Paju (2009) หนังรางวัลที่แอบยากต่อการเข้าใจ
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้ได้รางวัลด้วย เวลาเราซื้อหนังมาดูเนี่ย เราไม่เคยดูเลยนะว่าเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร เวลาสั่งหนัง เราแค่เอาชื่อหนังไป search ดูรูปว่าโทนหนังมันประมาณไหน ดูโปสเตอร์หนัง ถ้ามันดูสดใสร่าเริง ดูตลก คอมมาดี้ เราจะผ่านทันที แต่ถ้ามันดูทึม ๆ เศร้า ๆ หลอน ๆ ดูมีปมแบบเนี้ย
รสนิยมการดูหนังของเราแตกต่างจากผู้หญิงส่วนมากที่ชอบหนังรัก โรแมนติก คอมมาดี้ แต่เราจะชอบหนังที่มืด ๆ อึมครึม บีบคั้น สลด หดหู่ เศร้าสุด ๆ มีปมอะไรบางอย่างให้น่าค้นหา พระเอก นางเอกไม่ได้ร่าเริง บ้าหลุดโลก แต่เป็นคนจริง ๆ ที่มีปัญหาชีวิต ดิ้นรนหาทางออกที่ไม่มีทางไหนดีเลย ประมาณเนี้ย
เราชอบหนังใช้สมอง ไม่ชอบดูหนังเพลิดเพลิน แต่ชอบดูหนังให้คิด หรือบีบคั้นทำลายความรู้สึกเราให้ร้องไห้โฮตอนจบมันไปเลย แต่ใช่ว่าหนังเศร้าทุกเรื่องจะทำให้เราร้องไห้ได้นะ บอกได้เลยว่าในชีวิตของการดูหนังประเภทนี้มาเป็นร้อยเรื่อง เราน้ำตาเราไหลไม่ถึง 10 เรื่องเลย
ดูเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมการดูหนังต่างจากนิสัยในชีวิตจริงโดยสิ้นเชิง ชีวิตจริงเราเต็มไปด้วยความเฮฮา บ้าบอ ไม่มีปมและ เฟรนลี่ไปแล้ว ดังนั้น เราเลยโหยหาความต่าง ที่เราไม่มีในชีวิตจริง เราเลยขอดูอะไรที่มันกดดัน หดหู่ บีบคั้นมาก ๆ บ้าง หรือไม่ก็หนังที่เงียบไปเลย อ้อยอิ่ง ๆ เงียบแบบซึมลึก มีอะไรให้น่าค้นหา ซึ่งเราว่าการดูหนังแบบนี้มันก็เป็นการระบายอารมณ์ที่คั่งค้างลึก ๆ ของเราได้เหมือนกัน แต่เป็นอารมณ์อะไรนั้น เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตั้งแต่เรารู้ประเภทหนังที่เราชอบ เราใจแคบมากนะ เพราะเราจะไม่ดูหนังประเภทอื่นเลยถ้าไม่ใช่หนังประเภทนี้ ดังนั้น แต่ตู้หนังของเราจึงเต็มไปด้วยหนังเอเชียที่เศร้าสลด หดหู่อยู่เต็มตู้ ไม่มีที่ว่างสำหรับหนังฝรั่งทำเงินหรือหนังไทยทำเงินเลย เพราะแน่นอนว่า หนังไทยแทบไม่มีหนังประเภทนี้
เราจะตัดสินใจซื้อ Paju โดยไม่อ่านเนื้อเรื่องและไม่ได้รู้ด้วยว่าหนังมันได้รางวัลรึเปล่า เราซื้อมาเพราะดูรูปโปสเตอร์หนัง ที่นางเอกหน้าตาดูช็อคกับอะไรบางอย่าง และโทนหนังดูอึมครึม หม่น ๆ เหมาะกับประเภทหนังที่เราชอบดู
เพิ่งจะมารู้ก็ตอนดูจบเนี่ยแหละ เพราะเราดูไม่ค่อยรู้เรื่องในบางตอนที่มันดูไม่มีที่มาที่ไป หรือเราคิดน้อยไปหน่อยก็ไม่รู้ การที่เราชอบดูหนังประเภทนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฉลาดในการตีความหนังได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง เราก็งงบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่เราถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการดูหนังเรื่องนั้น ๆ และอาจจะเป็นความจงใจของผู้กำกับ (ว่าไปนั่น ตัวเองไม่เข้าใจเองมากกว่า แหะ ๆ)
