มิวนิค กับลูกชายตัวแสบ (3)
มาต่อกันเลยนะคะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา
เราแต่งตัวให้เจ้าปูนแบบว่ากลัวเค้าจะหนาว โดยใส่ดังนี้ - เสื้อยืดแขนยาว - เสื้อไหมพรม - ผ้าพันคอ - ลองจอนของเด็ก - ชุดหมีแบบผ้าร่มมีฮูด (ไม่ค่อยยอมใส่ ต้องจับกันทั้งพ่อและแม่ถึงจะใส่สำเร็จ)
หงอย
จับเจ้าปูนขึ้นรถเข็น ฮีไม่หือไม่อืออะไร ยอมให้พ่อเข็นรถแต่โดยดี โรงแรมเราอยู่ตรงข้ามกับหัวลำโพงขอวมิวนิค หรือที่ชาวมิวนิคเรียกว่า Hauptbahnhof (กะเหรี่ยงอย่างเราอ่านว่า ฮอปบานหอบ) เดินไปไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงประตูเมือง Karlstor
ด้านหน้าเป็นลานหินวงกลม ซึ่งปรกติ คนจะแน่นมาก แต่วันนี้เป็นวันหยุดของเค้า ประมาณว่าเชงเม้งฝรั่ง คนเลยน้อยผิดปรกติ ในใจเรายังคิดว่า นี่หรือเมืองใหญ่ของเยอรมัน เงียบ ร้างมากๆ ขนาดซุปเปอร์มาเกตยังปิดเลยอ่ะค่ะ
แต่มีเด็กมาด้วย คนไม่พลุกพล่านอย่างนี้ดีแล้ว มาเผยโฉมเด็กของเราดีกว่า ทำไมหน้ามู่ทู่อย่างนั้นล่ะลูก หนาวหรือเปล่า หรือเป็นเพราะโดนขังอยู่บนรถเข็น
ซูมดูหน้าชัดๆซิ กิ้วๆ เด็กคิ้วเป็นปีกกา หน้าเป็นตูดลิง
เอ้ามาร่าเริงกันหน่อย...ถ่ายรูปกะพ่อ...ยิ้มน่ารักเชียว เดี๋ยวนี้ชักรู้มุมกล้อง
ผ่านเข้าประตูเมืองไปเป็น shopping street ชื่อถนนอะไรก็ไม่รู้ ร้านเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเยอะไปหมด บางร้านถึงกับมีสองสามสาขาบนถนนเดียวเลย แต่วันนี้คนน้อย อย่างที่บอกไปข้างต้น เป็นวันหยุด แม่ลูกอ่อนอย่างเรา เลยอดช้อป (แต่ถึงจะเปิด ก็ช้อปไม่ได้อยู่ดี)
เจ้าปูนถ่ายกับร้านพระเจ้าหลุยส์ (ซึ่งปิด)
ร้านรวง (ที่ปิดหมด)
ร้านของเล่นอยู่หัวมุมถนน เดี๋ยวพรุ่งนี้ร้านเปิดจะมาซื้อของเล่นให้น้องปูน เพราะพ่อโฆษณาว่า ร้านใหญ่มาก มีสองชั้น ของเล่นเพียบ ทำเอาแม่อย่างเราน้ำลายสอเลยทีเดียว
นี่ตึกที่กำลังซ่อมแซม เค้าเอาผ้าใบที่ปรินท์เป็นรูปตึกมาขึงบังไว้ ทำให้ทัศนียภาพของถนนดูไม่เลอะเทอะจนเกินไปนัก ดูเนียนไปกับตึกโดยรอบ เคยเห็นแบบนี้ที่ปารีสครั้งนึง มาเห็นที่นี่อีกครั้งนึง เราชอบนะ ดูเค้ามีความรับผิดชอบต่อสังคมดี
เดินไปเรื่อยๆ ด้านซ้านมือจะเห็นโบสถ์หัวหอมคู่สัญลักษณ์ของเมืองมิวนิค ( The Frauenkirche อ่านว่า เฟราเอ้นเคียร์ชเชอ) ปิดซ่อมไปหัวนึง แต่ไม่มีผลกับเรา เพราะเราไม่ได้เข้าไปอยู่แล้วค่ะ ถ้าเสียเงินขึ้นไปชมบนยอดโบสถ์ จะเห็นวิวมุมสูงเมืองมิวนิคเลยค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวที่นี่
เดินมาเรื่อยๆจนถึง จตุรัสมาเรียนปลัตซ์ (Marienplatz) ซึ่ งเป็นที่ๆพบปะชุมนุม ติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ามานานหลายศตวรรษ ปัจจุบันเป็นลานกว้างสำหรับคนเดิน ตรงกลางจตุรัสมีเสาพระแม่มารีทองคำซึ่งเป็นที่มาของชื่อจตุรัสแห่งนี้ โดยที่เจ้าปูนไม่หือไม่อืออะไรเลย นั่งฟังแม่กะพ่อเมาท์กันเฉยๆ
อาคารที่สูงเด่นอยู่ตรงหน้าของจตุรัสคือศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ เรียกว่า Nueu Rathaus (อ่านว่านอยเยอ รัทเฮาซ์)
