Happiness depends upon ourselves.....
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

เที่ยวแดนมังกร....... เซี่ยงไฮ้-หังโจว-ซูโจว

29/10/2005 – 1/11/2005

เมื่อปลายๆ ปีที่แล้ว ครอบครัวเราได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันที่ประเทศจีน โดยโปรแกรมคราวนี้เป็นการไปเที่ยวกับทัวร์อีกเช่นเคย จุดหมายของเราในครั้งนี้คือการไปเที่ยวที่ เซี่ยงไฮ้ มหานครที่ยิ่งใหญ่และทันสมัยของจีน นอกจากนั้นเรายังได้ไปเที่ยวเมืองรอบๆ ด้วย ซึ่งก็คือ เมือง หังโจว และ ซูโจว อีกด้วย

เราออกเดินทางกันตอนกลางคืน คราวนี้บินด้วยสายการบินแอร์อินเดีย เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ใช้บริการสายการบินนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า แอร์โฮสเตสสายการบินนี้ คนแก่อวบๆ ก็เป็นได้ และได้ความรู้อีกว่า ข้าวไทยอร่อยกว่าข้าวอินเดียมากๆ ข้าวอินเดียเม็ดจะยาวๆ ผอมๆ ร่วนๆ ไม่ค่อยน่ากินเท่าข้าวบ้านเราหรอกค่ะ นั่งไปสักพัก หลับไปซักหน่อย ก็ถึงเซี่ยงไฮ้พอดี

ทางทัวร์พาเราไปทานอาหารค่ำกันก่อน แล้วก็พาเข้าที่พักเลยเพราะดึกมากแล้ว เก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ให้เต็มที่ดีกว่า

เช้ามา เราจะเดินทางไปเที่ยวกันที่ หังโจว กันก่อน รูปนี้เป็นภาพครอบครัวเรา ถ่ายที่บริเวณหน้าโรงแรมที่พัก ระหว่างรอรถออกค่ะ ช่วงที่ไปอากาศเริ่มเย็นแล้วค่ะ



ระหว่างนั่งรถ พอเห็นสิ่งนี้ต้องรีบหยิบเอากล้องมาเก็บภาพทันทีค่ะ เป็นบริการส่งพิซซ่าของที่นี่ค่ะ รถส่งพิซซ่าน่ารักดี แถมยังรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมด้วยนะ ประทับใจค่ะ



นั่งรถไปพักใหญ่ๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะเป็นวิวทุ่งหญ้า นาข้าว ของเมืองจีน สวยสบายตาดี สักพักก็ถึงหังโจวแล้วค่ะ ที่แรกเราไปเที่ยวกันที่ วัดจี้กง วัดสำคัญของเมืองนี้ค่ะ

บริเวณวัด ที่เห็นด้านซ้ายของรูป เสื้อแดง คือไกด์ชาวจีน ที่พูดไทยชัดมากๆ แตกฉานด้วยนะ เล่นมุขอะไรไป เค้ารับได้หมด เค้าบอกว่า เค้าชื่อ คุณวิทยา ค่ะ



ขอนำเสนอ หนุ่มหล่อ สาวสวย ประจำทริป พ่อกับแม่ของเราเอง ขอบคุณพ่อนะคะที่พามาเที่ยว ภาพนี้ถ่ายในบริเวณวัดจี้กงค่ะ



เดินมาอีกหน่อย ได้เจอกับพระจีน เลยขอเก็บภาพซะหน่อย พระที่นี่ ท่านโกนหัว แต่ไม่โกนคิ้วค่ะ



ที่วัดจี้กงนี้ แม่เราได้เจอกับห้องน้ำขนานแท้ของจีนด้วยค่ะ เป็นที่เดียวที่เจอตลอดทริป เสียดายเราไม่ได้ลองไปเข้า แต่คิดไปคิดมา ดีแล้วหล่ะ กลัวสยองอ่ะค่ะ