หนังเปิดมาเป็นตอนปัจจุบันแล้วก็ flash back ไปที่อดีตที่ตัดสลับกับปัจจุบัน หรืออดีกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และ 3 ปีที่แล้ว เปิดมาดูตอนแรกเราจึงรู้สึกงง ๆ ไม่มีที่มาที่ไป มีแต่คำถามว่าไอ้นี่ ไอ้นั่น ไอ้โน่นมันเกี่ยวอะไร
โทนของหนังจะเป็นอย่างที่เราชอบจริง ๆ คือโทนทึม ๆ เศร้า ๆ เหงา ๆ เปลี่ยว ๆ สลดหดหู่ เนื่องจากมีคนตายของพี่สาวนางเอก ซึ่งดูตอนแรกก็งงว่าใครเป็นนางเอก แล้วที่เหลือเป็นใคร อะไร ยังไง แต่ดูไปเรื่อย ๆ ก็ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมด
แต่เราชอบการแสดงอารมณ์ของทั้งพระเอกและนางเอก ที่ทำออกมาได้ดีทั้งสีหน้า แววตา ภายใต้บรรยากาศอึมครึมแบบนั้น ต่างคนต่างก็มีปมในใจ เราไม่ค่อยอินนะว่าพระเอก นางเอกรักกัน แต่คิดว่านางเอกรักพระเอกซึ่งเป็นครูสอนตัวเองตั้งแต่เป็นนักเรียน แล้วมันมีปัจจัยภายนอกเข้ามา แต่เรารู้สึกว่าก็ไม่ได้ทำให้ 2 คนนี้รักกันมากขึ้น แต่อาจจะผูกพันกันมากขึ้นเพราะทั้ง 2 อยู่บ้านเดียวกันในฐานะพี่เขยกับน้องเมีย
ฉากที่เราชอบมากที่สุดในหนังคือตอนที่พระเอกติดคุก แล้วนางเอกของเราเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ไปให้ในคุก สีหน้า แววตาของนางเอกได้ใจเรามาก ทั้งรู้สึกสับสนในชะตาชีวิตของตัวเองว่าจะเดินต่อไปยังไงตัวคนเดียวในเมื่อพี่เขยติดคุก รวมถึงสงสารในชะตาชีวิตของพี่เขยที่ต้องมาติดคุก เป็นฉากที่ค่อนข้างเงียบ แต่เราอินมากกกก
เรามิได้ชอบฉากอย่างว่าที่พระเอกคุ้มมากที่มีฉากประมาณนั้นกับผู้หญิง 2-3 คน รู้สึกว่าผู้กำกับจะเป็นผู้หญิงด้วยนะ ฮา ๆ
แต่เรางงกับตัวละครตัวนึง ที่เป็นอาเสี่ยผู้ทรงอิทธิพลที่เหมือนจะเป็นเจ้าของไนท์คลับ ที่ออกมาตอนแรก ตอนกลางเรื่อง และตอนท้ายแว๊ป ๆ แบบเห็นหน้าแต่ไม่มีบทพูดใด ๆ ตอนจบเราเลยงงว่า นี่จบแล้วเหรอ แล้วที่พูดว่ารักษาสัญญา สัญญาอะไร? จนทำให้เราต้องเปิดไปดูตอนแรกใหม่เลยว่ามีการพูดถึงสัญญาอะไรมั้ย แต่เราจำไม่ผิด มันไม่ได้พูดถึงนะ แล้วสุดท้าย นางเอกขายบ้านให้ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้เหรอ คือมันจบแบบต้องคิด คนที่ตีความหมายได้เลยอาจจะไม่งงเหมือนเราก็ได้นะ ใครที่ดูมาแล้วช่วยเฉลยให้เราหน่อยก็ได้นะ
แต่โดยรวมแล้ว เราก็ชอบนะ ดูเนื้อเรื่องมันไม่อ่อน แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นมาก เพียงแต่มันตัดสลับไป สลับมาให้งงเล่นและบางฉากสื่ออะไรที่มันเข้าใจยากนิดนึง แต่ถ้าอยากจะฝึกสมอง ประลองปัญญา หนังเรื่องนี้โอเคเลย แล้วจะได้รู้ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รางวัล แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดของเรา เราอาจจะตอบว่า เพราะความงงของหนังเนี่ยแหละ มันถึงได้รางวัล ฮา
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2557 10:02:32 น. |
Counter : 4900 Pageviews. |
|
|
|
หนังเรื่องpaju ยังไม่เคยดูค่ะ ต้องไปหาดูบ้างแล้ว