DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

10 อันดับบรรดาเด็กโคตรนรกส่งมาเกิด ที่โหดเหี้ยมสุดในประวัติศาสตร์ ตอนที่ 2

อันดับ 5 เบรนด้า แอน สเปนเซอร์ (Brenda Anne Spencer)



 


                วันจันทร์ 26 มกราคม ปี 1979 เบรด้าอายุ 16 ปี ใช้อาวุธปืนไรเฟิล automatic.22 ที่ได้รับเป็นของขวัญจากพ่อในวันคริสต์มาส เธอกราดยิงเด็ก 8 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงเรียนคลีฟแลนด์ อีลิเมนท์ทาลี่ สคูล ในซานดิเอโก้ และพยายามฆ่าครูใหญ่เบอตัน แวคก์ และผู้ปกครอง เธอถูกตำรวจจับกุมหลังจากนั้น 5 ชั่วโมงและถูกตั้งคำถามถึงเหตุผลต่อการกระทำการฆาตกรรมหมู่ในโรงเรียนครั้ง นี้ เธอยักไหล่และตอบกลับว่า “ฉันเกลียดวันจันทร์ มันไม่มีเหตุผล และฉันก็ทำไปเพราะมันสนุกมากๆ เหมือนกับได้ยิงเป็ดในบ่อน้ำ อีกอย่างเด็กๆ พวกนั้นเหมือนฝูงวัวตัวเมียยืนอยู่รอบๆ ซะด้วยสิ”("I don't like Mondays. This livens up the day." She also said, "I had no reason for it, and it was just a lot of fun"; "It was just like shooting ducks in a pond"' and "[The children] looked like a herd of cows standing around; it was really easy pickings." ) ผลสุดท้ายเบรนด้าถูกตั้งข้อหาฆ่าคน และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายราย ส่วนประโยค “ฉันไม่ชอบวันจันทร์นั้น” ได้ถูกนำไปใส่ในหนังเรื่อง The Breakfast Club(1985) และยังเป็นแรงดลใจในเพลง “ฉันไม่ชอบวันจันทร์(I don't like Mondays) โดยศิลปิน Boomtown Rats


อันดับ 4 จอน เวนาเบิล และโรเบิร์ต ทอมป์สัน (Jon Venables and Robert Thompson)



 


                ปี 1993 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จอน เวนาเบิล และโรเบิร์ต ทอมป์สัน 2 เด็กจากครอบครัวมีปัญหา(ทั้งคู่ตอนนั้นอายุ 10 ขวบ) วันนั้นเป็นวันเปิดเรียน แต่เด็กสองคนนี้ไม่ได้ไปเรียนสักนิด เขาไปห้างสรรพสินค้า ขโมยลูกกวาด, ตุ๊กตาคอหมุนๆ, แบตเตอรี่จำนวนหนึ่ง, กระป๋องสเปย์สีน้ำเงิน 1 กระป๋อง และบังเอิญพวกเขาเห็นสิ่งหนึ่งน่าขโมยเป็นบ้าเลย(ไอเดียนรก) มันคือเด็กน้อยนามเจมส์ บัลเกอร์(James Bulger)อายุ เพียง 2 ปีกับ 11 เดือนเท่านั้น เด็กสองคนเลยลักพาตัวเด็กออกจากห้างเสียเลย(จากภาพข้างล่าง เป็นภาพกล้องรักษาความปลอดภัยในห้าง คุณจะเห็นเด็กเล็ก(เจมส์)ถูกจูงมือโดยเด็กชายจอนและมีโรเบิร์ตเดินนำหน้า ทั้งสองดูเหมือนสนิทสนมกัน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่านี้เป็นภาพสุดท้ายที่บันทึกเจมส์ในขณะมีชีวิตอยู่)