ออกจากวัดจี้กง เราข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม เพื่อจะไปล่องเรือกันที่ ทะเลสาบซีหู ค่ะ ระหว่างที่เดิน หันไปเห็นสาวน้อยชาวจีน หน้าตาน่ารัก เลยขอถ่ายรูปซะหน่อย หน้าตายังเงี้ย กำลัง in trend



เด็กๆ ที่นี่แก้มแดงกันทุกคน คงเพราะอากาศเริ่มเย็นแล้วด้วยมั้งคะ เดินมาอีกหน่อย เราก็จะได้เห็น หอคอยนางพญางูขาว ที่เป็นตำนานอันโด่งดังของเมืองหังโจวค่ะ



แล้วเราก็มานั่งรอเวลาที่จะลงเรือไปนั่งเล่นชมรอบๆ บริเวณทะเลสาบซีหูกันค่ะ ระหว่างรอก็เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย คือพอดีมีพ่อค้าหนุ่มชาวจีนเค้าเอาของมาขายให้กับคนที่ไปทัวร์ด้วยกัน เลือกของไปมา ต่อราคากันเรียบร้อย พอทอนตังค์กัน คนซื้อก็บอกว่าคนขายทอนให้ไม่ครบ คนขายก็โวยวายลั่นว่าเค้าทอนให้ครบแล้ว แต่มันพูดกันคนละภาษาเลยเริ่มงง สุดท้ายก็แยกย้ายกันไป ไกด์เลยต้องมาเตือนว่า จะซื้อของที่นี่ต้องระวังเพราะพ่อค้าแม่ขายที่นี่เค้าเทคนิคเยอะ เวลาจะจ่ายจะทอน ต้องดูให้ดีๆ แต่งานนี้คนของเราเองก็ไม่ค่อยชัวร์เหมือนกันค่ะว่าให้เค้าไปถูกหรือเปล่า วันแรกๆ แบงค์ไหนเป็นแบงค์ไหน ก็ยัง งงๆ อยู่เหมือนกัน

ผ่านเรื่องทะเลาะกับพ่อค้าไปแล้ว เราไปล่องเรือกันค่ะ ตรงท่าเรือมีเรือเยอะมาก มีหลายขนาด หลายแบบ จะเอาแบบมีคนพายให้ก็ได้ หรือแบบพายเองก็ได้ ถ้าเป็นแบบพายเอง เค้าจะบังคับให้ทุกคนต้องใส่ชูชีพด้วยค่ะ ดีนะคะ บ้านเราควรเอาอย่างบ้างเนอะ แต่คณะเราไปกับเรือใหญ่ค่ะ เพราะคนเราเยอะ บรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบก็สวยดี เก็บภาพมาฝากเช่นเคยค่ะ หอคอยในภาพ คือ หอคอยนางพญางูขาวค่ะ



ออกจากที่นี่ พวกเราแวะไปเที่ยวกันที่ หมู่บ้านชาหลงจิ่ง ค่ะ ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านจะต้องนั่งรถผ่านไร่ชาที่เค้าจะปลูกลดหลั่นกันมาตามไหล่เขา เขียวสวยดีมากๆ

ด้านหน้าหอนิทรรศการที่เราจะเข้าไปดูชาค่ะ



ด้านในจะมีภาพแสดงวิธีการปลูก การเก็บ และการอบชาแสดงไว้ให้ดู แล้วเค้าจะมีชาให้พวกเราชิม และปิดท้ายด้วยการขายใบชาค่ะ ทัวร์จีนเป็นอย่างงี้เสมอค่ะ ไปไหนต้องพาไปซื้อของ เห็นเค้าว่ามันเป็นกฎค่ะ ทัวร์จะต้องพาไปชม ไปดู และซื้อของต่างๆ ของเค้าด้วย ไม่รู้จริงหรือเปล่า

นิทรรศการเกี่ยวกับชาค่ะ



ก่อนจะออกมา เราได้ของกินเกี่ยวกับชามาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นใบชาอบแห้ง โมจิชาเขียว หรือแม้แต่ขนมตุ๊บตั๊บรสชาเขียวก็มีค่ะ

