Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
หนังจีนเพิ่งเข้าโรง Aftershock ที่พี่เอ๋ นิ้วกลมบอกว่า มันคือหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่เคยดูหนังมา

หนังเพิ่งเข้า 9 กันยายนที่ผ่านมานี้
ที่โรงภาพยนตร์เอเพ็กซ์ สยามสแควร์ และ โรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ

กำลังจะไปดูหนังเรื่องนี้ที่ลิโด้
โรงหนังแห่งความโดดเดี่ยว
ไปดูที่ลิโด้ทีไร ดูคนเดียวทุกที
อาจเพราะไม่มีใครชอบดูหนังอินดี้เหมือนเรา


เรื่องจีนเรื่องนี้ พี่เอ๋ นิ้วกลม นักเขียนที่เราชอบบอกว่า
Aftershock คือหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่เคยดูหนังมา
อยากชวนให้ไปดูกันครับ
ดูเสร็จแล้วพบกับภาวะ aftershock ไปประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงจะค่อยๆ สร่าง

โหย
อ่านประโยคนี้ปุ๊บ
ไฟอยากดูหนังเรื่องนี้พุ่งพล่าน
เข้าเว็ปลิโด้จะไปดูให้ได้รอบเร็วที่สุดเลย
แล้วก็รีบโทรชวนเพื่อนที่คาดว่าจะสามารถดูหนังอินดี้เป็นเพื่อนเราได้
แต่ไม่มีใครว่างเลย
แถมบางคนว่างไม่ได้สนใจอยากดูด้วยซ้ำ
อุตส่าห์ยกคำพูดของพี่เอ๋แล้วว่าต้องไปดูเลยนะเรื่องเนี้ย
ยังไม่ใส่ใจกันอีก
หรือว่าเราชวนกระทันหันเกินไปวะ (แอบคิดในแง่ดี)

โอ๊ย
กรูไม่ง้อพวกเมิงก็ได้
กรูไปดูคนเดียวก็ได้
เที่ยวต่างประเทศคนเดียวกรูยังเที่ยวมาแล้วเลย
กะอีแค่ดูหนังคนเดียว มันจะยากอะไร แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
กรูก็ไม่ชินซักทีที่โทรชวนก็ได้คำตอบแบบเดิมทุกที
แต่กรูก็ยังจะชวนทุกครั้งที่อยากจะไปดูหนังดี ๆ (ในความคิดของกรู)
แล้วสุดท้ายก็มาจบด้วยอารมณ์นี้ที่ต้องไปดูคนเดียว เฮ้อ


โอเค
กระแสมันอาจจะน้อยกว่ากวน มึน โฮ หลายร้อยเท่า
แต่มันเป็นหนังดี เข้าใจมั้ย
ก็ไม่เข้าใจกัน
มีแต่พวกอยากดูหนังตลาด หนังผี หรือไม่ก็หนังตลก แล้วก็หนังบู๊ แอ๊คชั่น special effect ตระการตา

คือเรื่องอื่นเนี่ย
ดูคนเดียวก็ไม่ mind หรอก
เพราะหลังจากอายุ 25 เนี่ย
กล้าดูหนังคนเดียวมาโดยตลอด
เพราะอย่างที่บอก ไม่มีใครชอบดูหนังเอเชียอินดี้เหมือนเรา
แถมแต่ละเรื่องที่เลือกดูก็แสนจะรันทด หดหู่ เศร้า สะเทือนอารมณ์ ไม่ก็นิ่ง ๆ เรื่่อย ๆ เอื่อย ๆ ทั้งนั้น

แต่เรื่องนี่เนี่ย
ไม่อยากดูคนเดียวเลย
เพราะไม่อยากตกอยู่ในภาวะ aftershock คนเดียวเนี่ยสิ
ยิ่งอิน ๆ อยู่
แต่ในเมื่อโทรชวนเพื่อน 5 คนซึ่งเยอะมากแล้วนะสำหรับการโทรแค่ชวนดูหนังก็ไม่มีใครมาได้
ยอมและพร้อมที่จะกระโดดลงไปในภาวะ aftershock หลังดูหนังเรื่องนี้คนเดียวก็ได้วะ

เดี๋ยวดูจบกลับมาจะมาบอกนะว่ารู้สึกยังไง
พี่เอ๋ยังดีที่อยู่ในภาวะนั้นแค่ชั่วโมง
ของเราอาจจะเป็นอาทิตย์
แถมไม่มีใครเข้าใจเพราะไม่มีใครมาร่วมแชร์อารมณ์นี้ด้วย เหอะ ๆ


