เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เพื่อความต่อเนื่องไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกหลังจากช่วงเช้าเราไปชมสวนกันแล้วตอนเที่ยง เราก็อยากจะไปชมสถานีรถไฟบ้างจริง ๆ เมื่อคืนก็นัดเจอโฮสที่สถานีนี้นะ แต่มันดึกแล้วเลยไม่เห็นสถาปัตยกรรมใด ๆ เลยวันนี้เลยต้องมาจัดซะหน่อย กับสถานีโตเกียวจุดเชื่อมต่อรถไฟและรถทัวร์หลายสาย จอกแจก จอแจดีนักแลแต่ตอนนี้มันตอนเที่ยง คนก็ไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ได้ถ่ายรูปท่ามกลางอากาศร้อนสะบัดไม่ต่างจากเมืองไทยแต่ก็ใหญ่โตสวยจริง อะไรจริง ทั้งภายนอกและภายใน ตะวันตกดีจริง ๆภายในสถานีจะคล้าย ๆ ห้างหรือช้อปปิ้งพลาซ่าเลย มีร้านอาหารเล็กใหญ่มากมายรวมถึงร้านสะดวกซื้อทั้งหลายแล้วสถานีแห่งนี้นี่เองที่เราได้เก็บแต้มชาเขียวอีกอย่างนึงของเราแล้วนั่นก็คือ ชาเขียวนมร้าน Lawson แอบแพงเหมือนกันนะ แก้วละเกือบร้อยแต่อร่อยหอมชาเขียวสุด ๆ ฟินกันไปอ้อ ในสถานีมีร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่หลายร้าน1 ในนั้นมีร้านอาหารไทยด้วยนะ ที่เหล่าคนไทยขายเวลาเที่ยงร้านไหนก็แน่น ร้านอาหารไทยร้านนี้ก็แน่นเหมือนกันแต่แพงอ่ะ ไม่ซื้อหรอก 555ในสถานีนี้ มีโถงนั่งเล่นให้คนมานั่งอ่านหนังสือ พักผ่อนหย่อนใจโดยไม่คิดค่าบริการด้วยนะแล้วเวลานั้น เค้ากำลังจัดกิจกรรมพอดี เกี่ยวกับลดโลกร้อน ความเขียวอะไรซักอย่างเนี่ยแหละเราก็เลยเข้าไปนั่ง ๆ สังเกตเก็บข้อมูลเนียน ๆ แต่เสียดาย ไม่มี wifi ไม่งั้นคนคงจะนั่งกันไม่ลุกทั้งวัน เอ๊ะ หรืออาจจะไม่ คนญี่ปุ่นนะ ไม่ใช่คนไทย เค้ารับผิดชอบต่อส่วนรวมจะตาย ฮา ๆเดินไปเดินมา ถ่ายรูปไป ถ่ายรูปมาเริ่มหิวก็มันเกือบบ่ายโมงแล้วแล้วนี่แต่กินที่สถานีนี้คงไม่ไหว ดูทุกอย่างเป็นราคาพนักงานออฟฟิศหมดเลยอย่ากระนั้นเลยเราไปหาราคานักศึกษากินดีกว่าเพราะที่เที่ยวต่อไปของเราคือ มหาลัยโตเกียว หรือ โทไดนั่นเองคือเราเป็นโรคจิตนะไปประเทศไหนก็อยากไปเที่ยวมหาลัยและแหล่งช้อปปิ้งย่านมหาลัยของประเทศนั้นแล้วก็คิดไม่ผิดซะด้วยเพราะตอนไปเกาหลีคนเดียว ก็มหาลัยอีฮวา แหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นน่ารักเหมือนหน้ารามเลย ราคาก็เป็นมิตรสำหรับนักศึกษามามหาลัยโตเกียวก็เช่นกัน แต่มันไม่มีอะไรขายเลยนอกจากอาหาร (หรือเราไปไม่ถูกแหล่งก็ไม่รู้)อันนี้บรรยากาศภายในรถไฟใต้ดินวัยรุ่นญี่ปุ่น หุหุวัยทำงานญี่ปุ่น รถไฟใต้ดิน แต่บางครั้งก็ขึ้นมาบนดิน มีมืด มีสว่าง อันนี้สองข้างทางระหว่างทางไปถึงมหาลัย หนุ่ม ๆ เพียบ ถูกใจเจ๊ม๊วก เจ๊ถ่ายไม่ยั้ง กดไปเป็นร้อยรูป ฮา ๆก่อนไปถึงมหาลัย เราก็ไปเดินหาของกินราคานักศึกษากันก่อนเดินไปหลายร้าน