เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เพื่อความต่อเนื่องไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้วันนี้เราต้องเปลี่ยนโฮสหลังจากนอนบ้านโฮสคนแรกมา 2 คืนแล้วตอนแรกแพลนไว้คือนอน 2 คืนแล้วนอนบ้านโฮสอีกคนนึง 3 คืนแต่คืนสุดท้าย เราต้องออกจากห้องเค้าเร็วเพราะเป็นเช้าวันจันทร์ โฮสเราก็ต้องออกไปทำงานแต่เช้าก็ต้องออกแต่เช้าพร้อมเค้าแต่เราบินตอนเย็น จะเอาข้าวของไปฝากตู้ตอนเช้าแล้วไปเที่ยวตอนเย็นต้องแบกข้าวของขึ้นรถใต้ดินในชั่วโมงเร่งด่วนไปเจอโฮสตอนทุ่มนึงมันดูจะไม่ไหวเลยเปลี่ยนแผนคืนสุดท้าย คืนวันอาทิตย์ เราขอกลับมานอนกับโฮสคนแรกดีกว่าแล้วเอาของที่จำเป็นไปก็พอ แล้วเราจะได้ฝากกระเป๋าใหญ่ไว้บ้านนี้เลยเพราะจริง ๆ โฮสคนแรกตอบเรากลับมาช้ามาก แค่ไม่กี่วันก่อนบินว่าเราสามารถพักบ้านเค้าได้ทั้ง 5 คืนเลยเราก็ตอบรับว่าจะนอนกับโฮสคนที่ 2 คืนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ไว้แล้วเลยเปลี่ยนแพลนแค่คืนสุดท้าย กลับมานอนกับโฮสคนแรกเอาแค่ของจำเป็นไปแต่ขนาดแค่เอาของจำเป็นไปนะ ยัง 2 ถุงผ้าใหญ่ ๆ แน่ะเพราะถุงผ้าใบนึงคือของฝากโฮสจากเมืองไทย หนักประมาณ 5 กิโลได้มั้งอีกถุงผ้านึงคือพวกเสื้อผ้า ของอาบน้ำที่จะเอาไปนอนกับเค้า 2 คืนไหนจะเป้เล็ก ๆ บนหลังอีก 1 ใบที่ติดตัวเที่ยวทุกที่ตลอดเวลากลายเป็นบ้าหอบฟางมาก มีตั้ง 3 กระเป๋าแพ็คเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่กลางคืน เพิ่มเติมนิดหน่อยตอนเช้าแล้วก็มานั่งกินข้าวเช้ากับโฮสบ้านนี้ก่อนจากเค้าไป 2 คืนหน้าตาข้าวเช้าจ้ะก่อนออกจากบ้านก็ร่ำลาคนในบ้าน ทั้งพ่อ แม่ แต่โฮส และน้องสาวออกไปทำงานก่อนแล้วแม่เค้านะมาส่งเราหน้าบ้านแล้วก็นั่งพับขาแบบคนญี่ปุ่น แล้วก็โค้งเราพร้อมคำพูดญี่ปุ่นด้วยอ่ะประมาณนี้เรานี่ตกใจใหญ่เลย รีบเข้าไปบอกเค้าว่าไม่ต้องทำแบบนี้ แต่มันคงเป็นวัฒนธรรมบ้านเค้าน่ะนะ พูดญี่ปุ่นแล้วก็โค้งเราหลายรอบมากเราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ยืนโค้งตอบเค้าแบบหัวจะติดหัวเข่าไปหลาย ๆ รอบแล้วก็บ๊าย บายเค้า มุ่งหน้าสู่รถไฟใต้ดินแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปสถานี Shinjuku เพื่อไปฝากสัมภาระ 2 ถุงใหญ่แล้ววกกลับมาที่สถานี Shinjuku gyoemmae Station เพื่อไปเที่ยวเล่นในสวน Shinjuku Gyoen National Garden แล้วต่อด้วยการไปเดินเล่นที่ KICHIJOJI แล้วไปเดินเล่นในสวน INOKASHIA KOEN แถวนั้น ถ้ามีเวลาเหลือก็จะไปเดินเล่นย่าน KOENJI