายมากค่ะ ทั้งโสมผง, โสมสกัดแบบเข้มข้น และ โสมบรรจุแคปซูล ใครสะดวกแบบไหนก็ซื้อหาได้ตามชอบค่ะ

หลังจากตัวเบาออกจากศูนย์โสม เราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านนัมซานฮันอก หรือที่เราเรียกกันว่า หมู่บ้านชนชั้นสูงค่ะ ภายในหมู่บ้านก็จะมีบ้านของขุนนางเก่าๆ ที่เค้ายังเก็บไว้ในรูปแบบเดิมๆ ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาและที่ยวชมกันว่า สมัยก่อนคนเค้าอยู่กันยังไง

ภายในหมู่บ้าน



ขาดไม่ได้จริงๆ ไหกิมจิ



เรามาเที่ยวที่นี่กันตอนเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี ฟ้าสวยเชียวค่ะ มองไปด้านนึงจะได้เจอกับ Seoul Tower ด้วยค่ะ



เสร็จจากหมู่บ้านชนชั้นสูง เรายังไม่หมดพลัง เราขอไป Shopping กันต่อที่ ย่านเมียงดง ย่านนี้เค้าเปรียบไว้ว่าคล้ายๆ Siam Square บ้านเราหน่ะค่ะ จะเป็นแหล่งที่วัยรุ่นเค้ามารวมตัวกัน

ย่านเมียงดง ยามค่ำค่ะ



ของขึ้นชื่อและโด่งดังอย่างนึงของที่นี่ก็คือ ไอติมค่ะ สูงดีมั้ยคะ อร่อยด้วยค่ะ ใครได้ไปแนะนำให้ลอง ไม่แพงเลยค่ะ อากาศหนาวๆ ได้กินไอติมนี่ สุขขีอย่าบอกใครเชียว



ย่านเมียงดงนี้ ของที่ขายก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของวัยรุ่น shop เครื่องสำอาง brand เกาหลีก็มีเยอะเลยค่ะ แต่ร้านที่เห็นแล้วสะดุดทันที ก็คือร้านนี้ค่ะ ....... Presenter คือ Binnie ขวัญใจเราเอง น่ารักจริงๆ แต่ขอแอบบอกนะคะ หนุ่มๆ เกาหลี หาหล่อยากค่ะ ที่หล่อๆ สงสัยจับมาเป็นดาราหมดแล้ว



เสร็จจากเมียงดง ก็เป็นอันหมดวันซักที เรากลับเข้าโรงแรมแล้วพักผ่อนเก็บแรงไว้ตะลุยเกาหลีอีกวันในวันรุ่งขึ้นค่ะ





วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เกาหลีแล้วค่ะ วันนี้อาหารเช้า ทางทัวร์เค้าพาเราไปทานกันที่ภัตตาคารลอยน้ำค่ะ ซึ่งร้านนี้จะอยู่บนแม่น้ำฮัน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของเกาหลี

วิวจากโต๊ะอาหารเช้าค่ะ วันนี้อากาศดี ฟ้าใสมากๆๆ



อิ่มแล้ว เราก็ไปเที่ยวกันที่ พิพิธภัณฑ์สงคราม กันค่ะ ที่นี่เค้าจะรวบรวมพวกรถถัง เครื่องบิน ปืนกล ที่ใช้ระหว่างสงครามมาให้พวกเราชมค่ะ

ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์สงคราม



อนุสาวรีย์สำคัญภายในพิพิธภัณฑ์ เค้าเล่าว่ารูปปั้นนี้เค้าเป็นพี่น้องค่ะ แต่ไม่รู้ทำอีท่าไหน คนพี่อยู่เกาหลีเหนือ แล้วคนน้องอยู่เกาหลีใต้ หรือสลับกันเนี่ยแหล่ะค่ะ จำไม่ได้ รบไปรบมา คนนึงก็กำลังจะฆ่าทหารฝ่ายตรงข้าม พอแทงเข้าไปปุ๊บ หันหน้ามามองกัน กลายเป็นว่าเป็นพี่น้องของตัวเอง เศร้าไปค่ะ สงครามเนี่ยถ้าไม่มีจะดีมากเลยเนอะ ว่ามั้ยคะ



เดินมาอีกด้าน ก็จะเจอกับ Clock Tower นี้ค่ะ ที่นี่เค้าได้จัดเตรียมนาฬิกาไว้อันนึง เรียกว่า The Clock of Hope for Peaceful Unification ถ้าวันข้างหน้าเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้มีโอกาสได้รวมตัวกันอีกครั้ง เค้าก็จะนำเอานาฬิกาเรือนใหม่ที่ตั้งเวลาเป็นเวลาที่เค้ารวมตัวกันมาไว้บน Clock Tower นี้ค่ะ



