++พักผ่อนสบายๆ ที่ Centara ตราด แล้วแวะเมืองจันท์ชมปิรามิดเมืองไทย++




          ตามประสาคนชอบเที่ยว ที่มักจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ มันร้อนรนกระวนกระวาย อยู่ว่างๆ เมื่อไหร่เป็นต้องมองหาที่เที่ยวอยู่ตลอด อยู่ๆ วันนึงมีคนมาชวนไปสัมมนาที่จังหวัดตราดสองวันช่วงปลายเดือนสิงหาคม มีหรือที่จะพลาด ผมรีบตกปากรับคำไปอย่างไม่ต้องคิดมาก โดยเฉพาะกับสถานที่จัดสัมมนาที่น่าไปมากๆ อย่าง "Centara Chann Talay Resort" ที่จังหวัดตราด เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว ตอนนี้โอกาสไปพักฟรีๆ ลอยมาอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่รีบคว้าก็ผิดวิสัยคนชอบเที่ยวอย่างเราๆ ใช่ไหมครับ .....


          จังหวัดตราดกับปราจีนบุรีบ้านผม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้กันซักเท่าไหร่เลย เราเลยต้องออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าหน่อย ทีแรกกะว่าจะออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงเช้า แต่ไปๆ มาๆ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวให้สองเด็กดื้อขาประจำทริปท่องเที่ยวของผมเสร็จเรียบร้อย ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงเช้าแล้วกว่าที่จะได้เริ่มออกเดินทาง จากปราจีนบุรีผมขับรถยาวผ่านมาทางฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ถนนเป็นสี่เลนตลอดทางขับสบายมากครับ มีช่วงแวะพักทานข้าวเช้าไม่นานนัก รวมใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงเราก็มาถึงตัวเมืองตราดแล้ว .....




เห็นเจ้าดอกเห็ดนี่เมื่อไหร่แสดงว่าเรามาถึงเมืองตราดกันแล้ว


          จากตัวเมืองตราดไปถึงจุดหมายของเราที่ "Centara Chann Talay" ต้องขับรถต่อไปทางอำเภอคลองใหญ่อีกประมาณ 46 กิโลเมตร ถนนช่วงออกจากเมืองนี้กลายเป็นถนนสองเลน และช่วง 15 กิโลเมตรแรกกำลังขยายเส้นทางกันอยู่ด้วย เราจึงทำเวลาได้ไม่ดีเท่าไหร่ กว่าจะมาถึงที่พักได้ก็ปาเข้าไป 11 โมงครึ่ง พอเลี้ยวเข้าไปก็ต้องจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าแล้วจะมีรถกอล์ฟมารับไปเช็คอินที่ Lobby ตรงส่วน Lobby ของรีสอร์ทเป็นอาคารเปิดโล่ง ดูโปร่งสบายตา เราไม่ต้องเสียเวลาเช็คอินมากเท่าไหร่นักเพราะมีคนจัดการไว้ให้เรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว มาถึงก็รับกุญแจเตรียมเข้าบ้านพักกันเลย มี welcome drink เป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นชื่นใจให้ดื่มแก้กระหายกันก่อนด้วย .....




จุดที่จอดรถเห็นอยู่ลิบๆ ข้ามสะพานมาฝั่งนี้จะไม่ให้รถแขกที่มาพักผ่านเข้ามา




อาคาร Lobby เป็นอาคารเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ เราต้องเช็คอินกันที่นี่ก่อน




ห้องน้ำสวยๆ ที่อาคาร Lobby มีสวนเล็กๆ ในห้องน้ำด้วย


          หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปห้องพักกันเลยดีกว่า มีรถกอล์ฟบริการรับเราไปส่งที่ห้องพักด้วย ที่จริงไปอีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็ถึงบ้านพักแล้ว แต่เราขนสัมภาระมาค่อนข้างมากเลยต้องใช้รถขนไปที่ห้องพัก นั่งรถกอล์ฟมาแค่อึดใจเดียวก็มาถึงหน้าบ้านพักของเราแล้ว ห้องพักที่เราจะเข้าพักในวันนี้ เป็นห้องแบบ "one bedroom suite" อยู่ท่ามกลางดงไม้เขียวขจี อิงแอบแนบชิดธรรมชาติ .....


          ในบ้านหนึ่งหลังจะแบ่งเป็นสองห้องติดกัน เปิดประตูเข้ามาปุ๊บก็จะเจอห้องนั่งเล่นซึ่งกว้างขวางพอสมควร การตกแต่งภายในห้องก็ดูสวยดี เสียแต่ว่าห้องนั่งเล่นนี้ไม่มีแอร์ครับมีแต่พัดลมเพดานเท่านั้น เลยออกจะร้อนไปนิดในช่วงกลางวัน บนโต๊ะมีผลไม้ต้อนรับเตรียมไว้พร้อมตามมาตรฐานของรีสอร์ทระดับนี้ แต่ผมไม่ได้แตะเลย เพราะวันนั้นผลไม้จะค่อนข้างไม่สด ดูแล้วไม่น่าทานเท่าที่ควร .....




ขึ้นรถกอล์ฟไปบ้านพักกันเลย




บ้านพักที่เราจะเข้าพักในวันนี้




ภายในห้องนั่งเล่น โซฟาน่านั่งพักผ่อน เสียแต่ไม่ค่อยเย็นเพราะมีแต่พัดลม




มี Welcome Fruit เตรียมไว้ต้อนรับด้วย


          ภายในห้องนั่งเล่นจะมีทีวีเป็นจอแอลซีดีขนาดใหญ่ดูได้เต็มตาดี แถมยังมีเครื่องเล่นดีวีดีไว้ให้พร้อม แต่ไม่มีแผ่นให้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีแผ่นให้ยืมหรือเปล่า ลืมถามเพราะกะว่าไม่มีเวลาดูแน่ๆ ส่วนของมินิบาร์ มีของขบเคี้ยวบ้างไม่มากนัก ราคาก็ค่อนข้างสูงไปตามสภาพที่พัก .....




ทีวีมีเฉพาะในห้องนั่งเล่น จอใหญ่ดูได้เต็มตาดี




มินิบาร์ภายในห้องพัก ราคาแพงพอสมควร




มีน้ำฟรีสองขวดเหมือนรีสอร์ทอื่นๆ ส่วนที่เหลือต้องเสียเงิน


          จากห้องนั่งเล่นก็เข้าไปดูห้องนอนกันต่อ ในห้องนอนเปิดแอร์เตรียมไว้ล่วงหน้าเย็นสบายเลยทีเดียว ซึ่งบางทีเราก็จะเปิดประตูห้องนอนไว้ให้ความเย็นเผื่อแผ่มาที่ห้องนั่งเล่นได้บ้าง สำหรับเตียงนอนของที่นี่นุ่มสบายกำลังดี นอนเพลินจนทำให้เราแทบไม่อยากลุก แต่หมอนทุกใบผมรู้สึกว่านิ่มเกินไป ออกจะเหลวๆ ไปหน่อย ผมชินกับหมอนที่แข็งกว่านี้หน่อย ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มี safe box อยู่ในตู้เสื้อผ้าให้พร้อม .....




ห้องนอนค่อนข้างเล็ก ถ้าเสริมเตียงก็จะแน่นเต็มห้องเลย




ที่นอนหนานุ่ม นอนสบายมากๆ




โต๊ะและกระจกแต่งหน้า มีไดร์เป่าผมมาให้พร้อม


          ออกจากห้องนอน ก็มาดูในห้องน้ำกันบ้าง มีของครบตามมาตรฐาน แต่บางจุดในห้องน้ำยังไม่เนี้ยบเท่าที่ควร ในส่วนเปียกที่อาบน้ำผมเห็นยังมีใยแมงมุมเกาะอยู่ตรงมุมห้องอยู่เลย ไม่รู้เพราะเป็นช่วง low season หรือเปล่าเลยทำให้ดูแลไม่เต็มที่ ข้อเสียอีกอย่างของห้องน้ำที่นี่คือไม่เก็บเสียง ถ้าเข้าห้องน้ำพร้อมกันนี่ได้ยินเสียงจากห้องน้ำห้องข้างๆ ดังชัดเจนมาก หนุ่มๆ สาวๆ อย่าเผลอไปทำอะไรในห้องน้ำเชียวนะครับ เดี๋ยวห้องข้างๆ ได้ยินเข้าเขาจะอิจฉา .....