เพื่อดูเสื้อผ้ามือสองพอขึ้นรถไฟใต้ดินได้ที่นั่งปั๊บปฏิบัติการถ่ายรูปชาวญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้นทันทีแล้วก็มาสะดุดรัก ปิ๊งปั๊งกับหนุ่มที่นั่งเยื้อง ๆ ตรงหน้าโอ๊ย หนุ่มคนนี้เดินออกมาจากฝันเราหรือยังไงสเป๊คเลยให้ตายสิแต่ก็ทำได้เพียงแอบถ่ายรูปเค้ามาเปลี่ยนคนนั่งจากคุณลุง เป็นคุณป้า ก็ยังไม่เลิกถ่ายจนเค้ารู้ตัวจนคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ เค้ารู้ตัวก็ไม่ยอมหยุดถ่ายคือถ่ายทุกสถานีน่ะ ตั้งแต่มันอยู่ใต้ดิน ลัดขึ้นมาบนดินก็ถ่าย บ้ามากเลย (ตอนนี้ก็ยังบ้าหนุ่มคนนี้อยู่ อิอิ)อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เกือบ ๆ 9 โมงเช้าแล้วหนุ่มคนนั้นก็ลงไปที่สถานี Shinjuku gyoemmae Station ที่เราจะไปพอดีแต่เราต้องเลยไปอีก 1 สถานีเพื่อไปฝากข้าวของก่อนที่ต้องฝากสถานีนั้นก็เพื่อตอนเย็นไปบ้านอีกโฮสนึงเราก็เปลี่ยนสถานีที่นั่นด้วยจะได้ย้อนไปย้อนมาแค่ครั้งเดียวตอนเช้าเราก็ได้แต่มองหนุ่มคนนั้นลงไปอย่างเพ้อ ๆ ว้าถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีกมาเล่าให้โฮสทั้งที่แรกและที่ ๆ สองและคนญี่ปุ่นที่ไปเที่ยวด้วยกันวันเสาร์ทุกคนบอกตรงกันว่า ทำไมไม่เข้าไปทักทายเพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ไงว่าเค้ามีแฟนรึยัง ไม่ต้องเสียดายโอกาสและอยู่กับความเสียดายโดยธรรมชาติ ผู้ชายญี่ปุ่นจะขี้เก๊กและขี้อาย แอบถ่ายเค้าก็คงไม่กล้าทำอะไรหรอก เดินเข้าไปคุยก็ดูน่ารักดี เพราะถ้ารอเค้าเข้ามาคุยคงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยโอ๊ย ไซโคซะจนเสียดาย เสียดายแล้ว เสียดายอีก จนนั่งพิมพ์ตอนนี้ก็ได้แต่เสียดาย เสียดายว่าจริง ๆ เราน่าจะทำอะไรเนอะอยู่เมืองนอก ไม่มีใครรู้จักเรา แล้วเราก็ไม่มีอะไรจะเสียด้วย เฮ้อได้แต่เก็บความประทับใจในตัวหนุ่มคนนี้ด้วยรูปถ่ายแล้วกันขอเชื่อตามภาษิตจีนที่ว่า"หากมีวาสนาแม้ห่างกันพันลี้ยังได้พบหน้า หากไร้วาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่พบเจอ 有缘千里来相会,无缘对面不相逢 แต่จริง ๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะมีคำพูดนึงว่า อิจิโกะ อิจิเอะ... (一期一会) ซึ่งหมายถึง การเจอเพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวในชีวิต แล้วไม่เจอกันอีก เวง ฉันจะเชื่ออะไรดีเนี่ย (ยังเพ้อไม่เลิก ขนาดผ่านมาตั้ง 4 เดือนแล้ว ฮา ๆ)แล้วเราก็ได้ไปฝากสัมภาระสมใจต้องถ่ายรูปสถานที่รอบตัวเอาไว้เพราะมีหลายคนขู่ว่าระวังจะหาตู้ฝากไม่เจอเพราะที่สถานีนี้มันมีเยอะมาก แล้วหน้าตาเหมือนกันหมดถ้าไม่ถ่ายรูปเอาไว้ สุดท้ายอาจจะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงตามหาเลยทีเดียวไอ้เราก็เลยถ่ายหมด