ออกจากหมู่บ้านชา เราแวะไปทานอาหารค่ำกัน ทัวร์นี้จัดอาหารการกินได้ดีที่เดียวค่ะ พออิ่มแล้วกำลังจะไปขึ้นรถ ผ่านเห็นป้ายโฆษณา Fitness ของที่นี่เข้าพอดี นางแบบหน้าตาคุ้นๆ มั้ยคะ หุ่นดีจังเนอะ



รายการต่อไป เราได้ไปดูโชว์กันที่ เมืองจำลองราชวงศ์ซ่ง ตอนที่เดินลงมาจากรถ พอออกมานอกรถ อากาศหนาวมากๆๆ เลยค่ะ ต้องรีบหาหมวก หาผ้าพันคอมาใส่กันแทบไม่ทัน เดินไปฟันกระทับกันเสียงดังกึกๆ ไปตลอดทาง หนาวได้ใจเลยค่ะ ไม่ได้เจออากาศหนาวขนาดนี้นานมากๆ แล้ว

โชว์ของที่นี่ก็ยิ่งใหญ่สมกับเป็นโชว์ของเมืองจีนดีค่ะ



คนดูก็เยอะมากๆ แต่คณะเราซึ่งคนเยอะมาก ไม่มีปัญหาหลงกันจนต้องรอให้เสียอารมณ์เลยค่ะ ไกด์บริษัทนี้เค้าจัดการได้ดีจริงๆ วิธีการหรือคะ ง่ายมากๆ ค่ะ พอจบการแสดง เค้ากำชับให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่ค่ะ อย่าเพิ่งกรูออกไป เป็นไอเดียที่ดี และ work มากๆ ค่ะ ขอบอก

เช้าวันต่อมา พวกเราเดินทางต่อไปยังเมือง ซูโจว ค่ะ เมืองนี้ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในคณะเราดีอกดีใจเป็นพิเศษที่จะได้ไปเที่ยว เพราะฉายาของเมืองซูโจวเนี่ย เค้าได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งสาวงาม” ค่ะ ไม่รู้จริงหรือเปล่า ลืมพิสูจน์ซะด้วย สนใจแต่หนุ่มตี๋หน่ะค่ะ เรื่องหน้าตาสาวๆ เราไม่รู้ แต่ที่รู้ เมืองนี้ สวยถูกใจทีเดียวเชียวค่ะ

ที่แรกในซูโจว เราไปเที่ยวกันที่ สวนหลิวหยวน ซึ่งเดิมเป็นบ้านของขุนนางเก่าแก่ของเมืองซูโจว ปัจจุบันจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ มีคนมาเที่ยวกันเยอะเลย เพราะด้านในเค้ามีของสวยๆ สวนสวยๆ ให้ดูเพียบเลยค่ะ ตามมาเลยค่ะ ไปเที่ยวบ้านขุนนางกัน

มุมสวยๆ ภายในบ้านขุนนาง



สวนสวยๆ เราชอบรูปนี้มากเลย ถ้าสาวหมวยในรูปเค้าใส่ชุดจีนโบราณคงจะดีกว่านี้เนอะ



มุมสระน้ำภายในสวนหลิวหยวน มีปลาคาร์พเพียบ



ตอนที่เดินชมรอบๆ เกือบหลงกับคณะตั้งหลายที เพราะว่าบ้านนี้ใหญ่มากๆ แถมมีมุมสวยๆ ให้หยุดถ่ายรูปเยอะมากๆ แล้วระหว่างทางเดิน เค้าก็จะมีสาวชาวจีนแต่งตัวแบบจีนโบราณมานั่งดีดพิณ สีซอ เป็นเพลงเพราะๆ กล่อมคนที่มาเดินเที่ยวด้วย เป็นที่นึงที่เราชอบที่สุดสำหรับทริปนี้เลยล่ะค่ะ

ที่ต่อไป เราไปเที่ยวกันที่ วัดซีหยวน วัดดังของเมืองซูโจว วัดนี้ดูภายนอกสวยมากๆ ค่ะ สีเหลืองสดได้ใจมั่กมาก