เรื่องย่อหนัง Aftershock

เช้าวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1976 (พ.ศ.2519) ชาวเมืองถังซานกำลังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตเหมือนทุกๆ วัน เพียงแต่วันนี้ — เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ได้เลือกแล้วว่า - ที่นี่จะเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในศตวรรษที่ 20

มีรายงานผู้เสียชีวิต 255,000 ราย (มากกว่าเหตุการณ์ที่เฮติราว 20,000 ชีวิต) ยังไม่นับรวมผู้บาดเจ็บและสูญหาย รวมแล้วประมาณ 6 แสนราย


กรกฎาคม 1976 เมืองถังซาน ประเทศจีน ฟางเติ้ง เด็กหญิงวัย 7 ขวบใช้ชีวิตในหน้าร้อนอันเงียบสงบกับพ่อแม่และน้องชายของเธอ โดยที่ไม่เอะใจเลยว่า ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอจะสูญเสียผู้เป็นพ่อไปตลอดกาล และผู้เป็นแม่จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เป็นการตัดสินใจที่จะหลอกหลอนฟางเติ้งไปตลอด 32 ปีนับจากนี้...

เช้าของวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1976 เมืองถังซาน ในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของประเทศจีน ประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 250,000 ชีวิต พ่อของฟางเติ้งจากไปในโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ส่วนเด็กหญิงและน้องชายติดอยู่ใต้ซากซีเมนต์ ซึ่งผู้เป็นแม่สามารถเลือกช่วยชีวิตลูกของเธอได้เพียงคนเดียว - - แม่เลือกน้องชาย

ไม่มีใครคิดว่าฟางเติ้งจะรอดชีวิต เธอถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่บุญธรรม และยังฝังใจเรื่องแม่อยู่เสมอ จน 3 ทศวรรษผ่านไป แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกครั้งที่มณฑลเสฉวน เหตุธรณีพิบัตินี้นำเธอมาพบกับครอบครัวที่จากกันไปเนิ่นนาน มันเป็นเวลาที่ฟางเติ้งจะต้องสะสางปมในใจเสียที



สุดยอดผู้กำกับชาวจีน เฝิงเสี่ยวกัง (The Banquet) มารับหน้าที่จำลองภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นอีกครั้ง ด้วยทุนสร้าง 100 ล้านหยวน ถ่ายทำในสถานที่จริง และเก็บข้อมูลในพื้นที่จริงมาใช้ในการเขียนบท เฝิงเสี่ยวกังกล่าวว่า ผู้ชมจะได้เห็นฉากหายนะที่น่าหวาดกลัวที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น “สิ่งที่ปรักหักพังจริงๆ ของหนังเรื่องนี้หาใช่ตึกรามบ้านช่อง แต่คือสภาพจิตใจของผู้เคราะห์ร้ายต่างหาก”

ด้วยเหตุนี้เอง Aftershock จึงไม่ได้เป็นหนังที่ตั้งใจขายฉากแผ่นดินไหวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนังดราม่าที่ลงลึกเพื่อไปสำรวจจิตใจอันร้าวรานของตัวละครด้วย และเนื้อหาของ Aftershock ยังไปไกลกว่านั้น ด้วยจากตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเหยื่อของเหตุการณ์ในถังซานจะต้องมาเจอหนังม้วนเดิมกับเหตุการณ์ในมณฑลเสฉวนเมื่อปี 2008

Aftershock กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดในปีนี้ของประเทศจีนตามความคาดหมาย (แม้จะมีเวลาอีก 4 เดือนกว่าจะถึงสิ้นปีก็ตาม) และยังเป็นหนังเอเชียที่ได้รับการจับตามองสูงสุดแห่งปีที่คอหนังไม่ควรพลาด!




AFTERSHOCK

Dir. Xiaogang Feng / Drama / Mandarin with English and Thai subtitles / 130 Mins.


In 1976 Tangshan, Yuan Ni lives in a small apartment with her husband and their twins Fang Deng and Fang Da. Yuan Ni expresses to her husband her desire to have one more child, and they get into the back of their truck after putting their son and daughter to bed. Suddenly the ground shakes, and buildings begin tumbling down. Running back to save their kids, Yuan Ni is pulled back by her husband, who runs ahead of her and is instantly crushed. Their house falls down, trapping her two kids.

