Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ทดสอบการสร้างบล็อคของช้าน
รับน้อง...ส่องทาง
เกาหลี กับการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิต
โตเกียว ครั้งแรก ตัวคนเดียว
กับหนังบางเรื่องที่ยังอิน
บ่น ๆ เพ้อเจ้อ เล่าโน่น เล่านี่ไปเรื่อย
สิงคโปร์คนเดียวครั้งแรก แถมนัดหนุ่มที่นั่นมาเที่ยวด้วย
เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว อ่านไปตอนนี้มันไม่ดีอ่านะ
มิตรภาพฟูฟ่อง...ที่ฮ่องกงครั้งแรก ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดียวในมาเลย์...ไม่เก๋อย่างที่คิด
เที่ยวคนเดียวในเมืองฝรั่ง และการเจอหนุ่มตี๋หลาย ๆ คนจาก dating app
<<
ธันวาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
31 ธันวาคม 2557
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
All Blogs
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
ในที่สุด เราก็ทำแผนเที่ยวโตเกียวครั้งแรกคนเดียวเสร็จแล้ว สำหรับคนชอบเที่ยวสวนและตลาดนัดอย่างเรา
จะไปเที่ยวโตเกียวครั้งแรก แถมไปคนเดียว สนใจไม่กี่อย่างแต่สถานที่มันเยอะเหลือเกิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เพื่อความต่อเนื่อง
ไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
วันนี้เราต้องเปลี่ยนโฮส
หลังจากนอนบ้านโฮสคนแรกมา 2 คืนแล้ว
ตอนแรกแพลนไว้คือนอน 2 คืน
แล้วนอนบ้านโฮสอีกคนนึง 3 คืน
แต่คืนสุดท้าย เราต้องออกจากห้องเค้าเร็ว
เพราะเป็นเช้าวันจันทร์ โฮสเราก็ต้องออกไปทำงานแต่เช้า
ก็ต้องออกแต่เช้าพร้อมเค้า
แต่เราบินตอนเย็น
จะเอาข้าวของไปฝากตู้ตอนเช้าแล้วไปเที่ยว
ตอนเย็นต้องแบกข้าวของขึ้นรถใต้ดินในชั่วโมงเร่งด่วนไปเจอโฮสตอนทุ่มนึง
มันดูจะไม่ไหว
เลยเปลี่ยนแผน
คืนสุดท้าย คืนวันอาทิตย์ เราขอกลับมานอนกับโฮสคนแรกดีกว่า
แล้วเอาของที่จำเป็นไปก็พอ แล้วเราจะได้ฝากกระเป๋าใหญ่ไว้บ้านนี้เลย
เพราะจริง ๆ โฮสคนแรกตอบเรากลับมาช้ามาก แค่ไม่กี่วันก่อนบินว่าเราสามารถพักบ้านเค้าได้ทั้ง 5 คืนเลย
เราก็ตอบรับว่าจะนอนกับโฮสคนที่ 2 คืนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ไว้แล้ว
เลยเปลี่ยนแพลนแค่คืนสุดท้าย กลับมานอนกับโฮสคนแรก
เอาแค่ของจำเป็นไป
แต่ขนาดแค่เอาของจำเป็นไปนะ ยัง 2 ถุงผ้าใหญ่ ๆ แน่ะ
เพราะถุงผ้าใบนึงคือของฝากโฮสจากเมืองไทย หนักประมาณ 5 กิโลได้มั้ง
อีกถุงผ้านึงคือพวกเสื้อผ้า ของอาบน้ำที่จะเอาไปนอนกับเค้า 2 คืน
ไหนจะเป้เล็ก ๆ บนหลังอีก 1 ใบที่ติดตัวเที่ยวทุกที่ตลอดเวลา
กลายเป็นบ้าหอบฟางมาก มีตั้ง 3 กระเป๋า
แพ็คเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่กลางคืน เพิ่มเติมนิดหน่อยตอนเช้า
