ไม่เอาหรอก ไม่อยากได้ ของเดิมยังใช้ได้อยู่
คิดเอาไว้หลายวันแล้วว่า จะซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้ลูกรัก 2 คู่เดิมที่ใส่ตอนนี้ อี๊อ่ายซื้อให้ ขนมาจากเมืองไทย
คู่แรกสีส้มปี๊ดเลย อี๊อ่ายไปเห็นแถวๆ คลองถมขายของมือสอง เห็นว่าสภาพยังดีมาก คู่ละ 50 บาทเท่านั้น ตอนได้มา ตองตังเห็นปั๊บก็ถูกใจ เพราะชอบสีจัดแบบนี้ ใส่แล้วไม่เหมือนใคร (หรือว่ายังไงๆ ก็ชอบ เพราะว่าไม่ค่อยจะเลือกเท่าไรนัก)
ส่วนคู่ที่สองเป็นรองเท้าผ้าใบแบบมีไฟแว่บๆ ที่ฐาน เวลาเดิน เห็นว่าที่เมืองไทยเคยฮิทอยู่ช่วงหนึ่งในเด็กๆ อี๊อ่ายซื้อไซส์ใหญ่เก็บเอาไว้ให้ ราคาอยู่ที่ 200 บาท คิดแล้วแค่ 4 ยูโรเท่านั้น จะไปหาซื้อที่ไหนได้ที่ฝรั่งเศส ไม่มีแน่นอน
ทั้งสองคู่นี้ใส่จนจนเยินหมดแล้ว สภาพก็เรียกว่า ได้ใช่แบบเต็มที่ เมื่อวานเลยพาตองตังไปห้างใกล้บ้าน กะว่าจะไปเลือกรองเท้าที่เจ้าตัวชอบ แล้วก็ลองใส่เดินๆ ดู
ลองได้อยู่ไม่กี่คู่ ทั้งหลายแบบหลายสไตล์ "จะเอาคู่ไหนลูก" "ตองตังไม่ชอบ" "เลือกเถอะ มาม็องอยากซื้อให้" "แต่ตองตังไม่ชอบ" "ทำไมไม่ชอบ"
ลูกมองไปที่รองเท้าเยินๆ สีส้มที่วางข้างๆ แล้วบอก "ตองตังมีแล้ว ตองตังไม่จำเป็นต้องซื้อคู่ใหม่ ที่มีอยู่ยังใช้ได้อยู่ ไม่ต้องซื้อหรอก"
คำตอบของลูกทำให้ฉันอึ้งไปเล็กน้อย ถึงจะไม่แปลกใจในความช่างคิดที่เป็นปกติของลูก แต่คำตอบนี้กลับทำให้ฉันนึกถึงเรื่องในวัยเยาว์ของตัวเอง
ฉันเก็บรองเท้าที่เอาออกมาลองๆ เหล่านั้นเข้าที่เดิม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เมื่อความทรงจำของตัวเองค่อยชัดๆ ขึ้น เป็นภาพแม่และฉันปรากฎขึ้น
"พธู หนูอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ไหมลูก เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ไม่อยากใส่รองเท้าคัทชูสวยๆ แบบที่เพื่อนคนอื่นเขาใส่กันหรือ" "ไม่เอาหรอกมาม้า ใส่รองเท้าคัทชูมันไม่สบายนะ ใส่รองเท้าผ้าใบนี่แหละดี เดินสะดวก ไม่เจ็บ รองเท้านันยางนี่แหละ คู่ละไม่ถึงร้อย ใส่เดินได้ เล่นกีฬาได้" แม่ร้องไห้ บอกว่าวันที่เข้าไปกรุงเทพฯ แล้วแวะไปหาที่มหาวิทยาลัย เห็นฉันอยุ่ในกลุ่มเพื่อนๆ สิ่งที่เห็นคือทำไมลูกใส่รองเท้าสีคล้ำจากความเก่า ไม่เหมือนเด็กปี 1 เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนแม่ที่ไปด้วยกันถามว่า ทำไมต้องประหยัดแบบนี้ ควรให้ลูกมีเหมือนที่เพื่อนมี
"มาม้า หนูไม่จำเป็นต้องมีเหมือนที่เพื่อนมีนะ หนูพอใจในสิ่งที่หนูมีและที่หนูเป็น อีกอย่างเพื่อนๆ ของหนูไม่เห็นมีใครเขามาดูรองเท้าหนูเลยนี่นา ไม่ต้องคิดมากหรอก"
"มาม็อง...มาม็องร้องไห้?" "น้ำตาไหลน่ะลูก" "ทำไม? มาม็องเจ็บตา?" ตองตังยื่นมือมาจับหน้าฉัน และเข้ามาใกล้มากขึ้น "มาม็องดีใจ มีความสุขน่ะลูก มาม็องเลยร้องไห้ เดี๋ยวเก็บรองเท้า แล้วเรากลับบ้านเลยนะ" "มาม็องดีใจ ร้องไห้?"
Create Date : 19 ตุลาคม 2548 |
|
10 comments |
Last Update : 26 ตุลาคม 2548 3:29:34 น. |
Counter : 752 Pageviews. |
|
|
|