                ไม่รู้ว่าเมื่อออกจากห้างทั้งสองทำอะไรกับเด็กบ้าง รู้แน่ๆ พวกเขาพาเด็กเดินจนขาลากไปกว่าหลายไมล์เรื่อยเปื่อยเป็นเวลานานจนกระทั้ง มาถึงรางรถไฟจากนั้นก็ไม่รู้เพราะอะไรอีกทั้งสองตัดสินใจฆ่าเด็ก โดยฉีดสีสเปย์ใส่ตาเจมส์ จากนั้นก็รุมทุบตีด้วยมือและเท้า ท่อนเหล็กและก้อนหินกระหน่ำไปใส่ที่หัวของเด็กน้อยกว่า 42 แผลด้วยความเมามัน จนกะโหลกแตกจากนั้นก็เปลือยท่องร่างเอาแบตเตอรี่ยัดที่รูทวาร จากนั้นก็ลากศพเด็กไปวางบนรางรถไฟเพื่อให้รถไฟทับเพื่ออำพรางคดี และเมื่อมีการพบศพเจมส์ในเวลาต่อมา เด็กทั้งสองก็ถูกจับเกือบทันที เพราะหลักฐานจากกล้องวีดีโอวงจรปิด หลังจากถูกจับกุมทั้งสองเอาแต่ร้องโวยวาย ใช้ความเป็นเด็กไร้เดียงสา บอกว่าไม่รู้เรื่อง โยนความผิดไปอีกฝ่ายไปๆ มา จนคดีนี้ไม่แน่ชัดว่าใครต้นคิดใครฆ่าเจมส์กันแน่ ท้ายสุดศาลอังกฤษตัดสินจำคุกเด็กสองคนแบบกฎหมายผู้ใหญ่ และทั้งสองถูกปล่อยตัวออกไปในปี 2001


อันดับ 3 เจสซี่ โพเมอร์รอย (Jesse Pomeroy)



 


                เจสซี่ โพเมอร์รอยถูกตำรวจจำกุมได้ในขณะที่เขาอายุ 14 ในปี 1874 ในข้อหาสังหารเด็ก 2 คนอย่างน่ากลัว เขาถูกตั้งฉายาว่า “เด็กมารร้ายแห่งเมืองบอสตัน(อเมริกา)” ก่อนหน้านั้น 3 ปีก่อน(1871-1872) เขาออกอาละวาดทำร้ายและทรมานเด็กชาย 7 คน และถูกจับส่งตัวไปโรงเรียนดัดสันดานที่บอสตัน(มีรายงานว่าเขามีอาการทางจิต) และถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 1875 โดยมีทัณฑ์บนไว้ เขาเฉลิมฉลองการออกจากที่คุมขังด้วยการฆ่าเด็กสาววัย 10 ขวบชื่อ Katie Curran ด้วยการตัดแขนขาเหมือนตุ๊กตาของเล่นไม่มีผิด แต่เขาไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้เขาลักพาตัวเด็กชาย Horace Mullen วัย 10 ขวบ ไปที่บึงและสังหารเขาด้วยการใช้มีดแทงอย่างโหดร้ายและเกือบตัดหัวของเด็กชาย จนหลุดจากบ่า เจสซี่ให้เหตุผลว่าเขาฆ่าเด็กชายคนนั้นเพราะมีดวงตาที่แปลก(เด็กชายมีตาสี ขาว) เขายอมรับผิดในเวลาต่อมา และถูกจับคุก 40 ปีอย่างโดเดี่ยว(เจสซี่รับได้บันทึกสถิตว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องอายุน้อยที่ สุดที่ตัดสินในอเมริกา) สุดท้ายเจสซี่ตายเพราะสิ้นอายุไขเมื่อวันที่ 29 กันยายน 1932 ขณะอายุ 72 ปี


อันดับ 2 แมรี่ เบล (Mary Bell)