แล้วก็มานั่งกินข้าวเช้ากับโฮสบ้านนี้ก่อนจากเค้าไป 2 คืน
หน้าตาข้าวเช้าจ้ะ
ก่อนออกจากบ้านก็ร่ำลาคนในบ้าน ทั้งพ่อ แม่ แต่โฮส และน้องสาวออกไปทำงานก่อนแล้ว
แม่เค้านะ
มาส่งเราหน้าบ้านแล้วก็นั่งพับขาแบบคนญี่ปุ่น แล้วก็โค้งเราพร้อมคำพูดญี่ปุ่นด้วยอ่ะ
ประมาณนี้
เรานี่ตกใจใหญ่เลย รีบเข้าไปบอกเค้าว่าไม่ต้องทำแบบนี้
แต่มันคงเป็นวัฒนธรรมบ้านเค้าน่ะนะ พูดญี่ปุ่นแล้วก็โค้งเราหลายรอบมาก
เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ยืนโค้งตอบเค้าแบบหัวจะติดหัวเข่าไปหลาย ๆ รอบ
แล้วก็บ๊าย บายเค้า มุ่งหน้าสู่รถไฟใต้ดิน
แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปสถานี Shinjuku เพื่อไปฝากสัมภาระ 2 ถุงใหญ่
แล้ววกกลับมาที่สถานี Shinjuku gyoemmae Station
เพื่อไปเที่ยวเล่นในสวน Shinjuku Gyoen National Garden
แล้วต่อด้วยการไปเดินเล่นที่ KICHIJOJI แล้วไปเดินเล่นในสวน INOKASHIA KOEN แถวนั้น
ถ้ามีเวลาเหลือก็จะไปเดินเล่นย่าน KOENJI เพื่อดูเสื้อผ้ามือสอง
พอขึ้นรถไฟใต้ดินได้ที่นั่งปั๊บ
ปฏิบัติการถ่ายรูปชาวญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้นทันที
แล้วก็มาสะดุดรัก ปิ๊งปั๊งกับหนุ่มที่นั่งเยื้อง ๆ ตรงหน้า
โอ๊ย หนุ่มคนนี้เดินออกมาจากฝันเราหรือยังไง
สเป๊คเลยให้ตายสิ
แต่ก็ทำได้เพียงแอบถ่ายรูปเค้ามา
เปลี่ยนคนนั่งจากคุณลุง เป็นคุณป้า ก็ยังไม่เลิกถ่าย
จนเค้ารู้ตัว
จนคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ เค้ารู้ตัวก็ไม่ยอมหยุดถ่าย
คือถ่ายทุกสถานีน่ะ ตั้งแต่มันอยู่ใต้ดิน ลัดขึ้นมาบนดินก็ถ่าย บ้ามากเลย (ตอนนี้ก็ยังบ้าหนุ่มคนนี้อยู่ อิอิ)
อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เกือบ ๆ 9 โมงเช้า
แล้วหนุ่มคนนั้นก็ลงไปที่สถานี Shinjuku gyoemmae Station ที่เราจะไปพอดี
แต่เราต้องเลยไปอีก 1 สถานีเพื่อไปฝากข้าวของก่อน
ที่ต้องฝากสถานีนั้นก็เพื่อตอนเย็นไปบ้านอีกโฮสนึงเราก็เปลี่ยนสถานีที่นั่นด้วย
จะได้ย้อนไปย้อนมาแค่ครั้งเดียวตอนเช้า
เราก็ได้แต่มองหนุ่มคนนั้นลงไปอย่างเพ้อ ๆ ว้า
ถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีก
มาเล่าให้โฮสทั้งที่แรกและที่ ๆ สองและคนญี่ปุ่นที่ไปเที่ยวด้วยกันวันเสาร์
ทุกคนบอกตรงกันว่า ทำไมไม่เข้าไปทักทาย
เพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ไงว่าเค้ามีแฟนรึยัง ไม่ต้องเสียดายโอกาสและอยู่กับความเสียดาย
โดยธรรมชาติ ผู้ชายญี่ปุ่นจะขี้เก๊กและขี้อาย
แอบถ่ายเค้าก็คงไม่กล้าทำอะไรหรอก
เดินเข้าไปคุยก็ดูน่ารักดี เพราะถ้ารอเค้าเข้ามาคุยคงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
โอ๊ย ไซโคซะจนเสียดาย เสียดายแล้ว เสียดายอีก
