Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ทดสอบการสร้างบล็อคของช้าน
รับน้อง...ส่องทาง
เกาหลี กับการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิต
โตเกียว ครั้งแรก ตัวคนเดียว
กับหนังบางเรื่องที่ยังอิน
บ่น ๆ เพ้อเจ้อ เล่าโน่น เล่านี่ไปเรื่อย
สิงคโปร์คนเดียวครั้งแรก แถมนัดหนุ่มที่นั่นมาเที่ยวด้วย
เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว อ่านไปตอนนี้มันไม่ดีอ่านะ
มิตรภาพฟูฟ่อง...ที่ฮ่องกงครั้งแรก ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดียวในมาเลย์...ไม่เก๋อย่างที่คิด
เที่ยวคนเดียวในเมืองฝรั่ง และการเจอหนุ่มตี๋หลาย ๆ คนจาก dating app
<<
ตุลาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
11 ตุลาคม 2557
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
All Blogs
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
ในที่สุด เราก็ทำแผนเที่ยวโตเกียวครั้งแรกคนเดียวเสร็จแล้ว สำหรับคนชอบเที่ยวสวนและตลาดนัดอย่างเรา
จะไปเที่ยวโตเกียวครั้งแรก แถมไปคนเดียว สนใจไม่กี่อย่างแต่สถานที่มันเยอะเหลือเกิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เพื่อความต่อเนื่อง
ไปอ่านตอนแรกได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
หลังจากกระหืดกระหอบขึ้นรถบัสราคา 1 พันเยนได้แล้ว
ไม่มีแม้แต่เวลาจะใช้ free wifi ที่สนามบินส่งข่าวบอกที่บ้าน
เอาวะ ถ่ายรูปเล่าเรื่องไปพลาง ๆ ก็ถ่ายแบบปิดเสียงไป
บรรยากาศบนรถ
เราถ่ายไม่เนียนเลย ประมาณว่าแอบถ่าย selfie แต่จริง ๆ อยากถ่ายคนญี่ป่นบนรถ
ดูสิ เค้าจับได้ ฮา
แล้วก็ถ่ายรูปเวลา 5 โมงกว่าหน้าร้อนบ้านเค้าไปเรื่อยเปื่อย
เวลาที่เราเข้าเมืองเริ่มเป็นเวลาเร่งด่วนของชาวโตเกียว
เวลารถติดตรงไหน คนขับก็จะเปิดคำพูดขอโทษประมาณว่า ขณะนี้รถติดทางข้างหน้า ขออภัยที่อาจจะล่าช้า ประมาณนั้น
Disney จ้ะ
สองข้างทางที่ญี่ปุ่น เราว่าไม่ต่างจากไทยเท่าไหร่ในด้านตึกสูง
แต่เขียวกว่ากันเยอะ
แต่จิตสำนึกคนข้ามถนนที่ต่างกันคนละโลก
วิวจากบนรถบัสอันตื่นตาตื่นใจของการมาครั้งแรกของเราค่ะ
รถบัสไปถึงใกล้ ๆ สถานีโตเกียวประมาณ 6 โมงครึ่ง
เรานัดโฮสคนแรกไว้ทุ่มครึ่ง ยังพอมีเวลาเดินเล่น
อย่างแรกที่ต้องทำเลยคือ หาที่ฝากกระเป๋า
ซึ่งเราได้รับรู้มาว่า สถานีโตเกียว เป็นสถานีที่ใหญ่มาก
ที่ฝากกระเป๋าเยอะ แต่มันดูเหมือน ๆ กันหมด
แต่ตู้สำหรับฝากกระเป๋าใบใหญ่ 28 นิ้วของเรามีน้อยมาก และส่วนใหญ่จะเต็ม