ต่อจากนั้น เราก็ไปเก็บตกการ shopping กันที่ย่าน อิแทวอน กันค่ะ ซึ่งที่นี่ของที่ขายเยอะๆ จะเป็นพวก เครื่องหนัง, เสื้อหนัง, อุปกรณ์กอล์ฟ และกระเป๋าก๊อปปี้ค่ะ ของที่ระลึกก็มีนะคะ

แถวๆ ย่านอิแตวอน



ละลายเงินวอนกันจนเกือบหมด ก็ได้เวลาอาหารเกาหลีมื้อสุดท้ายของทริปแล้ว มื้อนี้พวกเราไปกินเมนูที่มีชื่อว่า บีบิมบับ หรือ ข้าวยำแบบเกาหลี ข้าวยำเค้าจะเสิร์ฟมาในหม้อดินร้อนให้กันคนละหม้อเลยค่ะ ในข้าวยำก็จะมีข้าว ถั่วงอก ไก่ สาหร่าย เวลาทานก็ใส่ซอสพริกแบบเกาหลี แล้วก็คลุกๆให้เข้ากัน ทานกับหม้อไฟทะเล ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะคะ ว่าอร่อยอีกแล้ว ในรูปข้าวยำจะอยู่ตรงมุมขวาด้านล่างค่ะ



อ้อ.... มื้อนี้เราได้ถือโอกาสขอชิม โซจู เหล้าหมักขึ้นชื่อของเกาหลีกันด้วย แอลกอฮอล์ไม่เท่าไหร่ค่ะ แค่ 20% กว่าๆ เท่านั้นเอง ถ้ากินคนเดียวซัก 2 ขวด อาจน๊อคได้ เราเองกว่าจะให้หมด 1 จอก ยังยากเลยค่ะ

โฉมหน้าของ โซจูค่ะ



อิ่มจากข้าวยำ เราขอไปยืดเส้นยืดสายกันที่ World Cup Stadium หรือสนามฟุตบอลที่ใช้แข่งฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002 ที่เกาหลีเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่นกันค่ะ



เค้าบอกกันว่า ที่บริเวณนี้ ทางเกาหลีเค้าเอาขยะมาถมแล้วสร้างเป็นสนามบอลขึ้นมาใหม่ค่ะ ที่นั่งจุคนได้ประมาณ 6 หมื่นกว่าคนเลยค่ะ



ด้านในก็จะจัดเป็นนิทรรศการแสดงบรรยากาศในช่วงฟุตบอลโลกช่วงนั้นด้วย



ออกจากสนามฟุตบอล เราก็มุ่งหน้าไปที่สนามบินเลยค่ะ เป็นอันจบทริปเกาหลีที่สนุกมาก อากาศดีมาก อาหารอร่อยมาก ประทับใจมากของเราแล้ว จากการไปเที่ยวเกาหลีเราว่าประเทศนี้มีของดีที่น่าเอามาเป็นตัวอย่างในการพัฒนาประเทศเราเยอะเชียวค่ะ แล้วที่นี่ความเจริญกับการรักษาวัฒนธรรมของเค้าก็ไปด้วยกันได้อย่างกลมกลืนดีด้วย ถ้าใครมีโอกาส ลองมาเที่ยวดูนะคะ น่าจะไม่ผิดหวังค่ะ

ขอทิ้งท้ายกับบรรยากาศของสุวรณภูมิตรงบริเวณ Baggage Claim ละกันนะคะ



ไว้เจอกันทริปหน้าค่ะ

บ๊ายบายค่ะ




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549
2 comments
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2549 14:33:43 น.
Counter : 2600 Pageviews.

 

อยากไปมั่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
คอยดูนะ ปีหน้าต้องไปให้ได้ เหอ ๆ ๆ

 

โดย: iowatrumpet IP: 221.128.103.109 14 พฤศจิกายน 2549 13:45:17 น.  

 

ดูแค่ชะแว๊บ ก็พอจะเชื่อว่าคนขายน่ากินกว่า บาร์บีคิว น่าจะถ่ายคนขายมากกว่านะ เพื่อนๆ จะได้ช่วยชิม

อยากไปเหมือนกัลล ทริป ตามรอย หนุ่มเกาหลี ดีปะ เลียนแบบ ตามรอย แดจังกึม อิอิ

 

โดย: hibarbies IP: 202.44.8.100 14 พฤศจิกายน 2549 22:10:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Snoopy in BKK
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อยากจะเล่าสู่กันฟัง ....
Friends' blogs
[Add Snoopy in BKK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.