อ๊อด อ๊อด....ยอดมานุสสส

*~ เมื่อฉันแก่ตัวลง ~*



สวัสดีครับเพื่อนๆ




เมื่อวานผมมีโอกาสได้คุยกับน้องคนหนึ่งครับ..อายุน้อยกว่าผมตั้งเกือบ 10 ปี แต่ความคิดความอ่านใช้ได้ทีเดียว...บางครั้ง สิ่งที่น้องเค้าพูด ทำให้ผมรู้สึกอึ้งขึ้นมาได้เหมือนกัน กับทัศนคติและมุมมองของเค้า...ชื่นชมครับ..




น้องเค้าส่งเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งมาให้ลองอ่านครับ...หัวข้อ ก็อย่างข้างบนหน่ะครับ "เมื่อฉันแก่ตัวลง" อ่านแล้วได้คิดตามเหมือนกัน...เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยได้อ่าน หรือเคยได้เห็นบทความนี้ผ่านตามาบ้าง...อ่านแล้วก็อึ้ง ซึ้ง แล้วก็คิดถึงแม่ครับ ผมเลยเอามาแบ่งปัน ให้ได้ลองอ่านกัน...อดทนนิดนึงนะครับ..ไม่ยาวมาก แต่ก็ไม่ได้สั้นซะเท่าไหร่...




**************************



เมื่อฉันแก่ตัวลง







“เมื่อฉันแก่ตัวลง” อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน....



เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะ เติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม (ในเมืองจีน) ก็เริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด



เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง.. ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก



จนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก



แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่... สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย



พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย... แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตร ียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ



สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่น สอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว



แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม “เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ



เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก



พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย..”


“พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า



แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลงไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ”



“ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัด เก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังต ัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น”



แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้




ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่ง ปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ” แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที




ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง” ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที ....



เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง



ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย



ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม



ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม “ทำไม ทำไม” ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม



ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุง เธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ



หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไร ไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว



ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอน เธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ



ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง ให้ความรักและอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ



ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบ เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่



ตอนนั้น แม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไปแล้ว จึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมาก เหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับ
หนังสือพิมพ์เหล่านั้น ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว



หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ “เมื่อฉันแก่ตัวลง” บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวผมตลอดไป



ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ ให้กับลูกพเนจรทั้งหลาย ตอนปีใหม่ โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ....





**************************



เอาหล่ะครับ...เอาเรื่องมาฝาก..รักแม่ให้มากๆนะครับเพื่อนๆ


รักษาสุขภาพกันให้ถ้วนหน้า



รักและคิดถึง


สิงห์นครพิงค์








 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2549
8 comments
Last Update : 19 มกราคม 2551 7:42:47 น.
Counter : 1039 Pageviews.

 

ครับ รู้สึกดีนะครับจะจำไว้ว่าคงมีสักวันที่เราอาจจะเผลอตัวไปว่าหรือขัดใจท่านก็จะจำบทความนี้ไว้เตือนสติ และจะรักท่านตลอดไปครับ

 

โดย: ต่อ IP: 203.150.117.180 30 พฤศจิกายน 2549 22:07:56 น.  

 

มีคนที่ผมรัก ส่งให้อ่านทางอีเมล์ประมาณสองสามครั้งแล้วครับ
ดีมากๆเลย
น่าจะให้คนหลายๆคนได้อ่านครับ

 

โดย: oneshot (oneshot ) 30 พฤศจิกายน 2549 22:57:01 น.  

 

ได้ยินเพลงนี้แล้วคิดถึงบรรยากาศในค่ายคุณธรรมของนักเรียน พระอาจารย์เปิดเพลงนี้คลอ ตอนบรรยายธรรมเรื่องพระคุณแม่ สลับกับให้ชมวิดีโอวันกำเนิดสิ่งมหัศจรรย์อันหมายถึงพวกเราท่านทั้งหลายตอนออกมาจากท้อง ทั้งครูทั้งเด็กซึ้งใจ กอดกันกลม ร้องไห้กันระงมแบบไม่มีอาย คำรัก คำสัญญาว่าจะรักแม่ ไม่ทำร้ายจิตใจแม่ ไม่ทำให้แม่เสียใจ พรั่งพรูพร้อมน้ำตาไม่ขาดสาย...

เวลาผ่านไป หลายคนทำตามคำสัญญาต่อหน้าพระในวันนั้นได้ แต่อีกหลายต่อหลายยังเดินหน้าผิดคำสัญญา ไม่ว่าจะผ่านค่ายสักกี่ครั้ง ชมวิดิทัศน์สักกี่หน ก็ยังคงหลงอยู่กับวงเวียนกรรม ทำให้แม่ช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า....

คิดแล้วเศร้าค่ะ...

 

โดย: Kitten ConCerto 30 พฤศจิกายน 2549 23:45:46 น.  

 

ตั้งใจเข้ามาเยี่ยมดูซิว่ามีเพลงอะไรใหม่ๆ ให้ฟังหรือเปล่า แต่มาเจอเรื่องนี้ จริงๆ เคยได้อ่านแล้ว แต่อ่านอีกก็ยังน้ำตาร่วงค่ะ คิดถึงพ่อแม่ สงสารท่านที่ป่านนี้คงรอกลับไป

อิจฉาจังเลย รู้สึกว่าอีก 2-3 วันก็จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านแล้วใช่ไหมคะ

 

โดย: the Vicky 1 ธันวาคม 2549 5:52:41 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ
รักพ่อกับแม่มากขึ้นหลายเท่าตัว
ไม่มีใครที่รักเราจริงและถาวรเท่า
พ่อกับแม่เราหรอกครับ
อยากกลับบ้านแล้วอ่ะ
อยากไปกอดแม่จัง

 

โดย: Dr.Manta 1 ธันวาคม 2549 7:17:48 น.  

 

แวะเข้ามาเยี่ยมครับ

น้ำตาไหลเลย คิดถึงแม่

 

โดย: หนุ่ย IP: 149.170.192.154 1 ธันวาคม 2549 9:52:56 น.  

 

ขอบคุณพี่อ๊อดที่เอาเรื่องดีดีมาให้อ่านกัน แล้วก็ขอบคุณมากที่แวะไปอวยพรวันเกิดคร้าบ

 

โดย: coming soon (The Yearling ) 1 ธันวาคม 2549 10:53:05 น.  

 

ซึ้งจังเลยน้องสิงห์ ... รักแม่ที่สุดในโลก...

 

โดย: nissan4848 1 ธันวาคม 2549 13:39:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อ๊อดอ๊อดยอดมานุส
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]









Srawut Kumphune's Facebook Profile
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
30 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อ๊อดอ๊อดยอดมานุส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.