จนนั่งพิมพ์ตอนนี้ก็ได้แต่เสียดาย เสียดายว่าจริง ๆ เราน่าจะทำอะไรเนอะ
อยู่เมืองนอก ไม่มีใครรู้จักเรา แล้วเราก็ไม่มีอะไรจะเสียด้วย เฮ้อ
ได้แต่เก็บความประทับใจในตัวหนุ่มคนนี้ด้วยรูปถ่ายแล้วกัน
ขอเชื่อตามภาษิตจีนที่ว่า
"หากมีวาสนาแม้ห่างกันพันลี้ยังได้พบหน้า หากไร้วาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่พบเจอ 有缘千里来相会,无缘对面不相逢
แต่จริง ๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะมีคำพูดนึงว่า อิจิโกะ อิจิเอะ... (一期一会) ซึ่งหมายถึง การเจอเพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวในชีวิต แล้วไม่เจอกันอีก
เวง ฉันจะเชื่ออะไรดีเนี่ย (ยังเพ้อไม่เลิก ขนาดผ่านมาตั้ง 4 เดือนแล้ว ฮา ๆ)
แล้วเราก็ได้ไปฝากสัมภาระสมใจ
ต้องถ่ายรูปสถานที่รอบตัวเอาไว้
เพราะมีหลายคนขู่ว่าระวังจะหาตู้ฝากไม่เจอ
เพราะที่สถานีนี้มันมีเยอะมาก แล้วหน้าตาเหมือนกันหมด
ถ้าไม่ถ่ายรูปเอาไว้ สุดท้ายอาจจะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงตามหาเลยทีเดียว
ไอ้เราก็เลยถ่ายหมด กันไว้ดีกว่าแก้
แล้วก็รีบตรงดิ่งกลับไปหาน้องหมวยจีนที่เที่ยวด้วยกันเมื่อวาน
ที่เค้ายอมเที่ยวกับเราอีกครึ่งวัน
เพราะเค้าบอกว่าอีกวันเค้าต้องไปเสิร์ฟอาหาร
เค้าขอเวลาพักขาซักครึ่งวัน
เพราะเที่ยวกับเราเมื่อวานมันโหดมาก
ไปหลายที่แล้วเดินทั้งวันเป็น 10 ชั่วโมงเลย
ถ้าวันนี้ทำแบบนั้นอีก เค้ากลัวไปทำงานไม่ไหว
แล้วน้องเค้าก็เล่าให้ฟังว่า
คนญี่ปุ่นใช้เค้าคุ้มสุด ๆ ไปเลย
เพราะเค้าไม่มีเวลายืนหรือนั่งว่างเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ถ้าลูกค้ายังไม่เข้าก็ต้องปัด กวาด เช็ด ถู จัดโน่น นี่ นั่น
ทำเสร็จแล้ว เจ้าของก็จะมีงานอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อไม่ให้เรามีเวลาว่างตั้งแต่เริ่มงานยันเสร็จงานเลย
แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกร้าน ทุกที่ ตามมาตรฐานคนญี่ปุ่น
ซึ่งเข้ามาแรก ๆ น้องเค้าก็ไม่ชิน แต่ตอนนี้ชินละ
มาตรฐานคนญี่ปุ่นเลยจะสูงมากในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการบริการ
ทุกอย่างต้องเยอะ ต้องเนี้ยบ ต้องเป๊ะ แค่โค้งคำนับ เสื้อผ้าการแต่งกาย หรือน้ำเสียงต้อนรับยังต้องเนี้ยบเลยคิดดู
เราจึงไม่เคยเห็นพนักงานขายญี่ปุ่นยืนว่าง สุมหัวเม้าอะไรเวลาไม่มีลูกค้าเหมือนคนไทยเลย
มีแต่บริการที่ประทับใจ เฮ้อ คิดถึงญี่ปุ่นจุง
หลังจากเจอน้องเค้าแล้ว
เราก็ไปเดินเล่นในสวน Shinjuku Gyoen National Garden กันทันที
แต่ฟ้าฝนดันไม่เป็นใจ ฝนตกแต่ 9 โมงเช้าเลย
แล้วมันก็ตก ๆ หยุด ๆ ปรอย ๆ ท้างงวัน เพราะไต้ฝุ่นเข้าวันแรก
ไปซื้อตั๋วก่อน ค่าเข้า 200 เยน
