Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
เพื่อนของผม : ตอนที่ 1 เพื่อนกลุ่มแรก

กลุ่มเพื่อนๆ ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการพัฒนาการของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กอายุคราวเดียวกัน หรือไล่ๆ กัน หรือเด็กโตกับเด็กเล็ก

ฉันให้ความสนใจพอสมควร ที่จะรู้เรื่องราวการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตองตังและเพื่อนๆ เหล่านั้น ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนเด็กเล็กเมื่อตอนตองตังอายุได้ 2 ขวบ 8 เดือน จนมาถึงตอนนี้ 4 ขวบ 3 เดือนกว่า เฝ้าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร นอกจากตัวลูกเองที่ดูจะเปลี่ยนแปลง ทัศนคติของฉันก็เช่นกัน

เริ่มแรกต้องบอกว่ารู้สึกกังวลใจพอสมควร ทำไม?
ด้วยว่าเมืองที่อยู่นี้ จะมีการแยกผิวสีและเผ่าพันธุ์กันอย่างเห็นได้ชัด เช่น การจับคู่สามี-ภรรยา ในกลุ่มฝรั่งขาวด้วยกัน ในกลุ่มคนผิวดำด้วยกัน ในกลุ่มคนอัฟริกาเหนือด้วยกัน ในกลุ่มคนจีนด้วยกัน ความกังวลใจนี้ไม่ได้เกิดต่อตัวฉันเอง เพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

แต่น่าแปลกว่า ตั้งแต่เข้าเรียนมานี่ กลุ่มเพื่อนที่ตองตังมีนั้น จะมีแต่เด็กผิวดำทั้งสิ้น จับกลุ่มกัน 4 คน คือ เคนัน, โลอิค, มาเมคราล่า และตองตัง ซึ่งเป็นเด็กลูกครึ่ง ในขณะที่กลุ่มเด็กผิวขาวก็จะอยู่รวมกัน ข้อสังเกตนี้ฉันเก็บเอาไว้ในใจมาเป็นเดือน ไม่กล้าพูดออกไปให้ลูกได้ยิน มีแต่ถามบางครั้งว่า
"ตองตังเล่นกับใครบ้างที่โรงเรียน"
คำตอบที่ได้ ก็จะต้องมีหนึ่งใน 3 ชื่อของเด็กผิวดำที่พูดถึงมาทั้งสิ้น

บอกเล่าให้สามีฟัง สามีก็บอกว่ากังวลทำไม ฉันก็บอกว่าไม่ได้กังวลเลยว่าลูกไปเล่นกับเด็กผิวดำ เพราะว่าจะเล่นกับใครก็ได้ เพียงแต่ทำไมจึงจับกลุ่มกันเหนียวแน่นเพียง 4 คนนี้เท่านั้น แล้วทำไมจึงไม่เล่นรวมกับกลุ่มเด็กผิวขาวที่แต่ละเช้าจะยืนมองอยู่ห่างๆ เวลาฉันไปส่งตองตังที่หน้าห้องเรียน

ความกังวลใจมีเพิ่มขึ้น เมื่อเย็นวันหนึ่งในฤดูหนาว หลักเลิกเรียน กลับบ้านอาบน้ำ ฉันทาครีมเด็กให้ตองตัง แล้วบอกว่า
"ดูสิ ผิวเหมือนมาม็องเลย แห้งๆ นะ ต้องทาครีม"
"ทำไม? แล้วเหมือนปาป๊าไหม?"
"เหมือนมาม็องมากกว่า ดูสิ ผิวสีออกเหลืองๆ แล้วก็จะคล้ำๆ พอหน้าหนาวเนี่ย ผิวแห้ง ต้องทาครีมไง หนูน่ะผิวเหมือนมาม็อง"
"ไม่ใช่ เหมือนปาป๊า"

พูดไม่พูดเปล่า หดมือที่ฉันกำลังจะทาครีมให้เอาไปกอดไว้ที่อกตัวเอง
"ไม่เหมือนมาม็อง เหมือนปาป๊า"

เมื่อเห็นพ่อเดินเข้ามา
"ปาป๊า ผิวของตองตังเหมือนปาป๊า ใช่ไหม เหมือนกัน สีขาว ไม่เหมือนมาม็อง" แล้วยื่นแขนออกมาเทียบกับแขนพ่อ
สามีหันมามองฉันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกพูดอย่างนี้

"ฉันคิดว่า ลูกกำลังรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากเพื่อนคนอื่น เขาคงรู้ว่าเขาคือลูกครึ่งที่ไม่ใช่ทั้งผิวดำ แล้วก็ไม่ใช่ทั้งผิวขาว แล้วที่โรงเรียนไม่มีเด็กจีน ตองตังอาจจะรู้สึกแปลกแยกหรือเปล่า" ฉันกระซิบบอกเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจลูกที่นั่งมองอยู่ตรงหน้า