กันไว้ดีกว่าแก้แล้วก็รีบตรงดิ่งกลับไปหาน้องหมวยจีนที่เที่ยวด้วยกันเมื่อวานที่เค้ายอมเที่ยวกับเราอีกครึ่งวันเพราะเค้าบอกว่าอีกวันเค้าต้องไปเสิร์ฟอาหารเค้าขอเวลาพักขาซักครึ่งวันเพราะเที่ยวกับเราเมื่อวานมันโหดมากไปหลายที่แล้วเดินทั้งวันเป็น 10 ชั่วโมงเลยถ้าวันนี้ทำแบบนั้นอีก เค้ากลัวไปทำงานไม่ไหวแล้วน้องเค้าก็เล่าให้ฟังว่าคนญี่ปุ่นใช้เค้าคุ้มสุด ๆ ไปเลยเพราะเค้าไม่มีเวลายืนหรือนั่งว่างเลยแม้แต่วินาทีเดียวถ้าลูกค้ายังไม่เข้าก็ต้องปัด กวาด เช็ด ถู จัดโน่น นี่ นั่นทำเสร็จแล้ว เจ้าของก็จะมีงานอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อไม่ให้เรามีเวลาว่างตั้งแต่เริ่มงานยันเสร็จงานเลยแล้วก็เป็นแบบนี้ทุกร้าน ทุกที่ ตามมาตรฐานคนญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาแรก ๆ น้องเค้าก็ไม่ชิน แต่ตอนนี้ชินละมาตรฐานคนญี่ปุ่นเลยจะสูงมากในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการบริการทุกอย่างต้องเยอะ ต้องเนี้ยบ ต้องเป๊ะ แค่โค้งคำนับ เสื้อผ้าการแต่งกาย หรือน้ำเสียงต้อนรับยังต้องเนี้ยบเลยคิดดูเราจึงไม่เคยเห็นพนักงานขายญี่ปุ่นยืนว่าง สุมหัวเม้าอะไรเวลาไม่มีลูกค้าเหมือนคนไทยเลยมีแต่บริการที่ประทับใจ เฮ้อ คิดถึงญี่ปุ่นจุงหลังจากเจอน้องเค้าแล้วเราก็ไปเดินเล่นในสวน Shinjuku Gyoen National Garden กันทันทีแต่ฟ้าฝนดันไม่เป็นใจ ฝนตกแต่ 9 โมงเช้าเลยแล้วมันก็ตก ๆ หยุด ๆ ปรอย ๆ ท้างงวัน เพราะไต้ฝุ่นเข้าวันแรกไปซื้อตั๋วก่อน ค่าเข้า 200 เยนเป็น 200 เยนที่คุ้มมากกกเพราะสวนมันใหญ่มากกกกจะเรียกว่าป่าก็ได้นะเดินทั้งวันก็ไม่หมดเราเดินครึ่งวันก็ต้องจรลีละ เพราะมันเมื่อยมาก และเอียนกับความเขียวไปเลยตรงที่โล่งจะใหญ่เหมือน ๆ สนามกอล์ฟเลยตรงที่มีต้นไม้เยอะ ๆ เหมือนป่าเลย แล้วเสียงแมลงเยอะมาก หึ่งไปหมดทั้งสวนเราว่าไม่น่าเรียกสวนเลยนะ เพราะมันใหญ่เกินกว่าคำว่าสวนเลยสวนลุม สวนรถไฟบ้านเรา เด็ก ๆ ไปเลยแล้วต้นไม้ที่นี่ใหญ่โต อายุหลายร้อยปีมีแยกย่อยหลายสวนเล็ก ๆ ด้วยนะไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดสวนทั้งแบบญี่ปุ่น, แบบอังกฤษ และ แบบฝรั่งเศสแต่รู้สึกว่าเราไปแต่สวนญี่ปุ่นมั้งแค่เดินไปสวนญี่ปุ่น ถ่ายรูป 2 ข้างทางก็หมดไป 2-3 ชั่วโมงแล้วเพราะแต่ละสวนจะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน แล้วมันมีทางเข้า ออก ทางเดียว ถ้าเราเดินเข้าไปไกลมาก เราก็เดินออกมาไกลมากเช่นกันแถมฝนก็ตกเป็นระยะให้ต้องวิ่งหลบฝนกันอีก