|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
O ลอกคราบ .. สังคมไทย ! O
.. โวหารภาพพจน์ ..
O จะกี่ครั้งกี่หนเวียนพ้นผ่าน ล้วนรสหวานฉาบลิ้นฤๅสิ้นได้ หวังเพียงภาพฉาบชื่อเลื่องลือไกล คนจักใคร่ตามตื่นพลอยชื่นชม
O เพียงเพื่อให้ดูดีว่ามีภาษ เฉกเช่นปราชญ์ปรุงความให้งามสม แม้นมีบ้างฟังคล้ายดั่งผายลม ยังนิยมดัดจริตลิขิตร้อย !
O ทั้งหลักการขาดได้อย่างไรเล่า ย่อมโหมเข้าครอบยุคอยู่ทุกบ่อย ให้ผู้คนยืดคอเฝ้ารอคอย เพื่อฟังถ้อยวาทีผู้ชี้ทาง
O เงี่ยหูฟังพูดย้ำอย่างคร่ำเคร่ง เพราะกลัวเกรงลมปากพูดถากถาง อุดมการณ์ละลานศัพท์ก็จับวาง อยู่ทุกย่างเหยียบยก .. เกินวกพ้น
O ภาพออกสื่อสดใสด้วยไฟส่อง ให้จับจ้องฟังความที่พล่ามบ่น ตรองเถิดถ้อยสำหรับ .. ผู้อับจน จะปรุงปรนจิตผอง .. ให้ผ่องพราย
O เมื่อพ้นกล้อง .. จ้องจับสำทับร่าง ที่เอ่ยอ้าง .. ทุ่มเทเอาเร่ขาย ก็ถึงกาลตัดทอน .. ลงผ่อนคลาย หมดจุดหมาย .. มองดูจากผู้คน
O ถึงคราวนั่งในรถปรากฏว่า เสียงก่นด่าก้องศัพท์อยู่สับสน จากรถราแซงเลี้ยวเกือบเฉี่ยวชน สบถบ่นหลายพักเป็นวรรคเวร .. !
.. อุปถัมภ์ค้ำชู ..
O เรียกร้องหาธรรมาภิบาลหมู่ จะค้ำชูยุติธรรมให้ล้ำเด่น แต่เพื่อพวก..แหกหมด..ทุกกฏเกณฑ์ คอยเบี่ยงเบนช่วยเหลือ..ร่วมเจือจาน
O ยุติธรรมของสูหรือตูวะ หรือวาทะจัญไรของใครหว่าน หรือเพียงพากย์พล่ามกันตามสันดาน ให้มองผ่านคิดเห็นว่าเป็นจริง...
O ที่ยุ่งยากเหลือใจ..ก็ใครเล่า ล้วนโคตรเหง้ามักง่ายทั้งชายหญิง ผูกแต่งพจน์เสกสร้างไว้อ้างอิง และปลดทิ้งทันที .. เมื่อมีทาง
O เมื่อเห็นแถวยาวเหยียด .. ขี้เกียจรอ ไม่ยอมต่อลำดับแต่กลับอ้าง เอาเหตุผลส่วนตัวเข้ามั่ววาง ก่อนเหยียบย่างผ่านหัวทุกตัวตน
O ทำผิดต้องคดี..ก็รี่หา ผู้มากบารมีช่วยอำนวยผล หวังกรรมชั่วกลายกลับ..ไม่อับจน ปัดเป่าพ้นครหาบรรดามี
O หางานทำลำบาก .. แค่ฝากฝัง รักกันจัง .. บรรดาพวกบ้าสี ปากพูดคุยแย้มใจมอบไมตรี และงานที่ขอไว้ก็ได้มา
O วิ่งเต้นเพื่อได้ดีสู่ชีวิต จะถูกผิดไม่สน .. เสียงก่นด่า จึงได้ถ่อยขึ้นชั้น .. ผู้บัญชา และได้หน้า .. โง่เขลาเป็นเจ้านาย !
.. อวดร่ำอวดรวย ..
O พอทำกินมั่งมี .. วิถีคิด- ถูกจริตปรุงปรนให้ขวนขวาย รถแพงหรูจอดเคียงอยู่เรียงราย เครื่องประดับมากมายอวดสายตา
O เสื้อผ้าที่เลือกลองล้วนของนอก เหมือนพร่ำบอกรสนิยมให้สมหน้า และเหมือนอวดบารมีด้วยลีลา ของการใช้เงินตรา .. พูดจาแทน
O ทันสมัยทั้งตัวและทั่วหน้า สร้างคุณค่าตอกปักไว้หนักแน่น ฉุดล่ามวิญญาณทาสผู้ขาดแคลน ให้เงยแหงนเสพสมอย่างงมงาย
O ทุกพากย์พล่ามบ่งบ้า .. สถานภาพ ทุกคราวคาบบอกพิสัยน่าใจหาย ทุกความคิดความฝันที่บรรยาย ก็เหมือนคล้ายวัตถุธรรม .. เหยียบย่ำเอา
O สุนทรีย์ค่าแพงรุมแย่งซื้อ ดั่งยึดถือเป็นฉากวัดรากเหง้า, รสนิยม .. เห็นได้ว่าใช่เบา คง-รูปเงา .. ทอดยาวล่ะคราวนี้
O อยู่หนไหนพูดดัง .. ให้ฟังถ้อย เรื่องราวพลอยผ่านลิ้นได้ยินถี่ ธุรกิจ, หุ้น, เงินฝาก .. ช่างมากมี อัญมณี .. น้ำปลั่ง .. เมียสั่งซื้อ..!
O ลูกร่ำเรียนเมืองไทย .. กลัวใครค่อน ไปแน่นอนเมืองนอก .. ต้องบอกหรือ ! จบมา-บ้าง .. โง่เง่า .. จนเขาลือ เฝ้ายุดยื้อค่านิยม .. โง่งมนัก
.. เชื่องมงาย ..
