4.รุ่งอรุณแห่งความสุข.. ณ สุโขทัย: มิวเซี่ยมสังคนายก, บ้านนาต้นจั่น **เจ๋งดี, ทุ่งเสลี่ยม
ไปต่อที่ "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สววรควรนายก"
| Sukhothai |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายกตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองสวรรคโลก หลังวัดสวรรคาราม (วัดกลาง) ห่างจากตัวเมืองสุโขทัย 38 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตร ถึงพิพิธภัณฑ์ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ชั้นบน จัดแสดงประติมากรรมสมัยต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสมบัติที่มาจากวัดสวรรควรนายก และพระ สวรรควรนายก และบางส่วนย้ายมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปในยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่ก่อนยุคสุโขทัย จนถึงศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนบริเวณ ชั้นล่าง จัดแสดงเครื่องถ้วยสังคโลก เพื่อประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้ ซึ่งขุดพบมากที่แหล่งโบราณคดีเครื่องถ้วยสังคโลกบ้านเกาะน้อย และบ้านป่ายาง อำเภอศรีสัชนาลัย รวมทั้งแสดงเครื่องถ้วยชามสมบัติใต้ทะเลที่งมได้มาจากแหล่งเรือจมในอ่าวไทย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 - 16.30 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท
| Sukhothai |
พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยมากมาย
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
ที่หายไปคือขณะนี้ไปจัดแสดงที่กรุงเทพฯ
| Sukhothai |
| Sukhothai |
เครื่องสังคโลกเก่าแก่ ยังสมบูรณ์มาก
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
| Sukhothai |
ข้าวของที่ขุดได้บริเวณวัดท่าน มากมาย
| Sukhothai |
มกร
| Sukhothai |
เบญจรงค์
| Sukhothai |
| Sukhothai |
มีนิทรรศการเชิดชูประประวัติท่านเจ้าคุณ
พระอาจารย์ท่านเจ้าคุณให้ที่ดินสร้างและสมบัติส่วนใหญ่ก็ของท่าน ที่นำมาแสดง
| Sukhothai |
น่าเสียดายมากค่ะ พิพิธภัณฑ์ดีๆอย่างนี้ควรได้รับการโปรโมทค่ะ ทางไปไม่ค่อยจะมีป้าย หาค่อนข้างยากค่ะ ...ททท..อยู่หนาาย ช่วยโปรโมทของดีๆให้เด็กๆหรือประชาชนได้เข้าไปศึกษาและชมกันมากๆจิ
ยัยพลอยเคยได้ยินมาว่า ผ้าหมักโคลนที่จังหวัดนี้มีชื่อเสียง จึงลองถามเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ได้ความมาว่า ผ้าหมักโคลนของ "บ้านนาต้นจั่น" เป็นผ้าที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ beside ผ้าตีนจก ที่ออกจะดู aged ไปนิ๊ดนึง
อะเคร ทุ่งเสลี่ยงไว้ก่อนละกัน ขับรถวกกลับไปบ้านนาต้นจั่นก่อนดีกว่า ก่อนออกจนท.บอกว่า อย่าลืมไปลอง"ข้าวเปิ๊ป"นะ ได้เลยค่ะ มุ่งหน้าไปทันที ทางจนท.เอาเอกสารที่มีมาให้ดูยังพลอยเลยขอถ่ายรูปมา
เอกสารป้าน่ารักดี
| Sukhothai |
ขับไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็พบโรงเรียนบ้านนาต้นจั่น รั้วเขียวสดตรงทางโค้งนั่นแหละใช่เลย
| Sukhothai |
แต่เราไม่ต้องเข้าไปในโรงเรียน ด้านข้างทางขวาจะมีศูนย์เรียนรู้บ้านนาต้นจั่นอยู่
| Sukhothai |
มีศูนย์เรียนรู้อยู่ด้านข้างโรงเรียน
| Sukhothai |
ริมรั้วโรงเรียนเลยค่ะ ด้านหน้าตกแต่งน่ารักดี
| Sukhothai |
ฝั่งตรงข้ามเค๊าบอกว่าเค๊าเป็น Museum แต่ไม่ค่อยมีอะไร
| Sukhothai |
ชมการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ
| Sukhothai |
สีได้มาจากไม้พวกนี้หล่ะ
| Sukhothai |
เมื่อย้อมแล้ว
| Sukhothai |
ในระหว่างนั่งรอข้าวเปิ๊ป ที่เปิ๊ปสะก๊าดมากกก...