In the aftermath of the 1976 Tangshan earthquake, a rescue team informs Yuan Ni that her twins Da and Deng are trapped together under a slab of concrete. Lifting the slab in any way will kill one of her children - lifting it one way will save the daughter at the expense of her son; lifting it the other will save the son at the expense of her daughter. Heartbroken, she is forced to choose between her children, and finally decides to save the boy. Her decision, however, is overheard by her daughter, who tearfully whispers "Ma..." as the screen goes black. The mother clings to her daughter's body before being pulled away to take care of Da, "her one child who still lives." Later, in the midst of the rains following the earthquake, Deng wakes up in a sea of bodies, next to the body of her deceased father.

Assumed to be an orphan by the soldiers who found her in the camp, Deng is adopted by a military couple. She refuses to speak, and claims not to have remembered anything before the earthquake. She eventually opens up and bonds with her adopted parents. Ten years later, Deng is accepted into medical school and moves away, where she meets a graduate student and begins an intimate relationship with him. In her third year of study, Deng's adopted mother falls ill. Before dying, she asks Deng to use the money they saved up for her to find Deng's real family. Deng doesn't respond. After getting back from the hospital, Deng finds out she is pregnant, and despite being pressured by her boyfriend to get an abortion, she refuses to abandon her baby the way her mother abandoned her. She secretly drops out of university and loses contact with her boyfriend and her adopted father.

During that period of time, Da grows up with his mother, who is still torn from the decision she had to make. The earthquake claimed Da's left arm, leaving him physically disabled. Rather than taking his university entrance exams, Da opts to make it on his own by transporting people with his bike. He leaves his mother in Tangshan and eventually becomes the boss of a successful travel agency. He marries and has a son, named Dian Dian.

After a 4 year absence, Deng goes back to see her adopted father with her daughter, also named Dian Dian. She apologises and makes up with her father, finally admitting that she remembers everything that happened during the earthquake. She tells him about her mother's decision, and says that she will never forget how she was abandoned. Then on New Years Eve, Deng tells her adopted father that she is getting married to a foreigner, who is 16 years older than her and emigrated to Vancouver, Canada with her daughter.

In 2008, Deng sees the earthquake in Sichuan on TV. She immediately volunteers to join rescuers in the wake of the Sichuan earthquake and returns to China. Unknowingly, at the same time, her long lost brother has also decided to help volunteer in the rescue efforts. While taking a break, the sister overhears a stranger (her brother) talking about his past experiences in the Tangshan earthquake, and quickly realizes that it is her long lost brother. It is assumed that she reunites herself with her brother, and they both decide to visit their mother. At first Deng is angry at her mother for abandoning her, and thinks that her mother hated her and that is why she chose her brother over her, but after all three of them went to visit their father's grave and her grave (she was assumed to be dead), she realized that despite her being "dead", her mother had been buying 2 sets of all the school workbooks; 1 for her brother and 1 for her. At this point, she realized the remorse, emotional agony and guilt that her mother had gone through for the past 32 years and finally she forgives her mother. The family is reunited after 32 years of separation.

The screen then cuts to a stone memorial in Tangshan. Carved into the stone is the names of all 240,000 victims of the earthquake. A single elderly man is seen looking up at a name, then biking away. During all this, the subtitles reveal that this man had been visiting this memorial every year. He had lost all of his family in the earthquake. Of the 5 people, he was the only survivor. The camera follows him, as he rides past walls and walls of names all carved in with gold lettering. The screen finally cuts to black.













ไปดูมาแล้ว
เป็นหนังที่ดีมาก
คิดเหมือนพี่เอ๋เลย
เป็นหนังที่ดีที่สุดที่เคยดูมาอีกเรื่องนึงเลย
หนังแสดงให้เห็นความรักของแม่ที่ลูกเข้าใจผิด

แอบไม่เข้าใจว่ามันเป็นหนังทำเงินสูงสุดในปีนี้ของประเทศจีน
แต่ทำไมพอเข้าโรงบ้านเรากลับเข้าแค่ลิโด้กับ House RCA

ดูแล้วมันบีบคั้นพอสมควร
เราว่านะ
คนที่เคยผ่านเหตุการณ์แ่ผ่นดินไหวที่มีการสูญเสียไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ไม่ควรดูเรื่องนี้นะ
เพราะมันจะยิ่งสะเทือนใจมาก
แต่สำหรับคนไทยคงดูได้ทุกคน
เพราะบ้านเราไม่มีแผ่นดินไหวหนิเนอะ