สำหรับคนที่กังวลเรื่องสายชำระ ที่นี่มีมาให้มาให้ด้วย




ฝักบัวอาบน้ำในส่วนเปียก




หน้าห้องน้ำมีสวนสวยเล็กๆ ช่วยให้ห้องดูสดชื่นมากขึ้น


          เดินชมภายในห้องพักจนทั่วแล้ว ก็ออกมาดูภายนอกกันบ้าง บริเวณหน้าบ้านพักจะเป็นระเบียง มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นด้วย แต่ผมแทบไม่ได้ใช้พื้นที่ส่วนระเบียงหน้าบ้านนี้เลย เพราะวันที่ผมไปพักตอนกลางวันอากาศค่อนข้างจะร้อนอบอ้าวมาก นั่งข้างนอกบ้านไม่ไหวเพราะแทบไม่มีลมพัดผ่านมาเลย .....




ระเบียงน่านั่งเล่นถ้าไม่ติดว่าอากาศร้อนไปหน่อย


          หลังเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วก็ออกไปสำรวจรอบๆ ที่พักกันบ้างดีกว่า นอกจากจะมีที่พักแบบเป็นบ้านหลังเดี่ยวๆ แล้ว ยังมีแบบที่เป็นตึกสองชั้นด้วยครับ และจะมีบ้านพักส่วนที่อยู่ริมชายหาดเป็นแบบ Beachfront บางห้องจะมีอ่าง Jacuzzi อยู่หน้าบ้านด้วย ถ้าเราเดินต่อไปทางด้านชายหาดก็จะเจอสระว่ายน้ำขนาดไม่ค่อยใหญ่นักแต่ก็สวยใช้ได้ มีที่กั้นส่วนระหว่างส่วนตื้นกับส่วนลึกด้วยครับ บริเวณด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีท่อน้ำทำด้วยกระบอกไม้ไผ่ปล่อยน้ำไหลรินลงสู่สระว่ายน้ำ ได้บรรยากาศแบบอิงแอบธรรมชาติดีทีเดียว .....




เข้าใจว่าในตึกนี้น่าจะเป็นห้องพักแบบ family suit นะครับ




บ้านพักแบบ Beach front บางหลังมีอ่าง jacuzzi ด้วย




สระว่ายน้ำน่าเล่นแต่เสียดายผมไม่มีเวลาลงสระเลย




ที่อาบน้ำก่อนลงสระว่ายน้ำทำเป็นท่อต่อมาจากตัวผึ้ง น่ารักดี


          ภายในบริเวณรีสอร์ท ปลูกต้นไม้ไว้เยอะดี ดูแล้วเขียวชอุ่มสบายตา ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำก็จะเป็นห้องอาหารของรีสอร์ท ซึ่งมีทั้งที่นั่งในร่ม และที่นั่งแบบ out door ให้นั่งเล่นชมวิวชายทะเลด้วย ถ้าเดินต่อไปทางด้านหน้ารีสอร์ทติดกับอาคาร Lobby ก็จะเจอสะพานแขวนข้ามคลองเล็กๆ ข้ามสะพานนี้ไปจะเป็นส่วนของสปา ซึ่งสร้างไว้ในดงไม้ดูร่มรื่นและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติรอบๆ สปา .....




บรรยากาศเขียวชอุ่มด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ในบริเวณรีสอร์ท




ปลีกล้วยประดับสีสวยๆ ในสวน




ในภาพเป็นสัญญาณเตือนไฟไหม้แบบเท่ห์ๆ เก๋ดีนะครับ แต่ใช้งานจริงจะ work หรือเปล่าไม่รู้




สะพานแขวนทอดข้ามคลองไปยังส่วนสปา




ด้านหน้าของส่วนสปา อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ดูร่มรื่นดี




ส่วนต้อนรับ สำหรับแขกที่มาติดต่อทำสปา




ได้นอนนวดทำสปาที่นี่น่าจะเพลินดีเหมือนกัน


          หลังจากเดินดูสถานที่ไปบางส่วนแล้ว ผมก็ต้องเข้าสัมมนาซึ่งเป็น flight บังคับที่ต้องเข้าฟัง ส่วนแม่บ้านผมและสองเด็กดื้อก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักรอเวลาแดดร่มลมตกแล้วค่อยพาเด็กๆ ไปเล่นทรายที่ชายหาดกัน เสร็จการสัมมนาก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นเศษๆ เย็นวันนั้นท้องฟ้ามีเมฆมาก ทำให้อากาศไม่ค่อยร้อนแล้ว ก็ถึงเวลาพาสองเด็กดื้อไปเล่นทรายกันแล้ว .....