เป็น 200 เยนที่คุ้มมากกก
เพราะสวนมันใหญ่มากกกก
จะเรียกว่าป่าก็ได้นะ
เดินทั้งวันก็ไม่หมด
เราเดินครึ่งวันก็ต้องจรลีละ เพราะมันเมื่อยมาก และเอียนกับความเขียวไปเลย
ตรงที่โล่งจะใหญ่เหมือน ๆ สนามกอล์ฟเลย
ตรงที่มีต้นไม้เยอะ ๆ เหมือนป่าเลย แล้วเสียงแมลงเยอะมาก หึ่งไปหมดทั้งสวน
เราว่าไม่น่าเรียกสวนเลยนะ เพราะมันใหญ่เกินกว่าคำว่าสวนเลย
สวนลุม สวนรถไฟบ้านเรา เด็ก ๆ ไปเลย
แล้วต้นไม้ที่นี่ใหญ่โต อายุหลายร้อยปี
มีแยกย่อยหลายสวนเล็ก ๆ ด้วยนะ
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดสวนทั้งแบบญี่ปุ่น, แบบอังกฤษ และ แบบฝรั่งเศส
แต่รู้สึกว่าเราไปแต่สวนญี่ปุ่นมั้ง
แค่เดินไปสวนญี่ปุ่น ถ่ายรูป 2 ข้างทางก็หมดไป 2-3 ชั่วโมงแล้ว
เพราะแต่ละสวนจะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน
แล้วมันมีทางเข้า ออก ทางเดียว
ถ้าเราเดินเข้าไปไกลมาก เราก็เดินออกมาไกลมากเช่นกัน
แถมฝนก็ตกเป็นระยะให้ต้องวิ่งหลบฝนกันอีก มันเลยยิ่งเสียเวลา
รูปก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะไม่มีแดด
แต่ก็ถ่ายมาเยอะเหมือนกัน
ในรูปอาจจะมองไม่รู้ว่ามันใหญ่ แต่จริง ๆ มันใหญ่มากกกก เดินเหนื่อยอ่ะ ขนาดเป็นคนชอบเดิน และชอบสวนนะเนี่ย
อยากเดินในครบ แต่ถอดใจเลย
เข้ามาปุ๊บก็เจอต้นไม้โดนห่อเลย
เค้าห่อทำไม มิมีใครรู้ได้ แต่ผ้าที่ห่อมีสีเดียว มิใช่ 3 สี
ดังนั้น คนญี่ปุ่นคงไม่ได้มาขอหวยกับต้นนี้หรอกเนอะ
เดินลึกเข้าไป
2 ข้างทางเป็นที่โล่งกว้าง ซึ่งกว้างมาก กว้างกว่าสนามกอล์ฟอีกก
ผ่านที่โล่งก็มาเจอที่ทึบ เต็มไปด้วยต้นไม้ ชื้น ๆ แฉะ ๆ หน่อยในวันฝนโปรย
แมลงร้องเสียงดังมากก และแมลงก็เริ่มกัดขาพวกเรา 2 คนแล้วววว
มีหนุ่มพนักงานเดินผ่านมา รีบแอบถ่าย หน้าตาดีนะเนี่ย
อยู่ในนี้แทบไม่เดินเจอคน
เพราะมันใหญ่มากกก อย่างที่บอก คนก็เลยกระจัดกระจาย
แล้วมันเป็นสายวันทำงานด้วยมั้ง นาน ๆ จะเจอคนซักที
อยู่ในสวนหลายชั่วโมง เจอคนยังไม่ถึง 10 คนเลย
เจอน้อง ๆ หนุ่ม ๆ นี่ก็เสร็จเจ้สิ ถ่ายมาไว้ทำ collection ฮา ๆ
สวนนี้อยู่ในเมืองเลยนะ
ที่คงแพงมาก แต่คนญี่ปุ่นก็ไม่ทำลายต้นไม้
ทำให้เรารู้ว่า ในบ้านเมืองเค้า คนกับป่า อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน
เช่น ภาพนี้
แล้วเราก็เสพย์ความเขียวกันให้ชุ่มปอด
ชอบภาพนี้นะ อย่างกะโปสการ์ดเลย
อันนี้น่าจะเป็นการจัดสวนแบบญี่ปุ่น มีศาลาด้านบนด้วย
เจอหนุ่มต้องรีบถ่าย แหะ ๆ
ชอบภาพนี้นะ อย่างกะโปสการ์ดเลย
มุมนี้มีสะพานมาเป็นพร็อพ
ต้นไม้เป็นพุ่ม ๆ เหมือนก้อนหินหลาย ๆ ก้อน น่ารักดี
ทางออก ด้านหน้า เป็นร้านขายของที่ระลึก หรือร้านขนมเนี่ยแหละ ไม่ได้เดินเข้าไปดู