เราดูหนังเรื่องนี้จบแล้วชอบนะ
ไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน
ทั้ง ๆ ที่ชอบหนังประเภทนี้
พยายามหาหนังที่ดูแล้วรันทด บีบหัวใจ ดูแล้วจิตตก หดหู่ เศร้า น้ำตาไหลพราก
แต่ก็ไม่เคยได้ไหลซะทีน้ำตาเนี่ย ดูมาเป็นร้อยเรื่องแล้วที่ซื้อมาเนี่ย

หนังเรื่องนี้ยาว 2 ชั่วโมงกว่า
เราร้องตั้งแต่ 10 นาทีแรกเลย
แล้วก็มีร้อง ๆ หยุด ๆ ตลอดทั้งเรื่อง
แล้วมาสะอึกสะอื้นฟูมฟายเอาตอนท้าย ๆ จนถึงตอนสุดท้ายอีก 1 ชุดใหญ่
เดินออกจากโรงเป็นคนสุดท้ายเลย
เพราะนั่งก้มหน้าฟูมฟายอยู่ร่วม 5 นาทีได้
ทิชชู่เปียกยุ่ยไป 4 แผ่น
เป็นหนังที่ดูแล้วปวดตาที่สุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว
เดินออกจากโรงในสภาพตาแดง จมูกแดง พร้อมทิชชู่ใช้แล้ว 1 กำใหญ่

พี่'ปราย พันแสง นักเขียนในดวงใจเคยบอกไว้ว่า
หนังที่ทำให้ผ้าเช็ดหน้าเปียก 4 ผืนมันย่อมมีอะไรดีกว่าหนังที่ทำให้ผ้าเช็ดหน้าเปียกแค่ 2 ผืน
ซึ่งเราเห็นด้วยกับคำพูดพี่เค้ามาก

ไม่มีคำบรรยายอะไรต่อ นอกจากต้องไปดูให้ได้
ก่อนที่มันจะออกจากโรงหนังทางเลือกนี้ไป


Showtime ที่ลิโด้ น่าจะเวลาเดียวกันตลอดจันทร์ถึงศุกร์ 13-17 กันยานี้นะ

AFTERSHOCK ยาว 2 ชั่วโมง 15 นาที

(10.00), 12.30, 15.00, 17.30, 20.00


เอาให้ชัวร์ก็เช็คเว็ปเค้าอีกทีแล้วกัน

//www.apexsiam-square.com/home.asp



ส่วนที่ของ HOUSE RCA น่าจะเวลาเดียวกันตลอดจันทร์ถึงศุกร์ 13-17 กันยานี้เหมือนกัน

Aftershock

(Mandarin with English and Thai subtitles)

11.45 / 14.15 / 16.45 / 19.15 / 21.45


เอาให้ชัวร์ก็เช็คเว็ปเค้าอีกทีแล้วกัน

houserama.exteen.com



Create Date : 11 กันยายน 2553
Last Update : 13 กันยายน 2553 20:32:03 น. 16 comments
Counter : 1568 Pageviews.

 
ขอบคุณที่แนะนำหนังดีดีนะคะ ดูตัวอย่างแล้วน่าสนใจมั่กๆ
แต่ไม่แน่จัยว่าจะชวนใครไปดูด้วยได้รึป่าว
สงสัยต้องไปดูคนเดียว หุหุ


โดย: Chic_Angel วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:13:58:22 น.  

 
อยากดูครับแต่ไม่รู้จะออกเร็วไหม สัปดาห์นี้ไม่ว่างเลยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะไปดู แต่ก็ไมรู้ว่าจะทันไหม


โดย: numichida IP: 1.46.135.103 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:14:28:41 น.  

 
พออ่านแล้ว พรุ่งนี้ไปดูชัวร์


โดย: kawari IP: 183.89.211.28 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:14:59:36 น.  

 
น่าดูมากเลยครับ


โดย: บ่าวอู IP: 124.157.131.151 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:16:17:07 น.  

 
ไปดูมาแล้ว
เจอผู้หญิงคนนึง นั่งสะอื้นข้างๆ คนเดียวทั้งเรื่อง
ไม่รู้ใช้ จขบ หรือเปล่าน้อ


โดย: แพนด้า IP: 172.22.109.87, 203.144.130.176 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:11:47:22 น.  