Marybell 


                วันที่ 25 พฤษภาคม ปี 1968 ที่ย่านนิวคาสเซิล ทางตอนเหนือของอังกฤษ เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 11 ปี ของแมรี่ เบล เด็กจากครอบครัวมีปัญหา(อีกแหละ) เธอเลยฉลองวันเกิดนี้โดยการบีบคอเด็ก มาร์ติน บราวน์ เด็กชายอายุ 3-4 ขวบ จนถึงแก่ความตายแล้วยังไปยั่วแม่ของเด็กทำนองว่า”ลูกคุณตายแล้วเหงาหรือ เปล่า ลูกคุณตายแล้วร้องไห้หรือเปล่า” แต่นี้ยังไม่พอสำหรับเธอ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมเธอกับเพื่อนของเธอชื่อนอม่า เบล(นามสกุลเหมือนกันแต่ไม่ใช่ญาติ) ได้ฆ่าเด็กชายไบรอัน โฮล วัย 4 ขวบ และสลักที่ท้องของเด็กชายด้วยอักษรย่อ M และ N ด้วยใบมีดโกน พวกเธอทั้งสองถูกศาลพิจารณาคดีในข้อหาสังหารโหดมนุษย์ 2 ศพ ผลคือคือแมรี่ เบลถูกจำคุกและไปบำบัดจิต ส่วนเพื่อนอีกคนพ้นข้อกล่าวหา(ได้ไง??) ปี 1980 เธอถูกปล่อยตัวจากคุกเมื่ออายุได้ 22 ปีทั้งๆ ที่รักษาโรคจิตไม่หาย เธอมีลูกและหายสาปสูญไปจากสังคม และวันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2003 ทางการก็ประกาศว่าเธอเป็นบุคคลนิรนาม


อันดับ 1 สังหารหมู่ในโรงเรียน (School Shootings)




                 การกระทำการสังหารหมู่ในโรงเรียนขึ้น ต่อเนื่องใน 15 ปีต่อมา ที่น่าสังเกตคือส่วนมากเหตุการณ์สังหารหมู่นี้ผู้ก่อการส่วนมากจะเป็นเด็ก อายุไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำ พวกเขากลับมีอาวุธที่ไม่รู้เอามาจากไหน เช่น ไรเฟิล ปืนกล มีดทหาร ปืนพก ฯลฯ แต่คำถามที่ตามมาคือ ทำไมเด็กพวกนั้นถึงได้หยิบอาวุธสังหารเพื่อนนักเรียนด้วยกันอย่างเลือดเย็น เป็นเพราะปัญหาทางในโรงเรียนเหรอ(เพื่อนแกล้ง, ครูให้การบ้านเยอะ) หรือจะเป็นปัญหาทางบ้าน หรือเพราะเกมส์(GTA) เรามาดูตัวอย่างที่ผ่านๆ มาดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง


                15 พฤศจิกายน 1995 เจมี่ เราซ์ (Jamie Rouse) วัย 17 ปีแต่งชุดดำไปโรงเรียนริชแลนด์ ที่ไจลส์ เคาน์ตี้ รัฐเทนเนสซี่ พร้อมปืนเรมิงตันขนาด.22เขายิงครูไป2คนและหันปืนเล็งยิงโค้ชทีมฟุตบอลพร้อม ยิ้มระบายบนใบหน้าแต่พอดีเด็กคนหนึ่งเดินสวนพอดี จึงโดนแทน



Columbine


                20 เมษายน 1998 ที่โรงเรียนคอลัมบายน์ไฮสคูล (โคลัมไบน์) อเมริกา อีริค แฮริส อายุ 18 ปี และ ไดเลน เคล็บโบลด์ อายุ 17 ปี (Eric Harris & Dylan Klebold)ได้เดินทางเข้าไปโรงเรียนด้วยท๊อปบู๊ตแบบทหาร เสื้อคลุมสีดำแบบในหนังแอ็คขั่น สะพายเป๋กระเป๋า ที่มีอาวุธร้ายแรง เช่น ปืนลูกซอง เบอร์ 12 แบบบรรจุ 8นัด ลูกซองสั้นลำกล้องคู่ ปืนกลมือขนาดเบา TEC-DC9 ระเบิดที่ทำขึ้นเอง เมื่อมาถึงห้องเรียน นักเรียนทั่วไปไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติที่จะเกิดขึ้น อาจจะเพราะทั้งสองดูเพี้ยนๆอยู่แล้วจึงไม่มีใครสนใจ จนกระทั่ง พวกเขาสาดกระสุนใส่เพื่อนนักเรียนอย่างเมามันและไม่เลือกหน้า ก่อนที่เรื่องนี้จบลงด้วยการฆ่าตัวตายทั้งคู่