ตรงกลางหอคอยมีหอนาฬิกาที่เรียกว่า Glockenspiel ซึ่งจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้ชมกันในเวลา 11 นาฬิกา และเที่ยงตรง ในหน้าร้อนจะเพิ่มรอบ 5 โมงเย็นอีกหนึ่งรอบ ชั้นแรกเป็นพาเหรดของอัศวิน เพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีสมรสของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในอดีต มีอัศวินขี่ม้าออกมาดวลกัน ส่วนอีก 2 ชั้น เป็นการเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองที่ชาวเมืองมีชีวิตรอดจากโรคระบาดในปี ค.ศ.1517
นี่ไงคะหอคอยนาฬิกา เราจะไปดูตุ๊กตาเต้นระบำรอบสิบเอ็ดโมงกันค่ะ
ร่าเริง
ก่อนหน้าจะดูตุ๊กตา เราก็เริ่มปล่อยลิงหงอยออกจากกรง ดูหน้าซะก่อนค่ะ ว่าลิงหงอย พอได้ออกจากกรงหน้าตาเป็นยังไง
วิ่งเลย เอากะเค้าสิ พ่อเจ้าปูนถามว่า เนี่ย ลูกเราหงอยตรงไหน เมื่อกี้ก็แค่หลอกให้พ่อแม่ตายใจเท่านั้นเอ๊งง
ฮีวิ่งแบบไม่กลัวอะไร ไม่กลัวใคร และไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เจอที่กว้างๆขอวิ่งไว้ก่อน เด็กหนอเด็ก เจอหมากี่ตัวกี่ตัวก็ไปทักเค้า คนเยอรมันนิยมพาหมามาเดินเล่นเนอะ แต่น้อยกว่าที่ฝรั่งเศสนิดนุง
น้ำพุรูปปั้นปลาอ้วนปากกว้างที่จตุรัสมาเรี่ยนปลัตส์ค่ะ เป็น Land Mark อีกหนึ่งสิ่งแถวนี้เลย
เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกจุดนึงเลยนะนี่
เจ้าปูนเห็นน้ำเป็นไม่ได้ วิ่งเข้าหาเลย
ถ่ายรูปและวิ่งตามเจ้าปูนไปซักพักเริ่มได้ยินเสียงนาฬิกาตีหง่องแหง่งเสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งนักท่องเที่ยวเริ่มมารวมตัวกันอย่างหนาตาด้านหน้าหอคอย เพื่อรอชมเจ้าตุ๊กตาเต้นระบำอันเลื่องชื่อของมิวนิค ซึ่งถ้าใครได้มามิวนิคต้องได้ชมทุกคนสิน่า
เราไปจับจองพื้นที่ รอแล้วรอเล่า เตรียมถ่ายวีดีโอเก็บไว้ เสียงนาฬิกาก็ตีไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำซักที กดวีดีโอให้เลิกอัด แล้วกดอัดใหม่อีกรอบ ตุ๊กตาก็ยังไม่เต้นระบำซักที รอแบบนี้ไปประมาณเกือบยี่สิบนาที (ฮ่วย รอนานไปไม๊เนี่ย ) ตุ๊กตาค่อยออกมาเต้น
ถ้าใครจะไป แนะนำว่า ถ้าได้ยินเสียงระฆังตีครั้งแรกๆ ไม่ต้องรีบวิ่งนะคะ เพราะมันจะตีไปอีกนานกว่าสิบห้านาทีเลยละค่ะ ค่อยๆเดินทองน่องจนน่องกรอบค่อยมายืนดูก็ได้
ดูกันเสร็จ เราก็ไปทานข้างกันที่ Hofbrauhaus โรงเบียร์ที่ขึ้นชื่อของมิวนิค (หรือในโลก) กันค่ะ อยู่ไม่ไกลจาก Marienplatz เท่าไหร่ เดินแป๊บเดียวก็ถึง
เราสั่ง ขาหมูเยอรมัน (เราว่าเค็ม สู้ขาหมูพะโล้บ้านเราไม่ได้นะ ขอบอก) เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง หรือข้างเหนียก็ไม่รู้ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ราดด้วยน้ำเกรวี่ พาสต้าอะไรซักหนึ่งอย่าง และซุปหัวหอม ทานกันสามคน (ถ่ายภาพแต่ขาหมูมา)
ที่พลาดไม่ได้เลยคือเบียร์ค่ะ นี่เบียร์ผู้ใหญ่ กับเบียร์เด็ก
พอเปลื้องผ้าเจ้าปูนเสร็จ พ่ออนุญาติ เจ้าปูนก็รีบโซ้ยทันที อะไรที่ผู้ใหญ่ดื่ม เจ้าปูนอยากดื่มซะเหลือเกิ๊น