โฮสของเราเลยแนะนำว่าให้ไปฝากที่ห้างไดมารู ชั้น 5 ที่เค้ามีให้ฝากกระเป๋าดีกว่า
สนนราคาก็พอ ๆ กันคือ 500 เยน
การผจญภัยหาห้างจึงเริ่มขึ้น พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเก่า 2 ล้อ มิใช่ 4 ล้อลากของเราซึ่งหนักอึ้ง
(16 กิโลกว่า ๆ ของเรา ๆ ก็รู้สึกหนักอึ้งนะจ๊ะ เพราะว่ามีเป้บนหลังอีก 1 ใบและถึงผ้าใส่หมอนรองคอใบยักษ์ซึ่งเกะกะมากอีก 1 ใบ)
จริง ๆ การผจญภัยเริ่มตั้งแต่หาสถานีโตเกียวเลย
เพราะรถบัสไม่ได้จอดหน้าสถานี มันต้องเดินข้ามถนนและเดินไปอีกซักพักเพื่อเข้าทางด้านหลังของสถานี
สิ่งประทับใจอย่างแรกของการมาเหยียบโตเกียวของเราก็คือ
คนต่อคิวขึ้นรถบัสอย่างเป็นระเบียบมาก และการต่อคิวต่าง ๆ จนชินตาแม้แค่ 5 นาทีของการมาเหยียบโตเกียวครั้งแรกของเรา
ต่อมาก็คือฟุตบาท
เพราะฟุตบาทบ้านเราเรียบร้อยมาก
ใครมีกระเป๋าล้อลาก สามารถลากขึ้น ลงฟุตบาทเพื่อข้ามถนนได้อย่างสบาย ประทับใจโครต ๆ
อาจจะไม่มีภาพให้เห็น เพราะสภาพตอนนั้นคือ ตื่นเต้น ตกใจ กังวล พร้อมกับสัมภารกเต็มมือ เต็มหลัง ไม่เหลือมือให้ควักมือถือออกมาถ่ายเพื่อสนองความประทับใจนั้นได้เลย
และแล้วก็มาถึงสถานีโตเกียว
สิ่งแรกที่ต้องหาเลยก็ห้างจะต้องฝากกระเป๋าอย่างที่บอก
ซึ่งหาไม่ยาก เพราะห้างเชื่อมกับสถานีเลย
แต่....
ที่ฝากกระเป๋าอยู่ตรงไหน
เราได้เรียนรู้ว่า ในห้างญี่ปุ่น พื้นที่แคบมาก
อาจจะเพราะเราลากกระเป๋าเดินทางด้วย แต่มันก็แคบกว่าห้างบ้านเราอย่างเห็นได้ชัด
คือถ้าเราลากกระเป๋าเดินทางเดินตามแผนกต่าง ๆ ทางเดินจะเต็ม
คนที่เดินสวนมาต้องรอให้เราเดินไปก่อนเลยทีเดียว
นี่คือชั้น 5 แผนกรองเท้าสตรีของห้างนะ
วนหาอยู่นานมาก จริง ๆ ห้างมันก็ไม่ใหญ่นะ แคบนิดเดียว เดินวนแป๊บเดียวก็หมด
แต่ที่ฝากกระเป๋าอยู่ไหน
เลยตัดสินใจถามคนญี่ปุ่น
ดีนะ ที่เค้าเห็นกระเป๋าเดินทาง ไม่อย่างนั้นคงคุยกันจนเมื่อยมือ เพราะเค้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเบย
พอไปถึง โอ้ว ถึงบางอ้อ มันเป็นเคาร์เตอร์เล็ก ๆ เล็กมาก ประมาณ 1 เมตรเท่านั้น
แล้วก็มีวัยรุ่นต่อคิวอยู่เกือบ 10 คนได้
ตอนแรกเราก็ไปต่อคิวหลังสุดนะ แต่มันช้าจัง
แถมไม่รู้ว่าต่อถูกคิวรึเปล่า แต่จริง ๆ มันก็มีแค่ไลน์เดียวนั่นแหละ
อย่ากระนั้นเลย ถามดีกว่า
ถามน้องวัยรุ่นคนแรก ไม่รู้เรื่องจ้ะ
แต่ดีนะ ที่เค้ามากันเป็นกลุ่ม เค้าก็ไปตามเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาพูด
เค้าบอกว่า ไม่ต้องต่อคิว เพราะคิวนี้คือคิวที่จะฝากกระเป๋าไปที่ไหนซักแห่ง
ไม่ใช่ฝากไว้ที่เคาร์เตอร์นี้