เข้ามาด้านในก็จะเจอกับวิหารค่ะ



ภาพวิหารแบบชัดๆ อีกทีค่ะ



ด้านในวิหารจะมีรูปปั้นเทพเจ้า หรือ เซียนต่างๆ เยอะแยะไปหมด แล้วเค้าจะมีการเสี่ยงทายด้วยนะคะ วิธีการคือเค้าจะให้เราเดินนับเซียนค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าให้นับตามอายุมั้งคะ..... โดยเริ่มจากเซียนองค์ไหนก็ได้ที่เรารู้สึกชอบหรือถูกชะตา แล้วนับไปเรื่อยๆ แล้วให้บวกอีก 1 ก็จะเจอกับเซียนที่เราเสี่ยงทายได้ แล้วให้จำเบอร์ จำหน้าตาท่านเอาไว้....... มั้ง!!! จำวิธีการนับไม่ค่อยได้แล้วค่ะ พอได้เบอร์ของเซียนก็ให้ไปรับใบเสี่ยงทายด้านนอก ใบเสี่ยงทายก็ดี๊ดี ให้มาเป็นภาษาจีนค่ะ เลยต้องเดือดร้อนคุณวิทยา ไกด์ท้องถิ่นให้ช่วยแปลให้ คุณวิทยาเนื้อหอมขึ้นมาทันที แปลกันจนเหนื่อยเลยค่ะ

ออกจากวัด กำลังจะเดินไปขึ้นรถ เจอสาวน้อยคนนี้ เค้าคงมาเดินเล่นกับคุณตาหรือคุณปู่ของเค้า แก้มแดงน่ารักมากๆๆๆๆ แถมน้องหนูคนนี้ ดันหน้าตาไปเหมือนมากๆ กับพี่ที่ไปด้วยกันของคณะเรา ทำให้พี่เค้าโดนล้อเลยค่ะ ว่าแอบหนีมาไข่ทิ้งไว้ที่นี่หรือเปล่า ตัวพี่เค้าเองยังบอกเลยนะคะ ว่า เด็กน้อยคนนี้หน่ะ หน้าเหมือนเค้ายิ่งกว่าลูกสาวเค้าที่เมืองไทยซะอีก………. เอ ?? ยังไงกันเนี่ย



เห็นเด็กๆ ที่นี่แล้วนึกได้ ตอนที่เราไปเที่ยว เราเห็นหลายทีมากๆ ที่เด็กๆ ที่นี่ กางเกงเค้าจะขาดตรงก้นพอดี เจอครั้งแรกๆ ก็นึกว่า น้องเค้ากางเกงขาด แต่ก็แอบสงสัยเหมือนกัน ว่าขาดขนาดนั้นทำไม๊ ทำไม แม่ยังปล่อยให้ใส่อยู่ได้ พอเจอบ่อยๆ เข้า ก็เลยคิดว่า พ่อแม่ชาวจีนคงจะตั้งใจหน่ะค่ะ คงกะเอาสะดวก ถ้าลูกจะต้องปล่อยทุ่นระเบิด ....... อันนี้สันนิษฐานเองนะคะ ถ้าใครมีโอกาสไปเจอมา ก็ลองมาถกกันหน่อยนะคะ ว่าเค้าทำอย่างนั้นเพราะอะไร ?

จากนั้น เราก็ไปเที่ยวกันที่ โรงงานผลิตผ้าไหมจีน กันค่ะ ก็เหมือนเดิม เค้าจะพาเราไปดูวิธีการผลิตไหมจีน แล้วก็ให้เราอุดหนุนของของเค้า แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่กลับไม่ใช่ผ้าไหมที่ใช้ตัดเสื้อนะคะ แต่มันคือ ผ้านวมไหม ที่เค้าบอกว่า ไม่มีไรฝุ่น ไม่ต้องซัก (ให้ใช้วิธีตากแดดเอา) และมันยังเป็นผ้าวิเศษด้วยนะคะ เค้าบอกว่า ผ้านี้ห่มหน้าหนาวจะอุ่น แต่พอถึงหน้าร้อนห่มแล้วจะเย็น ไม่รู้จริงหรือเปล่าเห็นไกด์บอกว่า พอเอาเข้ามาขายที่บ้านเรา ราคาแพงเหมือนกัน คุณพ่อเลยขอซื้อมาพิสูจน์โดยการห่มนอนในห้องแอร์ที่บ้าน เราได้ลองห่มแล้ว ขอบอกค่ะว่า ...... นุ่มสบายดีจริงๆ ค่ะ