 
ไปดูมาแล้ว ค่ะ
ชอบมากๆ แต่ไม่ชอบดูคนเดียวเหมือนกันเลย แต่เรื่องนี้ชวนแม่ไปเลยค่ะ


โดย: i am saifon วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:14:23:11 น.  

 
ไปดูมาแล้ว เพราะอ่านจากบล๊อคคุณ อยากบอกว่าหนังดีมากจิงๆ
ร้องให้จนปวดหัว แล้วดูจบก็ยังคิดตามเรื่อง จนคิดว่าคงจะไปซื้อดีวีดีมาดูอีก คงไม่ไปดูในโรงแล้ว เพราะนั่งแถวที่สามจากด้านล่างเลย คนไปดูเยอะพอสมควรคะ


โดย: Pim IP: 58.11.21.193 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:15:20:02 น.  

 
แวะมาทักทายจ้ะ ชอบดูหนังเหมือนกันค่ะ ดูได้ทุกแนวเลย
นี่เพิ่งไปดูกวน มึน โฮมา ... แต่ยังไม่ได้ดูหนังอินเตอร์เลย

เพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านๆมา จดจ่ออยู่กับซีรีย์เกาหลี ซอนต็อกค่ะ แต่ไว้จะหาเรื่อง Aftershock ดูบ้างนะ

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: ดาว (BeautyAllure ) วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:17:04:56 น.  

 
ดีใจจังที่มีคนไปดูเพราะอ่านบล็อคเรา
เราก็ต้องขอบคุณพี่เอ๋ นิ้วกลมที่เขียนบน status ของเค้า
ทำให้เรารีบไปดูรอบที่เร็วที่สุดเดี๋ยวนั้นเลย

คุณแพนด้าคะ
ถ้าคุณไปดูรอบวันเสาร์ บ่าย 3
ที่นั่งแถวล่างสุดของช่วงบน (ที่มันยืดขาได้เยอะ ๆ)
แล้วผู้หญิงที่นั่งคนเดียวกลาง ๆ เข้าโรงช้าไปแป๊บนึง
แล้วนั่งถัดจากคุณไป 1 เก้าอี้
ออกจากโรงคนสุดท้ายเพราะนั่งก้มร้องไห้ตัวโยน
ถ้าใช่
คงเป็นเราล่ะค่ะ

ถ้าคุณเป็นคนที่นั่งถัดจากเราไป 1 เก้าอี้
เราขอโทษด้วยนะคะที่เราสะอื้นข้าง ๆ ตั้งแต่หนังเริ่มไม่ถึง 10 นาทียังหนังจบเลย
ฮา ๆ


โดย: ยัยลีลี วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:19:46:38 น.  

 
อยากดูตั้งแต่ตอนเห็นตัวอย่างตอนที่ไปดู Baaria แล้วครับ แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหนังมาก่อน ก็เลยลืมๆไป จนกระทั่งได้มาอ่านรีวิวจากหลายๆที่ว่าหนังดีมาก เลยทำให้ต่อมอยากดูทำงานอีกรอบ

แต่หลังจาก Baaria(ที่ดูไป 2 รอบ)ก็ไม่ได้เข้าโรงหนังอีกเลย อยากดู กวน มึน โฮ มากๆยังไม่ได้ไปดูเลย เลยไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะได้ไปดูในโรงหรือเปล่า ถ้าไม่คงไม่พลาดหาแผ่นมาดูแน่ๆ

ขอบคุณที่ไปเม้นท์ที่บล็อกนะครับ หนังที่ซื้อมาล็อตนั้นยังกองค้างเติ่งอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ดูเลย เพราะดันไปสั่งหนังจีนชุดมากองให้มันท่วมบ้านเล่นอีก 4 เรื่อง 23 แผ่น แต่ดูจบไปเรื่องนึงรู้สึกว่าพอใจแล้วครับ555+



โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:16:08:56 น.  

 
เคยดูหนังไต้หวัน Blue Gate Crossing มั้ยครับ

ผมดูไล่ๆกับ Love Letter แล้วชอบมากๆทั้ง 2 เรื่อง

พอพูดถึงเรื่องนี้ ผมต้องนึกถึงอีกเรื่องไปด้วยทุกที แนะนำอย่างแรงครับ



โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:16:26:00 น.  