          หาดทรายที่นี่ค่อนข้างกว้างขวาง แม้ทรายจะไม่ขาวละเอียดเหมือนทรายตามเกาะเสม็ด แต่ก็สะอาดสะอ้านดี ทั้งดื้อเล็กดื้อใหญ่ชอบมาก เล่นทรายกันเพลินแทบไม่ยอมเลิกเลย ตามชายหาดที่นี่ยังมีปูลมอยู่มาก เด็กๆ เลยได้วิ่งไล่จับปูลมกันสนุกไปเลย ดูปูลมอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มเบื่อตามประสาเด็ก ดื้อใหญ่ก็เลยวิ่งกลับไปเล่นทรายต่อ เล่นทรายกันอยู่จนเย็นมากแล้ว ทั้งสองเด็กดื้อยังไม่อยากเลิกเล่น แต่เนื่องจากช่วงค่ำจะมีเลี้ยงอาหารเย็นในกลุ่มสัมมนา เลยต้องสั่งแกมบังคับให้เลิกเล่นเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย .....




เด็กๆ เล่นทรายกันจนเพลิน




แต่ต้องคอยระวังดื้อเล็กคนนี้ครับ เผลอไม่ได้เป็นต้องหยิบทรายเข้าปากทันที




ปูลมตัวจิ๋วยังมีอยู่มากมายที่ชายหาดของรีสอร์ท




ดื้อใหญ่เล่นทรายเพลินจนแทบไม่อยากเลิก


          หลังจากพาเด็กดื้อทั้งสองกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็พากันกลับมาที่ชายหาดอีกครั้ง หวังว่าจะได้เห็นดวงอาทิตย์ตกทะเลเป็นดวงกลมโตสวยๆ เหมือนที่เคยได้เห็นบ่อยๆ เวลาไปเที่ยวทะเล แต่น่าเสียดายวันที่ผมไปท้องฟ้ามีเมฆมาก เลยไม่มีโอกาสได้เห็นดวงอาทิตย์ตกทะเลตามที่ตั้งใจไว้ ได้แต่เก็บภาพแสงทองสุดท้ายของวันมาแทน หลังชมอาทิตย์ตกแล้ว ก็เป็นงานเลี้ยงอาหารของกลุ่มสัมมนา ครอบครัวเราอยู่ร่วมงานได้ไม่นาน ก็ต้องขอตัวกลับห้องก่อนเพราะทั้งสองเด็กดื้อเริ่มง่วงนอนแล้ว ก็วันนี้เล่นกันทั้งวันไม่ได้นอนกลางวันกันเลย เลยง่วงเร็วกว่าปกติ .....




วันนั้นเมฆเยอะจริงๆ ได้เห็นแสงทองแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว




ขอเก็บภาพกับแสงสุดท้ายของวันกันหน่อย


          เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นนอนกันแบบสบายๆ ค่อนข้างสาย เพราะเตียงนอนมันนุ่มเลยนอนเพลิน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารของรีสอร์ท อาหารเช้าก็มีให้เลือกหลากหลายพอสมควร อย่างพวกข้าวและกับข้าวแบบไทยๆ หรือจะเป็นไส้กรอกหมูแฮมแบบอเมริกันก็มี นอกจากนี้ก็มีพวกข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ออมเล็ต ขนมปังและผลไม้ ทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินสำรวจบริเวณใกล้ชายหาดกันก่อนเดินทางกลับ .....




ห้องอาหารของรีสอร์ท ตั้งอยู่ริมทะเล มีลมพัดเย็นสบายดี




สภาพภายในห้องอาหารเป็นแบบเปิดโล่งรับลม




ใครอยากนั่งแบบ out door รับสายลมแสงแดดก็เชิญตรงนี้ได้เลย




ดื้อใหญ่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้ามื้ออร่อย




ที่นั่งพักผ่อนริมชายหาด




ส่วนนี้เป็น bar เครื่องดื่ม ถ้าได้มานั่งดื่มตอนเย็นๆ ก็น่าจะเพลินดี




มีเรือแคนูให้เล่นด้วย แต่วันที่ผมไปไม่ห็นมีคนพายเล่นเลย




โต๊ะบอลก็มีให้เล่นนะครับ แต่สภาพไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่นัก