แทนที่จะไปคุยกันสองต่อสอง ระหว่างพ่อและแม่ สามีฉันตัดสินใจพูดตรงนั้นเลย กับลูก และต่อหน้าลูก
"ตองตัง ฟังพ่อนะ มาม็องเป็นคนไทย มาม็องผิวสีนี้ ปาป๊าเป็นคนฝรั่งเศส ปาป๊าผิวสีนี้ ส่วนตองตังเป็นลูกของพ่อและแม่ ถ้าลูกจะเหมือนใครสักคนไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ เราก็ต้องภูมิใจ ตองตังได้ผิวของมาม็อง ได้ดวงตาของพ่อ ได้สีผมและสีลูกตาของมาม็อง แต่ที่สำคัญปาป๊าและมาม็องรักลูกมาก"

"ไม่ใช่ ตองตังเหมือนปาป๊า ไม่เหมือนมาม็อง" ลูกยืนกรานหนักแน่น

ฉันไม่อยากยอมรับว่า สีผิวนี่อาจเป็นสาเหตุของการที่ตองตังเอาตัวเองไปรวมอยู่กับกลุ่มเด็กผิวดำ ฉันอยากให้เขาเล่นกับใครก็ได้ ไม่จำกัดสีผิว และที่แน่นอนไม่อยากให้เขาถูกกีดกันออกมาจากการเล่น เพียงเพราะว่าเขาเป็นลูกครึ่งและแตกต่าง

เมื่อคิดว่านี่เป็นปัญหา ฉันตัดสินใจคุยกับครูประจำชั้น ที่ให้คำตอบว่า
"ตั้งแต่ตองตังมาโรงเรียน จะมีกลุ่มเคนันและโลอิคที่รับเข้าสู่กลุ่มโดยไม่มีปัญหา ในเมื่อเด็กเล่นกันได้ดี แล้วจะไปกังวลอะไร"
"ทำไมกลุ่มเนลล์ เบนจามัง พวกนั้น จึงไม่เล่นกับตองตัง"
"เล่นสิ แต่จริงว่าเล่นน้อยกว่าเคนันและโลอิค"
"ครูช่วยดูให้หน่อยได้ไหม ฉันกังวลปัญหาการเข้ากลุ่มนะ"
"แต่ว่าตองตังพูดภาษาฝรั่งเศสได้น้อยกว่าคนอื่นนะ คุณแม่ต้องเข้าใจเพราะคุณแม่พูดไทยกับลูกตลอด พอเข้าโรงเรียนระยะแรกอย่างนี้ หากเด็กสามารถมีกลุ่มเพื่อนเริ่มต้นได้ ก็น่าจะดีใจ อย่ากังวลเรื่องการแยกกลุ่มอะไรไปเลย"

หลังจากนั้นต่อมา 3 เดือน ที่น่าจะเป็นระยะปรับตัวของตองตัง ฉันก็เริ่มเห็นว่าตองตังไปเล่นกับกลุ่มเด็กผิวขาวมากขึ้น ถึงแม้ว่าเพื่อนสนิทที่สุดจะยังคงเป็น เคนันและโลอิคก็ตาม

เลยมานั่งนึกว่า การแบ่งแยกมีจริง แบ่งแยกเพราะเห็นว่าแตกต่าง ถึงแม้เด็กเล็กๆ ที่ยังไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์ในเรื่องการเหยียดหยามจากความต่าง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่า ตัวเองแตกต่างหรือเหมือนกลุ่ม

บทบาทของครอบครัวและโรงเรียนต่อการปรับตัวของเด็กที่มีความแตกต่างนี้จึงมีความสำคัญ ตองตังใช้เวลาอีกไม่นานนักในการผ่านช่วงเวลาที่ฉันคิดว่าสำคัญอีกช่วงหนึ่งของเขา ในการเรียนรู้ถึงความแตกต่าง และการเข้ากลุ่ม โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ

จนมาถึงวันนี้... ฉันเลิกกังวลในเรื่องนี้แล้ว


Create Date : 26 สิงหาคม 2548
Last Update : 26 สิงหาคม 2548 19:37:22 น. 8 comments
Counter : 607 Pageviews.

 
มาเกาะขอบจอฟังคุณพธูค่ะ แซมมาเรียนโทที่อังกฤษ ยังโดนแบ่งแยกอย่างเด่นชัดเลยค่ะ พยายามเข้ากิจกรรม ไปเข้าชมรมสคว๊อช ก็โดนแยกอย่างชัดเจน เอเชีย ห้าคนอยู่กลุ่มนี้นะ อังกฤษที่เหลืออยู่อีกกลุ่ม แยกคนละห้องซ้อม โค้ชไม่สนใจเอเชียอย่างเราอย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้ก็ยังเป็นปัญหาเพราะข้อกำจัดทางภาษาของแซม แต่จะพยายามค่ะ

รออ่านตอนที่สองค่า น้องตองตังมีเพื่อนเยอะแล้วแน่ๆเลยตอนนี้


โดย: น้องแซม IP: 82.3.32.77 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:19:40:25 น.  