                วันที่ 21 พฤษภาคม 1998  คิปแลนด์ คิงเคล (Kipland Kinkel) อายุ 15 ปี ที่เพิ่งถูกไล่ออกจากโรงเรียนสปริงฟิลด์ รัฐโอเรกอน ข้อหาพกอาวุธปืนเข้าห้องเรียน เขาเข้ามาโรงเรียนนี้อีกครั้งพร้อมปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ตรงเข้าห้องอาหารและกราดยิงฝูงชนอย่างไม่รีรอ เป็นเหตุให้นักเรียนเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 8 คน 


                24 มีนาคม ปี 1999 แอ นดรูว์ โกลเด้น (Andrew Golden)  อายุ 11 ปีพร้อมสหายมิทเชล จอห์นสัน(Mitchell Johnson) อายุ 13 ปี ในชุดพราง พร้อมปืน โกลเด้นเดินเข้าไปโรงเรียนเวสต์ไซด์ มิดเดิ้ล เมืองโจนส์ เบอโร่ รัฐอาร์คันซอ แล้วแอบกดสัญญาเตือนภัยเพื่อให้ผู้คนแตกตื่น จากนั้นเขาก็วิ่งกลับหาจอห์นสันที่ทำท่านอนเตรียมยิง และขณะที่ผู้คนกำลังชุลมุน ทั้งสองก็กราดยิงกลุ่มนักเรียน 15 คน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 13 คน



 


                1 ตุลาคม ปี 2007 ลุค วู้ดแฮม (Luke Woodham)วัย 16 ปี ถูกแฟนสาวมาบอกเลิก เขาโกรธมาก จนใช้มีดแทงแม่ตัวเองดับเช้าวันนั้น แล้วคว้าปืนเดินเข้าโรงเรียนเพิร์ล รัฐมิสซิปปี้ เขาตรงลิ่วไปคน ฆ่าผู้หญิงคนนั้น กับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จากนั้นก็ยิงเด็กนักเรียนอีก 7 คน คนสุดท้ายถูกยิงแต่รอดเพราะกระสุนหมดก่อน และในขณะที่ลุคเดินกับไปเอาปืนอีกกระบอกหนึ่งผู้ช่วยครูใหญ่ก็จับตัวเขาได้ ทัน ภายหลังลุคตัดพ้อว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เขาทนไม่ไหวแล้ว “คนอย่างผมมักถูกเหยียบย่ำบาทาทุกวันราวขยะ ผมอยากให้สังคมได้รู้ว่า ถ้าเขาทำกับเราอย่างนี้ ก็จะโดนอย่างนี้กลับไป”




 

Create Date : 07 เมษายน 2553
15 comments
Last Update : 7 เมษายน 2553 2:04:33 น.
Counter : 1900 Pageviews.

 

เบรด้าอายุ 16 ปี ใช้อาวุธปืนไรเฟิล automatic.22 ที่ได้รับเป็นของขวัญจากพ่อในวันคริสต์มาส

""""" อ้าว...ทำไมให้ของขวัญลูก
เป็นปืนอย่างง้านนนน


 

โดย: โสดในซอย 7 เมษายน 2553 0:29:29 น.  

 

น่ากลัวเด็กสิบขวบสองคนอะ โหดมาก
แถมแป๊ปเดียว ก็ได้ปล่อยตัวแล้ว

 

โดย: คนอย่างว่า 7 เมษายน 2553 0:44:28 น.  

 

ไม่น่ามาเกิดเลยนะ เป็นปัญหามากมาย

 

โดย: dekmopai 7 เมษายน 2553 0:51:01 น.  

 

เจ้าเด็กสิบขวบสองคนนั่น ท่าทางจะโหดสุด
แถมหลุดออกมาอยู่ปะปนกับผู้คนปกติแล้วด้วยนี่สิคะ

 

โดย: HoneyLemonSoda 7 เมษายน 2553 1:05:14 น.  

 

น่ากลัวมากๆค่ะ ขอบคุณๆหมอนะค่ะ

 

โดย: CherryBlossom669 7 เมษายน 2553 7:25:37 น.  