วิธีการทำผ้านวมไหมค่ะ เค้าจะเอาก้อนไหมมาดึงให้เป็นแผ่นๆ แล้วเอามาซ้อนกัน เวลาขาย เค้าจะขายเป็นกิโลกรัมค่ะ



หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับมาที่ มหานครเซี่ยงไฮ้ ค่ะ แล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับการมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ก็คือ การมาเที่ยวชม หอไข่มุก สัญลักษณ์อีกอย่างของเซี่ยงไฮ้ค่ะ

ด้านในของหอไข่มุก ระหว่างที่รอขึ้นลิฟท์เพื่อจะไปชมวิวเซี่ยงไฮ้ยามราตรี มีเม็ดมุกเต็มไปหมดเลย



พอเราได้ขึ้นมาถึงด้านบนโดยลิฟท์โดยสารความเร็วสูง จนหลายๆ คนหูอื้อ เราก็จะได้พบกับวิวสวยๆ ของ ย่านไว่ทัน หรือย่านเมืองเก่า สมัยเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เรืองอำนาจ จากมุมสูงค่ะ เขตไว่ทัน จะอยู่อีกด้านของแม่น้ำค่ะ ด้านนอกจะเห็นแสงสีของเมืองเซี่ยงไฮ้ค่ะ



พอเดินมาอีกด้าน เราก็จะได้พบกับตึกที่สูงที่สุดของเมืองค่ะ ชื่อว่า ตึกจินโม่วต้าซาน สูงกว่าหอไข่มุกอีกนะคะ ขอโทษทีนะคะ ภาพไม่ค่อยชัด ก็ถ่ายภาพกลางคืนไม่เป็นอ่ะ



เดินวนอีกรอบ จนมาได้ภาพสวยๆ มุมนี้ค่ะ



พอลงมาด้านล่าง ก็ขอหันไปเก็บภาพ หอไข่มุก แสนสวยอีกทีก่อนค่ะ



จากหอไข่มุก เราก็จะข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งเมืองเก่า แต่เราไม่ได้ข้ามสะพานไปนะคะ เราจะไปทางอุโมงค์ที่ทางการจีนเค้าขุดรอดใต้แม่น้ำไปค่ะ

รถรางที่จะพาเราข้ามอุโมงค์ไปอีกด้านค่ะ



ระหว่างที่อยู่ในรถที่กำลังลอดอุโมงค์ เค้าจะมีการแสดงแสงสีพร้อมกับเสียงเพลงให้ดูด้วย บางทีก็เหมือนเรากำลังเดินทางไปในอวกาศ บางทีเค้าก็แสดงแสงไฟให้เป็นบรรยากาศใต้ทะเล สวยและเพลินดีค่ะ แต่ต้องขอโทษจริงๆ รูปที่ถ่ายมามันไม่ค่อยเห็นน่ะคะ เราเลยถ่ายเป็นไฟล์วีดีโอเป็นส่วนใหญ่

วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริป เราเริ่มต้นวันโดยการไปเที่ยวที่ สถาบันสมุนไพรจีน ซึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ก็คือ บัวหิมะ ค่ะ เค้ามีการโชว์รูดโซ่ด้วยนะคะ (รูดโซ่นะคะ ไม่ใช่รูดเสา หนุ่มๆไม่ต้องฝันหวาน) โดยเค้าจะเอาโซ่ไปเผาไฟให้ร้อนแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเอามือไปรูดที่โซ่..... มือเปล่าๆ เนี่ยแหล่ะค่ะ รูดซัก 2-3 ที เค้าก็จะมีพนักงานอีกคนรีบเอาครีมบัวหิมะมาทา เพื่ออวดสรรพคุณว่า มันช่วยอาการของแผลที่ถูกไฟลวกได้เป็นอย่างดี นับเป็นวิธีการขายของที่โหดดีค่ะ งานนี้หลายๆคนเลยต้องขอสอยบัวหิมะมาไว้ในครอบครอง เผื่อเวลาฉุกเฉินกันใหญ่เลยค่ะ

