|
คื่นฉ่ายเป็นผักที่รับประทานส่วนของก้านและใบ คื่นฉ่ายมีกลิ่นหอม กรอบ หวาน รับประทานเป็นผักสด หรือนำไปประกอบอาหารชนิดต่างๆได้ ถิ่นกำเนิดที่ทวีปยุโรป เอเชียและอาฟริการเหนือ
ลักษณะโดยทั่วไป
คื่นฉ่ายเป็นผักล้มลุก ที่ใบ ก้านใบ ลำต้น รากและเมล็ดมีกลิ่นหอม คื่นฉ่ายเป็นผักที่ปลูกง่าย ควรมีการรดน้ำให้สม่ำเสมอ แต่อย่าให้แฉะจนเกินไปเพราะอาจทำให้เน่าเสียหายได้ หลังจากปลูกคื่นฉ่ายได้ 90 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยการใช้มือถอน ถ้าดินในแปลงแห้งควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นก่อนเพื่อที่จะได้ดึงสะดวกขึ้น คื่นฉ่ายที่ใช้ปลูกมี 2 ชนิด
1.คื่นฉ่ายพันธุ์จีน ลำต้นสั้น มีก้านใบเล็ก 1 ใบมีใบประกอบย่อย 3 - 7 ใบ
2.คื่นฉ่ายพันธุ์ฝรั่ง รูปร่างและขนาดใบใกล้เคียงกับคื่นฉ่ายพันธุ์จีน มีก้านใบอ้วนหนายาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร
การปลูก
คึ่นช่ายปลูกง่ายมาก เป็รไท้ล้มลุกอยู่ได้นาน 1-2 ปี ลำต้นและใบมีกลิ่นหอม ซึ่งเกิดจากน้ำมันหอมระเหย ชื่อ โลโมนินซีลินิน และสารฟธาไลเดส ที่เมื่อนำคึ่นช่ายไปปรุงอาหารก็จะหอมคึ่นช่าย ช่วยให้เจริญอาหารอย่างไม่รู้ตัว ปลูกก็ง่ายดาย เมื่อตัดส่วนที่จะใช้แล้ว คงเหลือโคนที่ติดรากเอาไปปักชำในดินร่วน รดน้ำทุกวันแต่อย่าให้น้ำขัง คึ่นช่ายก็จะแตกใบอ่อนขึ้นมาใหม่
คุณประโยชน์
คึ่นช่ายสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารและทานสดได้ จึงเป็นทั้งเครื่องดื่มและยาในเวลาเดียวกัน คึ่นช่ายมีโซเดียมที่ต่ำมาก และอุดมด้วยวิตามินมากถึง 34 มิลลิกรัม/100 กรัมที่บริโภค มีแคลเซียมถึง 151 มิลลิกรัม/100 กรัม นอกจากนี้คึ่นช่ายยังช่วยลดความดันเพราะมีสารพิเศษทำให้หลอดเลือดขยายตัว เมล็ดขอคึ่นช่ายยังช่วยขับลม ช่วยระงับอาการปวดได้ รากก็ใช้รักษาอาการปวดตามข้อ โรคเก๊าท์ และเป็นยาบำรุง
ข้อพึงระวังสำหรับคุณผู้ชาย
การทานคึ่นช่ายเพียงจำนวนไม่ถึงขีดจะทำให้จำนวนเชื้อสุจิลดลงถึง 50% จึงถือว่า การทานคึ่นช่ายเป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ แต่เมื่อหยุดทานแล้ว จำนวนเชื่ออสุจิจะค่อยๆเพิ่มจำนวนสูงขึ้นจนเข้าสู่ระดับปกติใน 8-13 สัปดาห์
| |