ราคาก็ไม่ได้นักศึกษามากนัก คิดเป็นเงินไทยก็ชามละ 200 กว่าบาทอัพทั้งนั้นเลยเลยมาจบลงตรงที่ร้านอะไรก็ไม่รู้ คล้าย ๆ Akiyoshi ถูกไม่ค่อยแพง ชามละไม่ถึง 200 บาทเข้าไปถึง ไม่ต้องสั่งจ้า มีตู้ให้กดหน้าร้านเลย แต่ต้องเปิดประตูเข้ามาในร้านก่อนนะสั่งกันไปคนละ 1 ชามให้พอมีแรงเดินต่อ แล้วเราก็ไปหาเด็ก ๆ มหาลัยกัน ระหว่างทางก็มองถนน มองพื้นฟุตบาททางเดินอันเรียบที่บ้านฉันไม่เคยมีไปเรื่อย ๆ เพลินมากเราชอบญี่ปุ่นแม้กระทั่งฝาปิดท่อระบายน้ำของเค้านะ ที่มันไม่เหมือนกันเลย (แอบโฆษณารองเท้า TOMS ใส่สบายมากจริง ๆ เราเดิน 8-9 ชั่วโมงต่อเนื่องที่ญี่ปุ่น ไม่เมื่อย ไม่ปวดหลังเลย เราเท้าแบน แต่มันใส่สบายมาก เสียอย่างเดียวมันอับ ถอดออกตอนเข้าบ้าน จะเป็นลม เท้าอบอยู่ในรองเท้าหน้าร้อน 8-9 ชั่วโมง มิอาจจะบรรยายกลิ่นได้เลย ฮา ๆ)มองฟุตบาธไม่นาน ก็กลับมามองเด็กหนุ่มดีกว่า ฮี่ ๆวันนี้เราโชคดีมากเพราะเป็นวัน open house ของมหาลัยพอดี เลยได้เห็นเด็กม.ปลายมาดูมหาลัยเยอะไปหมดวันอื่นมหาลัยจะร้าง เพราะมันปิดเทอมอยู่ แต่วันนี้คึกคักมาก เจ๊ก็คึกคักเหมือนกัน กดไม่ยั้งหลายร้อยรูปจ้ะ ก๊าก ๆเด็ก ๆ ก็มาถ่ายกับประตูแดงกันทุกคน บรรยากาศภายในมหาลัยโทไดที่เราอยากไปโทไดเพราะภาพตึกนี้ในหน้าหนังสือท่องเที่ยวมันช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก ดูขลังและดูยุโรปดีเดินไปเรื่อย ๆ ท่าทางจะไม่ถึงตึก ถึงแต่หนุ่มแน่เลยชั้นอย่ากระนั้นเลย เราไปถามรุ่นพี่มหาลัยนี้กันดีกว่าว่าตึกนั้นอยู่ที่ไหนรุ่นพี่ก็แต่งตัวได้แนวมาก เลยขอแชะภาพมาจั๊กหน่อยอยากไปเห็นกับตาว่าสถาปัตยกรรมของจริงจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนแต่พอไปถึง เรากลับไปเห็นภาพนี้ซึ่งในความโชคดีได้เจอเด็กหนุ่มเยอะแยะเราก็โชคร้ายเพราะตึกนี้มันปิดซ่อมไปซะนี่เราก็เลยเดินเล่นในมหาลัยต่อ โอ้ว มหาลัยเค้ากว้างมากเลย เห็นใหญ่ ๆ นี่นึกว่าจะหมดไม่ใช่จ้ะ มีด้านข้าง ด้านหลังอีกจ้ะ เอาให้ครบ แต่ก็เดินไม่ครบหรอกเพราะมันใหญ่มาก และอากาศร้อนมาก แต่ว่าภายในมหาลัยจะมีต้นไม้เยอะก็ตามเราไปดูรอบ ๆ มหาลัยกันหลังจากเดินรอบมหาลัยร่วม 2-3 ชั่วโมงได้ก็ได้เวลาเคลื่อนย้ายตัวเองไปศาลเจ้าที่สุดท้ายของวันนี้กันดีกว่าบ๊าย บาย โทได ขอแชะก่อนจากกันระหว่างทางจากมหาลัยโตเกียวไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเราก็เดินตามฝูงเด็กม.