น้องเค้าก็เลยพาเราไปคุยกับเจ้าหน้าที่เลย ซึ่งก็แปลไปแปลมา ได้ความว่าฝากได้เลย
ชิ้นละ 500 เยน ตอนแรกกะว่าจะผูกได้ถุงผ้าไว้ด้วยเป็น 1 ชิ้นซะหน่อย แต่เค้าบอกว่าไม่ได้ ๆ คิดเป็นชิ้น เลยฝากแค่กระเป๋าเดินทางแค่ใบเดียว
ห้างจะปิด 2 ทุ่ม ให้มารับกระเป๋าก่อน 2 ทุ่มนะจ๊ะ ขอชื่อกับเบอร์โทรด้วย
เราก็เลยให้ชื่อกับเบอร์โทรโฮสที่เราจะนอนด้วยคืนนี้ไป ซึ่งเราก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเค้าเลย ฮา
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เคาร์เตอร์ที่เราฝากกระเป๋านี้คือบริษัทแมวดำ ที่คนไทยชอบใช้บริการฝากกระเป๋าไปสนามบิน หรือไปต่างเมืองเนี่ยแหละ
หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จ เราก็ขอบคุณหนุ่มมหาลัยคนนั้นพร้อมกับเพรสรสลาบกับต้มยำกุ้งให้เค้าไปลองชิมกันกับเพื่อน ๆ
เราได้เรียนรู้ว่า การที่เราหอบเอาขนมไทย ๆ มาก็เพื่อการนี้เนี่ยแหละ
น้ำใจจากคนญี่ปุ่น แลกกันกับน้ำใจคนไทย เด็ก ๆ ดูตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะเพรสมันมีภาษาญี่ปุ่นด้วย แต่ที่ญี่ปุ่นไม่มีขาย 2 รสนี้นะจ๊ะ
แล้วเราก็เดินตัวปลิวกว่าเมื่อกี๊ ไปถ่ายรูปบรรยากาศในห้างดีกว่า ระหว่างรอโฮส
แต่ไม่ค่อยตื่นตาเท่าไหร่ เพราะเราว่ามันแพงง่ะ
ขนมที่นี่มีให้ชิมทุกตัวเลย ดีจัง
เพราะเข้าใจนะ บางครั้งเห็นสวย ๆ แต่กินไม่อร่อย
ถ้าเป็นแบบนี้ในบ้านเรา หมดภายในครึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง ให้ชิมฟรีแถมตักได้เองแบบนี้
คงทำที่บ้านเราโดยไม่มีพนักงานไม่ได้หรอก
หลังจากเดินรองห้างชั้นขนมแล้ว ก็ยังพอมีเวลาไปซื้อบัตร suica ที่ตู้ขายบัตร JR ในสถานีซะเลย
เดินออกมาก็ต้องผงะกับฝูงชนที่เริ่มเลิกงาน เดินกันขวักไขว่
พร้อมกับอาการงงกับการซื้อบัตร suica ดีนะที่มันเป็นภาษาอังกฤษ
ใช้เวลาศึกษาประมาณนึง ก็เกรงใจคนข้างหลังนะ แต่คิดว่าเค้าเข้าใจว่าเราเป็นต่างชาติ
เพราะเสียงที่ออกมาจากเครื่องอันดังมาก ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
หลังจากซื้อบัตรเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาหา free wifi เพื่อส่งข่าวบอกที่บ้านและโฮสว่าเรามาถึงแล้ว
free wifi ก็ค่อนข้างโอเคเลยนะ ถ้าอยู่ในสถานีใหญ่ ๆ มันหาง่ายมาก แต่มันก็ดับง่ายมาก ถ้าเราเดินออกมาเพียงนิดเดียว
แค่ว่าเดินจะแตะบัตรออก wifi หาไม่เจอแล้ว
เราก็ส่งข่าวบอกที่บ้านกับโฮสแล้ว เราก็ลั้นลา ไปดูไฮไลท์ของสถานี่โตเกียวที่เราลิสมาดีกว่า
นั่นก็คือ First Avenue Tokyo Station ตรง Tokyo character street!