มีร้านขายสินค้าพื้นเมือง แน่นอนก็ต้องผ้า และ เสื้อผ้า ... เสร็จหล่ะ เสียตังจนได้ แต่ไม่เป็นไร คิดซะว่าช่วยเหลือให้กำลังใจคนอื่นให้คงมีอาชีพดีๆอย่างนี้ต่อไป.. 5555 เอาใจช่วยน๊าาา เลยฟาดกางเกงมา 1 ตัว จริงๆไม่ชอบสีเอาซะเลย... พระสงฆ์มาก คุณป้าบอกสั่งตัดได้นะไปเลือกผ้าเอาที่ตู้โน่น แต่อิฉันอยากจะพามันกลับบ้านไปด้วยเลยวันนี้ ตัวสุดท้ายแล้วดีไซน์แบบนี้ จัดซะ รออะไร
| Sukhothai |
ถุงผ้าที่ใส่สินค้า แอบกริ๊บเกร๋ดี
| Sukhothai |
คุณป้าๆแกรให้อิฉันรอเปิ๊ปไปเกือบชั่วโมง เพราะการทำข้าวเปิ๊ปเป็นการนึ่งเส้นทีละชาม อิฉันก็กินทุกอย่าง อุดหนุนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วนะ แต่ก็ยังไม่มา รอ รอ แล้วก็รอ
เมนูมีประมาณนี้
| Sukhothai |
ข้าวพันน้ำซุป แต่พวกเราดันอ่านฝั่งถาษาอังกฤษ ซึ่งเขียนว่า Pork และขึ้นบรรทัดใหม่ว่าSoup จึงเข้าใจว่ามีหมูสอดใส้ด้านใน ปรากฏว่ามันคือแป้งเปล่าๆอะค่ะ 😰 โรลมา แต่เส้นนุ่มดี เอาไปใส่ในซุปก๋วยเตี๋ยวเพิ่ม 😁
| Sukhothai |
ก๋วยเตี๋ยวแบกาบหมาก รสชาติประมาณก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้ง + ผัดไทยนิดหน่อย
| Sukhothai |
ในที่สุดก็ได้มา สมคำร่ำลือและรอคอย "ข้าวเปิ๊ป" เส้นแสนนุ่มละมุนของฉัน
| Sukhothai |
เส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มมาก ด้านในสอดใส้วุ้นเส้น กับน้ำซุปที่รสชาติกลมกล่อมมาก น่าจะอุดมไปด้วยอูมามิ
| Sukhothai |
เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์จะมีร้านขายสินค้าอื่นด้วย
ส้มตำ อร่อยใช้ได้ค่ะ 30 บาท ให้เยอะแบบพูนๆ (ลืมชักภาพ)
| Sukhothai |
ขนมทอดๆ พวกไข่นกกระทา (ลูกเล็กไม่มีใส้) ใข่เหี้ย (ลูกใหญ่ใส้ถั่ว)
| Sukhothai |
ที่ร้านนี้มี ข้าวข้าวเม่า ชิ้นละ 5 บาท หอมมะพร้าวมาก
| Sukhothai |
น้ำสมุนไพร
| Sukhothai |
ร้านขายผักปลอดสารพิษ ที่ชาวบ้านปลูกเองขายเอง ก็อยากอุดหนุนคุณป้านะคะแต่ไม่รู้จะขนกลับบ้านยังไงดี
| Sukhothai |
อุดและหนุนเสร็จ จนท้องบรรจุไม่ไหว อิ่มมากกกจนรับไม่ได้ จึงออกเดินทางไปเที่ยวต่อที่ อำเภอ ทุ่งเสลี่ยง ผ่านท้องนาที่อุดมสมบูรณ์
| Sukhothai |
ที่ทุ่งเสลี่ยง ... วัดหลวงพ่อศิลา
ประวัติคร่าวๆ
หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปนาคปรก ปางสมาธิ สกัดจากหินทรายสีเทา ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธรูปทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษ ที่บ่งชี้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในประเทศไทยคือ มีผ้าทิพย์รองรับตัวองค์พระ ซึ่งปกติจะเป็นเส้นตรงธรรมดา แต่องค์ท่านมีลายดอกจันที่ขุดลึกลงไปในเนื้อหิน
คาดกันว่าสร้างขึ้นในราวปีพุทธศักราชที่ 18-19 เดิมหลวงพ่อศิลา ประดิษฐานอยู่ถ้ำเจ้าราม ซึ่งมีฝูงค้างคาวอาศัยอยู่มาก ชาวบ้านไปพบเจอเมื่อเข้าไปหามูลค้างคาวในถ้ำ จึงได้เรียนพระอภัยที่เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยม และหารือกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่ออัญเชิญหลวงพ่อศิลามาไว้วัดทุ่งเสลี่ยม
แรกทีเดียวเจ้าอาวาสไม่ได้เดินทางไปอัญเชิญมาเนื่องจากสูงวัยไม่สะดวกในการเดินทาง เมื่อเรื่องรู้ถึงครูบาก๋วนเจ้าอาวาสวัดแม่ปะหลวง ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน ท่านจึงเดินทางเพื่อไปอัญเชิญพระพุทธรูปออกจากถ้ำเจ้าราม ซึ่งคาดกันว่าอยู่ราวปี 2472-75 ครั้นเมื่อเดินทางกลับจากการอัญเชิญมาถึงที่บ้านทุ่งเสลี่ยม ชาวบ้านได้จัดจบวนแห่ต้อนรับ ซึ่งในขณะนั้นเองได้บังเกิดปาฏิหารย์ขึ้น คือ ท้องฟ้าที่แจ่มใส ก็ถูกบดบังด้วยเมฆฝน เกิดฝนตกหนักเป็นเวลานาน เมื่อฝนหยุดตกมีฝูงค้างคาวบินวนเหนือวัดทุ่งเสลี่ยม ก่อนบินกลับถ้ำเจ้าราม
