สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

เด็ด! ผักดอย ซูเปอร์ฮีโร่ พลังต้านโรค

เริ่มฮิตมาจากฟักแม้ว อาหารบริโภคเป็นนิจศีลของชาวภูเขา อยู่มาไม่นานผัดยอดฟักแม้วหมูกรอบกลายเป็นอาหารขึ้นโต๊ะของคนกรุง และกำลังจะชวนครอบครัวผักผลไม้อพยพเข้าครัวคนเมืองหลวงราวกับเดินพาเหรด





ผักผลไม้เชื้อชาติไทย สัญชาติต่างด้าว เริ่มได้รับความนิยมอย่างช้าๆ และค่อยๆ บูมขึ้นโดยอาศัยแรงผลักดันของโครงการหลวง จนเกิดพฤติกรรมบริโภค ผักดอย เป็นอาหารทางเลือก นอกเหนือจากผักปลอดสารพิษที่ปลูกบนพื้นที่ราบ และผักน้ำ หรือไฮโดรโปรนิกส์


ความน่าสนใจของ ผักดอย หรือ ผักปลอดสารพิษเมืองเหนือ อยู่ที่ภูมิประเทศเหมาะเจาะ สภาพดินสมบูรณ์ไม่มีมลภาวะ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 800 เมตรขึ้นไป อีกทั้งภูมิอากาศเหมาะสมอุณหภูมิเฉลี่ย 18-20 องศาในฤดูร้อนและ 6-7 องศาในฤดูหนาว จึงถือเป็นแหล่งเพาะปลูกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้


จุดเด่นของผักดอยคือขนาดใหญ่โตอวบอิ่ม สีสันจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นดอกกะหล่ำไซส์พี่บิ๊ก มะเขือเทศราชินีสีแดงสด เห็ดสารพัดชนิด จัดเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับทำซุป และสลัดผักที่สาวๆ รักสุขภาพทั้งหลายโปรดปราน


ไม่เพียงแต่ผักผลไม้ที่เราคุ้นตาเท่านั้น เมื่อสำรวจและวิจัยอย่างเจาะลึกแล้ว พบว่ายังมีสมุนไพรชั้นเซียนบนยอดดอยที่รอคอยการมาเยือน “ฮีโร่” ของวันนี้ต้องยกให้ ข้าวดอยปลอดสารพิษ เผ่าลาหู่และอาข่าที่ปลูกด้วยวิธีสูตรโบราณ พวกเขาจะเลือกฤดูปลูกข้าวช่วงต้นฝน โดยใช้ระยะเวลา 3-4 เดือน ตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมิถุนายน และเดือนสิงหาคม ด้วยวิธีการตั้งลุ้ง (หยอดหลุม)


กรรมวิธีการปลูก ชาวเขาทั้งสองเผ่าจะใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 5-10 เมล็ดต่อหลุมเพื่อการแตกกอ และจะปลูกจากยอดดอยลงมาข้างล่างเป็นแนวชัน มีลักษณะปลูกแบบถอยหลังลงมา หลังจากนั้น 10-15 วัน เมล็ดข้าวจะเริ่มงอก และเจริญเติบโตได้ดี โดยอาศัยอุณหภูมิ แสง และความชื้นจากน้ำฝน


เสน่ห์ของ ข้าวดอย อยู่ที่วิธีการกำจัดศัตรูพืชและเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิม ซึ่งจะใช้น้ำหมักสมุนไพรลุ่มน้ำโขง ฉีดพ่น รอจนข้าวตั้งท้องและสุกแก่เต็มที่ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวโดยชาวเขาจะลงแขกนำต้นข้าวกองรวมกัน หลังจากนั้นทำการแยกเมล็ดออกจากต้นโดยวิธีการฟาดข้าวกับผ้ากะลาที่ปูไว้ แล้วนำเข้าไปใส่กระด้งแยกเมล็ด จากนั้นจึงนำไปตากให้แห้งเพื่อลดความชื้น และนำไปเก็บในยุ้งฉาง รอการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยครกกระเดื่องตำข้าว


