เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เพื่อความต่อเนื่องไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดินหลังจากเมื่อเช้าพาไปเจอหนุ่มในฝัน พร้อมสวนในฝันไปแล้วช่วงบ่ายนี้เราจะพาไปเดินเล่นย่าน KICHIJOJI กันลงรถไฟมาก็เจอห้างและผู้คนเลยซึ่งห้างเนี่ย เราเมินอยู่แล้ว เพราะเราอยากเที่ยวแต่สวนดังนั้น สถานที่หลักของเราบ่ายวันนี้คือ สวน Inokashira Park ที่อยู่ใน KICHIJOJIแต่ก่อนจะไปถึงสวนเรามาหาหนุ่ม เอ้ย อาหารกินกันก่อนแต่ก่อนจะเจออาหาร เราก็เจอหนุ่ม ๆ รายทางเป็นออเดิฟก่อนนะแจ๊ะอ๊ากกกกกกกกกกกกกกหนุ่มน้อยคนนี้หน้าตาน่ารักถูกใจอิป้าขนาดดดดกล้องก็ดีเหลือเกิ๊น ได้ตอนน้องเค้าเดินมาใกล้พอดีถ้าโฟกัสช้ากว่านี้แค่เสี้ยววินาทีจะไม่ได้ภาพนี้มานะแจ๊ะถึงกับตามน้องน่ารักคนนั้นมาเลยทีเดียวอยากรู้ว่าน้องเค้ากินร้านไหน (ม่ายช่าย)จริง ๆ แล้วคือ เราเดินกลับมาหาร้านกินข้าวน่ะ เจอกลุ่มน้องคนมะกี๊เค้าเลือกร้านอยู่พอดีเลยแชะอีกรอบเราเดินกันไปเดินกันมาแล้วมาจบลงที่ร้านซูชิสายพานราคาถูก (บอกแล้วว่าทริปนี้มาคนเดียว เน้นถูกเป็นหลัก นอนก็ฟรี แถมยังจะกินถูกอีก ฮา ๆ)เข้าไปเหมือนทุกคนรู้หน้าที่ว่าต้องทำยังไงผิดกับเรา เงอะ ๆ งะ ๆ อยู่เมืองไทย กินที่ไหนร้านอาหารญี่ปุ่นสายพานแบบนี้กินแต่ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดงข้างทาง ฮา ๆทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากหยิบจานออกมาจากสายพานแต่ต้องไม่ลืมดูสีจานด้วย เพราะราคามันไม่เท่ากันแทนที่จะหยิบจานละ 90 เยน ดันหยิบจานละ 600 เยนนี่มีฮาไม่ออกล่ะนะไหนจะต้องน้ำอีก เค้าทำกันยังไงนะ ไม่เห็นมีใครเสิร์ฟน้ำเลยมาถึงบางอ้อ ตอนน้องจีนที่เป็นเพื่อนเที่ยวบอกว่า ให้เอาแก้วที่คว่ำไว้มากดน้ำร้อนจากก๊อก แล้วก็เติมผงชาเขียวลงไป เติมได้ไม่จำกัด เสร็จฉานนน แฮ่แต่ใส่เยอะก็ไม่ไหวนะ มันขม แต่ก็รู้สึกดีที่น้ำกับผงชาฟรี ชอบเลยในร้านไม่กล้าถ่ายเยอะ มัวแต่เงอะงะอยู่กินกันจานเป็นตั้ง หมดกันไปพันกว่าเยน อิ่มมั้ย ก็โอเคอ่ะ กินวิวเป็นอาหารอยู่แล้ว ฮา ๆแล้วเราก็ออกไปดูผู้ชายเป็นอาหารหวานตบท้ายระหว่างเดินทางไปสวนกันเถอะฉันได้เรียนรู้ (ตั้งแต่เมื่อวาน) ว่า เด็กญี่ปุ่นทุกคนรักหมากันมากคือถ้าเด็กญี่ปุ่นเห็นหมาเมื่อไหร่ จะเข้าไปเล่นด้วยทันที ซึ่งที่ผ่านมาเห็นหมาโดยเฉลี่ยแค่วันละตัว ไม่รู้ว่าคนเลี้ยงหมาน้อยหรืออย่างไร เด็ก ๆ ถึงได้ตื่นเต้นอยากเล่นกับหมาทุกครั้งที่เห็นซะอย่างนั้นแล้วเราก็มาถึงสวน Inokashira Park กันซะที เดินไม่ไกลเลยอย่างกับป่าอีกแล้ว มืด ๆ อึมครึม ๆ ในวันฝนพรำ เลยไม่ค่อยมีคนพายเรือเท่าไหร่ถ้าช่วงซากุระคงสวยน่าดู แต่หน้าร้อนแบบนี้ บอกได้เลยว่าเดินได้ไม่นานจริง ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอไม่ใช่เพราะว่าร้อนนะ เพราะร้อนน่ะทนได้อยู่แต่ที่ทนไม่ได้อย่างแรงก็คือแมลงงงงงเสียงแมลงแซ่ซ้องทุกสวนที่ไปเยือนเลยพวกมันไม่ได้ร้องอย่างเดียวน่ะสิ มันกัดด้วยคันคะเยอกันทั้งคู่จากขาอาหมวยขาว ๆ 2 คน กลายเป็นจุด ๆ และ จุด จุด จุด เต็มขา แล้วยังคันมากกกกจะยืนถ่ายรูปแต่ละที ต้องรีบสุด ๆ เพราะเหมือนเราเข้าไปในดงยุงน่ะอยู่นิ่งไม่ได้ มันจะกัดเราแล้ว 1 ในไฮไลท์ของสวนแห่งนี้คือมีศาลเจ้าสีแดงอยู่ในดงสวนนี้ด้วยชื่อว่า Benzaiten shrineว่าแต่ว่ามันอยู่ไหนเนี่ย เดินวนรอบสวนอันใหญ่โตมา 3 รอบ แมลงดูดเลือดไป 3 ลิตรแล้วก็ยังหาไม่เจออ่อ เพราะเราเดินกันแค่ฝั่งเดียวนี่นากว่าจะเจอ เล่นเอาซูชิในท้องหายไปหมดเลยเข้าไปดูกันดีกว่าแล้วเราก็ออกจากสวน เดินเล่น 2 ข้างทางที่เราเดินกันมาเพื่อไป sun road แหล่งช้อปปิ้งเล็ก ๆ ในย่านนั้นอันนี้เป็น 2 ร้านข้างทางแถว ๆ สวน จัดได้น่ารักกุ๊กกิ๊กสุด ๆ ช้อบชอบแล้วก็ผู้คนญี่ปุ่นวันฝนพรำและแล้วเราก็มาถึง sun road ซะทีคุณพ่อน่ารักอ๊ะที่แรกที่พุ่งตัวเข้าไปเลยก็คือร้านเครื่องสำอางแหม่ กรี๊ดมานาน เวลาคนไปญี่ปุ่นแล้วถ่ายรูปเครื่องสำอางญี่ปุ่นมาเยอะ ๆ น่ะอยากไปญี่ปุ่นซะทันทีทันใดและแล้วก็ถึงทีเราบ้าง ถ่ายรูปมายั่วคนที่กำลังดูอยู่บ้างมันเยอะมั้ยล่ะ ตาลายเลยทีเดียว ถ่ายเยอะมากจนน้องคนจีนที่มาเที่ยวด้วยถามว่านี่ยูจะไม่ซื้ออะไรเลยนอกจากถ่ายรูปใช่มั้ยแหม เดี๋ยวก่อนสิ ให้ฉันถ่ายให้หายตื่นเต้นก่อนสิ เธออยู่ที่นี่ เธอก็ชินน่ะสิฉันอยู่เมืองไทย ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้นี่นา อิอิถ่ายไป เกรงใจคนรอไปเลยถ่ายมานิดหน่อยแล้วนี่ เด็ดสุด แปรงชิ ซื้อได้ตอนลด 35% กรี๊ดเลยทีเดียว ฮา ๆตัวแดงคือก่อน tax ตัวน้ำเงินคือรวม tax ซึ่งเราก็ต้องซื้อแบบรวม tax นั่นแหละแล้วก็เดินต่อไปร้านต่อปายแล้วเราก็เดินไปให้สุดทางของ sun road มีศาลเจ้าอยู่ตรงนี้ด้วย แต่ตอนที่ไปเค้าปิดแล้วเดินไปเดินมา เจอร้าน mode off อย่ากระนั้นเลย ขอเข้าไปดูชุดมือสองซะหน่อย