มันเลยยิ่งเสียเวลารูปก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะไม่มีแดดแต่ก็ถ่ายมาเยอะเหมือนกัน ในรูปอาจจะมองไม่รู้ว่ามันใหญ่ แต่จริง ๆ มันใหญ่มากกกก เดินเหนื่อยอ่ะ ขนาดเป็นคนชอบเดิน และชอบสวนนะเนี่ย อยากเดินในครบ แต่ถอดใจเลยเข้ามาปุ๊บก็เจอต้นไม้โดนห่อเลยเค้าห่อทำไม มิมีใครรู้ได้ แต่ผ้าที่ห่อมีสีเดียว มิใช่ 3 สีดังนั้น คนญี่ปุ่นคงไม่ได้มาขอหวยกับต้นนี้หรอกเนอะเดินลึกเข้าไป2 ข้างทางเป็นที่โล่งกว้าง ซึ่งกว้างมาก กว้างกว่าสนามกอล์ฟอีกกผ่านที่โล่งก็มาเจอที่ทึบ เต็มไปด้วยต้นไม้ ชื้น ๆ แฉะ ๆ หน่อยในวันฝนโปรยแมลงร้องเสียงดังมากก และแมลงก็เริ่มกัดขาพวกเรา 2 คนแล้ววววมีหนุ่มพนักงานเดินผ่านมา รีบแอบถ่าย หน้าตาดีนะเนี่ยอยู่ในนี้แทบไม่เดินเจอคนเพราะมันใหญ่มากกก อย่างที่บอก คนก็เลยกระจัดกระจาย แล้วมันเป็นสายวันทำงานด้วยมั้ง นาน ๆ จะเจอคนซักทีอยู่ในสวนหลายชั่วโมง เจอคนยังไม่ถึง 10 คนเลยเจอน้อง ๆ หนุ่ม ๆ นี่ก็เสร็จเจ้สิ ถ่ายมาไว้ทำ collection ฮา ๆสวนนี้อยู่ในเมืองเลยนะที่คงแพงมาก แต่คนญี่ปุ่นก็ไม่ทำลายต้นไม้ทำให้เรารู้ว่า ในบ้านเมืองเค้า คนกับป่า อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนเช่น ภาพนี้แล้วเราก็เสพย์ความเขียวกันให้ชุ่มปอดชอบภาพนี้นะ อย่างกะโปสการ์ดเลยอันนี้น่าจะเป็นการจัดสวนแบบญี่ปุ่น มีศาลาด้านบนด้วยเจอหนุ่มต้องรีบถ่าย แหะ ๆชอบภาพนี้นะ อย่างกะโปสการ์ดเลยมุมนี้มีสะพานมาเป็นพร็อพต้นไม้เป็นพุ่ม ๆ เหมือนก้อนหินหลาย ๆ ก้อน น่ารักดีทางออก ด้านหน้า เป็นร้านขายของที่ระลึก หรือร้านขนมเนี่ยแหละ ไม่ได้เดินเข้าไปดูแล้วเราก็ออกจากสวนตอนเที่ยง ๆ เข้าร้านสะดวกซื้อมีจุดให้ยืนต่อคิวด้วย เอิ่มแล้วนี่อะไรโจ๋งครึ่มเลยทีเดียวแฟชั่นหนุ่มสาวญี่ปุ่นวัยทำงานตอนเที่ยง ๆที่กางนี่ เพราะกันแดดนะจ๊ะ เพราะฝนหยุดตกแล้วแล้วต่อรถไฟบนดิน ได้เห็นวิวกันมั่งบรรยากาศระหว่างรอรถลาไปด้วยภาพโฆษณาอันนี้แล้วกันอยู่โตเกียวมานี่ ไม่ค่อยเห็นหนุ่มสาวอ้วน ๆ เลยนะโดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ซาลาริมัง มีแต่ผอม ๆ เนี้ยบ ๆ ให้น้ำลายหกได้ทุกวี่วัน ๆ ละหลายรอบ แหะ ๆเดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปเที่ยว KICHIJOJI กับสวนที่อยู่ตรงนั้น พร้อมหนุ่ม ๆ ญี่ปุ่น (ที่ขาดไม่ได้ซักตอน ประมาณว่ามันเยอะกว่าสถานที่เที่ยวอีก ทำไงได้ เจ้าของบล็อคบ้าหนุ่มญี่ปุ่น) หุหุติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJIเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่งเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