10 วิธีปรับทัศนคติให้คุณรักงานที่ตัวเองทำมากขึ้น (n_n)♥
เมื่อเร็วๆนี้เพื่อนๆคงปวดหัวกับคำถามโลกแตกอย่าง "อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวานจัง วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์" กันใช่ไหมคะ
สรุปแล้วคำตอบของคำถามนี้ก็ตั้งอยู่ในข้อสันนิษฐานที่ว่า "ผู้ถามคำถามนี้ ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆ" นั่นเอง โดนใจชาวออฟฟิศกันเลยใช่ไหมล่า หรือว่าจริงๆแล้ว คำถามนี้อาจจะไม่ใช่คำถามสำหรับเด็กอนุบาล แต่เป็นคำถามของพนักงานออฟฟิศกันนะ?
ใครที่เซ็งทุกครั้งที่รู้ว่าพรุ่งนี้คือวันจันทร์ อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณอาจจะกำลังเบื่องานที่ทำอยู่ เหนื่อยกับเจ้านาย ดราม่ากับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งทะเลาะกับลูกค้าก็เป็นได้ สารพัดความคิดในแง่ลบรวมกัน จนทำให้เรารู้สึกแย่กับงานที่ทำ ChicMinistry มีเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยคุณปรับทัศนคติที่มีต่องานที่คุณทำ รวมไปถึงรักและเห็นใจคนรอบข้างให้มากขึ้น คุณจะได้แฮปปี้กับงานของคุณมากขึ้นมาฝากกันค่ะ ♥
1. ยิ้มเข้าไว้
ถึงวันนั้นจะเป็นวันแย่ๆ Super bad day ของคุณก็เถอะ แต่ถ้าหากคุณพยายามยิ้มเข้าไว้ รับรองว่าทุกๆอย่างมันจะต้องดีขึ้น สมมติว่าคุณอารมณ์เสียกับลูกค้า แต่คุณดันทำหน้าบึ้งตึงใส่เพื่อนร่วมงาน ที่อุตส่าห์ทักทายคุณอย่างอารมณ์ดีแต่เช้าละก็ ทุกอย่างคงเลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่ถ้าหากคุณฝืนยิ้มสักนิด เพื่อนร่วมงานคุณอาจจะชวนคุยเรื่องตลกๆ จนคุณอาจจะอารมณ์ดีขึ้น ใจเย็นขึ้น แล้วหาทางไกล่เกลี่ยกับลูกค้าได้สำเร็จก็เป็นได้นะ
2. กล่าวชมเชยคนอื่นบ้าง
ถ้าเห็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือแม้กระทั่งลูกค้าทำผลงานออกมาดีๆสักอย่าง ลองกล่าวชมเขาด้วยใจจริงดูสิ "ทำสไลด์สวยจัง" "ส่งอีเมลอ่านง่ายดีนะ" "ส่งงานเร็วเวอร์" "ครั้งนี้งานดีกว่าครั้งก่อนนะ ชอบๆ" อะไรก็ได้ที่คุณประทับใจ นอกจากจะช่วยยกระดับความมั่นใจให้เขาแล้ว คุณยังดูเป็นมิตรในสายตาเขา และอาจจะช่วยเหลือคุณในโอกาสหน้าก็ได้
3. หลีกหนีคนขี้บ่น
ไม่มีใครอารมณ์ดีหรอกค่ะถ้าต้องนั่งทำงานข้างๆคนขี้บ่น ที่บ่นได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัวได้ตลอดทั้งวัน เหมือนมีประจุลบลอยอยู่ข้างๆตัวเราตลอดเวลา ถ้าเปลี่ยนที่นั่งได้ ออกมานั่งทำงานที่อื่นดีกว่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ลองชวนเขาคุยแล้วแอบหยอดมุกตลก หรือความคิดด้านบวก เปลี่ยนบทสนทนาให้เป็นเรื่องที่ดีขึ้นดูสิคะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมากขึ้นก็ได้นะ
4. เปลี่ยนความคิด
เจองานยากๆหรือลูกค้าเรื่องมากเข้าหน่อย เราก็เริ่มร้องโอดครวญแล้วว่า "งานนี้ทำมันยากขนาดนี้ ไม่เห็นเหมือนงานของคนอื่นเลย" เราลองเปลี่ยน "ปัญหา" ให้กลายเป็น "ความท้าทาย" ดูสิคะ หากเราทำสำเร็จ รับรองว่าคุณจะภูมิใจกับผลงานที่ออกมามากๆ ที่สำคัญลูกค้าและเจ้านายก็จะปลื้มคุณมากขึ้นเช่นกัน
5. หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส
ด้วยตัวงานของเราเองในแต่ละวันก็เครียดพอตัวอยู่แล้ว หากบรรยากาศในที่ทำงานมีแต่ความเงียบ เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันเลย มันก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่คุณจะเบื่อออฟฟิศ ลองชวนเพื่อนร่วมงาน คุยเรื่องสัพเพเหระกันดูบ้าง ไม่แน่ว่าคนที่นั่งข้างๆคุณอยู่ตลอดเวลา อาจจะมีไลฟ์สไตล์บางอย่างที่เหมือนคุณจนคุณคาดไม่ถึงเลยก็ได้
6. แต่งตัวในแบบที่อยากแต่ง