อยู่เมืองไทยก็ซื้อเดรสมือสองจากญี่ปุ่นอยู่แล้วมาถึงญี่ปุ่นก็ต้องมาช้อปซะหน่อย ช้อปก่อนไปงานเปิดท้ายในสวนวันเสาร์ อาทิตย์ซะเลยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ เพราะเกรงใจน้องคนจีนที่ไปด้วย เพราะเค้านั่งรอเราและแล้วก็ถึงเวลาเย็น ถึงเวลาต้องจากกันกับน้องคนจีนที่เราต่างไม่รู้จักกัน แต่ก็ได้มาเที่ยวด้วยกัน 2 วันเต็ม ก็มีให้ข้าวของจากเมืองไทยเป็นที่ระลึก ซื้อโปสการ์ดแล้วฝากน้องเค้าไปส่ง ปณ ให้หน่อยอีกต่างหาก แฮ่กาจาปองนี่ก็อยากหยอดนะ แต่ไม่รู้จะเอาของไปทำอะไร เปลืองตังเปล่า ๆ ได้แต่บอกตัวเองให้รีบเดินจากไปสาวสวยน่ารักระหว่างนั่งรถไฟกลับไปเอากระเป๋าแล้วก็ได้เวลากลับไปที่ตู้ฝากของแล้วตรงไปหาโฮสสิงคโปร์คนที่ 2 ที่เราจะไปนอนกับเค้า 2 คืน ที่ได้ติดต่อจากเว็ป couchsurfing เราเลทไปเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ เพราะเสียเวลาต่อรถไฟใต้ดินซึ่งบ้านเค้า เป็นรถไฟสายใหม่ล่าสุด มันอยู่ลึกมาก ลึกสุดใจเลยทีเดียวwifi free ก็ไม่มี เลยได้แต่หวังว่าเค้าจะรออยู่ที่ทางออกสถานีบ้านเค้าที่เรานัดกันตอนทุ่มนึงระหว่างทาง เราก็มองหนุ่มไปเรื่อย แก้อาการกังวลของเราซึ่งก็ช่วยได้บ้าง อะไรบ้างนะจ๊ะไปถึงสถานีปลายสุดของโตเกียวโชคดีที่ว่ามันมีทางออกเดียวซึ่งโฮสก็รอรับเราอยู่ตรงนั้นจริง ๆแล้วเราก็เดินคุยกันไป แลกเปลี่ยนข้อมูลกันไปปรากฎว่า เรา 2 คนอายุเท่ากันซึ่งที่เราไม่รู้เพราะโฮสเราไม่ได้ระบุอายุเอาไว้ในเว็ปดูจากหน้า เราคาดว่าเค้าน่าจะอายุน้อยกว่าเราหลายปีอยู่แต่แป่ว เค้าหน้าเด็กนะจ๊ะเราโชคดีมาก ที่โฮสชาวสิงคโปร์เราคนนี้เป็นคนชอบทำอาหารเค้าอยู่อพาตเม้นท์ห้องเดี่ยว อยู่คนเดียว มีครัวเล็ก ๆ อยู่ด้านหน้าสุดขวามือตอนเปิดประตูเข้ามา ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ แล้วด้านหน้าเป็นทีวี โต๊ะญี่ปุ่น แล้วก็เตียงนอนอุปกรณ์ทำครัวเธอแน่นมาก ทั้ง ๆ ที่อยู่คนเดียว เชื่อแล้วล่ะว่าชอบทำอาหารคืนแรกที่เราเจอกัน เค้าก็ทำข้าวแกงกระหรี่ญี่ปุ่นต้อนรับเราเลยซึ่งจานใหญ่มาก เรากินไม่หมดเลยทีเดียว พร้อมขนมญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมาอย่างที่บอก อยู่ไทยก็ไม่ใช่พวกที่จะถ่ายรูปอาหารลง social media อยู่แล้วแล้วจะ hide พวกที่ถ่ายรูปอาหารลง facebook ด้วย รู้สึกไร้สาระ (สำหรับเราส่วนตัว)แต่มาญี่ปุ่น มันก็ควรมั้ย แต่ลืม ไม่ได้เป็นนิสัยก็เงี้ย