ชวนดู : วีรชนคนลืม ขุนรองปลัดชู (3)
พศ. 2198 สามปีผ่านไปหลังจากที่กรมขุนเสนาพิทักษ์ทรงประชวร จดหมายเหตุของชาวต่างชาติ กล่าวว่าน่าจะเป็นโรคบุรุษ วันหนึ่งพระองค์สั่งให้นำตัวปลัดกรมของเจ้าฟ้าสามกรม มาเฝ้าที่วังหน้าแล้วถามว่า เจ้ากรมนั้นเป็นแต่หมื่น เหตุใดจึงตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุน ซึ่งนับว่าทำสูงเกินว่าศักดิ์ จึงมีพระบัณฑูรให้ลงพระราชอาญาโบยหลังคนละ 15- 20 ที
ต้องย้อนกลับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง กษัตริย์อยุธยาล้วนสืบสายสันติวงศ์กันมา จนถึงยุคราชวงศ์ปราสาททองที่ขุนนางสามารถปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทำให้ต่อมา พระมหากษัตริย์ต้องการที่จะคานอำนาจกับกลุ่มขุนนาง จึงมีการการแต่งตั้งให้พระราชวงศ์ให้ทรงกรม ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายระดับ
จากต่ำสุดไปสูง กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง และกรมพระ ซึ่งเมื่อทรงกรมหมายถึงการมีไพร่ ทหาร และทรัพย์สินเป็นของตนเอง มีขุนนางคือ เจ้ากรม ปลัดกรม สมุห์บัญชี ซึ่งจะมีบรรดาศักดิ์ตามเจ้านาย เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการสินทรัพย์ที่อยู่ในสังกัดกรมกองของเจ้าฟ้าพระองค์นั้น
หากดำรงอิสริยยศเป็นวังหน้าและวังหลัง ยังสามารถซื้อขายกับต่างชาติได้โดยตรง สิ่งที่เป็นต้องการหากคิดจะทำสงครามนั่นก็คือปืนไฟ ซึ่งโดยปรกติเป็นของต้องห้าม
ตามกฏแล้วหากเจ้าดำรงได้เป็นกรมหมื่นก็จะมีเจ้ากรมศักดินาเป็นหมื่น ปลัดกรมและสมุห์บัญชีจะมีมีศักดินาลดหลั่นลงมาตามลำดับ การที่เจ้าสามกรมซึ่งเป็นกรมหมื่นตั้งปลัดกรมเป็นขุนเทียบเท่ากับวังหน้า จึงเป็นการหมิ่นพระเกียรติที่คิดจะตั้งตนเป็นกรมขุนโดยไม่ได้รับพระราชโองการ
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สร้างความขุ่นใจให้กับกลุ่มเจ้าสามกรมยิ่งนัก กรมหมื่นสุนทรเทพจึงไปทูลฟ้องพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศว่า สมเด็จพระราชวัง บวรสถานมงคลลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ และพระสนมอีกหลายคน พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า มิฉนั้นพระองค์จะเสด็จไปจับตัวเสียเอง
ต้องเข้าใจก่อนว่า ในสมัยนั้นเจ้านายแต่ละพระองค์หรือแม้กระทั่งขุนนางระดับสูง ก็ล้วนแต่มีกองทหารประจำตัวทั้งสิ้น แต่ละฝ่ายก็มีกำลังที่ไม่แตกต่างกันมากนัก การที่พระเจ้าแผ่นดินที่เป็นวังหลวง คิดจะไปจับตัวลูกชายที่วังหน้าก็อาจเป็นเรื่องยาก วิธีที่ใช้กันมาตลอดก็คือรับสั่งให้เข้าเฝ้า เพราะไม่สามารถนำทหารหรืออาวุธติดเข้าไปได้
เมื่อกรมขุนเสนาพิทักษ์เสด็จไปถึงวังหลวง ก็ถูกนำตัวไปสอบสวนความผิด ซึ่งเจ้าฟ้าสังวาลย์และพระสนมรับว่าเป็นความสัตย์จริง ส่วนกรมขุนมิได้เอ่ยคำใด พระองค์จึงถูกนำตัวไปจองจำในคุก และถูกทัณฑ์ทรมานเพื่อให้รับสารภาพ และถูกโบยจนทิวงคต พระศพถูกนำไปฝังไว้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ที่วัดไชยวัฒนาราม
ในเวลานั้นขั้วอำนาจในกรุงศรีอยุธยาจึงเป็นออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ กรมขุนเทพมนตรีและกรมขุนพรพินิตประสูติแต่พระวัสสาน้อย ซึ่งเดิมเคยนำโดยกรมขุนเสนาพิทักษ์อันประสูติแต่พระวัสสาใหญ่ เมื่อเจ้าฟ้ากุ้งทิวงคต ราชบัลลังค์ก็ยังสมควรตกอยู่กับกลุ่มนี้ และยังมี กรมหมื่นเทพพิพิธประสูติแต่พระสนมเอก ขุนนางส่วนใหญ่ร่วมด้วย
อีกกลุ่มนั้นคือเจ้าสามกรม ประกอบไปด้วยกรมหมื่นเสพภักดี อนุชาของกรมหมื่นเทพพิพิธ และเจ้าฟ้าอันประสูติแต่พระสนมอีกสององค์ คือกรมหมื่นจิตรสุนทรและกรมหมื่นสุนทรเทพ
พศ. 2301 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระประชวรหนักจึงมีรับสั่งให้เจ้าฟ้าทั้งหมดเข้าเฝ้า และมีพระราชโองการเวนราชสมบัติให้แก่กรมขุนพรพินิตเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนกรมขุนเทพมนตรีผู้พี่ให้ออกบวชเสีย ให้ทั้งหมดสาบานว่าจะทำตามพระบัญชา
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต เหล่าขุนนางจึงทูลเชิญให้เจ้าฟ้าดอกเดื่อ ขึ้นเสวยราชย์สมบัติเป็นพ่ออยู่หัวของกรุงเทพทวาราวดีศรีอโยธยาสืบต่อไป และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง ที่เพิ่มความอ่อนแอแก่ชาวสยาม จนเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เมืองหลวงที่ไร้พ่ายเสียทีให้กับพม่าในเวลาต่อมา
Create Date : 21 กรกฎาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2554 14:08:35 น. |
Counter : 2073 Pageviews. |
|
|
ดูมา 2 รอบแล้วคะ ไทยพีบีเอสเปิดในช่องเขา หนังดีมากคะ ชอบคุณเชค อยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะแสดงหนังได้ดีขนาดนี้ ดูแล้วเชื่อว่าเป็นท่านขุนฯจริงๆ
มีความสุขมากๆนะคะ