ปลายที่เค้าจะเดินทางไปใต้ดินเหมือนกันพอไปถึงตรงประตูจะติ๊ดบัตรเข้าน่ะเราก็แปลกใจนะ ว่าทำไมฝูงเด็กนักเรียกถึงเข้าคิวเรียงหนึ่งที่ทางเข้าช่องเดียวขวาสุดจาก 3 ช่องทางเข้าเราก็เลยแซงขึ้นไปเข้าอีก 2 ช่องที่เหลือได้อย่างไม่ต้องต่อคิว(เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะเราไม่ต้องไปต่อคิวแบบเด็ก ๆ เลยฉลุยเลยไม่ทันได้ควักกล้องขึ้นมาถ่าย)มาเข้าใจทีหลังว่าเค้ามาด้วยกัน จิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่ถูกสอนกันมาก็คืออย่าบล็อคทางเข้าถ้ามาเป็นกลุ่มคือจริง ๆ แล้ว ถ้าเค้ามากัน 10-20 คนเค้าสามารถกรูกันต่อคิวรอติ๊ดบัตรเข้าได้ทั้ง 3 ช่องอย่างที่เด็กไทยหรือคนไทยทำกันแล้วค่อยเข้าไปรอกันด้านในแต่นี่เค้าไม่ทำเค้าจะเข้าคิวเรียงช่องเดียว ทั้ง 10-20 คนเลยแล้วปล่อยให้คนอื่นได้ใช้ช่องที่เหลือได้โดยเร็วเฮ้ย อเมซิ่ง ไม่เคยถูกสอนแบบนี้มาก่อน และไม่เคยเห็นแบบนี้ในประเทศไทยประทับใจมากกก ประทับใจสุด ๆ อยากให้คนไทยมีจิตสำนึกถึงส่วนรวมแบบคนญี่ปุ่นจังเลยคนญี่ปุ่นเค้าคำนึงถึงส่วนรวมในทุกอณูตั้งแต่เด็กกันเลยจริง ๆ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจในความเป็นญี่ปุ่นอย่างที่สุดแล้วในการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ว่าวันอื่นไม่ดีนะ แต่แบบนี้เราไม่เคยเจอและไม่เคยถูกสอนเราเลยรู้สึกว่ามัน touch มาก ๆ ในความรู้สึกของเราเรากลับมาเล่าให้โฮสญี่ปุ่นรุ่นเดียวกับเราฟังเค้าก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอะไร เหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญมาก ๆ เพราะเค้าถูกสอนกันมาแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วแต่เราประทับใจมาก มากจนจดจำเหตุการณ์วันนั้นได้ทุกช็อตเลยทีเดียวเลยขอลาไปด้วยเหตุการณ์ธรรมดา ๆ ของเด็กญี่ปุ่นอันนี้แล้วกันแล้วเดี๋ยวบล็อคหน้าจะมาเล่าเรื่องที่ไปศาลเจ้ากับเทศกาลที่ศาลเจ้าที่เจอโดยบังเอิญกลับกลายเป็นที่เที่ยวที่ประทับใจที่สุดในโตเกียวเลยปล.บล็อคเราจะเน้นรูปเยอะ โดยเฉพาะผู้คนเดินถนน หนุ่มสาวออฟฟิศญี่ปุ่นนะคะเพราะเป็นรูปที่เราอยากเห็นจากบล็อคอื่น แต่หาแทบไม่เจอ ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะมากกว่า แต่เราชอบดูหน้าตาคนในประเทศนั้น ๆ แล้วดูว่าเค้าแต่งตัวกันยังไง ถ้าใครชอบเหมือนเราก็ติดตามกันเรื่อย ๆ ได้นะคะ รับรองว่ามีรูปหนุ่มสาวออฟิศญี่ปุ่นมาให้ดูเพียบเลย โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ซาลาริมังอายุไม่เกิน 35 สเป๊กเจ้าของบล็อคติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJIเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่งเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
ขอให้มีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา
มีความก้าวหน้าทั้งในชีวิตและหน้าที่การงาน
สุขภาพแข็งแรงตลอดปี และตลอดไปค่ะ