แล้วเราก็จะเก็บจานแล้วไปล้างให้เค้าเค้ารีบบอกว่าไม่ต้อง ๆ เราเป็นแขกคนแรกของเค้าที่มานอนในห้องเค้า อย่าทำให้เค้า panic ให้อยู่เฉย ๆ เป็น guest ที่ดี โอเค๊เรากินปริมาณอาหารเยอะมากนะ แต่เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าไม่อ้วนเพราะคนญี่ปุ่นหรือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียว ต้องเดินเยอะมากเราว่าเรากินเยอะมาก แต่ก็เดินเยอะมาก รู้สึกว่าขาเฟิร์มเลยทีเดียวแล้วบ้านเค้าก็ไม่มีมอร์ไซค์รับจ้างเหมือนบ้านเราด้วย จะไปไหนก็เดิน ๆๆๆๆ ไปมุดเข้าใต้ดินอย่างเดียวแล้วเราก็ให้ของที่หอบมาให้เค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องแกงผงต่าง ๆ 20-30 ซองได้ (โครตหนัก) เพราะรู้ว่าเค้าชอบทำอาหารแล้วก็กระเป๋า naraya ซึ่งซื้อมาหลายใบมาก ไว้สำหรับให้คนญี่ปุ่นล้วน ๆ แล้วก็พวกเครื่องประดับ เครื่องสางสมุนไพรไทย ๆ แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างก็ไม่รู้จำไม่ได้แล้ว แต่รู้ว่าของฝากที่มาญี่ปุ่นให้หลาย ๆ คนที่เจอในครั้งแรกนี้เกือบ 10 กิโลเท่านั้นเอ๊งที่เด็ดสุดเลยคือ ทุเรียนกวน ที่เราแอบ ตม.ญี่ปุ่นเอามาฝากโฮสคนนี้ได้เพราะเธอชอบกินทุเรียนมาก เล่นเอาเหงื่อตกถ้าไม่ผ่านหลังจากนั้นเราก็เล่าเรื่องเราให้เค้าฟัง เค้าก็เล่าเรื่องเค้าให้เราฟังแต่ด้วยความที่อัพบล็อคช้าไปแค่ 5 เดือน เรื่องที่ฟังจากเค้าเลยหายไปเหลือแค่ 10% แฮ่คร่าว ๆ ที่จำได้ก็คือทำไมเค้าเป็นคนสิงคโปร์ถึงได้มาทำงานที่โตเกียวแรกเริ่มเดิมที สาวคนนี้ก็ไม่ได้นึกได้ฝันมาทำงานที่นี่เหมือนกันแต่เธอชอบไอดอลญี่ปุ่นคนนึง เมื่อสมัยม.ปลายหรือมหาลัยเนี่ยแหละแล้วเธอก็ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อย ๆ แล้วก็เลยลองสมัครงานที่ญี่ปุ่นดู แล้วก็ได้งาน เลยได้มาทำอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้วถามว่า ทำไมเธอถึงเลือกมาพักซะปลายสุดติ่งสถานีรถไฟซะขนาดนี้เธอตอบว่า ไอดอลของเธอพักย่านนี้ เธอเลยอยากมาอยู่แถวนี้จะได้มีโอกาสได้เห็นไอดอลของเธอแล้วเธอเคยเห็นไอดอลของเธอแล้วด้วย 1 ครั้ง เธอตื่นเต้นมากแล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลยเป็นเวลาหลายปี แต่เธอเฉย ๆ กับไอดอลคนนั้นไปแล้วถามว่าไอดอลคนั้นเป็นใครตอบว่า เอิ่ม เค้าก็มีบอกนะ แต่เราลืมไปแล้ว ช่างมันเถอะเนอะ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ฮา ๆแล้วเราก็ดูทีวีด้วยกัน