มันเป็นชั้นของร้านขายตัวการ์ตูน ตกแต่งน่ารัก ๆ ซึ่งจริง ๆ เราเป็นคนไม่อ่านการ์ตูน แล้วก็ไม่ค่อยบ้าของกิ๊ฟช็อปเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าของพวกเรามันแพงเกินจริง
แต่เราไปถ่ายรูปเอามาลงบล็อคเผื่อทุกคนจ้า
สาว ๆ ต่อคิวอะไรยาวเหยียด
อ้อ เค้ามีเซลนี่เอง คิวยาวมาก ทั้งในร้านและก็เลยออกมานอกร้าน
ไม่มีใครบ่น คุยเสียงดัง หรือ แซงคิว ต่อคิวกันอย่างอดทนและมีมารยาทมากกก
คิวนี้ยังเด็ก ๆ เดี๋ยวตอนหน้าเอารูปการต่อคิวร้านอาหารมาให้ดู
ประทับใจมากกก
วันนี้รูปเยอะไปละ ขอจบตอนนี้ไว้ตรงนี้ก่อนดีกว่า
ช่วงนี้ห่างหายจากการอัพบล็อค เพราะประสบอุบัติเหตุที่ข้อมือนิดหน่อย
ทำให้พิมพ์ไม่ได้เลย เจ็บมาก นี่ก็ฝืนพิมพ์นะเนี่ย ไว้อีกซัก 1-2 เดือนหายดีก่อนจะมาเล่าให้เยอะกว่านี้นะ
ปล. บล็อคเราจะเต็มไปด้วยการแอบถ่ายคนญี่ปุ่นที่เราเดินผ่านนะคะ ไม่ใช่อะไรหรอก เราชอบคนญี่ปุ่นมาก โดยเฉพาะหนุ่มญี่ปุ่น เรารู้สึกว่าหนุ่ม ๆ ซาลาริมังอายุ 20-30 ญี่ปุ่น หน้าตาดีครึ่งนึงเลย คือเวลาเดินมาเป็นกลุ่มคน ครึ่งนึงจะหน้าตาดี เอ๊ะ หรือว่าสเป๊กหนุ่มในหัวเราเป็นแบบหนุ่มญี่ปุ่นก็ไม่รู้ เราเลยรู้สึกเพลิดเพลินมาก คือเรารู้สึกว่าหนุ่มออฟฟิศญี่ปุ่นแต่งตัวดีมาก เนี้ยบมาก เสื้อ กางเกงเข้ารูปรองเท้า ทรงผมเป๊ะ เราอยู่ที่นี่ 5 วัน เราแทบไม่เคยเห็นหนุ่มออฟฟิศญี่ปุ่นอ้วนเลย มีแต่รูปร่างผอมบาง แต่อาจจะไม่สูงมาก แต่เราก็กรี๊ดมาก กรี๊ดทุกวัน เช้า กลางวัน เย็นที่เดินผ่านหนุ่มญี่ปุ่น ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรูปในมือถือ 5 วันในโตเกียวคนเดียวครั้งแรกของเราจึงมาประมาณ 3 พันกว่ารูป แหะ ๆ
ติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
Create Date : 11 ตุลาคม 2557
Last Update : 25 พฤษภาคม 2558 19:15:24 น.
1 comments
Counter : 6947 Pageviews.
Share
Tweet
น่ารักตรงที่มีขนมเพรสจากเมืองไทย(ที่มีตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่น) หอบหิ้วไปฝากเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ระหว่างทางด้วยนี่ล่ะจ้ะ
คนไทยก็นิสัยน่ารักมุ้งมิ้ง ไม่แพ้ใครในโลกนะ ขอบอก
อิอิ
ปล. เราก็ชอบหนุ่มๆญี่ปุ่นจ้ะ
เสพเป็นงานหลัก
อร้ายยย (มือป้องหน้า 55) ^^
โดย:
nobuta wo produce
วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:19:57:05 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [
?
]
ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
คนไทยก็นิสัยน่ารักมุ้งมิ้ง ไม่แพ้ใครในโลกนะ ขอบอก
อิอิ
ปล. เราก็ชอบหนุ่มๆญี่ปุ่นจ้ะ
เสพเป็นงานหลัก
อร้ายยย (มือป้องหน้า 55) ^^