O เมื่อหนังสือหลากหลายไม่ชายตา ฟังเขาว่า .. คิดเห็น .. เชื่อเป็นหลัก จึงเห็นคนเชื่องเชื่อ..จนเหลือทัก เดินกันขวักไขว่หน้าทั้งนาคร
O ไหว้จอมปลวก, ต้นกล้วย .. อำนวยผล โอ้จิตคนติดตายเกินถ่ายถอน ปล่อยใจให้มิจฉานั้นพาจร พระท่านสอนท่านสั่ง .. ไม่ฟังความ
O เป็นมนุษย์สุดดีก็ที่คิด ไยเอาจิตมัดผูก .. ยอมถูกล่าม และเอาสิทธิ์ไตร่ตรอง .. ให้ต้องทราม จนล่องข้าม .. เหตุผลให้คนเย้ย !
O สองมือยก-กบประนม คอก้มต่ำ กำหนดใจ - ความ, คำ ขึ้นย้ำเอ่ย ขอ-เมตตาคุณพระ .. อย่าละเลย ช่วยดั่งเคย .. ทุกปรารถนาที่ปรารมภ์
O หลังพล่ามเพ้อพูดจา .. กับอากาศ พาภพชาติเคล้าคลุก .. จนสุขสม อุปาทานค้ำคาในอารมณ์ ความโง่งมก็เกินบั่น .. ให้อันตรธาน !
O จึงเห็นตัวโง่งม .. นั้นซมโศก- อยู่ในโลกคลุ้มคลั่ง .. ของ-สังขาร- ที่คืบเข้ากอบกิน .. จิต .. วิญญาณ เมื่อวงวัฏฏะสงสาร .. หมุนด้านรอ !
O เห็นเขาวางดอกไม้หลากหลายสี อัญชลีกราบก้มประนมขอ ปากหนึ่งกับถ้อยคำ .. เฝ้าร่ำรอ- พูดเติมต่อสร้างหวังอยู่ทั้งเป็น
O ปล่อยผ่านปรารถนาสู่อากาศ เผื่อบาง"ธาตุ"สถิตอยู่ .. จักรู้เห็น ฟังอ้อนวอนขอเอา..ทั้งเช้าเย็น อาจลอบเร้นเหนี่ยวดึงส่งถึงมือ
O มิใช่มือสำหรับ .. หยิบ .. จับ .. ทำ- จนกร้านดำบ่งบอก .. นั้นดอกหรือ จะหยิบฉวยบากบั่นว่านั่นคือ- ผลลัพท์ให้ยุดยื้อไว้ถือครอง
O ไฉนต้องเฝ้าวอน .. อาทรเขา ที่ไร้เงาแจ่มชัดสัมผัสต้อง กระไรเลยสำนึกจะตรึกตรอง ราวจะล่องลอยลับ .. สิ้นรับรู้
O ไร้รูปและไร้ร่าง .. จะสร้างสรรค์ เพียงโมหันธ์ที่เห็นและเป็นอยู่ เคลือบอารมณ์ร้อนรุ่มเข้าอุ้มชู รอสมสู่ด้วยเงาอย่างเปล่าเปลือง
O มือประนม .. นึกตรองคำร้องขอ- กับรูปนามพร่ำพ้อ .. อย่างต่อเนื่อง หวังกุศล .. บำรุงตนรุ่งเรือง ใช้เป็นเครื่องอุดหนุน .. เพิ่มบุญญา
O รูปนามที่ไหนหนอ .. จะรอช่วย เอื้ออำนวยมุ่งมาดในปรารถนา บรรยากาศรอบตัว .. จึงมัวตา- จากคุณค่าของมนุษย์ถูกฉุดดึง
O รูปนามที่ไหนหนอจะพอเห็น- คอยช่วยเป็นกำลัง .. ให้หวังถึง- ความสำเร็จ .. เช่นพร่ำในคำนึง แม้นเพียงหนึ่งครั้งที่ .. เคยมีมา
O รูปนามฤๅว่าสร้าง .. แอบอ้างเอง เมื่อคร่ำเคร่งมือประนม .. พร้อมก้มหน้า แนบน้อมจิตอธิษฐานด้วยมารยา- แห่งมิจฉาการณ์กลั้วทั้งตัวตน
O แล้วรูปนามก็ตามคลุกไปทุกที่ ร่วมบัตรพลีภูมิธรรมอยู่ซ้ำหน สถิตอยู่ในถวิลคอยดิ้นรน พาสับสนซัดส่ายอยู่ภายใน
O โอ้ล่ะหนอ .. ดวงวันในชั้นสรวง แม้โชนช่วงแสงระยับ .. ขึ้นขับไข ยังมิอาจส่องแจ้งถึงแหล่งใจ- อันหมกไหม้มืดมัวอยู่ทั่วกัน
O เห็นเขาวางดอกไม้หลากหลายสี อัญชลีกราบก้ม .. ปรารมภ์-ฝัน- ต่อ-ศรัทธา, นามรูป, เทียน, ธูป, ควัน เหนี่ยวสวรรค์สมสู่ .. ไม่รู้แล้ว !
Create Date : 05 เมษายน 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:37:32 น. |
Counter : 1540 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: witch IP: 118.172.115.58 6 เมษายน 2555 18:46:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: witch IP: 118.172.115.58 7 เมษายน 2555 8:54:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีค่ะ...
มาฟังเสียงขลุ่ย ^^
เพลงไม่เข้ากันเลยนะคะกับ บทกลอน หรือว่า...แม่มดหูไม่ถึง อิอิ ...
ขอบคุณเจ้าค่ะ