ตรงนี้เป็นที่นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ ดื้อเล็กชอบมากปีนขึ้นปีนลงสนุกใหญ่เลย


          หลังจากเดินเที่ยวชมรีสอร์ทกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับบ้านกันเสียที เสียดายถ้าได้พักต่ออีกซักวันสองวันก็คงจะดี แต่ครั้งนี้เรามีเวลาว่างมาพักได้แค่สองวันเท่านั้นเอง โดยรวมๆ แล้ว รีสอร์ทนี้ก็นับว่าน่าพอใจ บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เหมาะกับการพักผ่อนสบายๆ ไม่วุ่นวาย หาดทรายก็สะอาดเป็นหาดส่วนตัวไม่พลุกพล่าน พนักงานก็เต็มใจบริการดี เสียแต่ว่ารีสอร์ทอยู่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ มากไปหน่อย มาพักอยู่สองวันแทบไม่ได้ออกไปเที่ยวที่อื่นเลยเพราะต้องไปอีกไกล .....


          หลังจากเราเช็คเอ๊าท์ออกจากรีสอร์ทแล้วแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือ ก็เลยตกลงกันว่าจะหาที่เที่ยวอีกแห่งก่อนกลับบ้าน ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะพาสองเด็กดื้อไปดูการแสดงปลาโลมาแสนรู้ที่โอเอซิสซีเวิร์ลที่แหลมสิงห์ แต่โทรเช็ครอบการแสดงแล้ว เหลือแต่รอบหลังบ่ายสามโมงเย็นไปแล้ว ถ้าขืนเราอยู่รอดูกว่าจะจบการแสดงคงกลับถึงบ้านดึกแน่ๆ ก็เลยเปลี่ยนใจพาเด็กดื้อไปเที่ยวชม "ปิรามิดเมืองไทย" แทน .....


          หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเมืองไทยของเราก็มีปิรามิด อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลที่เมืองจันทบุรีนี่เอง ปิรามิดที่ว่านี้อยู่ในบริเวณ "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" ถึงตอนนี้บางคนอาจจะเริ่มคุ้นๆ แล้วใช่ไหมครับ ถ้ายังไม่แน่ใจก็ตามผมไปดูปิรามิดเมืองไทยด้วยกันเลยดีกว่า .....




เราแวะเที่ยวน้ำตกพลิ้ว ก่อนเดินทางกลับบ้าน


          "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์ ขับรถไปตามถนนสุขุมวิทห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 14 กิโลเมตร จากถนนใหญ่จะเห็นป้ายทางเข้าน้ำตกพลิ้วขนาดใหญ่ชัดเจน เลี้ยวรถเข้าไปตามทางแยกอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็มาถึงที่จอดรถแล้ว บริเวณที่จอดรถจะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่มากมายหลายร้าน และที่เห็นมีขายกันอยู่ทุกร้านคือถั่วฝักยาว ไม่ใช่ขายให้ไปทำกับข้าวกินนะครับ แต่นักท่องเที่ยวจะซื้อไปเลี้ยงปลาพลวงที่อาศัยอยู่ในน้ำตก เพราะปลาพลวงที่นี่ชอบกินถั่วฝักยาวเป็นพิเศษ .....


          ที่น้ำตกพลิ้วนี่ผมรู้สึกว่ามีการบริหารจัดการที่ดีมาก ทางอุทยานฯ จะห้ามเอาไม่ให้นักท่องเที่ยวเอาอาหารขึ้นไปที่น้ำตก โดยมีจุดตรวจเข้มอยู่ตรงปากทางเดินเข้าน้ำตก การคุมเข้มแบบนี้จะช่วยลดปริมาณขยะที่ตัวน้ำตกไปได้มากเลยล่ะครับ จากที่จอดรถเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะมาถึงจุดท่องเที่ยวจุดแรกที่น่าสนใจ นั่นก็คือ "สถูปพระนางเรือล่ม" หรือ "ปิรามิดเมืองไทย" ที่เราจะมาชมกันนั่นเอง .....



