เขียนประวัติศาสตร์ของตัวเอง.
สวัสดีครับ....
เคยคิดกันบ้างไหมว่า ทำไมชีวิตเราต้องการอะไรกันนักหนา.... ชีวิตๆหนึ่งเกิดมามันจะมีอะไรมากไปกว่าการมีที่อยู่อาศัย มีอาหารให้เลี้ยงชีพ มีเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มไว้ปกปิดร่างกาย มียารักษาโรคยามเจ๊บไข้..ปัจจัยสี่ที่ว่ามาเป็นพื้นฐานของชีวิตที่คนธรรมดาอย่างเราๆ พึงมี และเพียงเท่านี้ ก็อาจจะทำให้ชีวิตธรรมดาๆอย่างพวกเราดำรงได้อย่างเป็นปกติสุข...แล้วทำไม...มานั่งเซ็งวะ...น่าจะสุขได้แล้ว...อิอิ
วันนี้ผมเกิดอาหารว่างโดยอุบัติเหตุ อิอิ.....จริงๆมันไม่ควรจะว่าง แต่มันว่างด้วยเหตุการณ์ที่ไม่สามรถควบคุมได้...อะไรๆวันนี้ผิดแผนไปหมด แต่แทนที่จะมานั่งหดหู่เศร้าใจ.....กลับคิดขำๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น..ตลกชะมัด...
เออ..แปลกดี อยู่ๆก็อยากเขียนขึ้นมา...เอาแบบว่ามาบ่นมาเล่า...แล้วกันนะครับ
ผมเคยถามเพื่อนหลายคน ทั้งเพื่อนสนิท และเพื่อนใน bloggang ว่าเคยเขียนไดอารี่ หรือบันทึกประจำวันกันบ้างอะป่าว....บ้างก็บอกเขียน บางคนบอกว่าจะเขียนเฉพาะเมื่อมีเรื่องน่าประทับใจและน่าจดจำ...บางคนบอก ไม่รู้จะเขียนไปทำไม...บางคนบอกขี้เกียจ...ผมเองไม่เคยเขียนบันทึกประจำวันหรอกนะ...เพื่อนผมบอกว่า มันก็ไม่ต่างจากการเขียน blog....แต่ผมก็แย้งว่าไม่จริง...การเขียน blog ไม่เหมือนเขียนบันทึกประจำวัน เพราะว่าไม่ได้เขียนทุกวัน...เขียนเฉพาะเวลาที่อยากเขียน เขียนเฉพาะเรื่องที่อยากแบ่งปัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องดี..เขียนในเรื่องที่ไม่เป็นความลับ เปิดเผยได้...แต่บันทึกประจำวันนั้น ยากที่ใครจะเดินเข้ามาขอดูแล้วยอมให้ดูแต่โดยดี....
ผมใช้เวลาบ่ายวันนี้ (ก็ตอนที่เขียนเนี่ยแหล่ะ) มานั่งอยู่ในสวนสาธาระณะ ให้เวลาและความสงบ สบายของที่นี่ ปรับปรุงจิตใจของตัวเองที่ขุ่นมัวให้มองเห็นอะไรในมุมที่แตกต่าง...เลยได้คิดโน่นคิดนี่ คิดสาระพัดเรื่อง...คิดอย่างเงียบๆ แต่แอบเขียนมาเป็นตัวหนังสือ...แล้วก็เผลอไปคิดเรื่องบันทึกประจำวัน....