เมื่อเห็นดังนั้นชาวทุ่งเสลี่ยมเห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ จึงขออัญเชิญหลวงพ่อศิลาให้ประดิษฐานที่ทุ่งเสลี่ยมแทน ส่วนครูบาก๋วนจึงได้จำลองหลวงพ่อศิลา ไปไว้ที่วัดแม่ปะหลวง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง แทน
| Sukhothai |
เมื่อปี 2520 หลวงพ่อศิลาได้ถูกขโมยไปจากวัด จนกระทั่งปี 2537 มีคนไปพบว่าหลวงพ่อศิลานั้นไปอยู่ที่กรุงลอนดอน อยู่ในหนังสือประมวลศิลปวัตถุ เพื่อประมูลขายของสถาบันโซธบี (Sotheby's Institute) จึงได้มีการประสานงานเพื่อติดตามทวงคืน แต่ในระหว่างนั้นหลวงพ่อศิลาได้มีผู้ประมูลไปแล้ว และได้เคลื่อนย้ายไปยังสหรัฐฯแล้ว ซึ่งผู้ครอบครองในขณะนั้นไม่ทราบว่าหลวงพ่อศิลานั้นถูกโจรกรรมมา จึงยินดีที่จะคืน แต่รียกเงินมูลค่าสูงมากกว่า 2 แสนเหรียญ ทางการไทยได้ประสานงานอยู่ราว 2 ปี สุดท้ายจึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับสู่ประเทศไทย และในวันที่หลวงพ่อศิลากลับสู่ประเทศไทยที่สนามบินดอนเมืองนั้นได้บังเกิดความมหัศจรรย์อีกครั้ง เมื่อมีฝูงค้างคาวมาบินวนเวียนในสนามบินดอนเมือง
ครั้นความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯให้คณะผู้อัญเชิญหลวงพ่อศิลา เข้าเฝ้าฯและคณะจึงถวายหลวงพ่อศิลาให้ท่าน เนื่องในโอกาสปีกาญจนาภิเษก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต แต่หลังจากนั้นราว 2 เดือน ท่านจึงพระราขทานคืน และให้อัญเชิญกลับไปประดิษฐาน ณ วัดทุ่งเสลี่ยมตามเดิม
โบสถ์ที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลา
| Sukhothai |
| Sukhothai |
ที่ทำบุญโดยรอบ
| Sukhothai |
ซุ้มประตูวัด
| Sukhothai |
วัดพิพัฒน์มงคล (หลวงพ่อทองคำ)
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ หรือพระพุทธสุโขโพธิ์ทอง หล่อด้วยทองคำหนัก 9 กิโลกรัม ปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำที่ขุดพบพร้อมกับพระพุทธสุโขโพธิ์ทอง อีกจำนวนนับร้อยองค์ เมื่อประมาณ 28 ปีก่อน มีพุทธวิหารลายคำ มีหอคำหลวง หอคำน้อยมหารัชมงคลพิพัฒน์ พระอุโบสถประดับแก้วที่งดงามอีกด้วย
| Sukhothai |
| Sukhothai |
วัดอลังการมากๆ ค่ะ
พระพุทธรูปทองคำ หรือพระพุทธสุโขโพธิ์ทอง
| Sukhothai |
โบสถ์ใหม่ กำลังสร้างตกแต่งภายในอยู่เพื่อเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อทองคำใหม่
| Sukhothai |
พุทธวิหารลายคำแบบล้านนา
| Sukhothai |
วัดเหมืองนา(ม)
| Sukhothai |
โบสถ์วัดเหมืองนา(ม)
| Sukhothai |
ซุ้มประตูวัดงดงาม
| Sukhothai |
เย็นย่ำ ฝนเริ่มมา จึงกลับไปทานอาหารเย็นที่ร้านจันทร์ฉาย ใกล้ๆโรงแรมที่พัก อาหารรสชาติดีใช้ได้ค่ะ
เมื่อกลับมาที่พัก ปลื้มปริ่มกับ ดอกบัวผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนเตียง ซึ่งเมื่อวานเป็นหงส์ที่เคยพบเห็นบ่อยแล้ว
| Sukhothai |
พักผ่อนนอนหลับ เจอกันที่สุโขทัยตอน 5 ค่ะ
พลอย เจอนี่ เจอนั่น
Create Date : 03 กันยายน 2559 |
Last Update : 17 กันยายน 2559 11:58:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1621 Pageviews. |
|
|