นี่ไงครับ ปิรามิดเมืองไทย


          สถูปรูปทรงปิรามิดแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี ภายในสถูปพระนางเรือล่มบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ ด้วย เนื่องจากพระองค์ท่านเคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วเมื่อ พ.ศ. 2417 และทรงโสมนัส ชื่นชม ความงามธรรมชาติของน้ำตกพลิ้วยิ่งนัก การที่ทรงโปรดให้สร้างอนุเสาวรีย์รูปปิรามิดก็ด้วยทรงพระราชดำริว่า "ทำเป็นรูปอื่นอาจไม่คงทนภาวร เพราะตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพรอันไม่มีผู้ดูแล ฉะนั้นเมื่อปิรามิดของอียิปต์ยืนยงคงทนได้ฉันใด ปิรามิดน้อยนี้ก็คงจะยืนยงคงทนอยู่เช่นกัน ณ ท่ามกลางป่าและเสียงไหลรินของธารพลิ้ว" .....



อีกมุมหนึ่งของสถูปพระนางเรือล่ม


เดินถัดไปอีกนิดก็จะถึงจุดท่องเที่ยวจุดที่สองกันแล้วครับ นั่นคือ "อลงกรณ์เจดีย์" ซึ่งมีประวัติความเป็นมาบันทึกไว้ดังนี้ครับ

          "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี ได้ทรงโปรดให้สร้างเจดีย์ทำด้วยศิลาแลงขึ้นที่บริเวณหน้าผาด้านหน้าน้ำตกพลิ้วเมื่อ พ.ศ. 2419 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วด้วยกัน และพระราชทานนามว่า " อลงกรณ์เจดีย์ " พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดน้ำตกพลิ้วเป็นอย่างยิ่งและได้เสด็จประพาสหลายคราว ทรงโปรดมากถึงกับมีพระราชดำรัสว่า " เราได้เห็นน้ำตกอย่างนี้มาสองสามแห่ง คือที่ปีนัง เกาะช้าง และสีพยา เห็นไม่มีที่ไหนจะงามกว่าที่นี่เลย ถ้าจะให้เรานั่งดูอยู่ยังค่ำก็แทบจะได้ด้วยเย็นสบายจริง" .....




ด้านหลังอลงกรณ์เจดีย์แห่งนี้ จะเป็นจุดชมวิวน้ำตกจากมุมสูง




อนุสาวรีย์พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ อยู่ข้างๆ อลงกรณ์เจดีย์


          จากจุดนี้เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็มาถึง "น้ำตกพลิ้ว" ชั้นบนสุดแล้ว ลักษณะตัวน้ำตกจะเป็นน้ำตกสองสายไหลทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูง 20 เมตร ลงมารวมกันในแอ่งน้ำใหญ่ใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำที่แอ่งน้ำนี้ได้ วันที่เราไปเที่ยวแม้จะเป็นวันอาทิตย์ธรรมดาไม่ใช่วันหยุดยาว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวน้ำตกพลิ้วกันอย่างหนาตา แทบจะหามุมถ่ายรูปที่ไม่ติดคนไม่ได้เลย ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวคนจะเยอะขนาดไหน .....


          ภายในลำธารที่ไหลจากน้ำตกพลิ้ว จะมีปลาพลวงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เวลานักท่องเที่ยวเอาถั่วฝักยาวโยนให้กิน ปลาพลวงจะขึ้นมาแย่งกันกินเต็มไปหมด มาถึงน้ำตกทั้งทีดื้อใหญ่ก็ไม่พลาดที่จะขอลงเล่นน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้าลงน้ำ เห็นบอกว่ากลัวปลาตอด เชียร์เท่าไหร่ก็ไม่ยอมลง จนแม่บ้านผมและดื้อเล็กต้องลงไปด้วย ถึงจะยอมลงน้ำได้ แต่พอได้ลงเล่นน้ำไปแล้วคราวนี้พอจะเรียกขึ้นจากน้ำดันติดใจ แทบไม่ยอมเลิกเหมือนกัน .....




น้ำตกพลิ้วชั้นบนสุด สวยดีแต่คนเยอะมากๆ




กว่าจะกระเตงกันมาถึงชั้นนี้ก็ลำบากเอาการ ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้หน่อย




น้ำในลำธารใสสะอาดมาก มีฝูงปลาพลวงจำนวนมากตลอดสาย




ดื้อใหญ่ขอป้อนอาหารปลาพลวงแบบกล้าๆ กลัวๆ




สองเด็กดื้อลงเล่นน้ำในลำธารกันอย่างสนุกสนาน


          ผมปล่อยให้สองเด็กดื้อเล่นน้ำกันจนเกือบห้าโมงเย็นก็ต้องให้เลิกเล่นแล้ว เพราะยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะกลับถึงบ้าน ออกจากน้ำตกพลิ้วผมขับรถยาวรวดเดียวมาจนถึงปราจีนบุรี สองเด็กดื้อเล่นซนกันมาทั้งวันก็เลยนอนหลับมาในรถตลอดทาง กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยกันถ้วนทุกคน ถึงตรงนี้ก็คงต้องขอจบเรื่องเล่าทริปนี้ลงเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้า ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ .....










