|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
บันทึกอาการ2
เวลาโกรธ ทุกคนมักทำสีหน้า ส่งเสียงดังแสดงความโกรธของตัวเองออกมาได้ แต่ผมต้องระงับอารมณ์ตัวเองไว้เสมอ เพราะกลัวว่าหากแสดงออกมากไป คนอื่นจะกลัว หรือไม่ก็ถึงขั้นล็อคตัวผมนำไปส่งโรงพยาบาล
เวลาจะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ถูกให้น้ำหนักน้อยมาก เหมือนกับว่าความคิดของคนอย่างผมไม่มีค่า ผมจึงรู้สึกเหมือนไร้ตัวตนบนโลกนี้
เวลาเดินผ่านฝูงชนก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกและแตกต่าง นั่นทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวแม้อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงและคนหมู่มาก
ในบางทีความรู้สึกโดดเดี่ยวและแตกต่างก็ทำให้เกิดความคิดขบถ แปลกแยก และย้อนแย้ง จะว่าขวางโลกก็ได้
แต่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งสิ้นด้านบนถูกกดไว้ด้วยยาไม่กี่เม็ด มันทับถมกันไม่สุญสลายไป และรอวันประทุและระเบิดออกหากไม่ระบายมันออกมาบ้าง
และในบางครั้งผมก็กลัวการระเบิดของตัวเอง ถึงขนาดต้องเดินหนีออกจากสถานการณ์ที่อึดอัด แต่แล้วก็ไม่วายมีเสียงลับหลังว่าอ่อนแอ
ด้วยท่าทีทั้งหมดทำให้ความไว้ใจในตัวผมแทบจะหมดสิ้น ไม่มีใครไว้ใจคนที่คุมสติไม่ค่อยอยู่ จนผมไม่สามารถเลือกหางานได้ และพวกเขาก็ไม่เคยให้งานที่เหมาะสมกับผมได้
งานบางอย่างที่ผมเคยทำไว้ได้ดี ได้สำเร็จ ไม่มีผลอีกเลยเมื่อป่วย ผมในตอนนั้นได้หายไปแล้ว เหลือแต่คนๆหนึ่งซึ่งไร้ตัวตนในห้องสี่เหลี่ยม
หลายปีก่อนตอนที่หมาของผมตาย ผมไม่รู้สึกเศร้าเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฤทธิ์ของยาต้านเศร้าที่กินอยู่ มันทำให้ผมไม่รู้สึกเสียใจกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงที่ผมรัก ผมรู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถร้องไห้ให้กับการจากไปของมันทั้งสอง ใจผมมันด้านชาด้วยฤทธิ์ของยาที่ใช้รักษาอาการซึมเศร้าไปแล้ว
แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังต้องกินยาต้านเศร้าและยาต้านอาการคึกครื้น อารมณ์ของผมถูกยาจำกัดไว้ไม่ให้พลุ่งพล่าน และบางทีมันก็ทำให้นิ่งเหมือนกับเป้นหุ่นยนต์ไร้อารมณ์ และเข้าขั้นง่วงซึม จนบางคนคิดว่าผมกลายเป้นคนขี้เกียจ
ตัวยาที่ผมกินมีฤทธิ์กดประสาททำให้ง่วง และทำให้ไม่คิดมาก การทำงานของยาประเภทนี้ง่ายมาก ก็คือ ทำให้หลับเสีย จะได้ไม่ต้องคิดอะไร
ผมพยายามไม่กินยานอนหลับเพราะร่างกายจะดื้อยา เมื่อไหร่ที่ร่างกายดื้อยา ก็ต้องกินยาในปริมาณที่มากขึ้น และมากขึ้น ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย
ยาอีกประเภทเป้นยาที่กินแล้วกระตุ้นให้อยากอาหาร เวลากินแล้วจะกินอาหารได้มากกว่าปกติ ซึ่งมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเสียด้วย
หลายคนบอกว่าต้องใจแข็งๆ ตั้งมั่นสู้กับยาและสิ่งแวดล้อมให้ได้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
เชื่อไหม บางครั้งผมเสียดายอาการฉวัดเฉวียนของอารมณ์ เพราะช่วงนั้นเองที่เหมาะแก่การเขียน และทำงานศิลปะ พอกินยาเข้าไปทุกอย่าก็ถูกกดให้ราบเรียบไปเสียหมด
เขียนมากก็โดนหาว่าคิดมาก เขียนน้อยก็รู้สึกตัวเหมือนสมองพิการ ผมหาความพอดีในตัวเองไม่ได้เลย
รู้สึกแย่ชะมัด
Create Date : 15 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 13:08:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 769 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|