 

ขอบคุณครับ อ่านแล้ว ขนลุกมาก เด็กทำไมคิดอะไรออกมาแบบนี้ได้ เนี่ย

 

โดย: Mokirup IP: 203.146.110.194 7 เมษายน 2553 8:33:11 น.  

 

 

โดย: Scorchio 7 เมษายน 2553 11:37:56 น.  

 

เรื่องเด็ก(ผู้เยาว์)มีปัญหาใช้ความรุนแรง
หรือมีลักษณะการใช้ชีวิตที่แปลกไป(ใช้คำนี้แล้วกัน)
ได้ยินว่าที่ญี่ปุ่น ที่มีการรับเอาวัฒนธรรมทุนนิยมแบบอเมริกาจ๋า
ก็มีปัญหาในทำนองคล้าย ๆ กัีน แต่คงเพราะกฎหมายเขาแรงมั้ง(ห้ามพลเมืองพกปืน)
ประกอบกับวัฒนธรรม/จารีตเดิมที่ค่อนข้างเคร่งครัด(แถมมีพวกยากูซ่าคุม)
เลยไม่ค่อยได้ยินข่าวเด็กไปฆ่าชาวบ้านเหมือนอเมริกา



ส่วนใหญ่เท่าที่ได้รับรู้มา มันมีปัญหาตั้งแต่การเลี้ยงดูตั้งแต่แรก ๆ เลย
เช่น การใช้ชีวิตแบบครอบครัวเดี่ยว ,วัฒนธรรมบูชาเงิน ,การกระทำเลียนแบบหนัง(แยกโลกมายากับโลกแห่งความจริงไม่ได้/ขาดวิจารณญาณ)
,ปัญหาการไม่มีศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจ ,ฯลฯ

สรุปโดยรวม ๆ แล้วก็คือ น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไม่มีที่พึ่งทางใจน่านแหละ
เลยหาทางออกโดยใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา


แต่เด็กบ้านเราชิว ๆ น่าจะวางใจได้มั้ง(หรือเปล่าหว่า-^^-)

 

โดย: Clarvoyance IP: 118.173.168.251 7 เมษายน 2553 14:41:40 น.  

 

เราเคยอ่านอันดับ สี่แบบละเอียดในนิตยสารดิฉันค่ะ โหดกว่านี้มาก น้องสองขวบนั่น โดนทุบตี โดนลากไปตามทาง แล้วถึงโดนฉีดสเปรย์ใส่ตาและกระทืบพร้อมเอามีดแทงนะคะ คืออ่านจบนี่จิตตกไปหลายวัน เด็กกำลังน่ารักเป็นดวงใจพ่อแม่ โดนทรมานจนตายอ่ะ ที่สำคัญ หนึ่งในสองของฆาตกรตอนนี้โตแล้ว ถูกปล่อยตัวมาแล้วค่ะ มาใช้ชีวติปกติ เฮ้อ กรรม

 

โดย: peachcandy IP: 202.12.97.100 7 เมษายน 2553 16:38:36 น.  

 

 

โดย: thanitsita 7 เมษายน 2553 17:33:42 น.  

 

น่ากลัวทุก case เลย

ได้แต่ภาวนาไม่ให้เกิดขึ้นอีก

 

โดย: malaguena 7 เมษายน 2553 21:32:24 น.  

 

อ่านเเล้วขนลุกเลยครับ โหดๆกันทั้งนั้น

 

โดย: Don't try this at home. 7 เมษายน 2553 22:31:33 น.  

 

บล้อกนี้โคตรเจ๋งเลยค่า

 

โดย: ployd IP: 119.42.82.245 24 สิงหาคม 2553 18:35:51 น.  

 

ขอบคุณที่รวบรวมความรู้มาให้อ่านกันนะคะ อาจารย์

 

โดย: เจนนั่น IP: 125.27.40.48 16 ตุลาคม 2553 12:18:23 น.  

 

ขอบคุณให้ความรู้ทื่ดีมากๆ เจ๋งโคตรบล้อกนี้!!

 

โดย: stanly IP: 115.87.25.59 10 กุมภาพันธ์ 2556 20:34:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.