ด้านหน้าของสถาบันสมุนไพรจีน อากาศกำลังดี ดอกไม้กำลังสวยมากๆ



จากนั้น เราไปเที่ยวกันต่อที่ วัดพระหยกขาว ค่ะ ที่นี่จะมีพระที่ทำจากหยกสีขาวที่ได้รับจากพม่ามาอยู่ภายในวัด เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ

ด้านหน้าของวัดพระหยกขาว



พระหยกขาว ปางไสยาสน์ ขอโทษทีนะคะ รูปไม่ค่อยชัด



มุมสวยๆ ภายในวัดค่ะ



พอออกจากวัด เราก็ไปส่งท้ายโดยการ shopping กันที่ ตลาดรัสเซีย ซึ่งก็จะคล้ายๆ กับจตุจักรบ้านเราหน่ะค่ะ คือเป็นตลาดกลางแจ้ง คนเยอะๆ ซอยเยอะๆ สินค้าที่ขายก็จะเป็นพวกของก๊อปปี้ต่างๆ พวก กระเป๋า รองเท้า ปากกา หน่ะค่ะ

ตอนก่อนที่จะแยกย้าย คุณวิทยา ไกด์ท้องถิ่นกำชับนักกำชับหนาว่าให้กลับมาเจอกันให้ตรงเวลาเพราะพวกเราจะต้องไปที่สนามบินต่อเลย ถ้าใครมาขึ้นรถไม่ทัน รถจะไม่รอ ต้องนั่ง Taxi ไปที่สนามบินเอง ใช้วิธีการขู่กันขนาดนี้ คุณวิทยานึกว่าลูกทัวร์จะกลัว........ ที่ไหนได้เจอลูกทัวร์ถามซะละเอียดเชียวว่าจะเรียก Taxi ได้ที่ไหน ราคาไปสนามบินประมาณเท่าไหร่ ใช้เวลาเท่าไหร่ เล่นเอาคุณวิทยาถึงกับอึ้งไปเลย คงงงกับอาการบ้า shopping ของลูกทัวร์ไทยหน่ะค่ะ แต่สุดท้าย พวกเราก็รักษาเวลากันดีค่ะ ไม่มีใครต้องนั่ง Taxi ไปสนามบินเลยซักคน

ที่สนามบิน ระหว่างรอเครื่อง เดินเล่นไปมา ก็มาเจอกับเจ้านี่ค่ะ มันคือชาดอกไม้ ตอนแรกมันจะเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณลูกชิ้นนะคะ แต่พอเราเอาลูกนี้ไปใส่ในแก้วแล้วเทน้ำร้อนลงไป ลูกกลมๆ นี้มันจะแตกออกมา กลายเป็นน้ำชาที่มีดอกไม้อยู่ด้านในค่ะ เข้าใจคิดดีนะคะ



แล้วเราก็กลับมาถึงบ้านกันโดยปลอดภัย มีความสุขกันทั่วหน้าค่ะ นับเป็นอีกทริปที่สนุกมากๆ เพราะที่ที่ไปเที่ยวก็สวยดี อาหารก็อร่อย ที่พักก็ดี บริษัททัวร์ก็จัดการได้ดี (คณะของเราใหญ่มากๆ ค่ะ ไกด์ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะไม่วุ่นวาย) ไกด์ท้องถิ่นและไกด์คนไทยก็ดูแลดีมากๆ โดยรวมประทับใจมากๆค่ะ

ป.ล. ขอให้เครดิตกับบริษัททัวร์หน่อยนะคะ ครั้งนี้พวกเราใช้บริการของบริษัท Focus Holidays ค่ะ ทำดีต้องชมเนอะ

ไปแล้วค่ะ ไว้ถ้าไปเที่ยวไหนจะเอามาแบ่งปันกันอีกแน่นอนค่ะ

บ๊าย บายค่า




 

Create Date : 04 กันยายน 2549
14 comments
Last Update : 4 กันยายน 2549 15:09:51 น.
Counter : 1530 Pageviews.