Create Date : 27 สิงหาคม 2552
Last Update : 30 มิถุนายน 2556 2:11:16 น. 23 comments
Counter : 12059 Pageviews.

 
น่าพักมากเลยค่ะ บรรยากาศดีมากเลย


โดย: no filling วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:12:54:52 น.  

 
รีสอน์ทน่าพักเชียวค่ะ แต่ราคาคง...เอ่อ เราไม่มีปัญญา


โดย: อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:19:39:52 น.  

 
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆเลยค่ะ....
เด็กสองคนแก้มเป็นแก้มเลยนะ โดยเฉพาะสาวน้อยตัวเล็ก
ที่พักสวยค่ะ สมราคา.....
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมที่บล็อคนะคะ


โดย: auau_pi วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:8:26:39 น.  

 
น่าพักมากค่ะ

แต่ฟังที่เล่ามามีข้อเสียสองข้อนะคะ

หนึ่ง ไม่ค่อยมีลมโกรก

สอง ห้องน้ำไม่เก็บเสียง....ว้า...แย่เลย อิอิ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:11:13:03 น.  

 
แวะมาชมค่ะ ที่แท้คนใกล้บ้านเรานี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักค้า


โดย: ying&yammy วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:11:42:16 น.  

 
เข้ามาชมครับ เด็กดื้อน่ารักจริงๆ อยากบอกว่า ภาพสวยรีวิวดีมากๆครับ อยากไปน้ำตกพลิ้วมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที


โดย: กาแฟเย็นใส่นมเยอะๆ วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:23:24:35 น.  

 
น่าเที่ยวจังค่ะ


โดย: AM NUCH วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:16:29:00 น.  

 
แปลกดีครับปิรามิดเมืองไทย


โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:7:42:25 น.  

 
ถ่ายรูปงามมากเลยค่ะ

ทำไมผลไม้เป็นอย่างนั้นไปได้คะนี่ เซนทาราไม่น่าหลุดอย่างนี้เลยนะคะ เสียเครดิตหมดง่ะ

อ่า..ข้อควรระวังของห้องน้ำ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:15:29:06 น.  

 
สวัสดีค่ะ

รีสอร์ทน่าพักเชียวค่ะ ดูท่าเด็กๆ จะมีความสุขมากมายเลย
อยากไปบ้างจัง ช่วงนี้ไม่ได้ออกเที่ยวเลยค่ะ

ที่พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นมีของเล่นเยอะมากค่ะ เสียดายน่าจะมีมุมของเล่นให้เด็กๆ ได้เล่นด้วยนะคะ ส่วนมากจะโชว์ในตู้ซะมากกว่าค่ะ แต่ก็ยังถือว่าเพลินดีนะคะ ^^



โดย: mamminnie วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:14:34:23 น.  

 
อืม.....อยู่จันมาตั้งสองปี ยังไม่ได้ไปเลย เสียดายจัง คงต้องหาโอกาสไปเที่ยวพลิ้วแล้วล่ะ บรรยากาศดีมากค่ะ เด็กดื้อสองคนก้อน่ารัก... ทริปหน้าเอามาให้ดูอีกนะคะ


โดย: จัสติน IP: 172.16.0.42, 118.173.234.167 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:14:30:03 น.  

 
คุณ จัสติน ...........ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม blog ครับ น้ำตกพลิ้วนี่ผมว่าน่าไปพักผ่อนวันหยุดเหมือนกันนะครับ น้ำเย็นๆใสสะอาดน่าเล่นมากครับ นี่ถ้าผมอยู่เมืองจันท์ ท่าทางจะต้องพาเด็กดื้อทั้งสองไปเล่นน้ำบ่อยๆ เลยล่ะครับ เสียแต่ถ้าเป็นวันหยุดคนจะเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง


โดย: NET-MANIA วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:15:40:08 น.  