 
ตองตังละก็ จำไว้ว่าหนูหล่อเหมือนมาม็องนะลูก

หนูฉลาดและน่ารักที่สุดเลย (เหมือนมาม็องอีกแล้ว)

ถ้าใครไม่เล่นด้วย ตดใส่เลยลูก (เหมือนที่ตดใส่น้ามาแล้ว)
กร๊ากกกกกกกกกกก


โดย: *ProuD* วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:23:20:54 น.  

 
ตามมาแอบอ่านอยู่นานแล้วนะคะ
พอดีเรื่องนี้มีประสบการณ์ร่วม
เพราะลูกชายบางครั้งก็มีปัญหาแบบเดียวกัน
แต่ลูกชายโตเป็นหนุ่มแล้ว
เวลามีปัญหาแบบนี้ จะบอกเขาว่า
นี่ไม่ใช่ปัญหาของเรา คนอื่นต่างหากที่มีปัญหา
ตอนนี้เขาเลยเห็นเป็นเรื่องไร้สาระไป
คิดว่าเราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่สร้างภูมิต้านทานให้ลูกได้ค่ะ


โดย: Cybercat วันที่: 28 สิงหาคม 2548 เวลา:2:13:15 น.  

 
แวะตามมาเที่ยวใต้ เฮ้!! ไม่ใช่ ลืมๆ
ตามมาเป็นเพื่อนน้องตองตังดีกว่าเรา อิอิอิ


โดย: มาซา วันที่: 28 สิงหาคม 2548 เวลา:8:31:47 น.  

 
แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ
ชอบอ่านที่คุณพธุไทยเขียนค่ะ มีข้อคิดดีๆทุกเรื่อง


โดย: Huiling IP: 202.57.166.167 วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:15:01:36 น.  

 
ตอนนี้ชอบถามลูกว่า "มาม็องกับ... ใครสวยกว่ากัน"
ไม่ว่าจะบอกว่ากับใครๆ ตองตังจะตอบว่า "มาม็อง"
ทุกครั้ง แม่จะดีใจ ดึงเอาตัวลูกมากอด
รุ่นน้องนักเรียนชอบแซวว่า ถึงลูกจะโกหก แต่แม่ก็ดีใจ
บางทีตองตังตอบแบบไม่มองหน้า เอามือชี้ๆ เอา เพราะรู้ว่า คำตอบต้องเป็นอย่างไร

วันก่อนฉินอิง เพื่อนชาวไต้หวันที่แวะมาพร้อมรุ่นน้อง (ด้วยว่าต้องการฝึกพูดภาษาจีน เลยหาเพื่อนจีน) ฉินอิงสวยแบบน่ารัก คุยกันไปมา แบบแซวไปมาด้วยความสนุก
สำหรับตองตังแล้ว ชอบสาวสวยมาก แอบมองฉินอิงอยู่บ่อยๆ จนรุ่นน้องแซว

เลยอดไม่ได้ที่จะต้องถามตองตัง หลังจากที่แขกพากันกลับไปแล้ว
"มาม็องกับฉินอิง ใครสวยกว่ากัน"

เป็นคำถามที่น่าจะตอบยากมาก เพราะนึกนานค่ะ ไม่ตอบทันทีเหมือนทุกครั้ง
"มาม็องและฉินอิง" ตอบแบบยิ้มกริ่มมาก นี่แค่ 4 ขวบนะ

"ไม่ได้สิ ต้องเลือก มีคนเดียวที่สวยกว่า บอกมาเร็ว ใครสวยกว่า"
"....อือ อือ... มาม็อง" ตัดสินใจตอบในที่สุด แบบเสียงอ่อย

สามีรำคาญมากที่ชอบถามลูกคำถามแบบนี้
"เธอจะไปบังคับให้ลูกตอบตามที่เธออยากให้ตอบทำไมกันล่ะ"
"เปล่า ก็แหม ลองถามดู๊ดู๊....จะจริงหรือไม่จริง ฉันก็ดีใจ ใครว่าฉันสวย ไม่ดีใจเท่าลูกว่าสวย เพราะฉันสวยได้ทุกวัน จะโทรมแค่ไหน ฉันก็เป็นคนสวยของลูกวันยังค่ำ"


โดย: พธูไทย วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:18:43:38 น.  

 
คิดถึง








โดย: บีม IP: 203.172.151.124 วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:11:36:42 น.  

 
รักนะคิดถึง


โดย: แดน IP: 203.172.151.124 วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:11:43:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พธูไทย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บล็อกนี้เปิดไว้เพื่อเก็บสิ่งที่เขียนจากที่ต่างๆ เอามารวมๆ กัน
ไม่ได้เข้าบล็อคบ่อยๆ มาดูเฉพาะตอนที่จะเขียนอะไร
ดังนั้นถ้าใครมาเยี่ยมชมหรือเขียนถามอะไรเอาไว้ จะไม่เคยตอบ
เพราะกว่าจะตอบมันนานมาก และผู้ถามคงจะลืมไปแล้วว่าถามอะไร
Friends' blogs
[Add พธูไทย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.