 

วันๆ มันทำงานบ้างรึเปล่าเนี่ย

 

โดย: ป้อง IP: 58.9.31.123 4 กันยายน 2549 17:45:21 น.  

 

แล้วเราจะไปย้อนรอยเอ๋นะ หวังว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆ เหมือนกัน

 

โดย: Nymph IP: 158.108.130.94 5 กันยายน 2549 11:19:25 น.  

 

จากที่ไม่เคยอยากไปเมืองจีน เห็นแล้วอยากไปมั่ง

 

โดย: iowatrumpet IP: 203.153.173.170 9 กันยายน 2549 15:37:46 น.  

 

...ยังอ่านไม่หมดเลยเดี๋ยวมาดูอีกรอบคร๊าบ แต่น่าเที่ยวครับ เคยไปเมืองต้าลี่ ลี่เจียงก็สวยไม่แพ้กันชอบเมืองเก่า เดินได้เพลินๆ

 

โดย: B.B.P. (boybangplee ) 21 กันยายน 2549 9:36:02 น.  

 

แวะเข้ามาทักทายครับ

 

โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) 22 กันยายน 2549 19:30:58 น.  

 

....หนีไปเที่ยวอีกแล้วมั้ง

 

โดย: B.B.P. (boybangplee ) 6 ตุลาคม 2549 9:05:23 น.  

 

จด ๆ ไว้ เดี๋ยวจะไปเที่ยวบ้าง

 

โดย: Gorgeous Girl 17 ตุลาคม 2549 9:49:17 น.  

 

ตามมาดูโชว์รูดเสา... เอ้ย!!!!

ตามมาดูโชว์รูดโซ่ค่ะ.. อิอิ เกือบไปแล้ว

 

โดย: หนูออด 17 ตุลาคม 2549 22:59:57 น.  

 

ขอแอบใช้ Blog พี่เอ้สวัสดีพี่ป้องกับพี่นิ้มด้วยนะคะ...


ว่าแต่..หนูออดคงไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมเนี่ย

 

โดย: หนูออด 17 ตุลาคม 2549 23:06:11 น.  

 

....วันนี้ว่างเลยแวะมาทักทายคร๊าบ อาทิตย์นี้ ถึงวันลอยกระทงแล้วไปลอยกระทงที่ไหนคร๊าบ

 

โดย: B.B.P. (boybangplee ) 30 ตุลาคม 2549 9:04:48 น.  

 

หอคอยไข่มุก นี่ดูๆ ไป ทรงเหมือน Sultan Mosque ที่ Brunei เลยนึ

 

โดย: พัมกิ้น 19 พฤษภาคม 2550 16:24:19 น.  

 

ขอบคุณที่นำความรู้มาฝาก..ชอบเที่ยวเหมือนกัน.แต่ชอบแบบแปกเป้ไปเอง

 

โดย: pufaatawan IP: 61.7.174.254 13 กุมภาพันธ์ 2551 13:40:07 น.  

 

หอไข่มุกได้ขึ้นมาแล้ววิวสวยมากเชียงไฮ้ยามค่ำคืน
และที่ขาดไม่ได้จะต้องล่องเรือดูบรรยากาศตอนกลางคืนเช่นเดืยวกันด้วย
และฝั่งหาดเจ้าพ่อเชียงไฮ้ได้ไปเดินหรือเปล่า

 

โดย: พอลล่า IP: 124.120.128.88 17 สิงหาคม 2551 0:12:20 น.  

 

อยู่มาแล้วเกือบ สองปี ไปไว่ทันไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ไม่เคยขึ้นไปบนหอไข่มุกเลย

 

โดย: อังนา IP: 58.137.229.194 27 ตุลาคม 2552 17:16:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Snoopy in BKK
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อยากจะเล่าสู่กันฟัง ....
Friends' blogs
[Add Snoopy in BKK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.