สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ผักหวาน








ผักหวานเป็นพืชที่ใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด และยังเป็นพืชสมุนไพร ผักหวานมี 2 ชนิด คือ ผักหวานบ้าน และผักหวานป่า เพื่อความเข้าใจผักหวานทั้ง 2 ชนิด ขออธิบายโดยสรุป ดังนี้

ผักหวานบ้าน (EUPHORBIACEAE:Sauropus abicans)

ผักหวานบ้านเป็นไม้พุ่มต้นเล็ก ๆ ใบคล้ายใบมะยม แต่มีนวลขาว ๆ บนหน้าใบ ดอกเล็กเป็น ช่อสีแดง ๆ ขาว ๆ คล้ายใบมะยมมาก แต่ ผลเล็กกว่า มีสีเขียวอ่อนนวล ๆ จานรอง ผลมีสีแดงเข้มติดห้อยย้อยตามกิ่งใต้ ใบน่าดูมาก ต้นสูงประมาณ 2-4 ฟุต มีขึ้นตามพื้นที่ลุ่มต่ำ และทั่ว ๆ ไป และปลูกกันบ้างตามบ้านสวน

ผักหวานป่า (OPILLACEAE :Melientha Suavis)

ผักหวานป่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมถึงขนาดกลาง ใบใหญ่ยาวคล้ายใบมะตูมผิวขาวนวล ผลกลม ๆ เล็ก ๆ สีแดงรับประทานได้ มีขึ้นเอง ตามป่าราบ มีทุกภาคในประเทศไทย ใบอ่อน ใช้รับประทานได้เช่นใบผักหวานบ้าน แต่รสหวานดี กว่าผักหวานบ้านมาก การเก็บใบผักหวานไปรับประทานต้อง ใช้การสังเกตและพิจารณาให้ละเอียด โดยมีต้นไม้ อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ต้นเสน" เป็นไม้ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ลำต้นออกมีสี หม่น ๆ และใบหนากว่ากันเล็กน้อย ใบต้น เสนถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้คลื่นเหียนอาเจียน คอแห้งอ่อนเพลียหมดสติ ถ้ากำลังน้อยอาจตายได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


วิธีการปลูก

ผักหวานบ้านเป็นพืชที่ปลูกง่ายนิยมใช้ต้นอ่อนมา ปลูกในสวน ริมรั้วบ้านหรือที่ใกล้แหล่งน้ำ ปลูกเพียง 4-5 ต้นก็นำใบมาปรุง อาหารได้

ผักหวานป่า เป็นพืชป่าที่ปลูกค่อนข้างมาก มี ผู้ทดลองปลูกหลายวิธี เช่น

1. นำเมล็ดที่ร่วงจากต้นใหม่ ๆ มา เพาะในถุงพลาสติกเมื่อเป็นต้นอ่อนแล้วย้ายไปปลูก ในหลุมดิน

2. นำต้นอ่อนที่ขึ้นอยู่ในป่ามา อนุบาลในถุงพลาสติก เมื่อโตพอควรแล้วย้ายลง หลุมที่เตรียมไว้

3. ตัดกิ่งมาเพาะชำในถุงพลาสติก ตั้ง ไว้ในเรือนเพาะชำจนติดรากแล้วย้ายลง หลุมดิน

อย่างไรก็ตามเมื่อย้ายต้นผักหวานจากที่เดิม ไปปลูกในหลุมดินที่เตรียมไว้ผักหวานมักเหี่ยว เฉาและตายในที่สุด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรากผักหวานมีปมจับจุลินทรีย์ใน ดินเมื่อปมเหล่านี้กระทบกระเทือนผักหวานก็ตาย ใน ปัจจุบันได้มีนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ค้นคิด ปุ๋ยจุลินทรีย์เร่งให้รากผักหวานผลิตปม จับธาตุอาหารให้แข็งแรง และสามารถเพาะผักหวานออก แพร่หลายอย่างได้ผลจนสามารถปลูกเป็นสวนต้น ผักหวานป่าได้
คุณค่าประโยชน์

3.1 คุณค่าด้านสมุนไพร แพทย์ตามชนบทใช้ รากผักหวานป่าเป็นยาระงับความร้อน ถอนพิษไข้ ซ้ำ ไข้กลับ เนื่องจากรับประทานของแสลงส่วนผักหวาน ป่านอกจากจะใช้รากเป็นยาสงบพิษร้อน กระสับกระส่าย ยังมีสรรพคุณแก้น้ำดีพิการแก้เชื่อมมัว

3.2 คุณค่าด้านอาหาร ผักหวานใช้เป็นอาหาร ได้หลายชนิดนับแต่ ต้มจิ้มน้ำพริกหรือ แจ่ว ผัด อ่อม และแกง


เครื่องปรุงแกงผักหวาน ประกอบด้วย

ผักหวาน หน่อไม้ ปลาย่าง ไก่สับ พริกสด หัวหอม กระเทียม ข้าวเบือ (ข้าเหนียวแช่น้ำ) เห็ด น้ำปลา น้ำปลาร้าต้ม ไข่มดแดง น้ำใบย่านางตำ พริก-หอม-กระเทียม ให้ละเอียดเติมข้าวเบือตำ ให้เข้ากัน คั้นใบย่านาง กรองเอาแต่น้ำ เอา น้ำพริกละลายในน้ำใบย่านางที่คั้นไว้ตั้ง ไฟ พอน้ำแกงเดือดจึงใส่ปลาย่าง หน่อไม้ ไก่ สับเป็นชิ้น น้ำปลาร้าต้ม เติมน้ำปลาปรุง รสตามต้องการใส่เห็ดลงไป พอแกงเดือดจึง ใส่ผักหวาน เติมด้วยไข่มดแดง เมื่อน้ำแกงเดือด จึงยกลงไม่ควรให้น้ำแกงเดือดนานเพราะ ผักหวานจะสุกเสียรสชาติ



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 10:38:29 น. 0 comments
Counter : 1665 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
15 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.