Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
11 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 

Paju (2009) หนังรางวัลที่แอบยากต่อการเข้าใจ

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้ได้รางวัลด้วย
เวลาเราซื้อหนังมาดูเนี่ย
เราไม่เคยดูเลยนะว่าเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร
เวลาสั่งหนัง
เราแค่เอาชื่อหนังไป search ดูรูปว่าโทนหนังมันประมาณไหน
ดูโปสเตอร์หนัง
ถ้ามันดูสดใสร่าเริง ดูตลก คอมมาดี้
เราจะผ่านทันที
แต่ถ้ามันดูทึม ๆ เศร้า ๆ หลอน ๆ ดูมีปมแบบเนี้ย






รสนิยมการดูหนังของเราแตกต่างจากผู้หญิงส่วนมากที่ชอบหนังรัก โรแมนติก คอมมาดี้
แต่เราจะชอบหนังที่มืด ๆ อึมครึม บีบคั้น สลด หดหู่ เศร้าสุด ๆ มีปมอะไรบางอย่างให้น่าค้นหา
พระเอก นางเอกไม่ได้ร่าเริง บ้าหลุดโลก แต่เป็นคนจริง ๆ ที่มีปัญหาชีวิต ดิ้นรนหาทางออกที่ไม่มีทางไหนดีเลย ประมาณเนี้ย

เราชอบหนังใช้สมอง
ไม่ชอบดูหนังเพลิดเพลิน
แต่ชอบดูหนังให้คิด หรือบีบคั้นทำลายความรู้สึกเราให้ร้องไห้โฮตอนจบมันไปเลย
แต่ใช่ว่าหนังเศร้าทุกเรื่องจะทำให้เราร้องไห้ได้นะ
บอกได้เลยว่าในชีวิตของการดูหนังประเภทนี้มาเป็นร้อยเรื่อง
เราน้ำตาเราไหลไม่ถึง 10 เรื่องเลย

ดูเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมการดูหนังต่างจากนิสัยในชีวิตจริงโดยสิ้นเชิง
ชีวิตจริงเราเต็มไปด้วยความเฮฮา บ้าบอ ไม่มีปมและ เฟรนลี่ไปแล้ว
ดังนั้น เราเลยโหยหาความต่าง ที่เราไม่มีในชีวิตจริง
เราเลยขอดูอะไรที่มันกดดัน หดหู่ บีบคั้นมาก ๆ บ้าง
หรือไม่ก็หนังที่เงียบไปเลย อ้อยอิ่ง ๆ เงียบแบบซึมลึก มีอะไรให้น่าค้นหา
ซึ่งเราว่าการดูหนังแบบนี้มันก็เป็นการระบายอารมณ์ที่คั่งค้างลึก ๆ ของเราได้เหมือนกัน
แต่เป็นอารมณ์อะไรนั้น เราก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ตั้งแต่เรารู้ประเภทหนังที่เราชอบ
เราใจแคบมากนะ
เพราะเราจะไม่ดูหนังประเภทอื่นเลยถ้าไม่ใช่หนังประเภทนี้
ดังนั้น
แต่ตู้หนังของเราจึงเต็มไปด้วยหนังเอเชียที่เศร้าสลด หดหู่อยู่เต็มตู้
ไม่มีที่ว่างสำหรับหนังฝรั่งทำเงินหรือหนังไทยทำเงินเลย
เพราะแน่นอนว่า หนังไทยแทบไม่มีหนังประเภทนี้

เราจะตัดสินใจซื้อ Paju โดยไม่อ่านเนื้อเรื่องและไม่ได้รู้ด้วยว่าหนังมันได้รางวัลรึเปล่า
เราซื้อมาเพราะดูรูปโปสเตอร์หนัง
ที่นางเอกหน้าตาดูช็อคกับอะไรบางอย่าง และโทนหนังดูอึมครึม หม่น ๆ เหมาะกับประเภทหนังที่เราชอบดู




เพิ่งจะมารู้ก็ตอนดูจบเนี่ยแหละ
เพราะเราดูไม่ค่อยรู้เรื่องในบางตอนที่มันดูไม่มีที่มาที่ไป
หรือเราคิดน้อยไปหน่อยก็ไม่รู้
การที่เราชอบดูหนังประเภทนี้
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฉลาดในการตีความหนังได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง
เราก็งงบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
แต่เราถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการดูหนังเรื่องนั้น ๆ
และอาจจะเป็นความจงใจของผู้กำกับ (ว่าไปนั่น ตัวเองไม่เข้าใจเองมากกว่า แหะ ๆ)