ผมว่าทุกคนคงมีความทรงจำของตัวเอง....แต่ส่วนใหญ่จะจำแต่เรื่องที่มันมีผลทางจิตใจ...แต่วิถีชีวิตในแต่ละวัน หากมันไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น เราอาจจะลืม เมื่อวาน หรือ ลืมวันก่อนหน้านี้ ลืมวันจันทร์ของอาทิตย์ที่แล้วว่าทำอะไร..แม้กระทั่งลืมว่า วันที่นี้ของเดือนที่แล้ว หรือวันนี้ของปีที่แล้ว...เราทำอะไร อยู่ที่ไหน หรือแม้กระทั่ง เรารู้สึกยังไง....อืม..มันเลยทำให้คิดว่าการเขียนบันทึกเหมือนเป็นเครื่องมือช่วยเตือนความทรงจำ...ถึงแม้ว่าจะเถียงว่า ฉันจำเก่ง...ไม่เห็นจำเป็นเลยว่าต้องจำ ..หรือ อะไรๆที่ว่ามา..ไม่เห็นจะน่าจดจำตรงไหน...เพราะชีวิตมันก็เหมือนกันทุกวัน....ชีวิตเรา ดำเนินไปอย่างซ้ำกัน วนเวียนเป็นวัฎจักร เหมือนกันทุกวันเหรอ...ผมว่ามันไม่น่าเหมือนกันทุกวันนะ เพื่อนๆว่าไง
เมื่อวานเป็นประวัติศาสตร์ของวันนี้....พอพรุ่งนี้ วันนี้ก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์...ถึงแม้คุณจะเกลียดวิชาประวัติศาสตร์มากแค่ไหน...แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะมีประวัติศาสตร์ของตัวเอง....บันทึกประจำวันก็อาจจะเป็นเหมือนหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่ส่วนตัว....
ผมไม่เคยเขียนบันทึกประจำวันเลย และไม่เคยคิดจะเขียน...แต่ตอนนี้ ชักอยากจะมีหนังสือประวัติศาสตร์ของตัวเองบ้างแล้ว....กลัววันหนึ่งจะลืม...
มีหนังสือ pocket book ภาษาอังกฤษเล่มหนึ่ง.....สำหรับผม เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ เล่มแรกที่ตั้งใจอ่าน แล้วก็อ่านจนจบ...เพราะว่าเนื้อหามันไม่เยอะ ศัพท์ก็ไม่ยากเกินไป...โคตรดีใจเลยตอนนั้นที่อ่านจบ..ภูมิใจว่าตูก็อ่านนิยายภาษาอังกฤษได้ทั้งเล่ม....เพื่อนๆหลายคนคงเคยอ่าน..เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ได้นำมาทำเป็นภาพยนต์ด้วยนะครับ...ชื่อเรื่อง The Notebook
เรื่องราวของคน 2 คนที่รักกันมาก....เขาและเธอมีแต่ความทรงจำและวันเวลาที่ดีร่วมกันมาโดยตลอด....แต่เธอ...สูญเสียความทรงจำ ด้วยโรคอัลไซเมอร์...ชายที่เธอรัก...ผู้เป็นทั้งสามีผู้ซื่อสัตย์ในหัวใจรักที่มีต่อเธอผู้นั้น....พ่อที่น่ารักของลูกๆ...และเพื่อนตายในยามที่เธอต้องเผชิญกับวาระสุดท้ายของชีวิต.....ชายคนนั้นได้เขียนเรื่องราวของเขาและเธอไว้ในบันทึก...บันทึกที่ ชายคนนั้น หยิบมานั่งอ่านให้ภรรยาสุดที่รักฟังอยู่บ่อยครั้ง.... เพียงเพื่อหวังว่าจะช่วยให้ความทรงจำเธอกลับคืนมา...ซึ่งก็เป็นผล แต่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น...เขาและเธอต่างดีใจ เมื่อภาพความทรงจำอันมีค่า ย้อนกลับมาปรากฏให้เห็น และทำให้เธอจำชายผู้เป็นที่รักได้ ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่กี่นาทีก็ตาม....ผมอ่านจนจบแล้วก็คิดในใจว่า....ถึงแม้ว่าความตายนั้นจะทำให้คนเราพรากจากกันชั่วกาล ก็ยังดีเสียกว่าการที่ต้องสูญเสียความทรงจำในชีวิตโดยไม่หลงเหลือความทรงจำไว้ที่ดีต่อกันไว้อีกเลย....