แชร์เรื่องต่าง ๆ ด้วยกัน และ 1 ในนั้นที่เราต้องการแชร์ก็คือเรารู้สึกว่าผู้ชายญี่ปุ่นหน้าตาดีจังเลย พวกซาลาริมังที่ยูทำงานด้วยหน้าตาดีรึเปล่าเธอตอบว่า ก็เฉย ๆ นะ แต่เธอไม่ชอบทัศนคติผู้ชายญี่ปุ่น ที่กดขี่เพศหญิงแล้วทะนงตนว่ารู้ไปซะทุกเรื่อง หรือไม่ก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวประเทศอื่น เพราะที่ญี่ปุ่นก็มีสถานเที่ยวที่สวยงามอยู่แล้วแล้วเราก็อวดหนุ่มในฝันของเรา อิอิ เธอก็บอกว่าจริง ๆ น่าจะเข้าไปคุยเลย เพราะผู้ชายญี่ปุ่นขี้เก๊กและขี้อาย จะให้เค้าเดินมาคุยด้วยคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราเดินเข้าไปคุยกับเค้ายังมีโอกาสมากกว่า แล้วเค้าก็รู้สึกดีด้วย ผู้ชายญี่ปุ่นขี้เก๊กและกลัวเสียหน้าจะตาย แต่มันสายไปละ เก็บไว้เป็นความทรงจำละกัน ฮา ๆคืนนั้นเราก็ยังเจ็บคออยู่ตั้งแต่เช้า ยันเย็นก็ยังเจ็บอยู่ น้ำมูกเริ่มไหล เพราะวันนี้เดินตากฝนพรำเที่ยวทั้งวันเลยก็อาศัยน้ำอุ่นบ้านโฮสจิบเอาบ่อย ๆ แล้วโฮสก็มีชวนป๋วยขวดใหญ่ที่แม่เค้าหอบหิ้วมาจากสิงคโปร์ให้ แล้วก็น้ำผึ้ง อัด ๆ กันเข้าไปเพิ่งรู้ว่าชวนป๋วยนี่ทำจากสิงคโปร์นะเนี่ย แล้วเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน ซึ่งเป็นรายการโปรดของโฮสเราจะมีพิธีกรญี่ปุ่น ทั้งชาย หญิง หน้าตาไม่ได้ดีมาก พาเราไปดูเรื่องแปลก ๆ ทั่วโลกดูไปก็ตลกดี แล้วเราก็อาบน้ำ นอนโฮสเสียสละให้เรานอนเตียงเค้า แล้วเค้านอนฟูก ซึ่งเราก็โน ๆ ลูกเดียวให้เค้านอนสบายบนเตียงเค้าเนี่ยแหละ แล้วเรานอนฟูกเถียงกันไม่จบ เค้าก็เลยบอกว่า เวลาเพื่อนเค้ามาค้าง เค้าก็นอนฟูกแบบนี้แหละ เค้าชอบนอนฟูกมากว่า โอเค ๆ ดีลลลลคืนนี้ลาไปก่อนนะจ๊ะ ไว้กลับมาเล่าใหม่เช้าวันเสาร์ ถ้าไม่ขี้เกียจ ช่วงนี้ขี้เกียจอัพบล็อคเหลือเกิน จากอาทิตย์ละครั้ง กลายเป็นเดือนละครั้งไปซะแล้วการอัพบล็อคมันใช้เวลามากจริง ๆ ทั้งเขียน เลือกรูป ย่อรูป โหลดรูป แล้วต้องลิงค์แต่ละรูปมาใส่ให้ตรงกับเนื้อหาในแต่ละช่วง แล้วอิชั้นเป็นพวกรูปเยอะ แต่ละบล็อคโหลดกันสนานเป็นร้อย ๆ รูป ทำใจหน่อยนะถ้าอัพช้า แต่รับรองเรื่องแน่น อิอิติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJIเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่งเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
(เย้ ในที่สุดคอมเราก็โหลดดูรูปได้ล่ะค่ะ)
ลีลีถ่ายรูปเก็บไว้เยอะมาก ดูเพลินเลยค่ะ