 
โอ่ยๆๆๆ เห็นแล้วอยากไปจังค่ะ ทำไมตอนเราไปเที่ยว เหมือนมันไม่สวยแบบนี้

นายแบบ นางแบบตัวน้อยน่ารักจังค่ะ


โดย: ด.ญ คณิตกร วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:1:40:08 น.  

 
น่าไปจังเลยค่ะ ถ้าได้ไปเที่ยวแถวนั้นจะไปพักบ้าง


โดย: tonpor (kosak ) วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:11:59:10 น.  

 
มาบอกเรื่องน้ำตกที่ปิดครับ

คือว่าเค้าปิดไม่ให้เที่ยวเลย..ไม่ได้บอกสาเหตุด้วย
แล้วบอกว่ามีอีกแห่งนึง ต้องเดินไปทางป้ายป่าดงดิบ
ราวๆ 1 กิโล..จะมีน้ำตกที่ยังเล่นน้ำได้..
แต่ไม่ได้ไปเพราะทางเข้าเป็นหลุมเป็นบ่อ และมีเด็กเล็ก..
เกรงจะไม่สะดวก



โดย: จ่าหมาน วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:16:19:07 น.  

 
ตามมาชมรีวิวนะครับ ภาพสวยจังครับ เด็กๆก็น่ารักจัง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ


โดย: กัปตันลูกชุบ IP: 192.168.200.51, 58.9.147.175 วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:19:24:45 น.  

 
พอดีหากระทู้ใน bp ของคุณไม่เจอเลยเข้ามาดูในบล็อกแทนครับ แถวๆนั้นไม่มีที่เที่ยวอะไรเลยจริงๆครับ มินิมาร์ทก็หายากมาก วันแรกไปหาไม่เจอเลยต้องซื้อของทางรีสอร์ท เพิ่งจะมาเห็นเอาวันกลับ ส่วนอาหารเย็นก็ฝากท้องไว้ที่รีสอร์ทครับ แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:22:24:10 น.  

 
ขอบคุณสำหรับรูปถ่ายสวยๆพร้อมรายละเอียดครบถ้วนค่ะชอบบรรยากาศเเบบมากค่ะเป็นธรรมชาติดี
เด๋ววันหลังขอตามมาเที่ยวอีกนะค่ะ


โดย: Chamelinc วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:8:07:12 น.  

 
ครอบครัวน่ารักค่ะ...มีความสุขมากๆค่ะ


โดย: PrettyNatty วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:16:22:06 น.  

 
เข้ามาแอบอิจฉาความน่ารักของบ้านนี้ค่ะ
นายแบบ นางแบบ ตัวน้อยน่ารักจัง


โดย: kwan_3023 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:8:01:31 น.  

 
เข้ามาแวะค่ะ กำลังจะไปเสาร์ อาทิตย์นี้


โดย: kik (L.wayu ) วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:16:08:11 น.  

 
น่ารักดีครับ

ครอบครัว
อบอุ่น

....สิ่งที่ผมไม่มี...


โดย: art101j IP: 118.173.171.166 วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:22:15:17 น.  

 
เข้ามาชื่นชมกับภาพสวยๆ และ 2 เด็กน้อย น่ารักๆ ค่ะ
กะว่าจะไปสิ้นเดือนนี้อยู่พอดีเลยค่ะ
เห็นรีวิวแล้วต้องรีบกลับไปจัดกระเป๋าโดยด่วน อิอิ

ปล.ไปกัน 4 คนแบบนี้เลยค่ะ ปั่นป่วนแน่ๆ แต่ก็สนุกนะคะ ยิ้มๆๆ


โดย: jj IP: 61.91.205.98 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:15:48:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

NET-MANIA
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




เริ่มเขียนบล็อก : 30 กรกฎาคม 2552


...... ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยว ตอนที่ยังไม่มีลูกก็ได้ไปเที่ยวมาแล้วหลายที่ทั่วเมืองไทย จนมาวันนี้มีลูกแล้วสอง ก็ยังคงชอบเที่ยว และอยากให้เจ้าตัวเล็กรักการท่องเที่ยวด้วย ตอนนี้จะไปเที่ยวไหนเลยต้องกระเตงกันไปทั้งหมด เหนื่อยกว่าเที่ยวตอนยังไม่มีลูก แต่ก็มีความสุขมากกว่าเดิมเช่นกันครับ ......


สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก














New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add NET-MANIA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.