หนังเปิดมาเป็นตอนปัจจุบันแล้วก็ flash back ไปที่อดีตที่ตัดสลับกับปัจจุบัน
หรืออดีกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และ 3 ปีที่แล้ว
เปิดมาดูตอนแรกเราจึงรู้สึกงง ๆ ไม่มีที่มาที่ไป
มีแต่คำถามว่าไอ้นี่ ไอ้นั่น ไอ้โน่นมันเกี่ยวอะไร


โทนของหนังจะเป็นอย่างที่เราชอบจริง ๆ
คือโทนทึม ๆ เศร้า ๆ เหงา ๆ เปลี่ยว ๆ สลดหดหู่
เนื่องจากมีคนตายของพี่สาวนางเอก
ซึ่งดูตอนแรกก็งงว่าใครเป็นนางเอก แล้วที่เหลือเป็นใคร อะไร ยังไง
แต่ดูไปเรื่อย ๆ ก็ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมด





แต่เราชอบการแสดงอารมณ์ของทั้งพระเอกและนางเอก
ที่ทำออกมาได้ดีทั้งสีหน้า แววตา ภายใต้บรรยากาศอึมครึมแบบนั้น
ต่างคนต่างก็มีปมในใจ
เราไม่ค่อยอินนะว่าพระเอก นางเอกรักกัน
แต่คิดว่านางเอกรักพระเอกซึ่งเป็นครูสอนตัวเองตั้งแต่เป็นนักเรียน
แล้วมันมีปัจจัยภายนอกเข้ามา แต่เรารู้สึกว่าก็ไม่ได้ทำให้ 2 คนนี้รักกันมากขึ้น
แต่อาจจะผูกพันกันมากขึ้นเพราะทั้ง 2 อยู่บ้านเดียวกันในฐานะพี่เขยกับน้องเมีย





ฉากที่เราชอบมากที่สุดในหนังคือตอนที่พระเอกติดคุก
แล้วนางเอกของเราเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ไปให้ในคุก
สีหน้า แววตาของนางเอกได้ใจเรามาก
ทั้งรู้สึกสับสนในชะตาชีวิตของตัวเองว่าจะเดินต่อไปยังไงตัวคนเดียวในเมื่อพี่เขยติดคุก
รวมถึงสงสารในชะตาชีวิตของพี่เขยที่ต้องมาติดคุก
เป็นฉากที่ค่อนข้างเงียบ แต่เราอินมากกกก





เรามิได้ชอบฉากอย่างว่าที่พระเอกคุ้มมากที่มีฉากประมาณนั้นกับผู้หญิง 2-3 คน
รู้สึกว่าผู้กำกับจะเป็นผู้หญิงด้วยนะ ฮา ๆ



แต่เรางงกับตัวละครตัวนึง
ที่เป็นอาเสี่ยผู้ทรงอิทธิพลที่เหมือนจะเป็นเจ้าของไนท์คลับ
ที่ออกมาตอนแรก ตอนกลางเรื่อง และตอนท้ายแว๊ป ๆ แบบเห็นหน้าแต่ไม่มีบทพูดใด ๆ
ตอนจบเราเลยงงว่า นี่จบแล้วเหรอ
แล้วที่พูดว่ารักษาสัญญา สัญญาอะไร?
จนทำให้เราต้องเปิดไปดูตอนแรกใหม่เลยว่ามีการพูดถึงสัญญาอะไรมั้ย
แต่เราจำไม่ผิด
มันไม่ได้พูดถึงนะ
แล้วสุดท้าย นางเอกขายบ้านให้ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้เหรอ
คือมันจบแบบต้องคิด
คนที่ตีความหมายได้เลยอาจจะไม่งงเหมือนเราก็ได้นะ
ใครที่ดูมาแล้วช่วยเฉลยให้เราหน่อยก็ได้นะ


แต่โดยรวมแล้ว
เราก็ชอบนะ
ดูเนื้อเรื่องมันไม่อ่อน แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นมาก
เพียงแต่มันตัดสลับไป สลับมาให้งงเล่นและบางฉากสื่ออะไรที่มันเข้าใจยากนิดนึง
แต่ถ้าอยากจะฝึกสมอง ประลองปัญญา
หนังเรื่องนี้โอเคเลย
แล้วจะได้รู้ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รางวัล
แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดของเรา เราอาจจะตอบว่า
เพราะความงงของหนังเนี่ยแหละ มันถึงได้รางวัล ฮา




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2555
1 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2557 10:02:32 น.
Counter : 4900 Pageviews.

 

ว้าววววววววววว อ่านที่คุณแนะนำตัวไว้ คุณมีเทสคล้ายเรามาก555

หนังเรื่องpaju ยังไม่เคยดูค่ะ ต้องไปหาดูบ้างแล้ว

 

โดย: แฟนlinKinPark 12 พฤศจิกายน 2555 21:09:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.