 
ปกติก็ดูหนังไต้หวันน้อย(ยิ่งซีรี่ย์นี่ไม่ดูเลย ชอบดูของฮ่องกงมากกว่า) แต่ Blue Gate Crossing นี่เห็นคำวิจารณืดี เลยไปหามาดู แล้วชอบมากๆ อาจจะเพราะชอบหนังแนวๆ Coming of Age แบบนี้อยู่แล้ว ดูเรื่องไหนก็หลงรักไปหมด

ถ้าไม่ชอบหนังแนวมัธยมเปรี้ยวอมหวานนี้ ท่าทางจะดูหนัง ชุนจิ อิวาอิ ผกก. Love Letter ไม่หนุกแหง เพราะหนังพี่แกก็แนวเด็กมัธยมซะเยอะ

นี่เพื่อนสนิทคนนึงเอาตย.หนังเรื่อง Heavenly Forest มาให้ดู บอกให้ไปหามาให้มันหน่อย มันอยากดูมาก ผมก็เพิ่งรู้จักเรื่องนี้ตอนที่เพื่อนบอกเนี่ยแหล่ะ ดูตย.แล้วน่าดูเหมือนกัน สงสัยจะได้เวลาไปตามหาหนังอีกรอบซะแล้ว แล้วจะมาเมาท์ให้ฟังว่าไปเจอเรื่องอะไรมาบ้างนะครับ



โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:6:17:33 น.  

 
สองคืนที่แล้วได้ดู Nobody to Watch Over Me เป็นหนังที่ดูแล้วชวนง่วงมากๆครับ แต่มันมีประเด็นที่น่าสนใจ เรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจ และของสื่อ เกี่ยวกับการคุ้มครองครอบครัวของผู้ต้องสงสัย หนังมันทั้งเครียด ทั้งกดดัน ดูแล้วได้แต่สงสัยว่าสื่อมวลชนของญี่ปุ่นนี่ เขาเป็นขนาดนี้จริงๆเหรอ แล้วที่บ้านเราล่ะ มันเหมือนกันหรือเปล่า เป็นหนังชวนให้หลับ แต่ก็มีประเด็นให้ถกด้วย

เคยดูเรื่อง Glasses หนังเรียบๆ เรื่อยๆ เอื่อยๆ แต่ไม่น่าเบื่อนะ ออกจะน่ารักและมีแง่มุมให้ได้ยิ้มเป็นระยะด้วย ถ้ายังไม่ดูขอแนะนำนะครับ



โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:9:28:37 น.  

 
Glasses เป็นหนังญี่ปุ่นครับ ชื่อไทยที่ทางร้านเขาตั้งเองว่า สุขนิยมของคน 4 ตา ประมาณนี้ครับ เพราะทั้งเรื่องตัวละครใส่แว่นกันหมดเลย หนังเคยมาเข้าฉายในเทศกาลหนังญี่ปุ่นในบ้านเราด้วยนะครับ

ปกติผมชอบดูหนังญี่ปุ่น หนังเกาหลีไม่ค่อยถูกโรคเท่าไหร่ คิดว่ามันอ้อยอิ่งและนิ่งเนิบเกินไป แต่หนังเกาหลีที่ผมชอบก็มีนะครับ A Moment To Remember และก็ One Fine Spring Day 2 เรื่องนี้ชอบมากๆครับ เศร้าและซึ้งมากๆ

อ้อ เห็นรายชื่อนักเขียนที่ชอบแล้ว ไม่ชอบ ปราบดา หยุ่น บ้างเหรอครับ ผมช๊อบ ชอบงานเขียนเขามากๆเลย



โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:10:14:50 น.  

 
เห็นด้วยครับ หนังดีมาก


โดย: คนขับช้า วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:5:59:15 น.  

 
ปกติเป็นคนที่ชอบ ดูหนังมาก แล้วจำได้ว่าตั้งแต่ดูหนัง มาไม่เคยเสียน้ำตา ให้ หนังเรื่องไหน เลย

แต่เรื่อง นี้ มันรู้สึกผูกผันกับ ตัวละครใน หนังอย่างบอก ไม่ถูก ซึ้ง มาก ชอบหนังเรื่อง นี้มาก ครับ ^ ^


โดย: Golf IP: 223.205.93.48 วันที่: 3 เมษายน 2554 เวลา:5:05:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.