ลองแต่งตัวเหมือนเราได้ทำงานที่เราอยากทำดูไหมคะ บางคนอยากเป็นแอร์โฮสเตส ก็แต่งตัวเหมือนเป็นแอร์โฮสเตสมาทำงาน หรือใครอยากเป็นซุปเปอร์โมเดล ก็จัดลุคนางแบบสวยเก๋ ราวกับนางฟ้า Victorias Secret มาทำงานไปเลย บางบริษัทอาจจะมียูนิฟอร์มที่ต้องใส่เหมือนๆกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือการแต่งหน้าและเครื่องประดับ คุณสนุกกับมันให้เต็มที่เลย ถึงชุดจะเหมือนกัน แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่นไปหมดทุกกระเบียดนิ้วนี่ จริงไหม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้อยู่ในกรอบของความพอดี ไม่เวอร์อลังจนเกินไป และถูกกาลเทศะด้วยนะคะ
7. เลือกใช้คำพูดซอล์ฟๆในที่ประชุม
เมื่อมีการประชุมหารือกัน หรือถกเถียงเรื่องไอเดียของแต่ละคน หากเราไม่เห็นด้วยกับคนใดคนหนึ่ง แทนที่เราจะพูดว่า "แบบนั้นไม่โอเคเลย" "คิดได้ไงเนี่ย" หรือ "จะบ้าเหรอ ใครเขาทำแบบนั้นกัน" เราอาจจะเลือกใช้คำที่มีความหมายใกล้เคียงกันแต่ทำร้ายจิตใจผู้พูดน้อยกว่า เช่น "เราว่าลองทำแบบนี้ดูดีไหม" หรือ "เรามีอีกไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจ" แทนดูนะคะ ให้ความรู้สึกดีกว่ากันเยอะ เราจะได้ไม่เปลี่ยนห้องประชุมเป็นสนามรบไงล่ะ
8. มองหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ
บางคนหมดอาลัยตายอยากกับการทำงาน เพราะรู้สึกเหมือนมาตอกบัตรเข้ามาทำงาน นั่งทำแกร่กๆแล้วก็ตอกบัตรกลับบ้าน ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน ลองโชว์สกิลการทำงาน ที่โดดเด่นของคุณออกมาให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายของคุณได้เห็นสิคะ คุณอาจจะตกแต่งภาพเก่ง ถ่ายรูปสวย ภาษาดี คุยเก่ง ใช้ excel เป็นเลิศ หรือทำสไลด์ Powerpoint ได้เฉียบขาดก็ได้ หากมีคนมาขอให้คุณช่วยงานต่างๆ คุณจะได้รู้สึกว่า คุณเป็น expert ในงานด้านนั้น แล้วมองว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น เพราะคุณเอง ก็เก่งในเรื่องที่คนอื่นไม่เก่งเหมือนกันนะ
9. รายล้อมไปด้วยคนที่เรารัก
ลองติดรูปครอบครัว แฟน เพื่อนสนิท นักร้องหรือดาราที่ชอบ หรือแม้กระทั่งข้อความให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆจากคนที่เรารักไว้บนโต๊ะทำงานดูสิคะ บางครั้งเวลาเหนื่อยๆท้อๆ ได้เห็นภาพและข้อความของพวกเขาเหล่านี้ ก็ทำให้เราอารมณ์ดี มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น เราจะได้รู้ว่าที่เราสู้อยู่ทุกวันนี้เราสู้เพื่อใครยังไงล่ะ
10. จำไว้ว่า มันก็แค่ "งาน"
บางคนถือเอาเรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ลมหายใจเข้าออกเป็นงาน จนดึงเอาเวลาส่วนตัวที่ควรจะใช้กับครอบครัว เพื่อน และคนรักออกไปหมด อย่าลืมว่าการที่เราจะเป็นคนที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เราต้องมี work-life balance หรือการแบ่งเวลางานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันที่ดีด้วย เพราะหากคุณบ้างานจนต้องเสียครอบครัว เพื่อน หรือคนรักไปล่ะก็ เมื่อมองย้อนกลับมาคุณจะรู้สึกเสียใจกับเวลาที่เสียไปมากๆ และจะมัวแต่คิดว่า "รู้อย่างนี้ ฉันควรจะให้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือคนรักให้มากกว่านี้"
หวังว่าเพื่อนๆลองทำตามคำแนะนำที่ฝากเอาไว้ให้แล้ว คงจะไม่นับวันรอวันศุกร์ และโพสเฟศบุ๊คบ่นว่าวันจันทร์กันอีกต่อไปแล้วนะคะ ก็แหม...วันจันทร์ของเราไม่น่าเบื่อเหมือนเก่าแล้วนี่นา จริงไหม?
Translated & Edited By: ChicMinistry.com Source : Cosmopolitan.co.uk
Create Date : 09 เมษายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2558 8:48:48 น. |
Counter : 1101 Pageviews. |
|
|
|