ข้าวดอยจึงกลายเป็นอาหารที่มีประโยชน์สูงมาก มีสารอาหารครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด และมีกรดอะมิโนที่สำคัญถึง 9 ชนิดจาก 18 ชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย เหมาะเป็นอาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว และทดแทนน้ำนมแม่ สำหรับมารดาขาดน้ำนมให้ทารก


นอกจากนั้น ยังพบผลหมากรากไม้แบบบ้านๆ มีตั้งแต่กล้วยป่าไปจนถึงลูกไนป่า ที่กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าลุ่มน้ำโขงบริโภคเป็นเวลานาน และเป็นผลไม้บำรุงร่างกายคนภูเขามานานแล้ว


กล้วยน้ำว้าเปลือกดำจากยอดดอยลุ่มน้ำโขงสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1400 เมตร บริเวณ ต.ห้วยชมพูและ ต.ดอยฮาง จังหวัดเชียงราย มีวิตามินเอสูงและมีสารเพกติน (PECTIN) มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มกากและกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ มากกว่ากล้วยน้ำว้าทั่วไปถึง 10 เท่าและมีสารแทนนิน (Tannin) ช่วยสมานลำไส้ให้สะอาดแก้ปัญหาท้องผูกและช่วยแก้อาการริดสีดวงทวาร


ส่วนลูกไนป่า หรือลูกพรุน อุดมไปด้วยวิตามิน B2 (Riboflavin) ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง กระบวนการสร้างช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ วิตามิน C (Ascorbic Acid) ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) เป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายเมื่อเซลล์ถูกทำลายโอกาสการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น และต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งวิตามิน E ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย


เมื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ด้วยกรรมวิธีนำมาคั้นรวมกัน แล้วกรองกากทิ้ง เติมน้ำผึ้งป่าเป็นสารเพิ่มความหวานเข้าไป ก็ทำให้น้ำผลไม้ลุ่มน้ำโขงอุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ซูโคส ฟรุกโทสและกลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร ช่วยเสริมเพิ่มพลังให้กับร่างกายได้ทันที และคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย สามารถช่วยดีท๊อกซ์ลำไส้ให้สะอาด และแก้ปัญหากลิ่นกายจากต้นเหตุทุกชนิด


แถมด้วยสมุนไพรชื่อแปลกแต่แฝงตัวยามหัศจรรย์ ได้แก่ สาหร่ายไก ซึ่งเป็นสาหร่ายชั้นสูงที่มีคลอโรฟิลล์และแร่ธาตุซิลินิมสูง ต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติในการดักจับกลิ่นได้ดีมาก เช่นเดียวกับ ใบฝรั่งดอย ที่จะช่วยระงับเชื้อแบคทีเรีย และมีคลอฟิลที่มีคุณสมบัติดีกว่าใบฝรั่งพื้นราบ 10 เท่า


หรือแม้กระทั่งสมุนไพรพื้นถิ่นที่ซ่อนคุณประโยชน์ไว้มากมาย ซึ่งยังไม่แพร่หลายและรอการแปรรูปสู่การบริโภค อย่าง ฮ้อมเกี้ยวคำ สมุนไพรโบราณ ซึ่งคนทางเหนือใช้ตำ ทามือทาเท้าเวลาจะออกไปทำนา เพื่อป้องกันน้ำกัดมือกัดเท้า


พลังรักษาและต้านโรคของผักดอยนี่แหละเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ ทำให้พืชพันธุ์เมืองหนาวเป็นอาหารขึ้นโต๊ะคนเมือง



ขอบคุณข้อมูลจาก //women.sanook.com/health/herbal/herbal_54464.php




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2552 9:49:43 น.
Counter : 1083 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.