แล้วเราก็ออกจากสวนตอนเที่ยง ๆ
เข้าร้านสะดวกซื้อ
มีจุดให้ยืนต่อคิวด้วย
เอิ่ม
แล้วนี่อะไร
โจ๋งครึ่มเลยทีเดียว
แฟชั่นหนุ่มสาวญี่ปุ่นวัยทำงานตอนเที่ยง ๆ
ที่กางนี่ เพราะกันแดดนะจ๊ะ เพราะฝนหยุดตกแล้ว
แล้วต่อรถไฟบนดิน ได้เห็นวิวกันมั่ง
บรรยากาศระหว่างรอรถ
ลาไปด้วยภาพโฆษณาอันนี้แล้วกัน
อยู่โตเกียวมานี่ ไม่ค่อยเห็นหนุ่มสาวอ้วน ๆ เลยนะ
โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ซาลาริมัง มีแต่ผอม ๆ เนี้ยบ ๆ ให้น้ำลายหกได้ทุกวี่วัน ๆ ละหลายรอบ แหะ ๆ
เดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปเที่ยว KICHIJOJI กับสวนที่อยู่ตรงนั้น พร้อมหนุ่ม ๆ ญี่ปุ่น (ที่ขาดไม่ได้ซักตอน ประมาณว่ามันเยอะกว่าสถานที่เที่ยวอีก ทำไงได้ เจ้าของบล็อคบ้าหนุ่มญี่ปุ่น) หุหุ
ติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
Create Date : 31 ธันวาคม 2557
Last Update : 25 พฤษภาคม 2558 19:14:22 น.
6 comments
Counter : 4283 Pageviews.
Share
Tweet
แอบฟิน อิอิ
โดย:
สมาชิกหมายเลข 1157200
วันที่: 31 ธันวาคม 2557 เวลา:23:14:41 น.
รอติดตามจ้า
โดย: คนช่างฝัน IP: 14.207.247.52 วันที่: 1 มกราคม 2558 เวลา:10:09:41 น.
หนุ่มหน้าตาดีจังค่ะ เป๊กเลย 555
แม่โมก็เจอเป๊กคนนึงคะ แถวชินจูกุ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เลยได้แต่เพ้อน่ะคะ เจออีกคนที่ พาร์มเมอร์สตันนอร์ท หนุ่มญี่ปุ่นเหมือนกัน ได้แต่เพ้อเช่นเคย
ว่าแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวนะคะ อะแฮ่ม
โดย:
mariabamboo
วันที่: 4 มกราคม 2558 เวลา:12:44:50 น.
แหมๆ ถ่ายรูปเค้าจนเค้ารู้ตัวเลยนะลีลี
ตอนเราไป ก็เจอหนุ่มๆ น่ารัก น่าถ่ายรูปเหมือนกัน
ติดอย่างเดียว .... ไปกะซะมี
โดย:
copo de nieve
วันที่: 15 มกราคม 2558 เวลา:22:30:36 น.
แวะมาบอกว่า อย่าลืมเตรียมคอนซีลเลอร์นะจ๊ะ แพนด้าบุกแน่เมื่อลีลีจะคืนสังเวียนซีรีย์เกาหลี อิอิ
โดย:
copo de nieve
วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:12:32:26 น.
"หากมีวาสนาแม้ห่างกันพันลี้ยังได้พบหน้า หากไร้วาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่พบเจอ"
อ้ากกก มันช่างบาดใจ สะเทือนใจข้ายิ่งนักเพื่อนรัก (อิอิ)
ปล.1 หนุ่มตี๋ น่ารักมากๆค่ะ (ชอบสไตล์หนุ่มตี๋ เอเชียเหมือนกันเลยจ้ะ)
ปล.2 ต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นมาก น่าไปเดินเล่นให้ลมปะทะหน้าชิลๆจังค่ะ
โดย:
nobuta wo produce
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:23:08:12 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [
?
]
ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.