อย่าเศร้านะคร๊าบบบ...อิอิ..ที่เขียนเนี่ย..เพราะคิดถึงเรื่องนี้...พอดีมันว่างหน่ะ( โดนเพื่อนด่าประจำว่า ว่างมาก..มานั่งเขียน blog)
พอเขียนถึงตรงนี้...ก็อยากขอบคุณใครสักคนหนึ่ง...จริงๆก็ไม่รู้ว่าใคร..ที่ส่งของขวัญวันเกิดมาให้ เป็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง...ปกสมุดทำด้วยผ้าสีดำ ข้างในเป็นกระดาษที่ไม่มีลายเส้นบันทัด...
ผมเคยคิดเล่นๆมาก่อนหน้านี้ว่าอยากเขียนบันทึกประจำวัน....แต่ยังขี้เกียจอยู่เลย...คิดเล่นๆในใจว่า ถ้ามีใครซื้อสมุดบันทึกมาให้เขียน ก็คงจะเริ่มเขียน...คิดแบบนี้มานานแล้วหล่ะ...อิอิ...แต่ไม่มีใครซื้อให้สักที
เมื่อวันก่อน ได้รับพัสดุจากประเทศไทย....ข้างในมีสมุดบันทึกเล่มดังกล่าว...แต่ไม่ยักกะเขียนชื่อคนส่ง....มีเพียงการ์ดใบเล็กว่า สุขสันต์วันเกิด..เอาไว้สำหรับบันทึกนะ...จากเพื่อนผู้หวังดีเสมอ....(ครายยยยฟ่ะ...) ยังไงก็ขอบคุณมากๆๆครับ...คงได้ฤกษ์เขียนซะที....หากคนที่ส่งมาให้ได้อ่าน..ผมได้รับของแล้วนะครับ..แล้วก็ขอบคุณมากๆ ถ้าไม่เป็นความลับมากเกินไป...เมลล์มาบอกหน่อยแล้วกันว่าท่านเป็นผู้ใด....
เอาหล่ะ...ผมว่าจะเก็บของกลับบ้านแล้วครับ...นั่งเขียนอยู่ริมแม่น้ำ ทั้งเป็ด ทั้งหงษ์ บินให้ว่อนเลย...สบายใจแล้ว....เดี๋ยวต้องกลับไปวางแผนก่อนว่ากลับบ้านเดือน ธ.ค. นี้ผมจะทำอะไรบ้าง...มีอะไรตั้งหลายอย่างที่อยากทำ...
ถึงผมจะเกลียดวิชาประวัติศาสตร์...แต่ผมก็อยากมีหนังสือประวัติศาสตร์ของตัวเอง...(ส่วนตั้วส่วนตัวคร๊าบบบบ)
ขอให้มีกำลังใจทำในสิ่งที่อยากทำต่อไปครับ...สู้ๆ และรักษาสุขภาพด้วย
รักและคิดถึง
สิงห์นครพิงค์
Create Date : 26 ตุลาคม 2549 |
|
23 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2551 7:44:56 น. |
Counter : 1146 Pageviews. |
|
|
|
เราเคยเขียนตอนอยู่มัธยมอ่ะ และก็หยุดยาวเลย
มาเริ่มเขียนอีกทีตอนเรียนปี 1 แล้วก็หยุดไม่ได้เขียนอีกเลย
มีโอกาสได้กลับมาอ่าน มันรู้สึกได้ถึงอารมณืตอนนั้นเลยนะ
ถ้าไม่ได้เขียนไว้ก็คงจำไม่คอยได้หรอกว่า
เราเคยเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้
ยินดีด้วยจ้า ที่จะมีประวัติศาสตร์เป็นรูปเล่มของตัวเอง
ขอบคุณผู้ส่งสมุดโน๊ตเล่มนั้นให้อ็อดด้วยนะคะ
ได้ใช้งานเลย อิอิ