มีฝรั่งคู่สามีภรรยา (น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว) เห็นเจ้าปูนดื่มเครื่องดื่มแล้วก็ทำหน้าแหยเก เหมือนว่า ทำไมพ่อแม่ถึงให้เด็กดื่มเบียร์นะ เฉลยคือเจ้าเครื่องดื่มนี้มันไม่ใช่เบียร์ค่ะ แต่มันคือน้ำแอปเปิ้ลโซดา หรือ Apple ชูลท์ (สะกดไม่ถูก) ไม่มีแอลกอล์ฮอลผสมค่ะ ไม่หวานเหมือนน้ำอัดลมบ้านเราด้วยค่ะ อันนี้เราชอบ
เจ้าปูนดูเหมือนยังไม่หิวตามเคย เดินไปทักทายฝรั่งทั้งหลาย (คือว่า...ลูกใครเป็นอย่างนี้บ้างคะ ทำไมไม่กลัวอะไรเล๊ยยย) แล้วก็พยายามจะเดินออกไปเล่นที่สวน ซึ่งอากาศเย็น แล้วฮีก็ไม่ได้ใส่ชุดหมีเสียด้วย ยื้อกันไปกันมาจนแม่ยอมแพ้ พาไปเดินเล่นที่สวนด้านนอก (มีโต๊ะนั่งทานข้าวอยู่ด้วย) เก็บใบไม้ สำรวจท่อน้ำ หาอะไรเล่นไปตามเรื่องตามราว (เอ่อ ปูนจ๊ะ ลูกไม่หนาวหรอ แม่หนาวมากเลยนะนี่) สักพักใหญ่ๆ แม่ไม่ไหว เพราะมีคนสูบบุหรี่ด้วย เลยพาลูกเข้ามา คุณลูกไม่ยอมอยู่ที่โต๊ะ เดินไปทักทายชาวบ้านรอบโรงเบียร์เลยละค่ะ แม่เพลียใจมาก เพราะ เกะกะพนักงานเสิร์ฟเค้า กลัวลูกค้าคนอื่นรำคาญด้วย (เมื่อไหร่พ่อตัวแสบจะทานข้าวเสร็จฟระ แม่เหนื่อยจะวิ่งตามลูกแล้วเนี่ย ทานข้าวนานมากกกกกก ++++)
หลับ
ในที่สุด finally คุณพ่อตัวแสบก็ทานข้าวเสร็จ เป็นที่โล่งใจของอิแม่เป็นยิ่งนัก เช็คบิล แต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จ ก็รีบเดินออกมาด้านนอก เห็นรถคันนี้
อีกทั้งเห็นรูปนี้
เราเลยตัดสินใจขึ้นรถทัวร์รอบเมืองมิวนิคกัน คนละประมาณ 20 ยูโร(มั้ง จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ) เด็กท่าทางจะฟรี (น่าจะฟรีนะคะ) เค้าก็ให้หูฟังมาคนละอัน เอาไว้เสียบกับกล่องนำเที่ยว พอรถผ่านที่ไหน เจ้ากล่องนี้จะอธิบายให้ฟัง แต่โดยมากจะฟังพ่อตัวแสบพูดซะมากกว่า พูดเยอะจริงๆ ไม่ใช่แนวความรู้นะคะ แต่เป็นแนวไร้สาระมากกว่า ไอ้เราจะเก็บความรู้ซักหน่อย ทำไม่ได้เลย
ดูซิ ไปไหนต่อไหน ไม่เห็นมีไกด์ภาษาไทยให้เราเลย
ระหว่างที่พ่อแม่ถ่ายรูปและคุยกันอย่างสนุกสนานนั้น เจ้าปูนก็หลับ เป็นไปตามแผน อิ อิ
ขากลับ เราแวะถ่ายภาพกันที่รูปปั้นเจ้าหมูเขี้ยวตัน
ส่งท้ายก่อนแสงหมดและเดินกลับโรงแรมด้วยภาพนี้ค่ะ
วันรุ่งขึ้น นัดกับพี่สาว Login Jidnince ซึ่งเจอกันที่ชานเรือนค่ะ ซึ่งพอดีช่วงนี้เค้ามาอยู่มิวนิค เค้าเลยรับอาสาจะพาเราช้อปปิ้ง พร้อมพาเจ้าปูนไปด้วย น่ารักมากค่ะ ใจดีด้วย เรารู้จักร้านช้อปก็เพราะเค้าแนะนำค่ะ พวกร้านเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า หรือของฝาก แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้มีเวลาช้อปมากอยู่ดี เลยไม่ได้ซื้ออะไรกลับมากมาก ซื้อแต่ของฝาก
พี่เค้าดีใจหายเลยค่ะ มาช่วยเราดูเจ้าปูนด้วยง่ะตอนเลือกของ (เอาเจ้าปูนอยู่ด้วย นับถือ นับถือ) แถมเข็นรถเก่งกว่าเรามากๆ คล่องแคล่วสุดๆ
ไว้โอกาศหน้าเจอกันอีกนะคะพี่
Create Date : 08 พฤษภาคม 2554 |
|
10 comments |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 22:21:37 น. |
Counter : 6146 Pageviews. |
|
|
|
อิอิ น้องเค้าน่ารัก